การเลือกเครื่องชงกาแฟให้เหมาะสมกับร้านของคุณ อยากลงทุนเปิดร้านกาแฟ แต่ยังไม่รู้จักเครื่องชงกาแฟ จะใช้แบบไหน ลักษณะไหนดี วันนี้เรามีคำตอบเหล่านั้นมาให้คุณ Makro HoRaCa Academy จะอธิบายเกี่ยวกับการใช้เครื่องชงกาแฟในแต่ละประเภท ต้องใช้อย่างไรเจ้าของร้านกาแฟ จะได้ส่งมอบกาแฟ ที่หอมอร่อยถูกใจเหล่าคอกาแฟจนทำให้เป็นลูกค้าประจำเลยทีเดียว เลือกอ่านได้ตามหัวข้อนี้
หลักการเลือกเครื่องชงกาแฟ การเลือกเครื่องชงกาแฟเสมือนหัวใจหลักของร้าน หากจะเปิดร้านกาแฟนั้นจะต้องมีความเข้าใจในหลักของเครื่องที่ใช้ เพราะ ถ้าเกิดซื้อเครื่องมาในราคาหลายแสนแต่การทำงานไม่คุ้มค่ามา หรือใช้งานน้อย จะทำให้เราเสียต้นทุนไปโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งเราจะแนะนำหลักวิธีการเลือกเครื่องชงกาแฟให้เหมาะสมกับร้านของคุณ
1. ยี่ห้อของเครื่อง เครื่องชงกาแฟแต่ละยี่ห้อ ผลิตมาจากหลายประเทศ แต่ประเทศที่ผลิตเครื่องชงกาแฟ แล้วได้รับการยอมรับมากที่สุดเห็นจะไม่พ้นประเทศอิตาลี แต่ก็ยังมีเครื่องชงจากอีกหลายสัญชาติที่เป็นที่ยอมรับได้แก่ เครื่องจากสเปน สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เป็นต้น
2. ลักษณะการทำงานของเครื่องชงกาแฟ เครื่องส่วนใหญ่มีลักษณะการทำงานที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน คือการใช้แรงดันส่งผ่านน้ำร้อนมาที่หัวชง อีกเรื่องที่เป็นสิ่งสำคัญเลยสำหรับเครื่องชงกาแฟ คือ การควบคุมอุณภูมิน้ำของเครื่องชง เพราะเครื่องดื่มกาแฟ สำคัญมากที่อุณหภูมิของน้ำที่ใช้ชงกาแฟ ผู้ผลิตเครื่องหลายราย จึงนำจุดขายที่เป็นเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะนำมาควบคุมอุณหภูมิของน้ำให้ได้ดีที่สุดมาใช้เป็นจุดขายของเครื่อง นี่เป็นเรื่องหลักในการตัดสินใจเลือกเครื่อง ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็จะมีส่วนของ ระบบหัวชง ที่มีการควบคุมไม่ให้ร้อนจนเกินไป วัสดุ ที่ใช้ทำอุปกรณ์ภายใน โครงสร้างภายนอก หรือบางรุ่นอาจจะมีหน้าจอ หรือการควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ แบบหน้าจอดิจิตอลก็มี ซึ่งทั้งหมดนี้หลาย ๆ ยี่ห้อก็มีการพัฒนาจนได้มาตรฐานที่ไม่แตกต่างกันมาก
3.
Service และการบริการหลังการขายของแต่ละ Dealer เครื่องชงกาแฟ ก็คือเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง ซึ่งแน่นอน ก็ย่อมต้องมีอายุของการใช้งาน จะสั้น หรือยาว ก็ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาของผู้ที่ใช้งานด้วย จึงควรเช็ค การบริการหลังการขาย ไม่ว่าจะเป็นระยะประกัน ไม่เกิน 1 หรือ 2 ปี ระยะเวลาในการเข้า Service ไม่เกินกี่ชั่วโมง มีช่างซ่อม มีอะไหล่ซ่อม หรือ ถ้าบริษัทที่มีศักยภาพมากหน่อยก็อาจทำเป็นศูนย์บริการกระจายตามภูมิภาคเลยก็มี เพื่อจะได้ให้บริการได้อย่างทันที การบริการเครื่องสำรองไปให้ใช้ฟรีๆ ระหว่างรอซ่อม เป็นต้น
เครื่องกาแฟที่นิยม
คือ Espresso Machine เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ เป็นเครื่องชงกาแฟที่ร้านกาแฟนิยมใช้มากที่สุด ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ หลักพันบาท ไปถึงหลักแสน หลักล้านกันเลยที่เดียว ส่วนเรื่องความแตกต่างระหว่างหลักพันกับหลักแสนก็เป็นเรื่องของดีไซน์ความสวยงามรวมถึงความเสถียรของการชงกาแฟ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
หลักการทำงานของเครื่อง โดยใช้น้ำร้อนที่มีแรงดันไอน้ำในหม้อต้ม เพื่อบังคับให้น้ำไหลผ่านกาแฟที่บดไว้ เพื่อสกัดให้ได้น้ำกาแฟเข้มข้นและความหอมที่อบอวลอย่างเต็มที่
Espresso Machine แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร
เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่นั้นมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับพื้นที่การใช้งานและขนาดโครงสร้างสามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภทตามกลไกในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น จำนวนหัวชง ขนาดเครื่องชง หม้อต้มน้ำ ระบบการควบคุมแรงดัน ระบบการทำความร้อนของเครื่องชงกาแฟ และ ระบบของเครื่องชงเอสเพรสโซ่
ประเภทของระบบเครื่องชงเอสเปรสโซ่ (Espresso Machine)
1. แบบหม้อต้มเดี่ยว (Single Boiler)
โดยเครื่องชนิดนี้จะมีหม้อต้มแค่หนึ่งอันทำหน้าที่ทั้งชงเอสเพรสโซ่และสตรีมนม ผู้ใช้จะต้องทำการเลือกว่าจะต้องการให้สกัดเอสเพรสโซ่หรือสตรีมนม เพราะการสตรีมนมโดยทั่วไปแล้วใช้อุณหภูมิที่สูงกว่าการสกัดเอสเพรสโซ่ เนื่องจากอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการสตรีมนม และ สกัดเอสเพรสโซ่ต่างกัน ทำให้ผู้ใช้ต้องรอหม้อต้ม และต้องปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมก่อนที่จะใช้งาน ซึ่งนับได้ว่าเป็นจุดด้อยของเครื่องชงชนิดนี้
สำหรับเครื่องชงแบบหม้อต้มเดี่ยวบางชนิดจะใช้ก้านชงที่เรียกว่า pressurized portafilter หรือ ก้างชงแบบมีแรงดัน โดยก้านชงแบบนี้ออกแบบมาเพื่อเลียนแบบลักษณะแรงต้านของก้านชงปกติที่ใช้กาแฟที่คั่วมาใหม่ บดละเอียดและอัด (Tamp) อย่างเหมาะสม ทำให้เมื่อเรานำกาแฟเก่าหรือกาแฟบดหยาบมาชงด้วย Pressureized portafilter แล้วจะทำให้กาแฟออกมาดูมีครีม่าที่สวยงาม
แนะนำ เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ สามารถชงกาแฟได้เพียงแค่กดปุ่ม ปุ่มเดียว โดยเครื่องบดจะบดเมล็ดกาแฟ ลงมาทำการสกัดและทำการผสมสูตรตามต้องการเพียงแค่เติมเมล็ดกาแฟ และเติมน้ำอย่างเดียว กำลังไฟ 1,200 วัตต์ สตีมนมแบบพิเศษ สามารถดูดนมได้อัตโนมัติ สตีมนมแบบคาปูชิโนและนมร้อน
คลิกดูเครื่องจริง
2. หม้อต้มแบบแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchange Boiler)
เป็นเครื่องที่ได้รับการพัฒนามาจากหม้อต้มเดี่ยว ซึ่งส่วนประกอบยังคงมีหม้อต้มแค่อันเดียว แต่จะมีท่อที่ผ่ากลางหม้อต้มทำหน้าที่แลกเปลี่ยนความร้อนของน้ำที่ไหลผ่านท่อกับน้ำร้อนที่อยู่ในหม้อต้ม ทำให้น้ำที่ไหลผ่านท่อมีความร้อนเช่นเดียวกัน โดยน้ำที่ไหลผ่านท่อจะมุ่งหน้าไปยังหัวกรุ๊ปสำหรับการสกัดเอสเพรสโซ่ดังนั้น น้ำในหม้อต้มจึงใช้สำหรับการสตรีมนมเพียงอย่างเดียว ทำให้สามารถสกัดเอสเพรสโซ่และสตรีมนมได้ในเวลาเดียวกัน โดยไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ปัญหาของเครื่องชงชนิดนี้คือ ถ้ามีการสกัดเอสเพรสโซ่ติดต่อกันอาจจะทำให้น้ำร้อนไม่ทันการใช้งาน และอาจจะมีปัญหาเรื่องอุณภูมิที่ไม่เสถียรจากทั้งน้ำที่ร้อนไม่ทัน หรือ น้ำร้อนเกินไปจากน้ำที่ค้างอยู่ในท่อเป็นเวลานาน
แนะนำ เครื่องชงกาแฟ Traditional สำหรับร้านกาแฟขนาดใหญ่ ที่มาพร้อมระบบ ABM.07 ซึ่งจะรักษาปริมาณ และอุณหภูมิของน้ำกาแฟให้คงที่สม่ำเสมอ ทำให้คุณภาพ Perfect shot of espresso ที่ได้ค่อนข้างดีเยี่ยมแม้ชงอย่างต่อเนื่อง ก้านตีฟองนมออกแบบมาอย่างพิเศษ ทำให้ตีฟองนมได้ง่าย เนียน และรวดเร็ว สามารถตั้งระดับน้ำแบบอัตโนมัติได้ด้วย
คลิกดูเครื่องจริง
3. หม้อต้มคู่ (Double Boiler)
เป็นการพัฒนาต่อมาจากเครื่องแบบแลกเปลี่ยนความร้อน เครื่องชงที่มีสองหม้อต้มนั้นจะมีหม้อต้มแยกระหว่างการสตรีมนม และการสกัดเอสเพรสโซ่ ทำให้สามารถควบคุมอุณหภูมิสำหรับการชงและการสตรีมนมได้ดียิ่งขึ้น สามารถสกัดเอสเพรสโซ่ได้ต่อเนื่อง มีอุณหภูมิเสถียรมากขึ้น โดยปัญหาเดียวของเครื่องชงลักษณะนี้คือราคาที่สูง
4. หม้อต้มคู่แบบแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchange Double Boiler)
เป็นการออกแบบที่รวมเอาข้อดีของหม้อต้มคู่และเครื่องแบบแลกเปลี่ยนความร้อนเข้าด้วยกัน โดยที่น้ำที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่หม้อต้มสำหรับการสกัดเอสเพรสโซ่จะไหลผ่านหม้อต้มสำหรับการสตรีมนม ทำให้น้ำที่เข้าสู่หม้อต้มสำหรับการสกัดเอสเพรสโซ่มีความร้อนเพื่อทำให้อุณหภูมิในหม้อต้มสำหรับสกัดเอสเพรสโซ่มีความเสถียรมากยิ่งขึ้น
5. เครื่องชงแบบหลายหม้อต้ม (Multi Boiler)
เป็นระบบของหม้อต้มที่พบได้ในเครื่องชงกาแฟตัวใหญ่ที่มีสองหัวชงขึ้นไป เครื่องชงหลายหม้อต้มแบบแลกเปลี่ยนความร้อน แต่ละหัวชงจะมีหม้อต้มแยก และมีหม้อต้มใหญ่สำหรับการสตรีมนม ทำให้สามารถตั้งอุณหภูมิแต่ละหัวชงแตกต่างกันได้ สำหรับชงกาแฟต่างชนิดกัน
นอกจากระบบต่าง ๆ ที่กล่าวถึงไปแล้ว ยังมีเรื่องอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต้องคำนึงถึงด้วยเช่น PID และ ปั๊มน้ำ รวมถึงรายละเอียดพิเศษของเครื่องบางยี่ห้อที่ให้ผู้ใช้สามารถควบคุมตัวแปรอื่น ๆ ได้อย่างอิสระ
การเลือกเครื่องชงกาแฟให้เหมาะสมกับร้านของคุณ
ควรเลือกเครื่องชงขนาดไหนดีให้เหมาะสมกับขนาดร้านของเรา ขนาดของเครื่องชงที่ต่างกันเพราะมีขนาดบอยเลอร์ (หม้อต้มน้ำ) และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ต่างกัน เครื่องชงขนาดใหญ่จะมีขนาดบอยเลอร์ใหญ่กว่าเครื่องชงขนาดเล็ก ทำให้มีความสามารถในการชงกาแฟต่อเนื่องได้ดีกว่า เพราะขนาดบอยเลอร์ที่ใหญ่กว่าจะช่วยให้อุณหภูมิน้ำที่ใช้ชงกาแฟเสถียรกว่าเมื่อมีการชงต่อเนื่อง เครื่องชงกาแฟขนาดของบอยเลอร์แบ่งได้ 3 ขนาด
1.เครื่องชงขนาดบอยเลอร์เล็ก (300 cc) ถ้าทำเลร้านของเรามีลักษณะลูกค้าที่เข้ามาทีละคน สองคนไม่ได้มาเป็นกลุ่ม และมีช่วงห่างของลูกค้าแต่ละรายบ้างนิดหน่อย (ประมาณ 3-5 นาที)
แนะนำ เครื่องชงกาแฟนวัตกรรมชั้นเลิศจากแบรนด์สวิสเซอร์แลนด์ ด้วยดีไซน์ที่เรียบหรู และเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ทำเครื่องดื่มได้มากกว่า 16 ชนิด จอแสดงผลแบบ LED พร้อมด้วยการสั่งงานด้วยระบบสัมผัส จำนวนแก้วที่แนะนำต่อวัน 100 แก้ว/วัน (Single shot)
คลิกดูเครื่องจริง
2.เครื่องชงระดับกลาง (บอยเลอร์ประมาณ 1.3 – 2 ลิตร) ถ้าทำเลร้านของเรามีลักษณะลูกค้าที่เข้ามาเป็นกลุ่มทีละ 3-5 คน แต่ยังพอมีช่วงห่างของลูกค้าบ้างนิดหน่อย (ประมาณ 3-5 นาที)
3.เครื่องชงระดับใหญ่ (บอยเลอร์ 6.5 ลิตร ขึ้นไป) ถ้าทำเลร้านของเรามีลักษณะลูกค้าที่มีเข้ามาตลอดทั้งวัน หรือ เข้ามาเป็นกลุ่มใหญ่พรัอมกัน 8-10 คนขึ้นไป โดยแทบไม่มีเวลาให้เครื่องได้พักเลย
แนะนำ เครื่องชงกาแฟนาดใหญ่ มีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงมุ่งเน้นที่ความหรูหรา โดยเครื่องชงจะใช้งานได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับกลุ่มร้านกาแฟที่เน้นเครื่องชงประสิทธิภาพสูงภายใต้พื้นที่การทำงานที่จำกัด การันตีในเรื่องของคุณภาพ สกัดกาแฟแบบ SIS ซอฟอินฟิวชั่น เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้การสกัดกาแฟ แบบ Perfect Shot สตีมฟองนมแบบก้านโยก มีด้ามชงมาให้ 3 อัน
คลิกดูเครื่องจริง
การเลือกเครื่องชงกาแฟอย่างไรให้คุ้มค่าต่อการลงทุน
-
ราคากาแฟที่เราจะขาย แน่นอนว่าหากเราวางแผนในการตั้งราคากาแฟในช่วงราคา 25-45 บาท นั้นเราอาจจะไม่ต้องลงทุนเครื่องชงกาแฟที่สูงมากนัก เพราะว่า ระยะเวลาในการคืนทุนจะยาวนานตามไปด้วย
-
ราคาเครื่องชงกาแฟ เครื่องชงกาแฟที่เหมาะสำหรับการลงทุนในตลาดกาแฟสดบ้านเรา จะอยู่ประมาณ 25,000-100,000 สำหรับเครื่อง 1 หัว และ 90,000-150,000 บาท สำหรับเครื่องชงกาแฟ 2 หัว ในบางครั้งการลงทุนครั้งเดียวกับเครื่องชงกาแฟดี ๆ และสามารถรองรับยอดขายที่สูง นั้นจะช่วยให้ประหยัดเงินลงทุนไปได้มากทีเดียว
อยากสร้างความแตกต่าง เพิ่มมูลค่าร้านให้ลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น แนะนำ เครื่องพิมพ์สีผสมอาหาร โดยใช้รูปจาก iPhone/Andriod/Tablet ส่ง WIFI ผ่านเครื่องปริ๊นรูป เสิร์ฟลูกค้าได้เลย ใช้เวลาพิมพ์เพียง 15 วินาที/แก้ว ใช้ง่าย ลูกเล่นเยอะ ลูกค้าสามรถเลือกรูปแล้วส่งมาพิมพ์ได้เอง หน้าจอ Touch-Screen LCD 7″ + WIFI Connection ต้นทุนในการพิมพ์เพียง 3 บาท/แก้ว หากคุณกำลังหาเครื่องมือเพื่อต่อยอดขาย
คลิกดูเครื่องจริง