News
วิถีเสิร์ฟแบบใหม่ Omakase On The Go ไอเดียเจ๋งสู้วิกฤต! บุกไปปั้นโอมากาเสะซูชิส่งตรงถึงหน้าบ้าน
ไม่ว่าจะร้านอาหารเล็กๆ หรือร้านอาหารหรูระดับพรีเมี่ยม เมื่อวิกฤตโควิด-19 มาถึงต่างก็ได้รับผลกระทบให้ต้องหาทางปรับตัวแทบจะไม่แตกต่างกัน เมื่อบรรดาเจ้าของร้านอาหารต้องทำทุกทางเพื่อให้ร้านอยู่รอด เราจึงได้เห็นการผุดไอเดียเจ๋งๆ ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งบางร้านไม่เพียงแต่จะช่วยกอบกู้สถานการณ์ธุรกิจเอาไว้ได้แล้ว แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์อันเป็นหัวใจหลักของร้านเอาไว้ได้อย่างน่าชื่นชม เช่นเดียวกับร้านโอมากาเสะซูชิระดับพรีเมี่ยมชื่อดังอย่าง ‘Fillets’ (ฟิลเล) ของ ‘เชฟแรนดี้-ชัยชัช นพประภา’ ที่เคลื่อนครัวโอมากาเสะเสิร์ฟควาอูมามิถึงยังหน้าบ้านของลูกค้า เอาใจคนรักอาหารญี่ปุ่นให้ได้อร่อยเหมือนนั่งกินที่ร้าน เราลองมาดูไอเดียที่น่าสนใจที่ไม่ธรรมดานี้กันดีกว่า ‘เชฟแรนดี้-ชัยชัช นพประภา’ ผู้ก่อตั้ง ‘Fillets’ ร้านโอมากาเสะซูชิชื่อดัง ร้านอาหารญี่ปุ่นและโอมากาเสะชื่อดังเจ้าแรกๆ ของเมืองไทย “ร้านเราเปิดมาตั้งแต่ประมาณเกือบ 10 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ที่ยังไม่ค่อยมีโอมากาเสะในประเทศไทย ตอนนั้นผมกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน ทั้งตัวผมเองและหุ้นส่วนเราต่างก็เล็งเห็นว่าตลาดในบ้านเราน่าจะพร้อมสำหรับการเสิร์ฟซูชิสไตล์โอมากาเสะ ซึ่งเป็นการเสิร์ฟแบบ ‘ตามใจเชฟ’ และเชฟจะเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดมาเสิร์ฟให้กับลูกค้า ก็เลยเป็นที่มาของฟิลเลซึ่งเป็นร้านโอมากาเสะร้านแรกๆ ของเมืองไทย ซึ่งหลังจากนั้นก็มีร้านโอมากาเสะอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย” ผลกระทบโควิดที่ชนเข้าอย่างจัง สิ่งที่ต้องทำคือ ‘ตัดเนื้อร้าย’ และรักษา ‘แก่น’ ของร้านไว้ โอมากาเสะซูชิซูชิคุณภาพระดับพรีเมี่ยมที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน คือหัวใจสำคัญของร้าน Fillets “เราได้รับผลกระทบจากโควิดเข้าอย่างจัง เพราะหลังจากที่เปิดไปได้สัก 7-8 ปี ด้วยความที่เราประสบความสำเร็จค่อนข้างดี ทำให้เราขยายร้านให้ใหญ่ขึ้น ให้มีทั้งโซนบาร์ และโซนอลาคาร์ท เรากลายเป็นร้านอาหารที่ใหญ่และจุได้ถึงประมาณ 140 ที่นั่ง ทำให้เรามีรายจ่ายประจำเดือนที่ค่อนข้างสูง อย่างแค่พนักงานก็ประมาณ 20 กว่าคนเข้าไปแล้ว เมื่อโควิดระลอกแรกมาถึงและลูกค้าเริ่มหายเพราะคนต้องรักษาระยะห่างทางสังคมกัน สิ่งแรกที่เราทำคือ การปรับไซส์ปรับโครงสร้างให้มีขนาดเล็กลง เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ โชคดีที่ตอนนั้นเราหมดสัญญาเช่าที่หลังสวนพอดี ก็เลยตัดสินใจกันว่างั้นเราย้ายกลับไปที่เล็กลง และอะไรที่เป็นเนื้อร้าย เราตัดออกไปเลยดีกว่า เราจึงตัดส่วนที่เป็นอลาคาร์ทกับบาร์ออกไปเลยให้เหลือแค่โอมากาเสะที่เป็น Core ของร้านเราเท่านั้น เมื่อมีการปรับเปลี่ยนตรงดังกล่าวกลายเป็น ‘Mini Me by Fillets’ เสิร์ฟโอมากาเสะเพียงแค่รอบละ 10 ที่นั่งแล้ว ข้อดีอย่างหนึ่งก็คือการได้โฟกัสในสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด ผลงานก็เลยดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งในแง่ของอาหารและการบริการก็พิถีพิถันมากขึ้น” ฝ่าวิกฤตอย่างมีกลยุทธ์ จาก Delivery มาถึงโอมากาเสะฟู้ดทรัค ‘Fillets Go’ เมื่อโควิด-19 ระบาด ทำให้ลูกค้าหน้าร้านหายไปถึงกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ เชฟแรนดี้เล่าว่านอกจากเขาจะตัดสินใจปรับโมเดลของร้านเสียใหม่ให้มีขนาดเล็กลงแล้ว ยังเสริมด้วยกลยุทธ์ผุดไอเดียต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นย่อมหนีไม่พ้นการเดลิเวอรี่ซึ่งเป็นทางรอดของแทบทุกร้าน และที่ตามมาถัดจากนั้นคือฟู้ดทรัคที่เคลื่อนความอร่อยไปปั้นซูชิส่งตรงให้ลูกค้าถึงหน้าบ้าน ทำเมนู Delivery เป็น Series อุ่นร้อนได้ ปลอดภัย ได้ฟีลเหมือนเพิ่งปรุงเสร็จ “ตอนแรกที่รัฐบาลประกาศให้ทุกร้านปิดให้บริการหน้าร้านในเวฟแรก เราก็เริ่มหันมาทำเดลิเวอรี่โดยนำเมนูของที่ร้านมาปรับนี่แหล่ะครับ ซึ่งเมื่อพอทำไปแล้วเรามีความรู้สึกว่าผลตอบรับมันไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ที่เป็นอย่างนั้นสาเหตุสำคัญก็เพราะคนเขากลัวในเรื่องความปลอดภัยโควิดทำให้ไม่ค่อยกล้ากินปลาดิบกัน เมื่อสูตรอาหารที่เรามีอยู่มันไม่ค่อยเหมาะกับการทำอาหาร Take Away เท่าไหร่นัก ในที่สุดเราจึงปรับใหม่ ตอนเวฟ 3 มาถึงเราเลยทำเป็นด้งข้าวหม้อ D-Pot ซึ่งมันอุ่นร้อนในตัว คือเราคำนวนทำสุกเอาไว่แค่ 80 เปอร์เซ็นต์ แล้วพอไปถึงบ้านลูกค้าก็ให้เขาไปอุ่นต่ออีกเพิ่ม 20 เปอร์เซ็นต์ ก็จะเหมือนกับได้รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ จากทางร้านเลยครับ เป็นการแก้ปัญหาความกลัวโควิดจากการรับประทานอาหารที่ยังไม่ได้ปรุงสุก และเรายังทำอาหารเป็นซีรี่ย์ต่างๆ เช่น Kamameshi Series หรือ Donburi Series เพื่อไม่ให้ลูกค้าเบื่อ และเลือกรับประทานได้ตามชอบใจได้อย่างสบายใจ” เมื่อโควิดระบาดลูกค้าจำนวนไม่น้อยไม่กล้ารับประทานปลาดิบ เมนู Delivery จึงเน้นอาหารปรุงสุกอย่างดงบุริ ข้าวหม้อ D-Pot อุ่นร้อนในตัว เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัยและยังสามารถอุ่นรับประทานเองได้อร่อยเหมือนกับกินที่ร้าน ได้ไอเดียเรื่องฟู้ดทรัคจากบะหมี่ป๊อกๆปั้นซูชิส่งให้ลูกค้าหน้าบ้าน อร่อยกว่าส่ง Delivery “จริงๆ แล้วทางร้านเองก็มีเซอร์วิสที่เรียกว่า ‘Omakase at Home’ จัดเชฟไปทำโอมากาเสะให้กับลูกค้าถึงบ้านด้วย แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดระบาดที่รุนแรงขึ้น ทำให้ผมคิดว่าเซอร์วิสดังกล่าวนั้นไม่ค่อยจะเหมาะกับสถานการเช่นนี้ เพราะเราเองก็กลัวลูกค้า และลูกค้าเองก็กลัวเรา ที่สำคัญคือเราไม่ควรเอาตัวเองและเอาพนักงานไปเสี่ยงขนาดนั้น เพราะฉะนั้นก็เลยตัดสินใจหยุดเซอร์วิสนี้ดีกว่า และหันมาโฟกัสกับอะไรที่มันชัวร์และมันลดความเสี่ยงได้ดีกว่าครับ” “สิ่งที่ตอบโจทย์และเวิร์กจริงๆ นั้น คือ ฟู้ดทรัค Fillets Go ซึ่งตอนเด็กๆ ผมเป็นคนชอบกินบะหมี่ป็อกๆ สังเกตไหมครับว่า ก๋วยเตี๋ยวนั้นเวลาสั่งมาทานที่บ้าน มันไม่ค่อยอร่อยเหมือนทานที่ร้าน แต่เวลาบะหมี่ป็อกๆ มาทำให้ถึงที่แล้วมันอร่อย ผมก็เลยคิดว่า ถ้าเราขับรถฟู้ดทรัคแล้วไปจอดที่หน้าบ้านลูกค้า ปั้นซูชิแล้วก็ยื่นให้เขาเอาเข้าไปทานในบ้าน อย่างนี้น่าจะดีกว่าทั้งในแง่ที่ลูกค้าได้กินอร่อยและความปลอดภัยของทั้งสองฝ่าย เราก็เลยเริ่มปรับปรุงรถทรัคคันเก่าของหุ้นส่วน ซึ่งพอทำรถเสร็จโควิดระลอกแรกก็จบพอดี เลยยังไม่ได้เอาออกมาใช้ เพิ่งเอาออกมาใช้ระลอก 3 นี่เองครับ เราเป็นเจ้าเดียวในตลาดที่ทำอย่างนี้ ผลตอบรับก็เลยล้นหลามมากครับจองเต็มกัน ประมาณ 2 อาทิตย์ล่วงหน้าเลย ซึ่งตอนที่คิดจะทำแบบนี้นั้น ผมไม่ได้คาดหวังเลยว่าผลตอบรับจะดีถึงขนาดนี้ สิ่งแรกที่เราคิดคือ เพื่อให้สามารถที่จะรันธุรกิจต่อไปได้ และให้เราสามารถที่จะรักษาพนักงานทุกคนเอาไว้ได้ให้ทุกคนมีรายได้ และต่อมาที่คิดก็คือ ทำอย่างไรลูกค้าจะไม่หายไปไหนจากเรา แต่กลายเป็นว่าได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามก็เลยกลายเป็นว่าเราสามารถจะสร้างรายได้เทียบเท่ากับการเปิดหน้าร้านเลย” Fillets GO !ฟู้ดทรัคโอมากาเสะที่เดินทางไปปั้นซูชิส่งตรงความอร่อยถึงหน้าบ้านลูกค้า โจทย์สำคัญคือสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าว่าปลอดภัย How To Run an Omakase Food Truck? ●ให้ความสำคัญในเรื่องของการสื่อสาร เพราะด้วยความที่รถต้องแล่นออกไปบนถนนอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น รถติด ฝนตก รถเสีย ทางร้านและแอดมินต้องเตรียมพร้อมสำหรับติดต่อสื่อสารอยู่ตลอดเวลา เมื่อกำลังจะเดินทางไปหาลูกค้าก็ควรส่งข้อความไปแจ้งก่อนว่าอยู่ระหว่างทางน่าจะใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ หากมีเหตุอะไรที่อาจทำให้เกิดความล่าช้าก็ต้องรีบแจ้งลูกค้าให้ทราบโดยทันที ●เลือกวัตถุดิบและเมนูที่เหมาะสม เพราะฟู้ดทรัคมีข้อจำกัดในเรื่องของการจัดเก็บวัตถุดิบ สำหรับร้านฟิลเลที่ให้บริการโอมากาเสะซูชิ เน้นเมนูที่ใช้กระบวนการเอจจิ้งและดองอยู่พอสมควร เพราะจะช่วยในเรื่องของการเก็บรักษาอาหารให้ปลอดภัย ●เมื่อไปถึงบ้านลูกค้าต้องพ่นฆ่าเชื้อทำความสะอาดรถอีกรอบ จากนั้นพนักงานจะเตรียมตัวสวมอุปกรณ์ป้องกันให้เรียบร้อย แล้วจึงเริ่มปั้นซูชิจัดใส่จานยื่นให้ลูกค้า จะไม่มีการสัมผัสโดยตรงระหว่างพนักงานกับลูกค้าโดยเด็ดขาด ●มาตรฐานความปลอดภัยของร้านต้องดีมากและต้องสื่อสารให้ลูกค้าทราบ เพราะในภาวะโควิดแบบนี้ยังมีลูกค้าที่กังวลว่าอาจจะติดเชื้อจากการรับประทานปลาดิบ ร้านฟิลเลให้พนักงานต้องผ่านการตรวจอยู่เป็นประจำ แค่เฉพาะ ATK ก็ตรวจกันคนละ 2 รอบต่อสัปดาห์แล้ว นอกจากนี้ยังมีมาตรการหลังร้าน เช่น ให้พนักงานรายงานว่าไปที่ไหนพบใครมาบ้างในแต่ละวัน เพื่อประเมินความเสี่ยงกันวันต่อวัน ●กระจายความเสี่ยงด้วยการจัดทีมหมุนเวียน ทีมงานฟู้ดทรัคของฟิลเลจะแบ่งออกเป็น 3 ทีม หมุนเวียนกันไป และแต่ละทีมจะไม่ได้เจอกันเลย เพื่อหากทีมใดทีมหนึ่งติดเชื้อ จะยังเหลือทีมอื่นๆ ที่สามารถให้บริการได้อยู่ ●ตรวจเช็กสภาพรถให้สมบูรณ์พร้อมเป็นประจำ เพราะหากรถไม่พร้อมอาจเกิดปัญหา เช่น รถเสียในวันสำคัญของลูกค้า ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหาย ถ้ารถเสียจริงๆ อาจจะต้องมีเบอร์โทรฉุกเฉิน สำหรับโทรรถลากเผื่อไว้ให้มาลากไปยังบ้านลูกค้าหรือที่นัดหมาย เพราะเราจะไม่ทำให้ลูกค้าผิดหวัง เมนูมีให้เลือกหลายราคา กิมมิคคือเสิร์ฟบนเขียงไม้มะขามจากภาคเหนือ ซึ่งจะให้ลูกค้าเก็บไว้ใช้ต่อได้เลย กลยุทธ์และการประเมินสถานการณ์คือเรื่องสำคัญ “สิ่งสำคัญตอนนี้ต้องมีกลยุทธ์และรู้จักประเมินสถานการณ์ เราต้องคิดอย่างชาญฉลาด ฟังเสียงของลูกค้าเอาไว้ให้มาก เอาความต้องการของลูกค้าเป็นโจทย์ตั้ง” “สำหรับการประกอบกิจการในช่วงวิกฤตแบบนี้ ผมว่ามันก็เหมือนกับการเล่นโป๊กเกอร์ สิ่งสำคัญคือที่เราต้องมีกลยุทธ์และรู้จักประเมินสถานการณ์ เช่น ประเมินตัวเองก่อนว่าเรามีกำลังเท่าไหร่ ไหวที่เท่าไหร่ เรารอได้ไหม เราต้องทำสิ่งนั้นหรือสิ่งนี้เลยไหม การมีใจสู้ก็ดี แต่การสู้แบบหัวชนฝาโดยไม่คำนึงถึงอะไรก็อาจจะนำมาซึ่งความเสียหายได้ ผมว่าสิ่งสำคัญสำหรับภาวะแบบนี้คือ เราต้องคิดอย่างชาญฉลาดเอาไว้ให้มากๆ ว่าถ้าเราจ่ายอะไรออกไปแล้วจะทำให้มีรายได้กลับมาจริงไหม เพราะด้วยสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะมาลองผิดลองถูกหรือเสี่ยงโชค ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่ต้องชัวร์ที่สุด เมื่อเรามั่นใจว่าสามารถทำได้จึงค่อยทำ อย่างตัวผมเองมีร้านอาหารอยู่หลายร้าน ตอนนี้ก็ต้องเลือกที่จะปิดบางแห่งไป เพราะผมไม่มีความมั่นใจว่าถ้าทำแล้วจะรอดในสถานการณ์แบบนี้ สู้ผมเก็บเงินที่เหลือเอาไว้ก่อนดีกว่า พอทุกอย่างมันผ่านพ้นไปแล้ว อย่างน้อยเรายังทุนมาใช้สู้ใหม่ ดีกว่าที่เราทนเจ็บไปแล้วเงินก้อนก็หาย แถมยังมีหนี้สินเพิ่มขึ้นมาอีก” “การรับฟังข่าวสารก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ครับ เพราะการจะปรับตัวได้ดีขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลข่าวสารที่เรามี ที่สำคัญที่สุดอย่าคิดแค่เพียงว่าตัวเราอยากจะทำอะไร แต่ให้ฟังเสียงของลูกค้าเอาไว้มากๆ ว่าสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ นั้นคืออะไร เอาตรงนั้นเป็นโจทย์ตั้ง แล้วเราค่อยคิดตอบโจทย์ของลูกค้า อย่างตัวผมเองเห็นว่าตอนนี้สิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญอย่างสูงสุดคือความปลอดภัย เราก็พยายามตีโจทย์ตรงนั้นออกมา เป็นทั้งมาตรการต่างๆ ที่ใช้กับร้านและพนักงาน ไปจนถึงการให้บริการฟู้ดทรัคไปปั้นโอมากาเสะซูชิให้ลูกค้าถึงที่บ้าน และที่ทำให้เขามั่นใจได้ว่าจะได้รับประทานอาหารที่ปลอดภัย”
สูตรอาหารเพิ่มเติม‘นัดเวลาส่ง’ หนีค่า GP รับคนละครึ่งได้ด้วย! เปิดคัมภีร์ความสำเร็จร้านซีฟู้ดขวัญใจมหาชน Seafood Aroy Delivery Category: Sales & Marketing
“ผลกระทบจากโควิดคือขายดีมากค่ะ วิธีแก้คือต้องรับคนเพิ่ม” เราไม่คาดคิดว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้จาก ‘คุณนุ่น - กรุณา ศรีอำพรรณ’ เจ้าของร้าน Seafood Aroy Delivery เมื่อถามถึงผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เพราะในขณะที่ร้านอาหารส่วนใหญ่แทบทุกร้านล้วนได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าวเหมือนกันหมด แต่กับร้านนี้เรียกได้ว่าเป็นโอกาส ‘ขาขึ้น’ จากการได้พูดคุยกับเจ้าของร้านอาหารซีฟู้ดที่เริ่มต้นจากการเป็น Home Kitchen เล็กๆ และค่อยๆ เติบโตมาเป็นร้านซีฟู้ดเดลิเวอรี่ขวัญใจมหาชนร้านนี้ จึงค้นพบว่า กรณีศึกษาของร้าน Seafood Aroy Delivery ที่ใช้วิธีการขายแบบ ‘นัดเวลาส่ง’ เพื่อหนีค่า GP แถมยังรับคนละครึ่งได้ด้วย น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการหลายๆ ร้านไม่น้อยเลยทีเดียว จาก Home Kitchen ขายเล่นๆ สู่ร้านอาหารทะเลเดลิเวอรี่ขวัญใจมหาชน “ร้าน Seafood Aroy Delivery เปิดมาได้ประมาณ 7 ปีแล้วค่ะ เริ่มแรกเป็นการทำขายเล่นๆ คือตอนนั้นนุ่นเพิ่งเรียนจบปริญญาโท และไม่อยากทำงานประจำ พอดีว่าคุณแม่เปิดแผงขายอาหารทะเลอยู่ที่ตลาด อตก. เราก็เลยรับอาหารทะเลจากแม่มาต่อยอดปรุงขาย โดยเริ่มแรกทำบนคอนโดฯ ขนาด 2 ห้องนอน ซึ่งครัวก็ไม่ได้ใหญ่มาก ขนาดแก๊สก็ยังใช้แก๊สกระป๋อง ช่วงนั้นนุ่นขายแค่ขนมจีนน้ำยาปูเพียงอย่างเดียวได้ผลตอบรับดีมาก จากที่ขายได้ไม่กี่ชุดก็กลายเป็นขายได้วันละหลายร้อยชุด จนไม่สามารถที่จะทำขายบนคอนโดได้อีกต่อไป จึงต้องหาทางขยับขยายไปเช่าตึกแถว แต่ก็ยังคงรูปแบบเดิมไว้ คือมีแค่เดลิเวอรี่ ไม่มีหน้าร้านให้นั่งรับประทาน หลังจากนั้นก็เริ่มพัฒนาเมนูอื่นๆ ออกมาเรื่อยๆ อย่างกุ้งเผา กรรเชียงปู และกับข้าวอื่นๆ เพิ่มขึ้นจนทุกวันนี้ร้านเรามีอาหารหลายสิบเมนูแล้ว ทุกอย่างปรุงจากอาหารทะเลซึ่งมาจากแหล่งผลิตที่จังหวัดสุราษฎ์ธานีเป็นหลัก และบางทีก็มีมาจากจังหวัดอื่นๆ บ้าง ระหว่างช่วง 7 ปีที่เปิดร้านมา หลังจากที่ย้ายจากตึกแถวที่แรกแล้ว เราก็ยังย้ายมาอีกที่ เพราะขายดีขึ้นเรื่อยๆ จนต้องขยับขยายเพิ่มกำลังการผลิต ให้สามารถแบ่งเป็นแผนกต่างๆ ทั้ง แผนกปิ้งย่าง แผนกผัด ฯลฯถามว่าได้รับผลกระทบอย่างไรจากโควิด คือขายดีมากค่ะ ขายดีจนต้องหาคนมาทำงานเพิ่ม” จากจุดเริ่มต้นแรกที่ทำเองขายเองเพียงไม่กี่คน และมีเมนูอยู่เพียงไม่กี่อย่าง คุณนุ่นก็ค่อยๆ ขยับขยายกิจการขึ้นทีละน้อยจนปัจจุบันมีทีมงานครัวอยู่เกือบสิบชีวิตแล้ว ทุกๆ วันร้าน Seafood Aroy Delivery จะส่งความอร่อยเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 60-70 ออเดอร์ ซึ่งหากใครเข้าไปที่ Facebook Page ของทางร้านก็จะรู้ว่ามีผู้ติดตามอยู่มากถึงกว่า 5.6 แสนคนเลยทีเดียว! เราสงสัยว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ร้านนี้ประสบความสำเร็จมีผู้ติดตามมากถึงขนาดนี้ เจ้าของผู้บุกเบิกร้านอย่างคุณนุ่นให้คำตอบว่า “สาเหตุที่ร้านเราได้รับผลตอบรับที่ดี น่าจะเป็นเพราะคุณภาพของอาหาร อย่างเนื้อปูเราก็จะใช้เฉพาะเนื้อปูก้อน และข้อดีคือความสดซึ่งเราไม่จำเป็นที่จะต้องสต็อกของ เพราะนุ่นรับมาจากคุณแม่ที่เปิดแผงขายเป็นประจำอยู่ที่ตลาด อตก. ซึ่งแม่เขาแทบจะไม่เอากำไรอะไรจากเราเลย จุดเด่นของร้าน Seafood Aroy Delivery จึงเป็นการขายอาหารทะเลสดๆ ที่รับมาแบบวันต่อวันเลย คืออย่างร้านอื่นเขาอาจจะสต็อกของ ไม่ได้รับมาสดใหม่ทุกวัน อันนี้เลยถือเป็นข้อได้เปรียบของทางร้าน” คุณนุ่นบอกว่า สิ่งที่ร้าน Seafood Aroy Delivery เน้นที่สุดนอกจากเรื่องของคุณภาพแล้ว ยังเป็นเรื่องของการตรงต่อเวลาในการจัดส่งอาหารให้กับลูกค้า ซึ่งทางร้านใช้วิธีการ ‘นัดเวลาส่ง’ โดยจะพูดคุยกับลูกค้าให้เข้าใจก่อนว่า อาหารจะทำก่อนเวลาส่งเพียงไม่นาน เพื่อให้แน่ใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับประทานทานอาหารในช่วงเวลาที่อร่อยที่สุด เช่น หากนัดเวลาส่งเป็นบ่ายสอง ก็จะแจ้งว่าอาหารน่าจะจัดส่งถึงช่วงเวลาประมาณ 14.00 - 14.30 น. ซึ่งจะไม่เลทไปเกินกว่านั้น ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุอะไรสักอย่างที่จะทำให้เลท ก็จะต้องรีบแจ้งให้ลูกค้าทราบโดยทันที แต่จะน้อยมากๆ ที่จะเกิดเคสแบบนั้นขึ้น สารพัดเมนูอาหารทะเลหลายสิบเมนู ที่จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกวัน ไม่ซ้ำกันใน 1 สัปดาห์ จุดเด่นของร้าน Seafood Aroy Delivery 1.ไม่มีหน้าร้านให้นั่งรับประทาน ขายอาหารทะเลสดใหม่เดลิเวอรี่แบบ ‘นัดเวลาส่ง’ 2.เน้นตรงต่อเวลา อาหารจะทำก่อนเวลาจัดส่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อให้ถึงมือผู้รับในเวลาที่อร่อยที่สุด 3.วัตถุดิบอาหารทะเลสดใหม่มีคุณภาพ เพราะไม่ต้องสต็อกของ แต่รับมาแบบวันต่อวัน ของทะเลบางอย่างมาแบบเป็นๆ อยู่เลยด้วยซ้ำ แถมให้เนื้อเน้นๆ แบบจัดเต็ม 4.ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพ แถมยังถูกกว่าร้านซีฟู้ดอื่นหลายๆ ร้าน เพราะแม่ของเจ้าของร้านเปิดแผงขายอาหารทะเลในตลาด ทำให้ต้นทุนถูกกว่าร้านอื่น ทำตลาดออนไลน์อย่างไรให้ปังจึงมีผู้ติดตามกว่า 5.6 แสนคน คุณนุ่นเล่าว่าตั้งแต่ทำเพจมาช่วงเปิดร้านแรกๆ ก็กันงบส่วนหนึ่งในการใช้โปรโมททั้งเพจ และโพสต์อยู่แล้ว โชคดีที่ในสมัยที่เริ่มต้นนั้นเรทค่าโฆษณาของเฟซบุ๊กยังไม่สูงมากนัก จึงค่อยๆ เก็บสะสมฐานลูกค้าและลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ ทำให้รู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลกับร้านของตัวเอง อย่างการจัดเซ็ตอาหาร จัดโปรโมชั่น และการปรับเปลี่ยนเมนูไปในแต่ละวัน “เรายอมเสียงบประมาณทำการตลาดออนไลน์มาตั้งแต่แรก ตั้งแต่สมัยที่ค่าโฆษณายังไม่สูงมาก แล้วค่อยๆ สั่งสมฐานลูกค้าที่ติดตามเพจมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ค่าโฆษณาก็ขึ้นมาเยอะมากเหมือนกัน คนที่เพิ่งเริ่มมาทำใหม่ๆ ก็น่าจะลำบาก อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้เราเองก็ยังต้องยอมเสียค่าโฆษณาอยู่ เพราะจุดเด่นของร้าน Seafood Aroy Delivery อีกอย่างคือ เราเปลี่ยนเมนูอาหารทุกวัน ไม่ได้ทำซ้ำเมนูเดิมๆ อย่างหมดวันนี้พรุ่งนี้เราก็ต้องโปรโมทเมนูใหม่เพื่อให้ลูกค้ารู้ และนอกจากช่องทางเพจเราก็ยังมี Line Official ซึ่งก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเหมือนกัน แต่อย่างที่บอกว่าเราทำตรงนี้มานานแล้ว จึงมีผู้ติดตามและฐานลูกค้าประจำอยู่เยอะมาก ทำให้ไม่ต้องเสียงบโฆษณาโปรโมทอะไรมากมาย” เทคนิคการขายที่ช่วยเพิ่มทั้งยอดขายและฐานลูกค้าในมือ แถมยังช่วยประชาสัมพันธ์แบบปากต่อปาก ทางร้านจัดเซ็ตอาหาร มีโปรโดนๆ อยู่เยอะมาก แถมโปรโมชั่นและเมนูยังเปลี่ยนไปทุกวัน 1.เปลี่ยนเมนูและโปรโมชั่นทุกวัน เมื่อเมนูในหนึ่งสัปดาห์ไม่ซ้ำกันเลยสักวัน จึงทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกว่าจำเจ ลูกค้าประจำจึงสามารถสั่งซ้ำได้บ่อยๆ และการที่เปลี่ยนเมนูทุกวันก็ทำให้ลูกค้าคอยติดตามข่าวสารจากเพจของทางร้านด้วยว่า แต่ละวันจะทำเมนูอะไร และจัดโปรโมชั่นเด็ดๆ อะไรออกมาบ้าง 2.โปรจัดเซ็ตอาหาร ช่วยให้ลูกค้าได้รับประทานอาหารทะเลได้อย่างจุใจ ซึ่งหากสั่งแยกเมนูเดี่ยวๆ แล้วอาจจะแพงกว่า แต่ถ้าสั่งเป็นเซ็ตเมนูจะคุ้มค่ากว่า ในแต่ละวันลูกค้าประจำก็จะหมั่นเข้ามาส่องดูว่ามีเซ็ตเมนูไหนที่น่าสนใจบ้าง เพราะไม่ได้จัดเซ็ตเหมือนกันทุกวันด้วยเช่นกัน 3.โปรอาหารพิเศษราคาถูก ในแต่ละวันยังมีเมนูโปรโมชั่นอาหารพิเศษราคาถูก ซึ่งปกติราคาเต็มอาจจะแพงกว่า โปรนี้จะหมุนเวียนเปลี่ยนอาหารพิเศษไปทุกวันเช่นกัน นอกจากลูกค้าซื้อเมนูโปรราคาถูกแล้วยังอาจจะสั่งอาหารอย่างอื่นที่ไม่อยู่ในโปรไปกินด้วย นับเป็นวิธีจูงใจเรียกลูกค้าที่ได้ผลอีกวิธีหนึ่ง ขายกุ้งได้วันละกว่า 100 กิโล โปรกุ้งเผา 1 กิโล แถม 1 กิโล คือโปรเด็ดใจถึงประจำร้าน ที่ทำให้ลูกค้าติดใจบอกต่อกันปากต่อปาก 4. โปร 1 แถม 1 โปรแม่เหล็กที่ช่วยเพิ่มยอดขาย โดยในแต่ละวันทางร้านจะคิดเมนูอาหารจานเดียวประมาณ 1-2 อย่างมาจัดโปร 1 แถม 1 เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เมื่อลูกค้าสั่งแล้วยังอาจสั่งอาหารอย่างอื่นไปด้วยอีก 5. โปรไฮไลท์ใจถึง โปรกุ้งเผา 1 กิโล แถม 1 กิโล เป็นโปรฮิตมาก ทางร้านจะใช้เฉพาะกุ้งเป็นๆ ที่ส่งตรงมาจากบ่อเจ้าประจำเท่านั้น เมื่อถามว่าทำไมถึงทำโปรใจถึงแบบนี้ได้ ทางร้านเปิดเผยว่าโปรนี้ไม่ได้เน้นกำไรเยอะ แต่เน้นขายจำนวนเยอะๆ ข้อดีก็คือ เป็นโปรที่ร้านอื่นอาจจะใจไม่ถึงที่จะทำ เมื่อทำโปรโมชั่นที่แตกต่างนี้ออกมาจึงช่วยในเรื่องของการโปรโมทแบบปากต่อปากไปได้ไกล ทั้งยังช่วยเพิ่มยอดขาย เป็นโปรโมชั่นไฮไลท์ที่ทำให้ลูกค้าติดใจ และทำให้ทางร้านประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จักขึ้นเยอะมาก ขาขึ้นในช่วงโควิด & นัดเวลาส่งหนีค่า GP “อย่างหนึ่งที่ทำให้เราไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เหมือนกับร้านอื่น ก็เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เราเองก็เปิดขายเฉพาะเดลิเวอรี่อยู่แล้ว เมื่อไม่ได้มีหน้าร้านจึงไม่มีค่าใช้จ่ายด้านค่าเช่า และไม่ได้มีพนักงานประจำอยู่มากมาย เมื่อเราตัดเรื่องหน้าร้านออกไปทำให้ร้านไม่ได้รับผลกระทบอะไรเหมือนกับที่หลายๆ ร้านได้รับจากโควิด กลายเป็นว่านี่เป็นโอกาสทำให้เราขายดีขึ้นมากค่ะ เพราะคนเขาอยู่บ้าน Work From Home กันจึงต้องสั่งเดลิเวอรี่ไปรับประทานที่บ้าน ร้านที่เคยเปิดให้นั่งกินก็ยังต้องปิด มันก็เลยเป็นโอกาสให้กับร้านที่ดำเนินธุรกิจแบบเดลิเวอรี่มาตั้งแต่แรกแบบเรา ด้วยฐานลูกค้าที่เดิมมีอยู่เยอะ และด้วยคุณภาพของเราทำให้ลูกค้าที่ได้ลองทานเขาไว้ใจและซื้อซ้ำอยู่แล้ว พอเกิดสถานการณ์แบบนี้ก็เลยทำให้ลูกค้านึกถึงเรามากขึ้น และเรายังได้รับคำแนะนำแบบปากต่อปากเยอะ ส่วนมากลูกค้าเองนั่นแหล่ะที่แนะนำเพื่อนๆ มาเป็นลูกค้าใหม่ให้กับเรา” “ถามว่าทำไมเลือกที่จะขายแบบนัดเวลาส่ง คือจริงๆ แล้วเราใช้วิธีนี้มาตั้งแต่ต้น และก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราก็เคยลองใช้แอปฯ เดลิเวอรี่บางเจ้าอยู่ด้วยนะคะ แต่ตอนนี้แทบจะไม่ได้ใช้แล้ว เพราะค่า GP มันโอเวอร์มาก และไม่ได้เพิ่มยอดขายให้กับเราสักเท่าไหร่ คืออย่างที่บอกว่าเราขายดีก็จริง แต่เราไม่ได้เน้นเอากำไรเยอะนะคะ แล้วถ้าเราเกิดโดนค่า GP ไปเยอะขนาดนั้น หนึ่งคือเราขาดทุนแน่ ไม่อย่างนั้นเราก็ต้องไปเพิ่มราคา ซึ่งก็จะทำให้ยิ่งแพงไปอีก อย่างเราขายปลาตัวละ 300 บาท ถ้าไปขายผ่านแอปฯ ก็ต้องกลายเป็นตัวละ 400 บาท ไหนลูกค้าต้องเสียค่าส่งอีกก็ยิ่งแพงสำหรับเขา ก็จะมีปัญหาในเชิงของการแข่งขันกับร้านอื่นๆ ซึ่งในมุมมองของเราถ้าลูกค้ามาซื้อตรงกับเราแล้วเสียค่าแมส มันก็ไม่ได้ต่างกัน ถ้าอย่างนั้นก็ให้ลูกค้าสั่งตรงกับเราดีกว่า ค่าส่งก็พอๆ กัน ก็เลยไม่ได้ขายกับแอปเจ้าไหนนอกจาก Robinhood ที่ไม่ได้เสียค่า GP และค่าส่งก็ถูก ซึ่งลูกค้าให้ความสนใจเยอะมาก ข้อดีคือเราสามารถที่จะขายถูกกว่าร้านอื่นๆ โดยที่ยังคงปริมาณและคุณภาพอาหารได้อยู่” “เราก็เลยเน้นขายแบบนัดเวลาส่ง เพื่อที่จะหนีค่า GP ซึ่งบางร้านเขาอาจจะให้สั่งพรีออร์เดร์ล่วงหน้ากันหลายวัน แต่ของเราคือไม่ใช่ แต่เป็นสั่งล่วงหน้าก่อนแค่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง โดยเรามีไรเดอร์ส่ง 5-6 คันซึ่งจะเวียนกันมารับ-ส่งสินค้าตลอดทั้งวัน ซึ่งเขาไม่ได้เป็นพนักงานประจำของเรา แต่เป็นไรเดอร์ที่เราใช้งานประจำ บางคนทำมาด้วยกันตั้งแต่สมัยเปิดร้านใหม่ๆ เลยนะคะ เขาก็วิ่งงานให้เราทุกวัน อย่างค่าส่งนี่คนส่งจะได้หมดเลย ทางร้านจะไม่ได้อะไรสักบาท สมมติลูกค้าโทรมาส่งที่ร้าน แจ้งพิกัดส่ง เราก็จะคำนวนระยะทางแล้วคิดค่าส่งให้กิโลเมตรละ 10 บาท คือ ทางร้านจะแจ้งค่าส่งก่อนว่าราคานี้ลูกค้าสะดวกไหม ไม่ให้มีปัญหาทีหลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราซีเรียสมาก โดยเราจะคิดค่าส่งรวมกับค่าอาหารให้ลูกค้าชำระเงิน แล้วพอหมดวันก็เคลียร์ให้กับไรเดอร์เป็นประจำอย่างนี้ทุกวัน” ข้อดีของการขายแบบนัดเวลาส่ง 1.หนีค่า GP ขายได้ในราคาถูก โดยไม่ต้องลดปริมาณและคุณภาพ ช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน เพราะทำราคาได้ถูกกว่าร้านอื่น ที่ขายผ่านแอปฯ ซึ่งต้องมีต้นทุนค่า GP2.ส่งได้ตรงตามเวลา ที่ร้านและลูกค้าต้องการ3.ได้เมนูตรงตามที่ลูกค้าต้องการ เพราะถ้าไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า แต่อยากจะรับประทานเดี๋ยวนั้นแล้วสั่ง รายการอาหารบางอย่างอาจจะหมดได้4.การขนส่งมีคุณภาพ เพราะไรเดอร์ประจำจะดูแลอาหารให้เราเป็นอย่างดี และเราสามารถกำชับเรื่องมารยาทได้ ถ้าเกิดเคสผิดพลาด หรือได้รับฟี้ดแบ็กไม่ดี เราสามารถจัดการกับไรเดอร์ได้โดยตรง แต่ถ้าเป็นไรเดอร์ของของแอปฯ อาจได้แต่รับฟังลูกค้า complain Tips : สำหรับร้านที่ต้องการเริ่มทำการขายแบบนัดเวลาส่ง ● เริ่มต้นด้วยวิธีง่ายๆ เช่น พูดคุยตกลงกับวินมอเตอร์ไซค์หน้าปากซอย ร้าน Seafood Aroy Delivery เองก็เริ่มต้นมาแบบนี้เหมือนกัน ● ตกลงราคากันให้วินทุกฝ่าย ทั้งร้านเรา ไรเดอร์ และลูกค้า ไม่ใช่กดราคาไรเดอร์มากจนเกินไป ทริคอีกอย่างหนึ่งสำหรับการทำการขายแบบนัดเวลาส่ง คือบางช่วงเราอาจจะดีลกับไรเดอร์บางคนในเรทเหมาทั้งวัน ว่ากี่ชั่วโมงในระยะทางไม่เกินเท่าไหร่ เขาพอจะรับได้ไหม เช่น เหมาทั้งวัน วันละ 600 บาท ไม่เกินกี่กิโลเมตรก็ว่าไป ข้อดีก็คือ อาจจะจัดเป็น ‘โปรฯ ลดค่าส่ง’ ช่วยทุ่นค่าส่งของลูกค้าไปได้อีก และเรายังจัดเส้นทางส่งในช่วงเวลาใกล้เคียงกันให้ไรเดอร์พ่วงออร์เดอร์ได้อีก แต่ถ้าเกินที่ตกลงกันเราก็ดูว่าจะเพิ่มเงินให้กับไรเดอร์เท่าไหร่ที่เหมาะสม คือไรเดอร์อาจจะได้เงินต่อเที่ยวน้อยลงหน่อย แต่เขาจะได้งานประจำจากเราจำนวนมากขึ้น ซึ่งเป็นราคาที่เขายังรับไหว ซึ่งรวมๆ แล้วแม้จะต้องวิ่งงานมากขึ้นแต่เขาก็จะได้เงินมากขึ้นด้วยซ้ำ และในระยะยาวก็ถือว่าวินๆ กันทุกฝ่าย แชร์ปัญหาที่พบเจอบ่อยๆ “มีลูกค้าที่บ่นเรื่องค่ารถแพง อย่างมีลูกค้าที่อยู่ไกลๆ มาสั่ง ค่าส่งก็เลยแพงเป็นธรรมดา คือร้านเราอยู่บางกรวย แล้วลูกค้าอยู่พระราม 3 เราคิดกิโลเมตรละ 10 บาทตามปกติก็จริง แต่ถ้าระยะทางไกลๆ มันก็ยังแพงสำหรับเขาอยู่ดี ลูกค้าที่สั่งจากไกลๆ ก็จะมีบ่นบ้าง แต่มันก็เป็นเรื่องที่ต้องฟังไปแล้วทำอะไรไม่ได้ จะไปบอกกับลูกค้าว่า “ไม่อยากเสียค่าส่งแพงก็สั่งเจ้าใกล้ๆ สิ” ก็ไม่ได้ เราก็จะพยายามบอกเขาว่าถ้าเห็นว่าค่ารถสูงเกินไปแล้วไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร แต่คุณลูกค้าสามารถมารับเองที่ร้านได้นะคะ ซึ่งลูกค้าบางคนเขาก็เข้าใจและเลือกที่จะมารับเองที่ร้านอะไรอย่างนี้ค่ะ นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย ซึ่งมันแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ลูกค้าบางคนเขาก็สู้ค่ารถนะคะ เราก็เข้าใจกัน เพราะทางร้านเองก็ไม่สามารถไปกดค่าส่งจากไรเดอร์เขาได้จริงๆ และยิ่งถ้าระยะทางไกลๆ ความเสี่ยงในเรื่องการขนส่งมันก็ค่อนข้างสูง ว่าอาหารจะถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย และจะยังอร่อยหรือเปล่า อย่างบางทีไปกลับเกือบ 100 กิโลเมตรก็ยังมี แต่เราไม่มีปัญหา ถ้าลูกค้าสะดวกจ่ายค่ารถก็สั่งได้ แต่นานๆ ที เราก็จะทำโปรฯ ค่าส่งฟรี 10 กิโลเมตรแรก และ 10 กิโลเมตรถัดไป ทางร้านช่วยจ่ายให้อีกครึ่งหนึ่ง เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายและคืนกำไรให้กับลูกค้าบ้างเหมือนกัน แต่ต้องเป็นโอกาสพิเศษจริงๆ อย่างปีใหม่เท่านั้น เพราะอย่างที่บอกว่าร้านไม่ได้อะไรจากค่าส่ง ดังนั้นถ้าจะจัดโปรลดค่าส่งทางร้านก็ต้องจ่ายส่วนนี้ให้กับไรเดอร์แทนลูกค้า” ใช้สิทธิคนละครึ่งกระตุ้นยอดขาย ลูกค้าชอบมาก แต่ก็มีปัญหาให้ต้องจัดการ การให้ลูกค้าใช้สิทธิในโครงการคนละครึ่ง ช่วยกระตุ้นยอดขายได้ดีมาก เจ้าของร้านร้าน Seafood Aroy Delivery ยังบอกอีกว่า ช่วงแรกๆ ที่รัฐบาลออกนโยบายให้ประชาชนใช้สิทธิ ‘คนละครึ่ง’ ออกมานั้นช่วยเพิ่มยอดขายให้กับทางร้านได้ดีมากๆ แถมยังสะดวกมาก จนเมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มมีปัญหาให้ต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า “คือช่วงแรกๆ การใช้สิทธิ ‘คนละครึ่ง’ สามารถใช้กับอุปกรณ์โทรศัพท์ได้หลายเครื่องเลยใช่ไหมคะ เราก็ให้ลูกค้าสแกนจากโทรศัพท์ของไรเดอร์ทุกคนได้เลยซึ่งสะดวกมาก แต่พอมาระยะหลังก็ได้มีการปรับกฎเกณฑ์ใหม่ว่า 1 ร้านให้สแกนได้แค่ 3 เครื่องต่อวัน ก็เริ่มทำให้เรามีปัญหาแล้ว เพราะไม่ใช่ว่าไรเดอร์ของเราทุกคนจะให้สแกนได้ตลอด มันก็ต้องแก้ปัญหาด้วยการวนเครื่อง เช่น ถ้าช่วงเวลาไหนที่ลูกค้าต้องการใช้สิทธิพร้อมกันเยอะๆ ก็จะเป็นปัญหาให้เราจะต้องจัดสรรแล้ว และพอมันใช้ได้แค่ทีละ 3 เครื่อง ก็ต้องมีการเอาบางเครื่องเข้า ถอดบางเครื่องออก แล้วนโยบายก็ดันจำกัดให้ขอรหัส OTP ได้แค่ 3 วันต่อครั้ง ก็เลยจะลำบากมากตอนนี้ ทำให้ต้องอาศัยการจัดการกันเยอะขึ้น” “วิธีแก้ปัญหาของเราก็คือ ถ้าลูกค้าเจ้าไหนบอกว่าจะใช้สิทธิคนละครึ่ง จากเดิมที่มีรอบส่งอยู่ในช่วงครึ่งชั่วโมง เราก็จะขอยืดลูกค้าเป็น 1 ชั่วโมงเต็มแทน เช่นแต่เดิมถ้าสั่งช่วง 11 โมง เราก็จะบอกว่าได้รับช่วง 11.00-11.30 น. แต่ถ้าต้องการใช้สิทธิคนละครึ่งก็จะบอกไปเลยว่าขอส่งเป็นช่วง 11.00-12.00 นะคะ เพื่อเผื่อให้เราได้มีเวลาวนเครื่องและแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งบางทีมันก็อาจจะมีอุบัติเหตุที่ทำให้ล่าช้าบ้าง แต่เราก็จะรีบแจ้งลูกค้าล่วงหน้าทันที” สำหรับคนที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับการต้องสู้กับค่า GP อยู่ ทางร้าน Seafood Aroy Delivery ยังแนะนำว่า หากร้านอื่นๆ จะลองนำโมเดลวิธี ‘นัดเวลา’ ส่งแบบนี้ไปใช้ก็น่าจะดี แต่ก็ต้องปรับให้เหมาะกับร้านของตัวเองด้วย และสิ่งสำคัญที่จะลืมไปไม่ได้เลยคือ เรื่องของความตรงเวลา และความจริงใจที่มีให้กับลูกค้า
สูตรอาหารเพิ่มเติมที่นั่งร้านอาหารจำกัด ต้องปรับกลยุทธ์อย่างไรให้ยอดขายเพิ่ม
ในยุค New Normal ที่ร้านอาหารจำเป็นต้องหั่นจำนวนโต๊ะที่นั่งลดลงตามมาตรการภาครัฐ ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีผลกระทบต่อยอดขายที่ต้องหายไปกว่าครึ่งของจำนวนที่นั่งปกติ แต่ต้นทุนต่าง ๆ ไม่ได้ลดลงตาม แล้วจะทำยังไงให้ยอดขายเพิ่มขึ้น เรามีแนวทางกลยุทธ์มาแนะนำ ก่อนอื่นให้ทราบก่อนว่าที่มาของยอดขายมาจาก จำนวนลูกค้า X ค่าเฉลี่ยต่อคน ค่าเฉลี่ยต่อคนก็คือ : จำนวนเงินที่ลูกค้าจ่ายต่อการทานอาหาร 1 ครั้งที่ร้านในแต่ละวัน ฉะนั้น หากต้องการเพิ่มยอดขาย เพิ่มกำไร หลักการก็มี 2 แนวทางคือ ต้องเพิ่มจำนวนลูกค้า และเพิ่มค่าเฉลี่ยต่อคน หรือยอดจ่ายต่อคนให้มากขึ้นนั่นเอง มาดูกันว่าจะเพิ่มจำนวนลูกค้า และจำนวนค่าเฉลี่ยต่อคนอย่างไรได้บ้าง แนวทางเพิ่มยอดขายสำหรับร้านประเภทบุฟเฟ่ต์ มาเริ่มกันที่ร้านอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์ก่อน สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาสำหรับร้านที่มีให้เลือกหลายราคาควรตัดราคาต่ำสุดออกไปก่อน ให้เหลือราคากลาง กับราคาสูงไว้ หรือ มีราคาเดียวไปเลย เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรให้ได้มากที่สุดจากจำนวนลูกค้าที่มีจำกัดในแต่ละรอบ อีกแนวทางสำหรับร้านบุฟเฟ่ต์ คือ ลดจำนวนเวลารับประทานในแต่ละรอบลง เช่น จากเดิมให้เวลา 2 ชม. ปรับลดเหลือ 90 นาที ซึ่งเป็นเวลาเฉลี่ยของการรับประทานบุฟเฟ่ต์ วิธีนี้จะช่วยให้ Trun โต๊ะได้เร็วขึ้น ถ้าเราสามารถทำให้ลูกค้ารับประทานเสร็จเร็วขึ้น 30 นาที เราอาจได้ที่นั่งเพิ่มมาถึง 2 รอบ ก็จะเพิ่มโอกาสได้ลูกค้ามากขึ้น ถึงแม้ว่าที่นั่งจะลดลง แนวทางเพิ่มยอดขายสำหรับร้านประเภท Buffet vs A La Carteสำหรับร้านอาหารประเภทอลาคาส เมื่อถูกจำกัดจำนวนที่นั่ง เว้นระยะห่าง ทำให้การนั่งรับประทานเป็นกลุ่ม เป็นครอบครัวลดลง การสั่งอาหารจำนวนหลายเมนูเพื่อรับประทานร่วมกันก็ยากขึ้น คำแนะนำคือ จัดอาหารประเภทเมนูเซ็ทสำหรับ 1 คน ก็จะเพิ่มโอกาสการขายให้ง่ายขึ้น ลูกค้าตัดสินใจได้ง่าย เกิดความรู้สึกคุ้มค่า ร้านก็จัดการสะดวก ลดเวลาในการรับประทาน ช่วยให้ Trun โต๊ะได้เร็วขึ้น เพิ่มยอดขายจากช่องทางอื่น ๆ 1. Take away เป็นอีกหนึ่งแนวทางเพิ่มยอดขายที่หลาย ๆ แบรนด์ทำกัน เช่น ทำเป็นเมนู แกร็บ แอนด์ โก เลือก>หยิบ>จ่าย>นั่งกิน หรือ หิ้วกลับบ้าน เป็นเมนูพร้อมทาน อาจทำเป็น Shelf วางหน้าร้านใครผ่านไปมาก็สะดวกในการเลือก หรือแม้แต่ลูกค้าในร้านเลือกกลับไปไว้รับประทานหรือฝากคนที่บ้าน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ แพ็คเกจจิ้งต้องมีความพร้อมสำหรับลูกค้าซื้อแล้วรับประทานได้ทันที โดยไม่ต้องวุ่นวายหาถ้วย จาน ชาม ช้อนอีก 2. จัดช่วงเวลาโปรโมชั่น สำหรับลูกค้าซื้อกลับไปรับประทานที่อื่น เช่น เลือกจัดโปรฯ ช่วงเวลาเที่ยงเพราะเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าจะมาพร้อมกัน ด้วยที่นั่งจำกัดทำให้เสียโอกาสขายไป แต่ถ้าสามารถทำให้ลูกค้าซื้อกลับไปรับประทานที่บ้านหรือที่ออฟฟิศได้ ก็จะทำให้เราได้ยอดขายเพิ่ม แลกกับการเสียค่าโปรฯ เช่น ส่วนลด10% ก็ยังถือว่าคุ้มค่า ขายผ่านเดลิเวอรี่ให้ลูกค้าจบในคำสั่งซื้อเดียว สุดท้ายช่องทางเดลิเวอรี่ก็ยังมีความจำเป็น แต่สิ่งที่ฝากเป็นมุมคิดคือ ร้านอาหารส่วนมากมักจะเลือกทำเดลิเวอรี่เฉพาะเมนูหลักของร้าน เช่น ร้านขายอาหารคาวก็จะมีแต่เมนูของคาว แต่ในมุมลูกค้าในการจะสั่งเดลิเวอรี่แต่ละครั้งก็ต้องการให้จบในครั้งเดียวเพื่อคุ้มค่าส่ง เช่น เมนูของคาว ของหวาน เครื่องดื่ม ฉะนั้นลองพิจารณาดูว่าร้านเราขาดอะไร สามารถเสริมในส่วนนั้นได้หรือไม่ ถ้าไม่ถนัดทำเองสามารถร่วมมือกับแบรนด์อื่นได้หรือไม่ เพื่อเพิ่มโอกาสการขายมากขึ้น นั่นเอง นอกจากจำนวนที่นั่งถูกจำกัดแล้ว สำหรับบางร้านที่เดิมเวลาขายเป็นช่วงกลางคืนถึงเกือบสว่าง ก็จะยังต้องเจอกับสถานการณ์เคอร์ฟิวทำให้ไม่สามารถเปิดขายได้ตามรอบเวลาปกติ คำแนะนำคือ ปรับมาขายช่วงกลางวันได้แทน แต่หลาย ๆ ทำเลก็ไม่เอื้อให้ขายช่วงกลางวัน ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ต้องปรับช่วงเวลาเตรียมตั้งร้านให้เร็วขึ้น เตรียมวัตถุดิบให้พร้อมจากที่บ้าน เมื่อถึงเวลาเปิดร้านได้จะสามารถเปิดขายได้ทันที ไม่ตองเสียเวลาจัดเตรียมของอีก และหากมีความพร้อมก็สามารถเปิดขายเดลิเวอรี่ในช่วงกลางวันได้จากครัวที่บ้าน ก็จะเพิ่มโอกาสทำยอดขายได้มากขึ้น เครดิตภาพ : Facebook Texas Chicken Thailand คลิกอ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่นี่ ลดได้ กำไรเพิ่ม! ชวนคุณมา “Lean ทั้งร้าน” ลดโอกาสเงินหาย กำไรติดลบ “Meal Kits” ช่องทางสร้างรายได้ใหม่ของร้านอาหาร Save ต้นทุน สร้าง Cash Flow ทางรอดร้านอาหาร เช็คสถานะด่วน! ร้านคุณเข้าข่าย “วิกฤต” หรือไม่? ด้วยวิธี P&L 5 วิธีลดต้นทุนอาหาร แต่ไม่ลดคุณภาพ! New Normal พฤติกรรมผู้บริโภค ที่เปลี่ยนไป ร้านอาหารต้องปรับตัวให้ทัน
สูตรอาหารเพิ่มเติมเปิดสูตร "บะหมี่ดำจาจังมยอน"
เมนู บะหมี่ดำจาจังมยอน เมนูตามซีรีส์เกาหลี ที่ดูแล้วท้องร้อง อย่าง “บะหมี่ดำจาจังมยอน” ก่อนรับประทานให้คลุกเส้นกับซอสเข้าด้วยกัน ลองเลือกเมนูใหม่ โดยจับกระแสของผู้บริโภค ไม่แน่ว่า อาจกลายเป็นเมนูเด็ดของร้านคุณ ที่ใคร ๆ ก็อยากสั่ง Delivery มาทานกัน ดูวิธีการทำใน VDO วินาทีที่ 00.14 เปิดสูตร ปลากระพงทอดแช่น้ำปลา เมนู จากร้าน Waterside Resort Restaurant เปิดสูตร “ยำชะคราม” จากร้านบ้านยี่สาร เมนูยำโบราณ จากผักพื้นบ้านหาทานยาก! เปิดสูตร “โกเบซูชิ” ร้าน Honmono Shushi จากเชฟกระทะเหล็กแห่งประเทศไทย! คลิกดูเมนูอื่นๆ และบทสัมภาษณ์จากเชฟได้ที่นี่ คลิก! และเมนูทางหมดผ่านทาง YouTube : MakroHoReCaAcademy
สูตรอาหารเพิ่มเติมเปิดสูตร "ชีสทงคัตสึเบนโตะ"
เมนู ชีสทงคัตสึเบนโตะ แจกสูตรพร้อมวิธีการทำ “เมนูชีสทงคัตสึเบนโตะ” สไตล์ญี่ปุ่น เป็นเมนูรูปแบบ Delivery ทำง่ายขายคล่อง และยังสามารถประหยัดต้นทุนด้านเวลาอีกด้วย รวมถึงแนวทางการคิดราคาต้นทุนเมนูนี้ ผู้ประกอบการสามารถนำมาดัดแปลงเอาไว้ใช้ที่ร้านได้ มีวิธีการทำอย่างไรนั้น ไปดูกันเลย ดูสูตรเมนูใน VDO วินาทีที่ 00.11 เปิดสูตร ปลากระพงทอดแช่น้ำปลา เมนู จากร้าน Waterside Resort Restaurant เปิดสูตร “ยำชะคราม” จากร้านบ้านยี่สาร เมนูยำโบราณ จากผักพื้นบ้านหาทานยาก! เปิดสูตร “โกเบซูชิ” ร้าน Honmono Shushi จากเชฟกระทะเหล็กแห่งประเทศไทย! คลิกดูเมนูอื่นๆ และบทสัมภาษณ์จากเชฟได้ที่นี่ คลิก! และเมนูทางหมดผ่านทาง YouTube : MakroHoReCaAcademy
สูตรอาหารเพิ่มเติมหมดยุครอคิวนาน! กับ 3 แอปฯ จองคิวร้านอาหารชื่อดัง
ทำร้านอาหารยุคนี้บอกเลยว่าแสนดีมีเทคโนโลยีหลากหลายถูกคิด ถูกพัฒนามาเพื่ออำนวยความสะดวก เพื่อเสริมให้ธุรกิจร้านอาหารสำเร็จได้เร็วขึ้น อยู่ที่ว่าผู้ประกอบการจะเปิดใจเรียนรู้และนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ กับธุรกิจร้านอาหารของตนเองหรือไม่ อย่างเช่น 3 แอปฯ ที่นำมาแนะนำในครั้งนี้บอกเลยว่า เป็นตัวช่วยเพิ่มลูกค้า เพิ่มยอดขายได้ง่าย ๆ ผ่านปลายนิ้ว! QueQ แอปฯ จองคิวสำหรับคนเบื่อการรอคิว แอปฯ ตัวแรกที่แนะนำ QueQ แอปฯ จองคิวสำหรับคนเบื่อการรอคิว แนวคิดของของผู้พัฒนาแอปฯนี้ มาจากการมองเห็นโอกาสของร้านอาหารที่สูญเสียไปจากการรอคิว เช่น ลูกค้ามาถึงร้านเจอคิวยาวรอไม่ไหวเปลี่ยนใจไปร้านอื่น เป็นการเสียโอกาสการขายไปให้คู่แข่งอย่างน่าเสียดาย QueQ จึงถูกพัฒนาให้เป็นแอปฯ ที่ตอบสนองความต้องการ ของทั้งฝั่งลูกค้าและร้านค้า โดยลูกค้าสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าร้านเป้าหมาย ณ เวลานั้นมีคิวกี่คิว และเลือกจองคิวร้านอาหารในรัศมี 2 กิโลเมตรในช่วงเวลาต้องการได้โดยไม่จำเป็น ต้องมาทำการจองถึงหน้าร้าน ลูกค้าสามารถทำธุระอื่น ๆ ได้ตามสบายใจ เมื่อใกล้ถึงคิวจองทางแอปฯ จะมีระบบแจ้งเตือนมา ด้วยรูปแบบนี้ทำให้ลูกค้าไม่เกิดการเปลี่ยนใจ ข้อดีในมุมร้านอาหารคือ สามารถกระจายช่วงพีคไทม์ของร้านออกไปได้ในแต่ละช่วงวันไม่กระจุกตัวอยู่แค่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเสียลูกค้าจากคิวยาว ๆ ไปได้ เพราะเมื่อลูกค้าสามารถกำหนดคิวจองตามช่วงเวลาต้องการได้เอง ทางร้านก็สามารถบริหารโต๊ะได้ อีกหนึ่งข้อดีที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ ระบบจองคิวของ QueQ ช่วยให้ร้านอาหารประหยัดต้นทุนพนักงานหน้าร้านสำหรับทำการจองคิวไปได้อย่างน้อย 1. คน ร้านอาหารใดสนใจใช้บริการ QueQ ดูรายละเอียดได้ที่ >>>https://bit.ly/2luA04g Hungry Hub All You Can Eat เปลี่ยน A La Carteให้เป็น Buffet แอปตัวที่ 2 Hungry Hub เป็นอีกหนึ่งแอปฯ จองคิวร้านอาหารที่น่าสนใจ เนื่องจากมีความแตกต่างจากการจองคิวร้านทั่ว ๆ ไป เพราะ Hungry Hub มีจุดเด่นอยู่ที่ คอนเซ็ปต์ “All You Can Eat“ เปลี่ยนเมนูอาหาร A La Carteให้เป็น Buffet เรียกว่าเป็นเอ็กซ์คลูซีฟดีลเฉพาะลูกค้าที่จองคิวผ่าน Hungry Hub เท่านั้น โดยทางแอปฯ มีการดิวกับทางร้านอาหารเพื่อจัดเมนูพิเศษของร้านมาทำเป็น Buffet ประโยชน์ที่ทางร้านอาหารจะได้รับจาก Hungry Hub คือ เป็นการเพิ่มช่องทางการขายในรูปแบบ Buffetโดยสามารถใช้กลยุทธ์นี้มาเติมลูกค้าในช่วงเวลาที่ลูกค้าน้อย ทางร้านสามารถกำหนดรอบเวลาการจองได้ สร้างโอกาสทำยอดขายในช่วงที่ไม่มีลูกค้า ซึ่งเมื่อมีคำว่า Buffet หลายคนอาจนึกถึงราคาประหยัด แต่สำหรับ ราคา Buffet ของ Hungry Hub. นั้น เรียกว่าแต่ละที่มีราคาสูงกว่า Buffet ทั่วไป สร้างกำไรให้กับร้านอาหารได้อย่างดี นั่นเพราะดีลที่ทำกับทางร้าน ล้วนแต่เป็นเมนูพิเศษหากสั่งในแบบ A La Carte ราคาก็จะสูงกว่า Buffet ทำให้ลูกค้าพร้อมจ่าย ร้านที่เป็น Buffet อยู่แล้ว ก็สามารถใช้แพลตฟอร์ม Hungry Hub อัพราคา Buffetให้สูงขึ้นได้เช่นกันโดยแลกกับความพิเศษของเมนูที่ต่างจากไลน์เมนู Buffetปกติ ร้านอาหารใดสนใจใช้บริการ Hungry Hubดูรายละเอียดได้ที่ >>>https://www.hungryhub.com/ Eatigo เปลี่ยนช่วงเวลาโต๊ะว่าง ๆ ให้สร้างกำไร แอปฯ ตัวที่ 3 Eatigo. จุดเด่นของเป็นแอปฯ นี้ เป็นการนำหลักการบริหารรายได้แบบ Yield Management มาใช้ นั่นคือการมองเห็นว่า ร้านอาหารทุกร้านมีช่วงเวลาโต๊ะว่าง ที่ไม่เกิดรายได้ Eatigo จึงเสนอตัวเป็นคนกลางในการดีลลูกค้าให้มาใช้บริการในช่วงเวลาที่ร้านอาหารต่าง ๆ มีโต๊ะว่าง หรือ นอกช่วงพีคไทม์นั่นเอง โดยทำโปรโมชั่น ส่วนลดเพื่อจูงใจให้กับลูกค้า 30-50% ซึ่งดีกว่าปล่อยให้โต๊ะว่าง ๆ ไม่เกิดประโยชน์ เพราะอย่าลืมว่าร้านอาหารมีค่าใช้จ่ายเกิด 24 ชั่วโมง โดยทางร้านต้องเสียค่าคอมมิสชั่น ต่อหัวให้กับทางแอปฯ แต่จะเสียเมื่อทางร้านมีลูกค้ามาใช้บริการเท่านั้น ทางแอปฯ จะมีหน้าที่หาลูกค้าส่งมาให้ ประโยชน์ที่ร้านอาหารจะได้รับ นอกจากเพิ่มโอกาสทำยอดขายในช่วงเวลาที่ไม่มีลูกค้า ดีกว่าปล่อยให้โต๊ะว่าง ซึ่งทางร้านสามารถบริหารส่วนลดโปรโมชั่นได้เองว่า จะให้ส่วนลดกี่เปอร์เซ็นต์ เช่น ส่วนลด 50% ในช่วงที่มีโต๊ะว่างมากสุดของวันแล้ว ร้านอาหารยังได้ผลพลอยได้จากการทำการตลาดของทางแอปฯ และยังได้ข้อมูลลูกค้าเพื่อไว้ใช้ประโยชน์ด้านการตลาดอีกด้วย ร้านอาหารใดสนใจใช้บริการ Eatigoดูรายละเอียดได้ที่ >>>https://eatigo.com/th/bangkok/th โลกยุคจากนี้เมื่อเราไม่สามารถปฏิเสธเทคโนโลยีได้ ดังนั้นการเรียนรู้และนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ
สูตรอาหารเพิ่มเติมร้านบุฟเฟต์ปิ้งย่าง ต้นทุนสูง อยู่รอดได้อย่างไร
หนึ่งในธุรกิจอาหารยอดฮิตของยุคนี้ คงหนีไม่พ้น “อาหารบุฟเฟต์” ที่ตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่าของผู้บริโภค แต่เป็นปัญหาใหญ่ของผู้ประกอบการที่อาจต้องแบกภาระต้นทุนที่สูง หากทว่าไม่รู้การบริหารจัดการที่ดี จากที่เปิดร้านเพื่อทำกำไร อาจทำให้ขาดทุน จนต้องปิดตัว ซึ่งทางแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี เห็นความสำคัญของปัญหานี้ จึงได้ร่วมมือกับร้านติดเนื้อ ร้านบุฟเฟต์ปิ้งย่างกระทะร้อน เพื่อเป็นกรณีศึกษาสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารบุฟเฟต์ สู่วางแผนแก้ไขปัญหาภายใน 48 ชั่วโมง คุณเรจิ เวทวิสุทธิ์ เจ้าของร้านติดเนื้อ ร้านบุฟเฟต์ปิ้งย่างกระทะร้อน ย่านโชคชัย 4 คุณเรจิกล่าวว่า ปัญหาหลักๆ คือ เรื่องสต็อค และ ขาดความรู้เรื่องการทำบัญชี รายรับ รายจ่าย ในการทำร้านอาหาร ซึ่งหากดูจากรูปแบบธุรกิจของร้านแล้ว เบื้องต้น ผู้เชี่ยวชาญจากแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี มองว่า ร้านติดเนื้อ มีโอกาสเติบโต แต่ติดปัญหาที่ยังขาดพื้นฐานทางด้านบริหารการเงิน และ การจัดการที่ดี รวมถึงหากเข้าใจวิธีการจัดสต็อควัตถุดิบ ก็จะช่วยลดปัญหาของเสียลงได้ นับถอยหลังสู่การเปลี่ยนแปลง ภายใน 48ชั่วโมง โดยผู้เชี่ยวชาญจากแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ได้ลงพื้นที่พูดคุยกับคุณเรจิ เจ้าของร้านติดเนื้อ เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน ก็พบ 4 ปัญหาหลัก ดังนี้ “ปัญหา สต็อควัตถุดิบเยอะ ต้นทุนจม” “ปัญหา ไม่รู้ต้นทุนที่แท้จริง” “ปัญหา เมนูผักสดน้อยเกินไป” “ปัญหา ไม่มีเมนูพิเศษ เพื่อเพิ่มยอดขาย” คุณมธุรส วงศ์ประดู่ ที่ปรึกษาและวางแผนธุรกิจร้านอาหาร หนึ่งในทีมผู้เชี่ยวชาญจาก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ให้คำแนะนำกับคุณเรจิ เจ้าของร้านติดเนื้อ ในเรื่องการคำนวณต้นทุน ซึ่งมองว่า ทางร้านมีประเภทของวัตถุดิบที่ขายชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการคำนวณหาต้นทุนของวัตถุดิบ ซึ่งควรมีการบันทึกค่าใช้จ่าย เพื่อจะได้รู้ปัญหาของต้นทุนที่แท้จริง ช่วยให้สามารถคำนวณวัตถุดิบที่ต้องใช้ ทำให้ไม่ต้องสต็อคของไว้เยอะเกินความจำเป็น หมดปัญหาเรื่องต้นทุนจม ปัญหาอยู่ที่อะไร แก้จุดที่มันเป็นจุดที่ยากที่สุดก่อน…. พอแก้ตรงนั้นได้ มันจะเห็นชัดเจน ว่ากำไรขึ้นทันที คุณมธุรส กล่าว ทั้งนี้คุณมธุรส แนะแนวทางกับคุณเร ว่า เจ้าของกิจการจะต้องเห็นภาพใหญ่ก่อน ธุรกิจที่ทำควรมีรายได้เท่าไหร่ ต้นทุนอะไรบ้าง ซึ่งต้นทุนคือค่าใช้จ่าย ให้สำรวจว่า มีสต็อคส่วนไหนบ้างที่เป็นต้นทุนสูง และสต็อคที่เป็นต้นทุนที่แท้จริงที่เกิดขึ้นจริง ต่อเดือน หรือ ต่อสัปดาห์ราคาเท่าไหร่ สูตรการคำนวณต้นทุนที่แท้จริง สูตรการคำนวณ คือ (สินค้าต้นงวด + ซื้อระหว่างงวด ) - สิ้นงวด= ยอดที่ใช้ต้นทุนที่แท้จริง จะคำนวณมาจาก “ต้นงวด”หมายถึง วัตถุดิบที่มาจากรอบที่แล้วทบเป็นต้นทุนหรือต้นงวดในรอบถัดไป บวกกับ “ซื้อมาระหว่างงวด"สมมุติว่ามีการนับสต็อคทุกวันที่ 16 – 10 แสดงว่า ต้นงวดก็มาจากวันที่ 1 – 15 หากมีสต็อคเหลือ ให้ทบยอดเป็นต้นของวันที่ 16 บวกวัตถุดิบที่ซื้อมา จากนั้นลบด้วย “สิ้นงวด”คือวัตถุดิบที่ คงเหลือปลายงวด ก็จะได้ ยอดวัตถุดิบที่ใช้จริงต่อเดือน หรือ ต่องวดนั้นๆ ทำให้สามารถคำนวณสต็อคที่ต้องใช้ได้ ลดปัญหาต้นทุนจม ด้านเชฟวุฒิชาติ หมวดศรี กรรมการสมาคมเชฟประเทศไทย ให้คำแนะนำว่า ทางร้านควรเสริมเมนูผักเพิ่มเข้าไปในไลน์บุฟเฟต์ เพราะ ในเมนูส่วนใหญ่เป็นประเภทเนื้อสัตว์ รวมถึง เชฟแดเนียล อัลทอส ผู้เชี่ยวชาญจาก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ให้ความเห็นว่า อาหารบุฟเฟต์ เป็นอาหารประเภทที่มีราคาตายตัว ทำให้ไม่สามารถเพิ่มยอดขายได้มากไปกว่านี้ นอกเสียจาก คิดเมนูพิเศษ ที่แยกจากราคาบุฟเฟต์เสริมเข้ามา โดยทำป้ายเมนูตั้งโชว์ไว้ที่โต๊ะ เพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้า เป็นการกระตุ้นยอดขายได้อีกด้วย นอกจากนี้ควรเพิ่มเมนูข้าว หรือ ของทานเล่นลงไปในไลน์บุฟเฟต์ เช่น ข้าวผัดกระเทียม , เฟรนฟรายด์ , ปอเปี๊ยะทอด เป็นการเพิ่มตัวเลือกให้กับลูกค้า เวลาที่สั่งอาหารได้อีกตัว คุณเรจิ กล่าวว่า หลังจากเข้าร่วมโครงการกับทางแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ทำให้สามารถจัดการกับสต็อคได้ดีขึ้น วัตถุดิบที่ไม่จำเป็น ก็ปรับลดปริมาณลง เพิ่มเมนูใหม่เสริมเข้ามา ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เพราะมีเมนูให้เลือกเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ได้ลงบัญชี รายรับ รายจ่าย อย่างต่อเนื่อง ทำให้ สามารถคำนวณกำไร อุดรอยรั่วของต้นทุนที่เป็นรายจ่ายได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยให้สามารถปรับแผนการขายในอนาคตได้อีกด้วย ติดตามชม ภารกิจ 48 ชั่วโมง เปลี่ยนแปลงร้านติดเนื้อ จากทางทีมผู้เชี่ยวชาญ แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี คลิกรับชมได้เลย
สูตรอาหารเพิ่มเติมMHA บอกโปร! สินค้าราคาพิเศษ สำหรับสมาชิก MHA เท่านั้น!
MHA บอกโปร! สินค้าราคาพิเศษ สำหรับสมาชิก MHA เท่านั้น ราคาดี ๆ แบบนี้เฉพาะลูกค้า Makro ที่สมัครสมาชิก MHA ก่อนวันที่ 29 พ.ย. 2566 เท่านั้นซื้อได้แล้ววันนี้ที่ Makro ทุกสาขา ราคาโปรโมชั่น ตั้งแต่วันนี้ - 26 ธ.ค. 2566 เท่านั้น!เงื่อนไขโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย- สินค้าลดราคาพิเศษ สำหรับลูกค้าสมาชิก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี (เฉพาะผู้ประกอบการประเภทร้านอาหาร และเครื่องดื่ม) ที่สมัครสมาชิกสำเร็จ ภายในวันที่ 29 พ.ย. 2566 เท่านั้น- โปรโมชั่นส่งเสริมการขายตั้งแต่วันนี้ - 26 ธ.ค. 2566- สินค้าบางรายการอาจไม่มีจำหน่ายในบางสาขา- ราคาสินค้า รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีหน่วยเป็นบาท- กรณีลูกค้าไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไข บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิไม่ชดเชยในทุกกรณี- ขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า- เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
สูตรอาหารเพิ่มเติมขายเวลา! พิเศษสุดสำหรับสมาชิก MHA รับเพิ่มสูงสุดถึง 300 พอยท์ เมื่อสั่งซื้อสินค้า* ครบตามที่กำหนด
ขยายเวลา!! พิเศษสุดสำหรับสมาชิก MHA รับเพิ่มสูงสุดถึง 300 พอยท์ เมื่อสั่งซื้อสินค้า* ครบตามที่กำหนดคลิกเลย >> https://makropro.page.link/MHA-NovFB รับ 100 พอยท์ เมื่อสั่งซื้อสินค้าครบ 3,000 บาท รับ 150 พอยท์ เมื่อสั่งซื้อสินค้าครบ 5,000 บาท เฉพาะรายการสั่งซื้อแรก วันนี้ ถึง 31 ธ.ค. 2566*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สินค้าที่ควบคุมทางกฎหมายไม่เข้าร่วมการจัดโปรโมชั่นในครั้งนี้*โปรโมทชั่นสำหรับสมาชิก MHA ที่สมัครสมาชิกสำเร็จก่อนวันที่ 31 ต.ค. 66*สามารถรับพอยต์ได้ ภายใน 12 ขั่วโมง หลังจากรับสินค้าสำเร็จ สำรวจหัวข้อเพิ่มเติม ถัดไป MHA บอกโปร! สินค้าราคาพิเศษ สำหรับสมาชิก MHA เท่านั้น! 13 ธ.ค. 2566
สูตรอาหารเพิ่มเติม5 ข้อที่ร้านสเต็กต้องมี ลูกค้าต้องการมากที่สุด
อย่าพึ่งเลื่อนผ่าน! หากคุณอยากเป็นเจ้าของร้านสเต็ก และอยากรู้ความต้องการของลูกค้า MHA สำรวจเก็บข้อมูลแบบไม่เป็นทางการ กับกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้บริการร้านสเต็กอยู่เป็นประจำ โดยรวบรวมมาเป็น 5 สิ่งสำคัญ ที่ลูกค้าคาดหวังจากร้านสเต็กมากที่สุด ซึ่งช่วยดึงดูดให้ลูกค้าใช้บริการร้านอย่างต่อเนื่องหมายเหตุ : ข้อมูลนี้เป็นการสำรวจเบื้องต้นจากกลุ่มเป้าหมายประมาณ 100 คน โดยคละช่วงอายุและอาชีพ โดยการสอบถามอย่างไม่เป็นทางการ ดังนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข้อมูล กลุ่มตัวอย่างคาดหวังกับคุณภาพของเนื้อสัตว์ ยอมจ่ายแพงถ้าคุณภาพดี 1. กลุ่มตัวอย่างคาดหวังกับคุณภาพของเนื้อสัตว์ ยอมจ่ายแพงถ้าคุณภาพดีกลุ่มตัวอย่างคาดหวังกับคุณภาพของเนื้อสัตว์ที่นำมาสเต็กเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อปลา หรือเนื้อแกะ เนื้อสัตว์ต้องมีความสดใหม่ ไม่มีกลิ่นเหม็น เนื้อต้องนุ่มไม่เหนียว ไม่ว่าจะเป็นเนื้ออะไรก็ตาม จะเป็นเนื้อในประเทศหรืออิมพอร์ตเข้ามา เมื่อเสริฟมาในระดับความสุกที่พอดี ต้องมีความฉ่ำของเนื้อ มาในขนาดชิ้นที่พอเหมาะและสมเหตุสมผลกับราคา กลุ่มตัวอย่างให้ข้อมูลเพิ่มอีกว่า ถ้าเนื้อสัตว์ดีจริงจะยอมจ่ายแพงขึ้น และจ่ายมากขึ้นตามคุณภาพของเนื้อสเต็ก เพราะคุณภาพของเนื้อสัตว์ส่งผลถึงคุณภาพของสเต็กโดยตรง เข้าใจความเป็นสเต็ก เช่น ระดับความสุกที่ลูกค้าต้องการ 2. เข้าใจความเป็นสเต็ก เช่น ระดับความสุกที่ลูกค้าต้องการสเต็กไม่ใช่แค่เนื้อย่าง จะต้องผ่านการหมักเพื่อให้เนื้อมีรสชาติ ต้องมีวิธีการย่างหรือการกริล โดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ความสุกตามระดับที่ลูกค้าต้องการ กลุ่มตัวอย่างให้เหตุผลว่า บางร้านกริลมาจนสุกเกินไป ทำให้เนื้อแห้ง ไม่อร่อย หรือเนื้อดิบทำให้กินไม่ได้ น้ำเกรวี่หรือซอสที่ราดควรจะมีรสชาติอร่อยเข้ม ช่วยชูรสของสเต็กให้ได้รสชาติมากขึ้นแบบไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรุงรสอื่น บางร้านเนื้อสเต็กไม่มีรสชาติเลย น้ำเกรวี่จืด บวกกับเนื้อแห้ง ๆ ไม่มีรสอะไร เจอแบบนี้ทำให้ไม่อยากกลับไปกินอีกเลย เครื่องเคียงครบ ไม่งกน้ำราด 3.เครื่องเคียงครบ ไม่งกน้ำราด และน้ำสลัดไม่อั้นสำหรับเครื่องเคียงที่กินคู่กับสเต็ก เช่น สลัดผัก เฟรนฟราย มันบด ขนมปังเนย อันนี้ต้องมีให้ครบและจำนวนพอเหมาะสมต่อหนึ่งจาน น้ำเกรวี่หรือซอสราดสเต็กต้องให้มาเยอะพอหรือขอเพิ่มได้ ผักสลัดต้องสด ไม่เหี่ยวแห้ง น้ำสลัดเยอะๆ และขอเพิ่มได้เช่นกัน ถ้ามีสลัดบาร์ฟรีไปเลยจะยิ่งดี ถ้าไม่ฟรีจะยอมจ่ายเพิ่ม สลัดผักกินตัดเลี่ยนได้ดี เฟรนฟรายต้องกรอบ โรยเกลือพอประมาณ กลุ่มตัวอย่างให้ข้อมูลว่า เฟรนฟรายนิ่มเหนียวทำให้เสียอารมณ์ในการกิน ส่วนพวกเครื่องเคียงอื่นควรจัดมาให้พอเหมาะกับการกินอิ่มในหนึ่งจานเลยจะดีมาก ราคาเข้าถึงได้ง่ายและสมเหตุสมผล 4.ราคาเข้าถึงได้ง่ายและสมเหตุสมผลร้านสเต็กเป็นร้านที่เข้าใจได้ว่ามีราคาแพงกว่าร้านประเภทอื่น เพราะต้นทุนเนื้อสัตว์แพง แต่ก็ใช่ว่าจะให้มาน้อยจนกินไม่อิ่ม ประกอบกับกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้ายังไม่ฟื้นตัวมากนัก ร้านสเต็กราคาถูกน่าจะตอบโจทย์ได้มากขึ้น ไอเดียสเต็กจานเล็กราคาไม่แพง หรือสเต็กอิ่มคุ้มจานใหญ่กินได้หลายคน น่าจะดึงดูดลูกค้าได้มากทีเดียว .มีเมนูให้เลือกหลายหลาก 5.มีเมนูให้เลือกหลายหลากมีสเต็กให้เลือกหลายประเภทตามชนิดและชิ้นส่วนของเนื้อสัตว์ มีน้ำราดให้เลือกหลากรส สามารถเปลี่ยนเมนูเคียงจานได้ และอาหารทานเล่นก็ควรมีให้เลือกมากเช่นกัน กลุ่มตัวอย่างให้ความเห็นว่า อยากเข้าร้านสเต็กที่มีเมนูให้เลือกหลากหลายเมนู และสามารถเลือกซอสหรือน้ำเกรวี่ได้ด้วย ที่จริงไม่จำเป็นต้องมีเนื้อสัตว์ทุกชนิด แต่ควรมีความหลากหลาย เช่น สเต็กหมู สามารถเลือก เนื้อหมู สันคอ พอร์คช้อป หรือสเต็กแฮม ส่วนสเต็กเนื้อ มีให้เลือกตั้งแต่ ทีโบน เนื้อธรรมดา เนื้อริบอาย เป็นต้น และกลุ่มตัวอย่างหลายคนอยากให้มีสเต็กปลาด้วยบทสรุปผลสำรวจเบื้องต้นมีประเด็นน่าสนใจ คือ จะคัดสรรและรักษาคุณภาพของวัตถุดิบประเภทเนื้อสัตว์อย่างไรให้สดใหม่ได้นาน จะพัฒนาสูตรการหมัก การกริล และสูตรน้ำราดให้ตอบโจทย์รสชาติของคนไทยอย่างไร การบริหารจัดการของเคียงจานให้มีคุณภาพเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุดิบหลัก ทั้งหมดนี้คงต้องอาศัยทั้งการจัดการวัตถุดิบและเพิ่มความเข้าใจในเมนูสเต็กให้ลึกซึ้งมากขึ้นนั่นเอง
สูตรอาหารเพิ่มเติมยำทะเลปลาร้า
อาหาร ประเภทอาหาร ส่วนผสมหลัก ใช้เวลา เสิร์ฟ ไทย สลัดและยำ อาหารทะเล 30 นาที 5 ที่ ส่วนผสม 75 กรัมน้ำตาลมะพร้าว(น้ำยำปลาร้า) 200 กรัมน้ำปลาร้าต้มสุก(น้ำยำปลาร้า) 100 กรัมน้ำมะขามเปียก(น้ำยำปลาร้า) 200 กรัมน้ำมะนาว(น้ำยำปลาร้า) 6 ชิ้นแซลมอลซาซิมิ ตราคิวเฟรช(ส่วนผสมยำทะเลปลาร้า 1 เสิร์ฟ) 5 ชิ้นกุ้งขาวแช่น้ำปลา+น้ำจิ้มซีฟู้ด ตราคิวเฟรช(ส่วนผสมยำทะเลปลาร้า 1 เสิร์ฟ) 100 กรัมน้ำยำปลาร้า(ส่วนผสมยำทะเลปลาร้า 1 เสิร์ฟ) 20 กรัมหอมแขก(ส่วนผสมยำทะเลปลาร้า 1 เสิร์ฟ) 1 ลูกมะนาว(ส่วนผสมยำทะเลปลาร้า 1 เสิร์ฟ) 10 กรัมผักชีใบเลื่อย(ส่วนผสมยำทะเลปลาร้า 1 เสิร์ฟ) 30 กรัมไหลบัว(ส่วนผสมยำทะเลปลาร้า 1 เสิร์ฟ) 20 กรัมมะม่วงเปรี้ยว(ส่วนผสมยำทะเลปลาร้า 1 เสิร์ฟ) 15 กรัมมะเขือเทศราชินี(ส่วนผสมยำทะเลปลาร้า 1 เสิร์ฟ) 20 กรัมพริกจินดาสับ(ส่วนผสมยำทะเลปลาร้า 1 เสิร์ฟ) 10 กรัมพริกขี้หนูสวนสับ(ส่วนผสมยำทะเลปลาร้า 1 เสิร์ฟ) การเตรียมการ เคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว น้ำมะขามเปียก น้ำปลาร้าต้มเป็นเนื้อเดียวกัน พักให้หายร้อนใส่น้ำมะนาวลงไป นำน้ำยำปลาร้าไปปั่นเพื่อให้น้ำยำมีความข้นมากขึ้นและนำไปแช่เย็น ประมาณ 30 นาที คลุกเคล้าน้ำยำรวมกับส่วนผสม พริกขี้หนูสวนสับ พริกจินดาสับ ไหลบัว มะม่วงเปรี้ยว มะเขือเทศราชินี มะนาว หอมแขก ใส่แซลมอลซาซิมิ กุ้งขาวแช่น้ำปลา ของคิวเฟรช ตามด้วยผักชีใบเลื่อย พร้อมเสิร์ฟ
สูตรอาหารเพิ่มเติมไข่ข้นปูล้น
อาหาร ประเภทอาหาร ส่วนผสมหลัก ใช้เวลา เสิร์ฟ ไทย 1 ไก่ 30 นาที 1 ที่ ส่วนผสม 2 ช้อนโต๊ะน้ำมันถั่วเหลือง ตราทับทิม 3 แว่นขิง 3 ต้นต้นหอม 100 กรัมปูก้อน 3 ฟองไข่ไก่ ¼ ช้อนชาพริกไทย ½ ช้อนชาผงปรุงรส 2 ช้อนชาซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชาซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะนมข้นจืด การเตรียมการ ขิง ต้นหอม รองในภาชนะของปูก้อนนำไปนึ่ง ประมาณ 5 นาที เตรียมไข่ไก่ พริกไทย ผงปรุงรส ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม และนมข้นจืดคนให้เข้ากัน ตั้งกระทะใส่น้ำมันถั่วเหลือง ตราทับทิม โดยใช้ไฟกลาง ตามด้วยปูก้อนลงไปผัดให้ขึ้นสี อย่าคนแรง นำไข่ที่ผสมแล้ว ลงกระทะ คนให้ไข่เริ่มจับตัว อย่าให้สุกมาก โรยหน้าด้วยปูก้อนที่ผัดไว้ พร้อมเสิร์ฟ
สูตรอาหารเพิ่มเติมขนมปังปิ้ง 7 หน้า
อาหาร ประเภทอาหาร ส่วนผสมหลัก ใช้เวลา เสิร์ฟ ไทย ขนมหวาน แป้งและขนมปัง 90 นาที 7 ที่ ส่วนผสม 1 แถวขนมปังแซนวิชแบบไม่ตัด 20 กรัมเอโร่ เนยกระเทียม 20 กรัมมาร์การีน 10 กรัมน้ำตาลทรายขาว 20 กรัมนมข้นหวาน 30 กรัมเอโร่ สตอรอเบอรี่ท็อปปิ้ง 20 กรัมเอโร่ ช็อคโกแลตท็อปปิ้ง 30 กรัมเอโร่ ไก่หยอง 20 กรัมน้ำพริกเผาทาขนมปัง การเตรียมการ นำขนมปังแซนวิซมามาตัดขอบออก แบ่งขนมปังเป็น 8 ชิ้น นำขนมปังมาเสียบไม้ตรงกลางของขนมปัง นำไปปิ้งใช้ไฟกลางๆ ปิ้งพอร้อนจากนั้นทาเอโร่มาร์การีนให้ทั่วขนมปัง หน้าที่ 1 ปิ้งให้เนยละลายเกรียมเล็กน้อย โรยน้ำตาลทรายที่ขนมปัง หน้าที่ 2 ราดนมข้นหวาน หน้าที่ 3 ราดสตรอเบอรี่ท็อปปิ้ง หน้าที่ 4 ราดบลูเบอร์รี่ท็อปปิ้ง หน้าที่ 5 ราด ช็อคโกแลตท็อปปิ้ง หน้าที่ 6 ทา นยกระเทียม หน้าที่ 7 ทา น้ำพริกเผาโรยไก่หยอง
สูตรอาหารเพิ่มเติมสปาเก็ตตี้ไส้กรอกแฟรงค์ไก่หนังกรอบ
อาหาร ประเภทอาหาร ส่วนผสมหลัก ใช้เวลา เสิร์ฟ ไทย 1 ไก่ 30 นาที 1 ที่ ส่วนผสม 2 ช้อนโต๊ะซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะซอสพริก 2 ช้อนโต๊ะซอสโชยุ 2 ช้อนโต๊ะน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะน้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะเนย 4 กลีบกระเทียม 2 หัวหอมแดง พริกแห้งหั่นแช่น้ำพริกแห้งหั่นแช่น้ำ 50 กรัมเห็ดออรินจิ 50 กรัมไส้กรอกแฟรงค์ไก่หนังกรอบ ตราเอโร่ 50 กรัมไส้กรอกไก่เบรคฟาสรมควันหนังกรอบ ตราเอโร่ 150 กรัมเส้นสปาเก็ตตี้ต้มสุก 4 ผลมะเขือเทศซันดราย 1 ช้อนโต๊ะพาร์สลีย์สับ 2 ช้อนโต๊ะพาเมซานชีสขูด การเตรียมการ ตั้งน้ำให้เดือด ปรุงเกลือเล็กน้อย ต้มเส้นสปาเก็ตตี้ให้สุก ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ตักขึ้นพักไว้ตามด้วยน้ำมันมะกอกคลุกเคล้าเพื่อไม่ให้เส้นติดกัน ผสม ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก โชยุ น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอก และเนย ตามด้วยกระเทียม หอมแดง พริกแห้งหั่นแช่น้ำ เห็ดออรินจิ ผัดส่วนผสมให้เข้ากันด้วยไฟกลาง ใส่ไส้กรอกแฟรงค์ไก่หนังกรอบ และไส้กรอกไก่เบรคฟาสรมควันหนังกรอบ ที่หั่นเป็นชิ้นแล้วลงไปผัดลงในกระทะ ตามด้วยเส้นสปาเก็ตตี้ มะเขือเทศซันดราย และตัวซอสที่เตรียมไว้ ผัดให้ตัวเส้นและซอสเข้ากัน โรยด้วยพาร์สลีย์สับ และพาเมซานชีสขูด พร้อมเสิร์ฟ
สูตรอาหารเพิ่มเติมไข่นกกระทา
อาหาร ประเภทอาหาร ส่วนผสมหลัก ใช้เวลา เสิร์ฟ ไทย อาหารทานเล่น แป้งและขนมปัง 50 นาที 285 ที่ ส่วนผสม 290 กรัมมันเทศนึ่งสุก(ขนมไข่นกกระทาสีเหลือง) 110 กรัมแป้งมันสำปะหลัง(ขนมไข่นกกระทาสีเหลือง) 30 กรัมแป้งอเนกประสงค์(ขนมไข่นกกระทาสีเหลือง) 1/4 ช้อนชาผงฟู(ขนมไข่นกกระทาสีเหลือง) 70 กรัมน้ำตาลทราย(ขนมไข่นกกระทาสีเหลือง) 1/4 ช้อนชาเกลือ(ขนมไข่นกกระทาสีเหลือง) 50 กรัมกะทิ(ขนมไข่นกกระทาสีเหลือง) 250 กรัมมันม่วงนึ่งสุก(ขนมไข่นกกระทามันม่วง) 100 กรัมแป้งมันสำปะหลัง(ขนมไข่นกกระทามันม่วง) 20 กรัมแป้งอเนกประสงค์(ขนมไข่นกกระทามันม่วง) 1/4 ช้อนชาผงฟู(ขนมไข่นกกระทามันม่วง) 60 กรัมน้ำตาลทราย(ขนมไข่นกกระทามันม่วง) 1/4 ช้อนชาเกลือ(ขนมไข่นกกระทามันม่วง) 40 กรัมกะทิ(ขนมไข่นกกระทามันม่วง) 290 กรัมมันเทศนึ่งสุก(ขนมไข่นกกระทาใบเตย) 50 กรัมใบเตย(ขนมไข่นกกระทาใบเตย) 130 กรัมกะทิ(ขนมไข่นกกระทาใบเตย) 150 กรัมแป้งมันสำปะหลัง(ขนมไข่นกกระทาใบเตย) 40 กรัมแป้งอเนกประสงค์(ขนมไข่นกกระทาใบเตย) 1 ช้อนชาผงฟู(ขนมไข่นกกระทาใบเตย) 750 กรัมน้ำตาลทราย(ขนมไข่นกกระทาใบเตย) 1/2 ช้อนชาเกลือ(ขนมไข่นกกระทาใบเตย) 1/2 ช้อนชาสีผสมอาหารเขียวเข้ม(ขนมไข่นกกระทาใบเตย) 2 ลิตรน้ำมันทับทิม(ส่วนผสมสำหรับทอด) 2 ใบใบเตย(ส่วนผสมสำหรับทอด) การเตรียมการ การทำไข่นกกระทาสีเหลือง นำมันเทศนึ่งสุก บี้ให้แหลก ใส่แป้งมันสำปะหลัง แป้งอเนกประสงค์ และผงฟู ให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลทราย เกลือป่น นวดเข้ากัน ตามด้วยกะทิ นวดส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกัน จนสามารถปั้นได้ ปิดด้วยพลาสติกแล็ป พักไว้ 10-20 นาที ก่อนนำไปปั้น การทำไข่นกกระทาสีม่วง ใส่มันม่วงนึ่งสุก บี้ให้แหลก ใส่แป้งมันสำปะหลัง แป้งอเนกประสงค์ และผงฟู ให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลทราย เกลือป่น นวดเข้ากัน ตามด้วยกะทิ นวดส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกัน จนสามารถปั้นได้ ปิดด้วยพลาสติกแล็ป พักไว้ 10-20 นาที ก่อนนำไปปั้น ไข่นกกระทาสีเขียว นำมันเทศนึ่งสุก บี้ให้แหลก ใส่แป้งมันสำปะหลัง แป้งอเนกประสงค์ และผงฟู ให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลทราย เกลือป่น นวดเข้ากัน ตามด้วยใบเตย และกะทิ ปั่นให้เข้ากัน กรองด้วยผ้าขาวบาง ใช้นิ้วแตะสีผสมอาหาร แล้วนวดมานวดให้สีเนียน ปิดด้วยพลาสติกแล็ป พักไว้ 10-20 นาที ก่อนนำไปปั้น การปั้นและทอด นำก้อนแป้งทั้ง 3 สีมาปั้นกลมลูกละประมาณ 6-8 กรัม เทน้ำมันลงกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่ใบเตยลงไปเพื่อเช็คว่าน้ำมันได้ที่ และเพิ่มความหอมในน้ำมัน อย่าทอดนานเกิน เพราะจะทำให้น้ำมันมีกลิ่นเหม็น นำไข่นกกระทาที่ปั้นไว้แล้วลงไปทอด หมั่นคนเพื่อให้มีสีสวยสม่ำเสมอน่ารับประทาน ใช้เวลา 10-15 นาที เมื่อขนมไข่นกกนะทาลอยขึ้นมา และฟองน้อยลงแล้ว ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน หลังจากทอดเสร็จแล้ว พักให้น้ำมันเย็น กรองน้ำมันเก็บไว้ใช้ครั้งต่อไป
สูตรอาหารเพิ่มเติมข้าวหน้าสันคอย่างยากินิขุ
อาหาร ประเภทอาหาร ส่วนผสมหลัก ใช้เวลา เสิร์ฟ ญี่ปุ่น อาหารจานเนื้อ หมู 30 นาที 1 ที่ ส่วนผสม 100 ก.สันคอหมูสไลด์ 20 ก.ซอสยากินิคุ ปรุงรสเกลือ ปรุงรสพริกไทย 20 ก.ซอสหอยนางรม 50 ก.น้ำซุป 20 ก.ต้นหอมญี่ปุ่น 20 ก.น้ำมัน 1 pc.ไข่แดงดองซีอิ๊ว 3 ก.ต้นหอมซอย 2 ก.งาขาวคั่ว 20 ก.ซอสยากินิคุ(น้ำจิ้ม) 5กระเทียม(น้ำจิ้ม) 5พริกจินดาแดง(น้ำจิ้ม) 20 ก.น้ำมันงา(น้ำจิ้ม) 200 ก.ข้าวตักเสิร์ฟ(น้ำจิ้ม) 350 ก.ข้าวญี่ปุ่น(หุงข้าว) 425 ก.น้ำ(หุงข้าว) 5 ก.ขิง(หุงข้าว) การเตรียมการ นำสันคอมาหมักกับ เกลือและพริกไทย พักไว้ นำไข่แดงมาดองในซีอิ้ว พักไว้ ใส่น้ำมัน 10 g ในกระทะ นำหมูลงไปจี่ให้สุก จากนั้น ใส่ต้นหอมญี่ปุ่น ผัดจนขึ้นสี เติมซอสและน้ำซุป ผัดให้เข้ากัน หุงข้าวโดยล้างข้าวให้สะอาด นำข้าวมาแช่น้ำ 30 นาที จนะเป็นสีขาวขุ่น จากนั้นนำมาหุงพร้อมกับขิงฝาน 5. เมื่อข้าวสุกตักใส่ถ้วย ใส่หมูที่ผัดไว้เรียงลงบนข้าว วางไข่แดงดองซีอิ้ว โรยงาและต้นหอมซอย เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม ยากินิขุ ที่ทำโดยนำส่วนผสมทุกอย่างมาผสมรวมกัน
สูตรอาหารเพิ่มเติมโซเล่คาเฟ่ (Sole Cafe)
อาหาร ประเภทอาหาร ส่วนผสมหลัก ใช้เวลา เสิร์ฟ การเลือกอุปกรณ์และวัตถุดิบ เครื่องดื่ม อื่นๆ 0 นาที 0 ที่
สูตรอาหารเพิ่มเติมอุด้งในซุปแกะ
อาหาร ประเภทอาหาร ส่วนผสมหลัก ใช้เวลา เสิร์ฟ อาหารฮาลาล ก๋วยเตี๋ยว และ พาสต้า แกะ 60 นาที 5 ที่ ส่วนผสม 150 กรัมหัวไชเท้า(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 85 กรัมหอมใหญ่(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 100 กรัมข่า(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 250 กรัมน้ำเปล่า(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 30 กรัมขิง(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 30 กรัมกระเทียม(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 30 กรัมตะไคร้(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 20 กรัมหอมแดง(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 20 กรัมรากผักชี(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 10 กรัมต้นหอมส่วนขาว(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 10 กรัมรากคื่นช่าย(ส่วนผสมน้ำซุปแกะส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 25 กรัมกระเทียมดอง(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 2 ช้อนโต๊ะน้ำกระเทียมดอง(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 20 กรัมอบเชย(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 4-5 ผลลูกจันทร์(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 20 เม็ดพริกไทย(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 4-5 ดอกกานพลู(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 20 เม็ดเม็ดผักชี(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 1 กิโลกรัมซี่โครงแกะ(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 85 กรัมหอมหัวใหญ่(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 5 ลูกมะเขือเทศ(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 2 ลิตรน้ำเปล่า(ส่วนผสมน้ำซุปแกะ) 1 ก้อนอุด้ง แช่แข็ง ตราเอโร่ 200 กรัม(ส่วนผสมสำหรับจัดเสิร์ฟ) ตามชอบพริกขี้หนูสวนทุบพอแตก(ส่วนผสมสำหรับจัดเสิร์ฟ) ตามชอบน้ำมะนาว(ส่วนผสมสำหรับจัดเสิร์ฟ) ตามชอบน้ำปลา(ส่วนผสมสำหรับจัดเสิร์ฟ) ตามชอบหอมเจียว(ส่วนผสมสำหรับจัดเสิร์ฟ) ตามชอบต้นหอม(ส่วนผสมสำหรับจัดเสิร์ฟ) ตามชอบผักชี(ส่วนผสมสำหรับจัดเสิร์ฟ) การเตรียมการ นำหัวไชเท้า หอมใหญ่ ปั่นรวมกันจากนั้นนำไปต้ม ใส่ขิง ข่า หอมแดง ต้นหอมส่วนขาว รากผักชี รากคื่นช่าย ตะไคร้ กระเทียมดองทั้งเนื้อและน้ำ อบเชย ลูกจันทร์ พริกไทย กานพลู เม็ดผักชี ซี่โครงแกะ ต้มให้สุกนุ่ม ตักซี่โครงออกพักไว้ กรองเอาแต่น้ำมาตั้งไฟใหม่ ใส่มะเขือเทศ หอมใหญ่ พริกขี้หนูสวนทุบ ตั้งน้ำให้เดือดลวกเส้นอุด้ง ในน้ำเดือดนาน 1 นาที ตักใส่ชามใส่ซี่โครง มะเขือเทศ หอมใหญ่ กระเทียมเจียว ต้นหอมผักชี ตักน้ำซุปราด ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลาตามชอบ
สูตรอาหารเพิ่มเติมตับผัดถั่วงอก
อาหาร ประเภทอาหาร ส่วนผสมหลัก ใช้เวลา เสิร์ฟ ไทย Dishes Pork 20 Min 1 ที่ ส่วนผสม 200 กรัมตับหมู 7 กรัมกระเทียม 50 กรัมถั่วงอก 15 กรัมใบกุยช่าย 30 กรัมซอสผัดอเนกประสงค์ ตราเอโร่ 2 กรัมพริกไทยป่น การเตรียมการ ตั้งกระทะไฟปานกลางใส่น้ำมัน ผัดกระเทียมให้มีกลิ่นหอม นำตับหมู ใส่ลงผัดกับกระเทียม พอตับหมูเริ่มสุกใส่ถั่วงอก และใบกุยช่าย ลงผัดตาม ปรุงรสด้วยซอสผัดอเนกประสงค์ตรา เอโร่ ผัดให้เข้ากัน ผัดให้ทุกอย่างสุก ตักตับหมูผัดถั่วงอกใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
สูตรอาหารเพิ่มเติมแม็คโคร ยืนหนึ่งวัตถุดิบนานาชาติ จัดงานเทศกาล Sense of Japan ครบทุกรสชาติความอร่อยส่งตรงจากญี่ปุ่น รวมสินค้ากว่า 500 รายการ ตอบโจทย์ผู้ประกอบการ รับเทรนด์ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นเติบโต
ข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) เผยผลสำรวจตัวเลขร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยปี 2566 ที่ผ่านมา มีมากกว่า 5,751 ร้าน ถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนการเติบโตราว 8% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นทั้งในพื้นที่กรุงเทพและต่างจังหวัด รวมถึงการกลับมาของลูกค้าและนักท่องเที่ยว จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการร้านอาหารญี่ปุ่น แม็คโคร ภายใต้บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้นำค้าส่งและศูนย์รวมวัตถุดิบคุณภาพในราคาที่เอื้อมถึง ปักหมุดแหล่งรวมวัตถุดิบคุณภาพจากทั่วทุกมุมโลก เข้าใจความต้องการของผู้ประกอบการร้านอาหาร และลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น จัดงาน “เทศกาล Sense of Japan ครบทุกรสชาติความอร่อยแบบญี่ปุ่น” โดย นายโอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายคุโรดะ จุน ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น สำนักงานกรุงเทพฯ ร่วมเปิดงาน โดยมี นายเมทิน ออซเยอร์ทลู รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร - หน่วยธุรกิจแม็คโคร ประเทศไทย สายงานบริหารสินค้า พร้อมคณะผู้บริหารให้การต้อนรับ ณ แม็คโคร สาขาศรีนครินทร์ สินค้าไฮไลท์ปีนี้ แม็คโคร ขนทัพสินค้า aro ตอบโจทย์ผู้ประกอบการณ์ร้านอาหารญี่ปุ่น อาทิเช่น aro ข้าวญี่ปุ่นซาซานิชิกิ aro ซอสยากินิกุ aro ซอสผัดสไตล์ญี่ปุ่น รวมถึงแบรนด์ aro gold นำเสนอเนื้อวัวญี่ปุ่นแท้ๆ จากจังหวัดโทคุชิม่า พร้อมเปิดตัวเนื้อวัววากิว แบรนด์ คิวชูโอะ รวมถึงอาหารทะเลสดและซูชิ จาก “ซีพี อูโอริกิ” นอกจากนี้ยังมีเครื่องปรุงนำเข้าจากญี่ปุ่น ขนมนำเข้านานาชาติ สินค้าแปรรูปแช่แข็ง และเบเกอรี่อีกมากมาย ในงานมีสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นยอดนิยมได้แก่ ปลาซาบะญี่ปุ่น มันหวานญี่ปุ่น อูด้ง ผงปรุงฮอนดาชิ เต้าเจี้ยว และแกงกะหรี่ นอกจากนี้ยังมีการส่งตรงสินค้าวัตถุดิบจากประเทศญี่ปุ่นราว 200 รายการ พร้อมทั้งมีสินค้าตอบโจทย์ร้านอาหารญี่ปุ่นอีก 300 รายการ รวมกว่า 500 รายการ มาจัดโปรโมชันสุดพิเศษ สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถมาร่วมช้อป ชิม ในงาน “เทศกาล Sense of Japan ครบทุกรสชาติความอร่อยแบบญี่ปุ่น” จัดขึ้น ณ แม็คโคร ศรีนครินทร์ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 กรกฎาคมนี้ ส่วนแม็คโครสาขาอื่นๆก็สามารถรับ โปรโมชันเดียวกันนี้ได้ถึง 4 สิงหาคม 2567 ทุกสาขามากกว่า 160 แห่งทั่วประเทศ หรือสามารถสั่งซื้อออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Makro PRO ได้เช่นกัน
สูตรอาหารเพิ่มเติมแม็คโคร ยืนหนึ่งแหล่งรวมอาหารสดคุณภาพเพื่อผู้ประกอบการ ดึง เชฟวิชิต มุกุระ เชฟมิชลินสตาร์ จัดเทศกาลอาหารระดับโลก (World of Cuisines) ภายใต้คอนเซ็ปต์ Taste of Thai
จัด เทศกาลอาหารระดับโลก (World of Cuisines) ภายใต้คอนเซ็ปต์ Taste of Thai แม็คโคร ผู้นำธุรกิจค้าส่งภายใต้ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) โดย Makro Horeca Academy ร่วมมือกับ เชฟวิชิต มุกุระ เชฟอาหารไทยระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว จัดงาน “เทศกาลอาหารระดับโลก (World of Cuisines) ครั้งนี้มาในคอนเซปต์ “Taste of Thai ชูซอฟต์พาวเวอร์เสน่ห์อาหารไทยระดับโลก” ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นอีเวนต์ที่ 2 ของโครงการ “เทศกาลอาหารระดับโลก หรือ World of Cuisines” ที่ Makro Horeca Academy จัดขึ้น โดยมีกิจกรรมรวมทั้งสิ้น 9 ครั้งตลอดปี และมีธีมที่แตกต่างกัน เช่น อาหารจีน อาหารไทย อาหารเกาหลี อาหารญี่ปุ่น และอาหารตะวันตก ภายใต้พันธกิจของ แม็คโคร สู่การเป็นผู้นำด้านวัตถุดิบสำหรับอาหารนานาชาติ (World of Cuisines) โดยงานนี้ เชฟวิชิต มุกุระ ได้รังสรรเมนูอาหารกลางวันสุดพิเศษ ให้กับลูกค้าคนสำคัญ ด้วยไฮไลท์ คือ การทำอาหารไทย ด้วยเนื้อสัตว์คุณภาพดี เกรดพรีเมียม เครื่องปรุงและวัตถุดิบไทยและนำเข้าจากต่างประเทศ เป็นการตอกย้ำว่า แม็คโคร มีการพัฒนาวัตถุดิบในการประกอบอาหารในทุกสไตล์ ตอบโจทย์กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารในทุกระดับ รวมถึงลูกค้าทั่วไป สะท้อนภาพลักษณ์การเป็นผู้นำด้านวัตถุดิบและอาหารสด (Fresh Food Leadership) จากแหล่งคุณภาพทั่วทุกมุมโลก
สูตรอาหารเพิ่มเติม“แม็คโคร” ตอกย้ำผู้นำอาหารสดในภูมิภาคเอเชีย ส่งเสริมเกษตรกรไทย พร้อมเป็นศูนย์กลางวัตถุดิบคุณภาพจากทั่วโลก ในเวที THAIFEX-ANUGA ASIA 2024
28 พฤษภาคม 2567 – ‘แม็คโคร’ ภายใต้ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำผู้นำอาหารสดในภูมิภาคเอเชีย ให้การต้อนรับ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ (ลำดับที่ 5 จากซ้าย) ในงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2024 โดยมีนางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (ลำดับที่ 3 จากขวา) และนางสาวมาลินี สุวัฒนโชติ รองผู้อำนวยการฝ่ายสินค้า Own Brand (ลำดับที่ 4 จากซ้าย) พาเยี่ยมชมบูธของแม็คโคร ที่เน้นศักยภาพและความหลากหลายทางวัตถุดิบจากแหล่งผลิตชั้นนำทั่วโลก ตลอดจนส่งเสริมผลผลิตจากเกษตรกรท้องถิ่น และผู้ประกอบการรายย่อยสู่ตลาดสากล พร้อมยกระดับสินค้า Own Brand ของไทย ให้มีมาตรฐานระดับสากล เพื่อจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ สอดรับนโยบาย ‘ครัวไทยสู่ครัวโลก’ ส่งเสริมอาหารไทยได้รับความนิยมทั่วโลก พร้อมเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์สินค้าอาหารไทยรายใหญ่ของโลก THAIFEX-ANUGA ASIA 2024 งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่และครบวงจรที่สุดแห่งเอเชีย จัดโดย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ่ เยอรมนี ในปีนี้ เป็นการจัดงานภายใต้แนวคิด Beyond Food Experience ซึ่งแม็คโครได้นำสินค้ามาจัดแสดงโชว์ศักยภาพความหลากหลายทางวัตถุดิบจากแหล่งผลิตชั้นนำของโลก พร้อมทั้งจัดกิจกรรม Chef Cooking Show ที่มีเชฟมือดีมาสาธิตทำเมนูคาวหวานในกระแสนิยม ตลอด 5 วันจัดงาน ณ บูท UU15 ฮอลล์ 12 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน นี้ หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Makro-แม็คโคร
สูตรอาหารเพิ่มเติมแม็คโคร จับมือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนับสนุนเอสเอ็มอี เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตสู่ความสำเร็จ ร่วมออกบูธภายในงาน “มหกรรมรวมพลัง SME ไทย : Thailand SME Synergy Expo 2024”
นางสุพรศรี นาคธนสุกาญจน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารธุรกิจค้าปลีก (ลำดับที่ 2 จากขวา) และ นายวีระชัย ตู้วชิรกุล ประธานการจัดงานแม็คโคร โชห่วยออนทัวร์ 2024 (ลำดับที่ 3 จากซ้าย ) บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจห้างค้าส่ง แม็คโคร ให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (ลำดับที่ 4 จากซ้าย ) ประธานเปิดงาน “มหกรรมรวมพลัง SME ไทย : Thailand SME Synergy Expo 2024” งานมหกรรมสุดยอดแห่งปี 2567 พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ งานนี้จัดขึ้นเพื่อจุดประกายพา SMEs ไทย เติบโตอย่างมีพลัง โดยภายในงาน แม็คโคร มิตรแท้โชห่วย ได้นำเสนอโซลูชั่น Makro Ecosystem ตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการร้านที่สามารถเชื่อมต่อทุกช่องทางการซื้อขายอย่างครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการรายย่อย ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน ณ Hall 5-6 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 19 – 23 มิถุนายน 2567 ติดตามข้อมูลและข่าวสารต่างๆ ของบริษัทฯ ผ่านช่องทาง ดังนี้ เว็บไซต์ https://www.cpaxtra.com/th/home เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/cpaxtrathailand ติ๊กต็อก https://www.tiktok.com/@makrothailand ลิงค์อิน https://www.linkedin.com/company/cp-axtra-public-company-limited/
สูตรอาหารเพิ่มเติมCP AXTRA ตอกย้ำจุดยืน “สร้างงาน สร้างอาชีพ” ให้คนไทยในทุกมิติของสังคม พร้อมสานต่อการเดินหน้าสร้างงาน สร้างอาชีพ 400,000 ราย ภายในปี 2573
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่สร้างความยั่งยืนในทุกมิติ โดยการดำเนินงานของแม็คโคร-โลตัส ยึดมั่นในปรัชญา 3 ประโยชน์ คือ ไม่ว่าจะไปทำธุรกิจที่ไหน ต้องคำนึงถึงประโยชน์ต่อประเทศนั้นๆ ประชาชนได้รับประโยชน์ และทำธุรกิจของบริษัทควบคู่ไปกับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม การกำกับดูแลกิจการที่ดี และผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และหนึ่งในการดำเนินธุรกิจให้เกิดความยั่งยืนก็คือการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนในสังคม ปัจจุบันสถานการณ์ด้านแรงงานได้เปลี่ยนแปลงไป และเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Complete Aged Society) หรือ การมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ของประชากรทั้งประเทศ และจะกลายเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอด (Super Aged Society) นั่นหมายถึง ทั้งประเทศไทยจะมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป สูงถึง 28% ในปี 2576 ดังนั้น “การจ้างงานผู้สูงอายุ” ถือเป็นหนึ่งในมาตรการรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ ซึ่งจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีรายได้หลังเกษียณอย่างเพียงพอ และช่วยบรรเทาภาระงบประมาณภาครัฐ อีกทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในบางวิชาชีพ โดยปัจจุบันหลายองค์กรได้เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้รับการจ้างงานมากขึ้น และตลาดแรงงานเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปจากเดิม สอดรับกับสังคมผู้สูงอายุที่กำลังขยายตัว บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจห้างค้าส่ง แม็คโคร และ ห้างค้าปลีก โลตัส ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการเตรียมตัวรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุสามารถเป็นส่วนหนึ่งของตลาดแรงงานมากขึ้น ตระหนักถึงการสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้เป็นหนึ่งในกำลังแรงงาน พร้อมมีเจตนารมณ์มุ่งมั่นในการทำธุรกิจเคียงข้างสังคมไทย เพราะไม่เพียงช่วยให้เกิดรายได้เท่านั้น แต่ยังช่วยลดภาระพึ่งพิงสวัสดิการจากภาครัฐ ไปพร้อมการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้สูงอายุอีกด้วย โดย “โครงการ 60 ยังแจ๋ว” เป็นหนึ่งในโครงการที่ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 ล่าสุด ซีพี แอ็กซ์ตร้า ตอกย้ำจุดยืนการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนไทย ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำให้ผู้สูงอายุ ร่วมกับ กรมการจัดหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อร่วมมือกันเดินหน้าจ้างงานผู้สูงอายุผ่าน 3 กิจกรรมในโครงการ “60 ยังแจ๋ว” ประกอบด้วย 1.การจ้างงาน ผู้สูงอายุ ปฏิบัติงานในสาขาของ แม็คโคร และโลตัส ตำแหน่งที่เปิดรับ อาทิ พนักงานจัดเรียงสินค้า, พนักงานชั่งน้ำหนักสินค้า และ พนักงานบริการลูกค้า 2.เถ้าแก่วัยเก๋า โครงการฝึกอาชีพ สร้างรายได้ให้กับผู้สูงอายุที่ต้องการทำงานอิสระหรือมีธุรกิจของตนเอง 3. ตลาดสุขใจวัยเก๋า เปิดพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้กับพ่อค้าแม่ค้าสูงวัยในพื้นที่ของสาขาแม็คโคร-โลตัส โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตอกย้ำการสร้างงาน สร้างอาชีพ เป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสให้กับคนไทย ซีพี แอ็กซ์ตร้า ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นเดินหน้าโครงการ “สร้างงาน สร้างอาชีพ” ในทุกมิติ เพราะถือเป็นหัวใจของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยให้การสนับสนุนในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น การฝึกอบรม พัฒนาทักษะฝีมือแรงงานในทุกมิติ การจ้างงานผ่านทุกส่วนในธุรกิจ การสร้างงานในกลุ่มเปราะบาง เช่น กลุ่มคนพิการและผู้ต้องขัง การสร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรและเอสเอ็มอี รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อย โดยในปี 2566 สามารถสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนไทยรวมกว่า 262,000 คน และพร้อมเดินหน้าสร้างงาน สร้างอาชีพในทุกมิติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการสร้างงาน 400,000 ราย ภายในปี 2573
สูตรอาหารเพิ่มเติมซีพี แอ็กซ์ตร้า จับมือ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เดินหน้าสร้างโอกาส สร้างอาชีพ มอบทุนการศึกษาตลอดหลักสูตร ให้นักศึกษาได้เรียนฟรีและทำงานจริง ปั้นบุคลากรเข้าสู่สายงานภาคธุรกิจ
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ร่วมมือสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ พัฒนาด้านการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ Work-based Education หรือ การเรียนรู้ควบคู่การฝึกปฏิบัติงานจริงเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างเป็นรูปธรรม โดยปีการศึกษา 2567 มอบทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีรวม 190 ทุน เพื่อให้เยาวชนได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา พร้อมมีรายได้จากการปฏิบัติงานช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว ซึ่งได้เปิด 3 หลักสูตร ได้แก่ • หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการจัดการธุรกิจอาหาร วิชาเอกการจัดการธุรกิจค้าส่งอาหารสมัยใหม่ • หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานวัตกรรมการจัดการเกษตร • หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการจัดการธุรกิจการค้าสมัยใหม่ (สำหรับศึกษา CLMV) ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ที่มุ่งมั่นเคียงข้างสังคมไทยเติมเต็มคุณภาพชีวิต สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างประโยชน์สู่สังคม โดยมีนางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร (ที่ 5 จากซ้าย) นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร (ที่ 4 จากซ้าย) นายวสันต์ สินพิทักษสกุล ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร (ที่ 3 จากซ้าย) นางเอื้ออังกูร ตันวิสุทธิ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร - ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร ประเทศไทย สายงานปฏิบัติการฝ่าย Sales & Operations (ที่ 2 จากซ้าย) นางชลพินทุ์ เจริญพัฒนาสถิตย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล ธุรกิจค้าส่งแม็คโครประเทศไทย (ที่ 1 จากซ้าย) ร่วมกับ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โดย รองศาสตราจารย์ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (ที่ 5 จากขวา) นายสยาม โชคสว่างวงศ์ รองอธิการบดีอาวุโสสายงานบริหาร (ที่ 4 จากขวา) อาจารย์มนตรี คงตระกูลเทียน คณบดี คณะเกษตรนวัตและการจัดการ (ที่ 3 จากขวา) นายพีรพงศ์ หิรัญวิริยะ รองอธิการบดี ส่วนพัฒนานักศึกษาและบริหารทรัพยากร (ที่ 2 จากขวา) และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อนันต์ บุญปาน คณบดี คณะการจัดการธุรกิจอาหาร (ที่ 1 จากขวา) ร่วมเป็นเกียรติ ณ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อเร็วๆนี้
สูตรอาหารเพิ่มเติมแม็คโคร เปิดสาขาใหม่แห่งที่ 2 ในจ.สงขลา รับการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว สนับสนุนสินค้าเกษตรท้องถิ่น เจาะกลุ่มลูกค้าในพื้นที่และนักท่องเที่ยว
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจห้างค้าส่ง “แม็คโคร” ปักธงบุกตลาดสงขลา เดินเกมเจาะกลุ่มลูกค้าในพื้นที่และนักท่องเที่ยว เปิดแม็คโครสาขาใหม่แห่งที่ 2 ในจังหวัดสงขลา ตอบโจทย์ลูกค้าท้องถิ่น รับภาคเศรษฐกิจที่จะเติบโตตามการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว พร้อมเดินหน้าสนับสนุนกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ผ่านการรับซื้ออาหารทะเลจากเกษตรกร ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาส เคียงข้างเกษตรกรไทย นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร เปิดเผยว่า สงขลา เป็นจังหวัดที่มีขนาดเศรษฐกิจเติบโตจากภาคการท่องเที่ยวและบริการ จากการที่ชาวมาเลเซียนิยมเดินทางข้ามจุดผ่านแดนเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่จ.สงขลา ช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสำคัญ เนื่องจากสามารถเดินทางได้สะดวก ทั้งทางบกและทางอากาศ อีกทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม รวมถึงอาหารมีความหลากหลาย จึงเป็นที่นิยมของชาวไทยและชาวต่างชาติ และจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้พื้นที่ จ.สงขลา มีกำลังซื้อสูง เอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ได้รับอานิสงส์เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของภาคท่องเที่ยวและบริการ “แม็คโคร ในฐานะห้างค้าส่งใหญ่ที่มีสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายและมีราคาเข้าถึงง่าย พร้อมตอบโจทย์ผู้ประกอบการในการส่งมอบวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ เพื่อต่อยอดสร้างรายได้ ผลกำไร นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนเกษตรกรในท้องถิ่น ด้วยการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะวัตถุดิบอาหารทะเล เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ GI จากเกษตรกรในพื้นที่ สร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจขององค์กร ตอกย้ำการทำธุรกิจเคียงข้างสังคมไทย รวมถึงการเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาส” นางเสาวลักษณ์ กล่าว นอกจากนี้การเปิด แม็คโคร สาขาสงขลา ยังเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับประชากรในพื้นที่ โดย บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เปิดการจ้างงาน สนับสนุนเกษตรกร และSME รับซื้อผลผลิตในท้องถิ่น ตามปณิธานในการดำเนินธุรกิจเติบโตควบคู่กับชุมชน สังคม อย่างยั่งยืน
สูตรอาหารเพิ่มเติมซีพี แอ็กซ์ตร้า จับมือ สถานทูตสหรัฐอเมริกา เปิดฤดูกาล “นอร์ธเวสต์เชอร์รี่” เก็บสดจากต้น บินตรงภายใน 24 ชม. เสริฟ์ความสดอร่อย ที่แม็คโคร-โลตัส
กรุงเทพฯ 5 กรกฏาคม พ.ศ. 2567 - ซีพี แอ็กซ์ตร้า โดย แม็คโคร-โลตัส ตอกย้ำความเป็นผู้นำอาหารสดในภูมิภาคเอเชีย ร่วมกับ สำนักงานทูตเกษตร (USDA) สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เปิดฤดูกาล “นอร์ธเวสต์เชอร์รี่” นำผลไม้ดังจากรัฐนอร์ธเวสท์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสายพันธุ์ยอดนิยมและมาจากแหล่งปลูกคุณภาพที่ดีที่สุด โดยได้เก็บสดจากต้น บินส่งตรงภายในวัน มอบประสบการณ์ความสด อร่อย ให้กับผู้ที่ชื่นชอบเชอร์รี่ รวมถึงเมนูต่างๆ ของผู้ประกอบการ โดยมี คุณสมนึก ยอดดำเนิน ผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้ออาหารสด ซีพี แอ็กซ์ตร้า (ลำดับที่ 5 จากซ้าย) พร้อมคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ คุณเจนนิเฟอร์ แรฟพิน ตัวแทนปรึกษาฝ่ายการเกษตรภูมิภาค สำนักงานทูตเกษตร (USDA) สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย (ลำดับที่ 4 จากซ้าย ) และคุณคีธ ฮู ผู้อำนวยการระหว่างประเทศ ฝ่ายการตลาด นอร์ธเวสต์ เชอร์รี่ โกลวเวอร์ กรุ๊ป (ลำดับที่ 3 จากซ้าย ) ให้เกียรติร่วมงาน ณ แม็คโคร สาขาลาดพร้าว พบกับสินค้า “นอร์ธเวสต์ เชอร์รี่” สด อร่อย ในราคาคุ้มค่า ตั้งแต่วันนี้ ที่ แม็คโคร และ โลตัส ทุกสาขาที่ร่วมรายการ หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ Makro PRO App. และ Lotus’s Smart App.
สูตรอาหารเพิ่มเติมรองนายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสฉลองเปิด “แม็คโคร ราไวย์โฉมใหม่” ยืนหนึ่งแหล่งค้าส่งสินค้าและวัตถุดิบอาหาร ตอบโจทย์ผู้ประกอบการและผู้บริโภคในพื้นที่ จ.ภูเก็ต
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจห้างค้าส่ง “แม็คโคร” ปรับโฉม แม็คโคร สาขาสาขาราไวย์ จ.ภูเก็ต เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า HoReCa ซึ่งประกอบด้วย โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจจัดเลี้ยง รวมถึงลูกค้าทั่วไป ที่มีความต้องการสินค้าหลากหลายประเภท ซึ่งแม็คโครได้ขยายพื้นที่จำหน่ายสินค้าอาหารสด พร้อมเพิ่มสินค้าและบริการให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น งานนี้ได้รับเกียรติจากนายธีรพงษ์ เถาว์แดง รองนายกเทศมนตรีตำบล ราไวย์ ร่วมเปิดโฉมใหม่ แม็คโคร ราไวย์ โดยมีคณะผู้บริหารแม็คโครให้การต้อนรับ แม็คโคร สาขาราไวย์ นับเป็นห้างค้าส่งรูปแบบ ฟูดเซอร์วิส ที่เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค ด้วยสินค้าและบริการที่หลากหลาย ครบครัน รับกำลังซื้อจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยว รวมถึงกำลังซื้อในช่วงปลายปี 2567 สำหรับพื้นที่ ราไวย์ เป็นย่านที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง สะท้อนจากทำเลที่ตั้ง ราไวย์ เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ต เป็นแหล่งรวมของนักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจที่คึกคัก
สูตรอาหารเพิ่มเติมจัดใหญ่เอาใจคนรักผลไม้ แม็คโคร ส่ง "เทศกาลบุฟเฟ่ต์ทุเรียน และผลไม้ตามฤดูกาล" ยกทุเรียนและผลไม้ตามฤดูกาลทั้งสวน จัดเต็มกินอิ่มไม่อั้น รับวันหยุดยาว 26-28 ก.ค.2567
กรุงเทพฯ 24 กรกฏาคม พ.ศ. 2567 - แม็คโคร ภายใต้บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำอาหารสด ในภูมิภาคเอเชีย คัดสรร ผลไม้สด คุณภาพดี เพื่อลูกค้าและผู้ประกอบการ จัดงาน "เทศกาลบุฟเฟ่ต์ทุเรียน และผลไม้ตามฤดูกาล" ส่งตรงทุเรียนสายพันธุ์ หมอนทอง ยอดนิยม จากเกษตรกรชาวสวนจังหวัดชุมพรและนครศรีธรรมราช ที่มี รสชาติอร่อย เนื้อเยอะ หวานมันกำลังดี และผลไม้ยอดนิยม อาทิ มังคุด เงาะ แตงโม แก้วมังกร และแคนตาลูป พร้อมด้วยเมนูเครื่องเคียง ไอศกรีม และเบเกอรี่ มอบประสบการณ์ความอร่อยแบบจัดเต็ม ให้ลูกค้ากินอิ่มไม่อั้นในราคาหัวละ 599 บาท จุใจ 1 ชั่วโมงเต็ม ที่แม็คโคร สาขาลาดพร้าว และ แม็คโคร สาขาศรีนครินทร์ ช่วงวันหยุดยาว 26-28 กรกฏาคม 2567 นี้ สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถจองคิวผ่านช่องทางออนไลน์ ได้ที่ https://axtra.makro.co.th/3WsdzvB แม็คโคร บุฟเฟ่ต์ทุเรียน และผลไม้ตามฤดูกาล ราคาหัวละ 599 บาท ระยะเวลา 1 ชั่วโมง จัดวันละ 4 รอบ ได้แก่ รอบที่ 1 : เวลา 11.00-12.00 น. รอบที่ 2 : เวลา 12.30-13.30 น. รอบที่ 3 : เวลา 14.00-15.00 น. รอบที่ 4 : เวลา 15.30-16.30 น. ระหว่างวันที่ 26 ก.ค. 2567 - 28 ก.ค. 2567 #ทุเรียน #บุฟเฟ่ต์ #บุฟเฟ่ต์ทุเรียน #Durianbuffet #makro #makrothailand #CPAXTRA
สูตรอาหารเพิ่มเติม“ซีพี แอ็กซ์ตร้า” เปิดผลงานแกร่งไตรมาส 2/67 ทำกำไรสุทธิ 2,176 ล้านบาท เติบโต 43.5% จากปีก่อน กวาดรายได้รวม 126,956 ล้านบาท เดินหน้าสร้างการเติบโตผ่านทุกช่องทางขาย และการขยายสาขาใหม่
8 August 2024 - CP Axtra Public Company Limited (The Company or CPAXT), a leading wholesale and retail businesses under the “Makro-Lotus’s” brand, has reported second-quarter performance for 2024. The Company achieved total revenue of THB 126,956 million, rising 4.4%, and a net profit of THB 2,176 million, rising 43.5% year-on-year (YoY). The impressive growth in the wholesale and retail businesses is driven by same-store sales growth (SSSG), especially the “Omni Channel,” underscoring the achievement of Company’s strategic objectives. Mr. Tanin Buranamanit, Chief Executive Officer - CP AXTRA Public Company Limited, announced the operating results for the second quarter of 2024, highlighting continued growth with a net profit of over THB 2,176 million, an increase of 43.5%, and total revenue of THB 126,956 million, up 4.4% year-over-year. This performance reflects the strong wholesale and retail businesses, both domestically and internationally. A key driver of this success was same-store sales growth (SSSG), with omni channel sales growing to 17.2% of total sales, surpassing the Company’s target. Revenue growth from new store openings, as well as rental and rendering retail services, also contributed to overall performance, with the occupancy rate reaching 93% by the end of the quarter. As a result of the strong Q2 performance, CPAXT recorded a net profit of THB 4,657 million for the first half of 2024, increasing 26.5% year-over-year. In the second half of 2024, CPAXT will continue to drive growth according to its strategies, including: 1. Enhancing strengths in the fresh food & processed food segment: CPAXT will capitalize on its strengths in the food segment to develop fresh food, frozen food, ready-to-cook and ready-to-eat meals, and bakery. The Company aims to differentiate itself and enhance profitability by increasing the sales of own brand products 2. Expanding sales growth across all channels: CPAXT aims to enhance sales especially through omni channel, focusing on offering diverse product choices, improving service quality, and expanding service areas. By leveraging Makro-Lotus's network of over 2,600 branches nationwide as distribution centers and delivery points, the Company plans to develop more salesforce teams to deliver comprehensive services to enterprise customers. 3. Expansion of new stores and refreshment: The Company will continue to open new stores and refresh existing stores. Moreover, it will transform shopping centers into smart community centers that cater to the diverse lifestyles of customers in each area. CPAXT proudly achieved a milestone in sustainable growth. Recently, the Company received national and international recognition, including the “Industry Mover” award for achieving the highest increase in CSA Score 2023 within the Food & Staples Retailing industry, as noted in the S&P Global Sustainability Yearbook 2023. This award reflects the Company’s outstanding sustainability performance compared to its industry peers. CPAXT has also been affirmed “AA-” credit rating from TRIS Ratings, highlighting the continued growth of its operating results, robust financial position, and commitment to sustainable business practices alongside Thai society. With adherence to Environmental, Social, and Governance (ESG) principles, CPAXT is committed to deliver long-term value for shareholders and investors.
สูตรอาหารเพิ่มเติมCPAXT Synergizes with Industry Leaders, Signing MoU to Drive Transition to Sustainable Packaging, Boost Circular Economy, and Strengthen Sustainability in Thailand’s Retail and Wholesale Sector
Mr. Sittichai Serisongsaeng, Inspector General of the Ministry of Natural Resources and Environment, presided over the MoU signing ceremony to mark CP Axtra Public Company Limited’s transition to sustainable packaging in support of the circular economy. The event was honored by the presence of Mr. Metin Ozyurtlu, Chief Commercial Officer (4th from left); Ms. Siriporn Dechsingha, Chief Corporate Communication Officer of CPAXT (5th from left); Ms. Jenica Conde Cruz, Corporate Innovation & Sustainability Manager of Nestlé (Thai) Ltd. (2nd from left); Mr. Tanaporn Khositaphai, Senior Vice President – Commercial of ThaiNamthip Ltd. (6th from left); Mr. Jose Henrique Zeitune, Chief Operating Officer of HaadThip Public Company Limited (7th from left); and Mr. Torpong Triyanond of Patum Vegetable Oil Co. Ltd. (1st from left). Bangkok - 19 August 2024 - CP Axtra Public Company Limited, a leading wholesaler and retailer under the ‘Makro-Lotus’s’ brand, has signed a Memorandum of Understanding (MoU) with four prominent partners: Nestlé (Thai) Limited, ThaiNamthip Company Limited, HaadThip Public Company Limited, and Pathum Vegetable Oil Company Limited. The partnership is poised to advance corporate sustainability, driven by a shared vision to minimize environmental impact. By promoting a circular economy through sustainable packaging, this partnership aims to drive positive change and strengthen sustainability within Thailand’s retail and wholesale industry. Under this MoU, CP Axtra Public Company Limited and its four prominent business partners are spearheading the transition to ‘sustainable packaging’—utilizing recyclable, biodegradable, or recycled materials for the packaging of products sold to CP Axtra. In addition, CP Axtra will replace signage and promotional materials made from polypropylene plastic at its distribution centers with those made from biodegradable or recyclable materials. This initiative aims to promote the adoption of sustainable packaging and encourage sustainable and eco-friendly innovations to ensure the delivery of quality products to customers. CP Axtra is committed to conducting business with a focus on sustainability, considering the economic, social, and environmental impacts across its supply chain. The Company prioritizes the implementation of a circular economy as a core strategy to achieve its corporate sustainability goals by 2030. This includes optimizing resource utilization and waste management, promoting sustainable packaging, and campaigning against single-use packaging through the principles of Reduce, Reuse, and Recycle to minimize environmental and social impacts.
สูตรอาหารเพิ่มเติม