ในช่วงที่ร้านอาหารเผชิญกับสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งแต่ละร้านต้องให้บริการเดลิเวอรี่ หรือแบบซื้อกลับบ้านเท่านั้น ‘เชฟวิลเมนต์ ลีออง’ ได้ถ่ายทอดเทคนิคและเคล็ดลับ สำหรับการบริหารจัดการร้านอาหารในช่วงที่สถานการณ์บังคับให้ต้องปรับตัว ครัวต้องวางระบบแบบไหน วัตถุดิบควรดูแลอย่างไร และเน้นย้ำวิธีการจัดส่งเดลิเวอรี่ที่ให้อาหารยังคงคุณภาพและสะอาดปลอดภัยตามหลัก Food Safety เพื่อให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในทุกจานอาหาร ‘เชฟวิลเมนต์ ลีออง’ ได้รวบรวมประสบการณ์จากการคลุกคลีในวงการอาหารมานานกว่า 30 ปี ผู้ก่อตั้ง Thailand Culinary Academy , ผู้ก่อตั้ง ร้านอาหาร Coal Bistro & Bar และ Bar Mee Cuisine รวมถึงหัวหน้ากรรมการ Top Chef Thailand ซึ่งต่อไปนี้คือ การแชร์ประสบการณ์และแนวคิดโดยเชฟวิลเมนต์ ที่ร้านอาหารต้องรู้ในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญวิกฤต COVID-19
ต้องจัดระบบครัวใหม่อย่างไร เพื่อความมั่นใจในเรื่องการผลิตอาหารที่สะอาดและปลอดภัย ?ผมเปลี่ยนโซนนิ่งในห้องครัว และมีการทำ
Social Distance โดยต้องห่างกันสัก 2 เมตร แล้ว
แบ่งหน้าที่ให้ชัดเจน เพื่อพยายามไม่ให้ทีมงานในครัวคุยกันมากนัก เช่น เมื่อวัตถุดิบเข้ามาจะมีคนที่รับผิดชอบในการล้างทำความสะอาด ตัดแต่งและตกแต่ง เสร็จแล้วนำไปเข้าตู้เย็น อีกคนหนึ่งก็มีหน้าที่เตรียมอาหาร ส่วนคนที่อยู่หน้าเตาก็ให้อยู่เฉพาะตรงหน้าเตา เป็นต้น ดังนั้น
จึงต้องวางแผนใหม่ มีการเปลี่ยนกะกันทำงาน เพื่อพยายามทำให้คนในห้องครัวลดลงเท่าที่จำเป็น ก่อนเข้าครัว - ทีมงานในร้านของผมต้องตรวจอุณภูมิร่างกาย - เสร็จแล้วล้างมือด้วยสบู่ - สวมหมวกและหน้ากาก ที่สำคัญต้องสวมถุงมือ Disposable Glove (ถุงมือใช้แล้วทิ้ง) ตลอดเวลา และเปลี่ยนทุกชั่วโมง ระหว่างทำอาหารยังต้องล้างมือทุก 15 นาที - เรื่องความสะอาดส่วนบุคคล (Personnal Hygeine) สำคัญมาก อย่างเช่น ต้องตัดเล็บตัดผม เวลาทำอาหารต้องไม่ใส่เครื่องประดับ นาฬิกา เพราะเชื้อโรคเกาะที่นาฬิกามากที่สุด ทุกอย่างต้องป้องกันให้มากที่สุด
วัตถุดิบ - สำหรับวัตถุดิบจะรับบริเวณด้านนอกห้องครัว บรรจุภัณฑ์ทุกอย่าง ทั้งกล่องกระดาษ พลาสติก และโฟมต้องนำไปทิ้ง ไม่เก็บไว้ในครัว
คนนอก - ไม่ให้คนภายนอกเข้ามาที่ห้องครัว เพื่อเป็นการป้องกันที่ต้นทาง
เมื่อเกมเปลี่ยนต้องปรับเมนูสำหรับเดลิเวอรี่ แล้วแบบนี้จะทำเมนูอะไรดี ?เวลานี้ต้องเอาชีวิตของร้านให้รอด เราต้อง
นำวัตถุดิบและสิ่งที่มีอยู่มาปรับเปลี่ยนเป็นเมนูที่เหมาะสมสำหรับเดลิเวอรี่ สมมติเมื่อก่อนเมนูของร้านมี 40-50 เมนู ช่วงนี้เหลือเพียง 10-20 เมนูก็พอ ปัจจุบันผมดูแลอยู่ 2 ร้านคือ Coal Bistro & Bar และ Bar Mee Cuisine ผมใช้นโยบายเหมือนกันคือ พยายามทำเมนูที่ง่าย เพื่อคงคุณภาพให้ดีที่สุด นอกจากนี้ต้องดูว่าเมนูเดลิเวอรี่ของเราเหมาะสมหรือไม่ เพราะประเทศไทยอากาศร้อน ต้องคำนึงถึงเรื่องอุณภูมิของอาหารที่ส่งไปบ้านผู้บริโภค เมื่อก่อนทำอาหารเสร็จแล้วเสิร์ฟทันที ภายใน 5 นาทีลูกค้าก็ทานได้แล้ว แต่ปัจจุบันเกมเปลี่ยนไป ลูกค้าต้องรออย่างน้อย 30 นาที - 1 ชั่วโมง ดังนั้นหลายๆ การผลิตอาหารต้องเปลี่ยนไป เพื่อทำให้ลูกค้าทานเข้าไปแล้วจะไม่มีเรื่องของปัญหาสุขภาพ บางเมนูทำไม่ได้เพราะอันตราย เช่น สเต็กมีเดียมแรร์ ต้องระวังอย่างมาก เพราะเมื่อไรที่เนื้อวัวไม่ได้แช่อย่างถูกต้อง หรืออุณหภูมิเสียนิดเดียว มีโอกาสที่ติดเชื้อแบคทีเรียได้ ดีที่สุดคือทุกอย่างต้อง ออกมาจากแนวคิด Food Safety เป็นหลัก แล้วถึงมาดูเรื่องรสชาติ และสุดท้ายดูเรื่องหน้าตา ผมคิดว่านโยบายต้องเป็นอย่างนี้
Delivery อย่างไรให้อาหารคงคุณภาพและสะอาดปลอดภัยตามหลัก Food Safety ?ทุกอย่างต้องนึกถึงเดลิเวอรี่เป็นหลัก เราต้องนึกถึงว่า
เวลาคนจัดส่งอาหารเดลิเวอรี่ทำอย่างไร ขนาดของกล่องบรรทุกของบนมอเตอร์ไซค์ใหญ่แค่ไหน เหมาะสมหรือเปล่า ดังนั้นต้องไม่ใช้บรรจุภัณฑ์ใส่อาหารที่มีไซส์แปลกประหลาดเอาความสวยงามแต่ใส่แล้วขนส่งไม่ได้ รวมทั้งเราอาจจะต้องมี
แอลกอฮอล์ให้เขาเอาไว้เช็ดกล่องอาหารด้วย ลงทุนสักนิดเพื่อป้องกันลูกค้าของเรา นโยบายของผมคือ
ทำให้ไวรัสไม่มีโอกาสเกาะติด อย่างที่ร้าน Bar Mee Cuisine ส่งเดลิเวอรี่แบบเย็น เวลาแพ็กใส่กล่องทุกส่วนต้องเย็น อย่างพวกเส้นจะผ่านการทำให้เย็นจัด โดยให้ลูกค้านำไปอุ่นในไมโครเวฟ ซึ่งยังสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานถึง 2 วันด้วย ส่วน Coal Bistro & Bar เมนูทุกอย่างจะทำสุกไว้ล่วงหน้า ใส่ตู้เย็นทำให้เย็นเร็วที่สุด เมื่อลูกค้าออเดอร์มาเราจะอุ่นให้ร้อนอีกครั้ง วิธีการอุ่นอย่างน้อยต้อง 90 องศาเซลเชียส ซึ่งจะทำให้รสชาติคงตัวและป้องกันเชื้อโรค
อ่านเพิ่มเติมเรื่องเดลิเวอรี่ ขายอาหารเดลิเวอรี่ อย่าลืมต้นทุนแฝง ขายผ่าน App Food Delivery หรือขี่มอเตอร์ไซต์ส่งเอง แบบไหนดีกว่ากัน? ต่อยอด Food Delivery เอาดีๆ รวยได้!
ช่วง Slow Sale จะมีบริหารจัดการวัตถุดิบอย่างไร ? อันดับแรกหาวัตถุดิบที่มีในตลาด เราต้องเปลี่ยนความคิด อาจจะเคยใช้วัตถุดิบที่ดีจากต่างประเทศหรือในประเทศที่หาซื้อยาก เพื่อทำให้ร้านมีเอกลักษณ์ แต่ช่วงนี้ต้อง
ค้นหาซื้อวัตถุดิบที่หาซื้อง่ายๆ และไม่ขาดตลาด แล้วนำมาคิดเมนูใหม่ เราต้องปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจให้อยู่รอดให้ได้ วัตถุดิบไม่ต้องตุนเยอะ พยายามทำเมนูแบบวันต่อวัน ในปริมาณน้อยที่สุด เพราะป้องกันเรื่องแบคทีเรีย อากาศประเทศไทยร้อน วัตถุดิบที่ส่งมาในอุณภูมิที่ความเย็นไม่เหมาะสมจะทำให้มีเชื้อแบคทีเรียได้ ยกตัวอย่างเช่น เนื้อหมู สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อมีการขนส่งมาคือ ต้องจับดูว่าหมูเย็นหรือไม่ เพราะความร้อนอาจจะทำให้หมูมีเชื้อแบคทีเรียได้ และแม้ว่าหมูยังมีความเย็นอยู่ก็ยังไม่เพียพอ ต้องนำมาแช่ในน้ำแข็งให้เร็วที่สุด จากนั้นทำการตัดแต่ง เสร็จแล้วทำให้สุกและทำให้เย็นเร็วที่สุด เพื่อป้องกันอุณภูมิตามมาตรฐานอาหารปลอดภัยอุณหภูมิต้องต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส และมากกว่า 60 องศาเซลเซียสขึ้นไป ดังนั้นช่วงระหว่างตรงกลาง 50 องศาเซลเซียสจะอันตรายมาก ต้องพยายามทำให้วัตถุดิบอยู่ในอุณภูมิช่วงนี้สั้นที่สุด แบบนี้จะไม่ติดเชื้อแบคทีเรีย สามารถนำไปแช่ตู้เย็น ลูกค้าสั่งเข้ามาก็ค่อยนำมาอุ่นอีกครั้งหนึ่ง
เทคนิคการดูแลวัตถุดิบ เก็บวัตถุดิบ ช่วง
Slow Sale ต้องทำอย่างไรบ้าง
?ผมแนะนำแล้วว่า
ต้องคิดเมนูเฉพาะ และพยายามใช้เนื้อสัตว์ส่วนที่เป็นแช่แข็งได้ วิธีการของเราคือแยกแพ็คเป็นส่วนๆ 1 แพ็คต่อ 1 Portion จากนั้นเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส เวลาลูกค้าออเดอร์ก็หยิบออกมา ผมรู้ว่าวิธีนี้จะใช้พลาสติกเยอะมาก แต่เวลานี้ต้องทำ อย่างเช่น กุ้ง 5 ตัวต่อ Portion ก็แพ็ค 1 ถุงแล้วแช่แข็งไว้ในตู้ฟรีซ แบบนี้จะอยู่ได้เป็นเดือน ไม่มีแบคทีเรียเกาะแน่นอน เมื่อมีออเดอร์เข้ามา ก็หยิบออกมาละลายด้วยไมโครเวฟ ประมาณ 1 นาที หลังจากที่ละลายเสร็จแล้วก็ต้องรีบให้สุกด้วยความรวดเร็วที่สุด ซอสทุกชนิดก็แช่แข็งเหมือนกัน
สำหรับผัก เก็บไว้ในอุณหภูมิระหว่าง 10-18 องศาเซลเซียส เพราะถ้าเย็นจัดจะเหี่ยวและเน่า เพราะฉะนั้นเก็บรักษาในตู้เย็นธรรมดานั่นแหละ แต่มีเคล็ดลับคือ ต้องทำความสะอาดอย่างเข้มข้น โดยอาจจะใช้น้ำยาล้างผัก ซึ่งบางสูตรจะผสมผงเบกกิ้งโซดาเพื่อทำให้แบคทีเรียที่ติดอยู่ออกไป หรือล้างด้วยน้ำเปล่าแต่ต้องพยายามล้างด้วยน้ำเย็น ล้างอย่างน้อย 3 ครั้ง ครั้งแรกเพื่อล้างเอาดินออก ครั้งที่ 2 เด็ดสิ่งที่ไม่ต้องการทิ้ง และครั้งที่ 3 ล้างแล้วสะเด็ดน้ำออก จากนั้นให้เอากระดาษทิชชูชุบน้ำแล้วห่อ แพ็กถุงพลาสติกใส่ในตู้เย็น กระดาษจะมีความชื้นช่วยให้ผักไม่เหี่ยวเร็ว อย่างนี้อยู่ได้นาน นอกจากนั้น
ควรแบ่งตู้เย็นเป็นสองส่วน ส่วนแรกสำหรับปฏิบัติงาน ส่วนหนึ่งแบ่งเก็บของ เช่นกำหนดวัตถุดิบเอาไว้ขาย 100 ที่ต่อวัน ตู้เย็นส่วนนี้ควรใส่ไว้ 100 ชุดก็พอ อีกส่วนหนึ่งสำหรับสต็อกวัตถุดิบ แบบนี้จะทำให้ไม่ต้องเปิดปิดตู้เย็นบ่อยๆ เพื่อทำให้ Shelf Life นานกว่าปกติ และหากเป็นตู้เย็นแบบธรรมดา อุณหภูมิเย็นไม่ถึง 5 องศาเซลเซียส ให้ซื้อหรือทำน้ำแข็งเองแล้วแพ็คเนื้อสัตว์แช่น้ำแข็งใส่ในตู้เย็น แบบนี้จะช่วยทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นหลายองศา ดึงเวลา 2-3 วันได้สบายๆ เรียนฟรี! ตอนนี้เลย คอร์สเรียนออนไลน์ "
เทคนิคการจัดเก็บวัตถุดิบอย่างมืออาชีพ" โดย เชฟวิลเมนต์ ลีออง อ่านเพิ่มเติม เรื่อง
การจัดเก็บวัตถุดิบ ของแห้ง ของแช่เย็น และของแช่แข็ง และขั้นตอนการนำวัตถุดิบไปใช้ตามหลัก FIFO
อะไรคือองค์ประกอบที่จะทำให้ร้านอาหารรอดพ้นวิกฤติ COVID-19 นี้ได้ ?
- เจ้าของร้านและผู้บริหารร้าน ต้องมีมุมมองใหม่และแบ่งความคิดครึ่งหนึ่งไปที่ห้องครัว ต้องอธิบายกับพนักงานว่าต้องทำนโยบายเหล่านี้ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่รอด ดังนั้นต้องให้พนักงานตั้งระบบใหม่
- คิดเมนูใหม่ ทำให้เหมาะกับพฤติกรรมของลูกค้าในปัจจุบัน และตามสถานการณ์
- วัตถุดิบ เลือกที่หาซื้อสะดวกและถึงเร็วที่สุด จากนั้นนำเก็บรักษาอย่างดีที่สุด
- เดลิเวอรี่ ต้องนึกถึงคนขับมอเตอร์ไซค์ด้วยว่าใช้เวลาส่งอาหารนานเท่าไหร่
วิกฤตินี้ทุกคนต้องช่วยเหลือกัน ร้านอาหารต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อทำให้ลูกค้าไว้วางใจ ว่าทานอาหารของเราแล้วไม่มีปัญหา ดังนั้นต้องปรับเรื่องการบริหารด้วย คือ 1. ต้องบริหารห้องครัวใหม่ คิดเมนูใหม่ อย่าลืมว่าปัจจุบันทั้งประเทศไทยต้องให้บริการเดลิเวอรี่ทุกร้าน 2. ชูประเด็น Food Safety ให้ลูกค้ารับรู้และไว้วางใจโดยอธิบายขั้นตอนว่าร้านมีมาตราการอย่างไร 3. ต้องเน้นเรื่องความปลอดภัย คุณภาพและรสชาติตามมา
เมื่อสถานการณ์กลับสู่ปกติ อยากชวนให้แต่ละร้านมาร่วมกันยึดแนวทาง
Food Safety ต่อไปอย่างไร
?“สิ่งที่ผมอธิบายมา
ทุกข้อเป็นจรรยาบรรณของคนทำอาหาร ที่ต้องทำทุกวันอยู่แล้ว การทำอาหารเป็นเรื่องลึกซึ้ง ความรู้ต้องมีเยอะพอสมควร ทุกข้อที่อธิบายไปนั้น ผมทำตั้งแต่วันแรกที่เป็นเชฟ เป็นเวลา 30 ปีแล้ว ดังนั้นเมื่อเกิดวิกฤติครั้งนี้ ร้านของเราจึงไม่ตื่นตระหนก เพราะทำกันทุกวัน แต่ช่วงนี้ต้องเพิ่มความเข้มงวดขึ้น บางอย่างต้องปรับเปลี่ยน หลังจากวิกฤตินี้ ผมก็อยากให้คนที่ทำร้านอาหารและเชฟ
ต้องทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพราะเมื่อไรที่สามารถทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เราจะอยู่ได้นาน อาหารอร่อยและปลอดภัยทุกคนก็จะยอมรับ อาชีพเชฟก็เหมือนหมอ หมอสั่งยาให้คนไข้กิน คนไข้ก็ไว้ใจหมอ เชฟก็เหมือนกัน คุณทำอาหารให้คนกิน เราต้องรับผิดชอบด้วย
COVID-19 เป็นบทเรียนที่ดีให้กับคนที่ทำอาหาร เรื่อง Food Safety สำคัญมากๆ เพราะเราต้องดูแลชีวิตของลูกค้า” คอร์สเรียนออนไลน์ โดย เชฟวิลเมนต์ ลีออง เรียนฟรี
! ตอนนี้เลย คอร์ส
เทคนิคการจัดเก็บวัตถุดิบอย่างมืออาชีพ คอร์ส
การออกแบบครัว เพื่อการใช้งานอย่างมืออาชีพ