ปลดล๊อค เปิดร้านแล้ว พร้อมเทศกาลส่งท้ายปี มีโอกาสที่ร้านอาหารจะกลับมาคึกคัก จากลูกค้าที่รอจะกลับมานั่งกินที่ร้าน โอกาสทองต้องรีบคว้าดันยอดขายให้สุดปัง ยิ่งถ้ามี Signature Menu ของร้านด้วยจะยิ่งดี เพราะลูกค้ามันจะถามคำถามเปิดทาง “ร้านนี้อะไรอร่อย” นี่จะเป็นนาทีทองของการเชียร์ขาย เมนู Signature Menu ที่คิดมาแล้วว่า ร้านเชี่ยวชาญทำอร่อยแน่นอน มีวัตถุดิบแน่นอน และได้กำไรดีแน่นอน
shutterstock_1451243057.jpg 26.36 MB
แต่ถ้าร้านยังไม่มี Signature Menu ลองเริ่มต้นการกำหนด Signature Menu โดยอาศัยหลักการดังนี้
-
กำหนดว่าเมนูนี้จะอยู่ในหมวดไหน เช่น อาหารจานหลัก อาหารทานเล่น หรือของหวาน เมนู Signature Menu สามารถเป็นเมนูในหมวดใดก็ได้ แต่ต้องมั่นใจว่าเด็ดจริง อาจจะเลือกมาแค่ 1 เมนู หรือจะมีหมวดละ 1 เมนูก็ได้เช่นกัน ยกตัวอย่าง อาจจะเลือกเมนูของคาวขึ้นมา 1 เมนู ที่ได้รับการยืนยันจากลูกค้าแล้วว่าอร่อย ขึ้นมาเป็น Signature เช่น ปลากะพงทอดน้ำปลา ที่ลูกค้ามักจะสั่งเสมอ หรือ ไก่ตะกร้า เมนูทานเล่นง่ายๆ ที่ลูกค้ามักจะสั่งกัน เลือกขึ้นมาเป็นแมนูแนะนำ เชียร์ขายเป็นอันดับแรก เวลาแนะนำออเดอร์ให้กับลูกค้า
-
กำหนดคอนเซปต์ที่ชัดเจน สามารถจัดตกแต่งจานได้ไปในทิศทางเดียวกับอาหารที่ทำ เพราะ Signature Menu จะสร้างการจดจำให้กับร้านได้ดี ดังนั้นต้องมีคอนแซปต์ของจานที่ชัดเจนทั้งการปรุงและการตกแต่งจาน เช่น เมนูไก่ทอดซอสเกาหลี ที่เลือกน่องปีกมาชุบแป้งทอด แล้วคลุกซอสเกาหลี จัดเรียงลงจานทรงสี่เหลี่ยมยาว พร้อมถ้วยซอสเผ็ดเกาหลีกับมายองเนส เสริฟคู่หัวไชเท้าดอง เป็นต้น
image10-.jpg 291.88 KB
-
สร้างสรรค์ชื่อเมนูและมีการจัดรูปเล่มเมนู สร้างการสื่อสารกับลูกค้าให้ดี ลองตั้งชื่อให้เด่น หรือไม่ก็ตั้งตามชื่อร้านไปเลยก็ได้ เช่น กระเพราเสิร์ฟฟีล จากร้านเสิร์ฟฟีล “Mao Tender” สันในไก่ชุบแป้งทอดราดซอส “สูตรเฉพาะ” จากร้านไก่เมา นอกจากนี้ต้องจัดรูปเล่มให้ชัดเจน และเด่นกว่าเมนูอื่น หรือแยกออกมาเป็น “เมนูแนะนำ” ไปเลยก็ได้ บางร้านใช้วิธีการเอาเมนูแนะนำไว้หน้าแรก หรือปริ้นแยกออกมาต่างหากก็เป็นการสื่อสารกับลูกค้าได้ดี และอย่าลืมสื่อสารกับลูกค้าให้กว้างขึ้น ด้วยสื่อโซเชียลมีเดียของร้าน ถ่ายรูปให้สวย ดูน่ากิน และโดดเด่น
shutterstock_1736433824.jpg 696.26 KB
4. เป็นเมนูที่ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน สามารถสอนงานพนักงานในร้านทำได้ หลายคนอาจสงสัยถ้าเป็นเมนูง่าย ๆ แล้วจะเรียกว่า Signature ได้อย่างไร ให้ลองนึกถึงจำนวนออเดอร์ของเมนูที่พนักงานทุกคนในร้านช่วยกันเชียร์ขาย ว่าจะมากกว่าเมนูอื่นขนาดไหน ดังนั้นไม่ควรเป็นเมนูที่ซับซ้อน สามารถเสิร์ฟได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช้เวลามากจนเกินไป แต่ให้มีลักษณะเฉพาะที่ไม่มีร้านไหนเหมือนจะดีกว่า และแน่นอนเพื่อป้องกันการทำไม่ทันตามออเดอร์ลูกค้า หรือทำไม่ได้เพราะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับพ่อครัว-แม่ครัวที่ทำเมนูนี้เป็น เจ้าของร้านควรจะสามารถทำเองได้ และสามารถสอนให้พนักงานในร้านคนอื่นทำเมนูนี้ได้เช่นกัน
5. ต้องคิดถึงวัตถุดิบก่อน และต้องมีการระบุสูตรอาหาร เพื่อเป็นการกำหนดต้นทุน ข้อนี้สำคัญเพราะอาหารแต่ละเมนูมีต้นทุนไม่เท่ากัน ถึงแม้เราจะเชียร์ขาย Signature Menu จนขายดี แต่ถ้าต้นทุนสูงกว่าเมนูอื่น ร้านก็ได้กำไรน้อยอยู่ดี ดังนั้นก่อนจะกำหนดเมนู Signature ต้องเข้าใจกลไกการตั้งราคาก่อน ซึ่งจะต้องมีสูตรอาหารที่ชัดเจน มีการแยกวัตดุดิบที่ใช้ทั้งหมดของแต่ละเมนูออกมาคำนวน เพื่อจะได้ทราบต้นทุนที่แท้จริงของอาหารแต่ละเมนู และจะได้กำไรกี่เปอร์เซ็นเมื่อเทียบกับราคาขาย
และอย่างลืม
“สิ่งสำคัญ” ที่จะต้องนำมาประกอบเป็นเมนูอาหารจานเด่นในร้านมีดังนี้
shutterstock_714935758.jpg 801.9 KB
-
วัตถุดิบ แต่ละชนิดจะต้องมีที่มาที่ไป เช่น วัตถุดิบที่โดดเด่นในแต่ละจังหวัด แต่ละภูมิภาค เช่น อาหารทะเลสดจากอ่าวไทย ชาชั้นดีจากไร่ชาในจังหวัดเชียงราย ปลาทูจากแม่กลอง หรือมะม่วงจากสวนจังหวัดฉะเชิงเทรา ฯลฯ แม้กระทั่งวัตถุดิบพรีเมี่ยมจากต่างประเทศ เช่น เนื้อวากิวจากประเทศญี่ปุ่น แซลม่อนจากนอรเวย์ ฯลฯ วัตถุดิบที่โดดเด่นจะช่วยให้เมนูดูน่าสนใจและมีคุณค่ามากขึ้นจากเมนูปกติ ดังนั้นต้องมีการบอกเล่าเรื่องราวและที่มาของวัตถุดิบเมื่อเราทำการสื่อสารกับลูกค้าเสมอ
-
ระบุคน เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับคนที่คิดค้นสูตร เช่น “โจ๊กโบราณสูตรย่าสา โจ๊กสูตรพิเศษที่ขายมากว่า 20 ปี” “เจ๊นี ต้มเลือดหมู สูตรลับหมูนุ่มเด้ง” หรือ เชฟที่ประกอบอาหาร จะต้องมีการบอกเล่าเบื้องหลัง และประสบการณ์ของเชฟ เช่น “แพนด้าชาบู น้ำจิ้มทีเด็ด โดยเชฟมืออาชีพ ประสบการณ์ 15 ปี การันตีโดยครัวคุณต๋อย” “ไก่ทอดกะโต๊กกะต๊าก โดย เชฟชานนท์ จาก MasterChef Thailand”
shutterstock_1833149050.jpg 809.99 KB
3.
วิธีการทำ เล่าเรื่องวิธีการทำ วิธีการปรุงที่แตกต่างจากที่อื่น แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจ และความละเอียดอ่อนในการทำ ยกตัวอย่าง เมนูนี่ร้านเลือกใช้วิธีการนึ่งโดยใช้ถ่าน เช่น “ซาลาเปาเตาถ่านตลาดหัวหิน” “ผัดไทยเตาถ่านวัดเลียบ” “ร้านบะหมี่ที่ยังใช้ฟืนต้มน้ำแกง” หรือว่าตุ๋นเป็นระยะเวลานานเป็นวันๆ เช่น “เต้าหู้ดำ เต้าหู้ต้มน้ำพะโล้ 3 วัน 3 คืน” “ซิ้มเม่งฮวด ต้นตำหรับเป็นตุ๋นบางบอน” แม้แต่ขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบก็นำมาเล่าได้ เช่น “เป็ดพะโล้เจ๊อิม เป็ดทุกตัวจะถูกทำความสะอาดอย่างปราณีต รับรองไร้กลิ่นสาป” “บะจ่างสูตรอาม่าอึ้ง เคี่ยวไส้จนได้รสจัด ก่อนจะห่อลงนึ่ง ถึงจะช้าแต่อร่อย” “บะหมี่จินฮู่ บะหมี่เส้นสดทำเองไร้สารเคมี” เป็นต้น
shutterstock_1757732129.jpg 241.61 KB
4. วัฒนธรรม เป็นการนำเรื่องของวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ต่าง ๆ ของแต่ละประเทศ มาทำให้เกิดเรื่องราวร่วมกับอาหาร ที่จะเห็นได้ชัดช่วงนี้คือวัฒนธรรมเกาหลี และร้านอาหารเกาหลีที่เปิดมากขึ้น ให้ลองเล่าถึงวัฒนธรรมการกินของคนเกาหลี เช่น การที่ทุกมื้อต้องมีกิมจิมาเป็นส่วนประกอบ จะกินเป็นเครื่องเคียง หรือเอาไปทำเป็นเมนูแนะนำก็ตาม หมูย่างต้องเป็นหมูสามชั้น มีไขมันแทรกชัดเจน ราดซอสก่อนย่าง กินคู่กับผัก และเพิ่มรสชาติด้วยโซจู หรือแม้แต่วัฒนธรรมท้องถิ่นก็นำมาประกอบได้ เช่นกัน “บะหมี่เบตง เส้นเหนียวนุ่มสูตรเฉพาะ” “ขาหมูต้มเค็ม ถั่วลิสงสูตรเจ๊น้อย นครสวรรค์”
shutterstock_108160595.jpg 733.2 KB
5.
ฤดู เมนูที่ปรับเปลี่ยนตามฤดูกาลเมื่อวัตถุดิบนั้น ๆ โดดเด่น เพราะวัตถุดิบบางอย่างจะมีบางฤดูกาลเท่านั้น ในจุดนี้เราสามารถนำมาเป็น Signature Menu ในแต่ละช่วงได้ เช่น ล็อบสเตอร์ภูเก็ตจะมีมากช่วงเดือนกันยายน ดังนั้นเราสามารถสร้างเมนูล็อบสเตอร์เป็น Signature ในช่วงนั้น หรือ สตรอว์เบอร์รี่ ที่จะออกช่วงเดือนธันวาคม สามารถนำมาทำเค้กสตรอว์เบอร์รี่ หรือของหวานจากสตรอว์เบอร์รี่สดได้เช่นกัน