ข้ามไปที่เนื้อหา

ภาษา

รถเข็น
ไหนใครว่าเปิดร้านอาหารแล้วเสี่ยงเจ๊ง ?

ไหนใครว่าเปิดร้านอาหารแล้วเสี่ยงเจ๊ง ?

"ไหนใครว่าเปิดร้านอาหารแล้วเสี่ยงเจ๊ง ?
ชวนส่อง 5 ความเสี่ยงที่ "ป้องกัน" ได้สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารมือใหม่ 
ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่กำลังเริ่มเปิดร้านอาหาร คงต้องนึกถึงเรื่องของความอร่อยและคุณภาพของอาหารและความคิดสร้างสรรค์ของเมนูอาหาร นอกจากในเรื่องของความอร่อยแล้ว ในขณะเดียวกันการเปิดร้านอาหารก็เต็มไปด้วยความท้าทายและความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การปิดตัวได้หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี

 อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงหลายประการสามารถป้องกันและลดผลกระทบได้ หากมีการวางแผนที่เหมาะสม สำหรับโพสนี้ Chef’s Club by makro ขอชวนทุกท่านมาเตรียมพร้อมกันว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้างที่ผู้ประกอบการร้านอาหารมือใหม่ควรระวัง และจะรับมืออย่างไรให้ธุรกิจร้านอาหารของเราเติบโตได้อย่างยั่งยืน 
.
1. ความเสี่ยงด้านการเงินของร้านอาหาร 
  • ต้นทุนวัตถุดิบ ค่าจ้างพนักงาน ค่าเช่าพื้นที่ และค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจทำให้ร้านอาหารขาดสภาพคล่องทางการเงิน หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี อาจส่งผลให้ร้านต้องเผชิญกับปัญหาหนี้สินสะสม ปริมาณเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่เพียงพอ ไม่สามารถชำระค่าใช้จ่ายพื้นฐานได้ และอาจถึงขั้นต้องปิดกิจการในที่สุด
วิธีป้องกัน
  • จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย อย่างเป็นระบบ เพื่อติดตามกระแสเงินสด และควบคุมต้นทุน
  • คำนวณต้นทุนอาหาร (Food Cost) อย่างละเอียด เพื่อกำหนดราคาขายที่เหมาะสม โดยให้แน่ใจว่ามีกำไรเพียงพอ
  •  วางแผนงบประมาณล่วงหน้า และมีเงินทุนสำรองสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ยอดขายตกต่ำ หรือวัตถุดิบขึ้นราคา
  •  หลีกเลี่ยงการกู้เงินเกินความจำเป็น และวางแผนบริหารหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ความเสี่ยงด้านการตลาดและการแข่งขัน 
ในปัจจุบันในโลกของธุรกิจร้านอาหารมีการแข่งขันสูง ทั้งด้านราคา คุณภาพอาหาร และการตลาด หากไม่มีจุดเด่นที่แตกต่างหรือขาดการโปรโมตร้านที่ดี อาจทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และอาจเสียลูกค้าให้กับคู่แข่ง
 วิธีป้องกัน
 สร้างจุดเด่นหรือตัวตนของร้านให้ชัดเจน (Unique Selling Point) เช่น เมนูพิเศษ วัตถุดิบคุณภาพ บริการที่เป็นเอกลักษณ์ หรือบรรยากาศที่แตกต่างช่วยดึงดูดลูกค้า เป็นต้น
 ส่งเสริมการตลาดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, TikTok เพื่อเพิ่มการรับรู้และกระตุ้นยอดขาย
 ทำโปรโมชันหรือกิจกรรมพิเศษ ยกตัวอย่างเช่น ส่วนลดวันเกิด โปรโมชั่นเทศกาล หรือเมนูพิเศษเฉพาะฤดูกาล เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ และรักษาฐานลูกค้าเดิม
 ใช้แพลตฟอร์มเดลิเวอรี (Food Delivery) เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มช่องทางรายได้
3. ความเสี่ยงด้านมาตรฐานการให้บริการ 
เชื่อว่าผู้ประกอบการหลายท่านน่าจะเคยพบเห็นการฟ้องร้องบนหน้าสำนักข่าวว่าด้วยเรื่องของผู้บริโภคที่ฟ้องร้องร้านอาหารที่ทำให้พวกเขาเกิดอาการอาหารเป็นพิษบ้าง หรืออาจมีภาพถ่ายสิ่งไม่พึงประสงค์บนจานอาหารลงสื่อโซเชียลมิเดีย
สาเหตุสำคัญสำหรับความเสี่ยงกลุ่มนี้คือ ร้านอาหารที่ไม่มีมาตรฐานการให้บริการที่ดีอาจทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ และอาจไม่กลับมาใช้บริการอีก นอกจากนี้การขาดมาตรฐานสุขอนามัย อาจส่งผลให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพและภาพลักษณ์ของร้านอีกด้วย
 วิธีป้องกัน
  1.  กำหนดมาตรฐานการควบคุมคุณภาพ (QC) และสุขอนามัยในครัว เช่น การตรวจสอบวัตถุดิบ การทำความสะอาดอุปกรณ์ครัว และการรักษาคุณภาพอาหารให้คงที่

       2. หมั่นเก็บ Feedback จากลูกค้า ผ่านช่องทางออนไลน์หรือแบบสอบถามและนำไปปรับปรุงทันที

      3. ฝึกอบรมพนักงานด้านการให้บริการ การปฏิบัติต่อแขก และการจัดการข้อร้องเรียนของลูกค้า เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการ
 จัดการสร้างระบบตรวจสอบคุณภาพภายใน เช่น การเช็คความสะอาดและคุณภาพอาหารอยู่ตลอด

      4. ความเสี่ยงเรื่องอุบัติเหตุ อัคคีภัย และภัยธรรมชาติที่คาดไม่ถึงต่าง ๆ 
หากใช้คำว่า “อุบัติเหตุ” แล้ว นั่นหมายถึงเหตุการณ์ที่ยากต่อการคาดเดาได้ ประเด็นนี้อาจถือได้ว่าเป็นความเสี่ยงที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง สำหรับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ร้านอาหาร อาทิเช่น อัคคีภัยจากการปรุงอาหาร แก๊สรั่วไหล รวมถึงอุบัติเหตุส่วนบุคคลที่ส่งผลกระทบถึงพนักงานเช่น โดนน้ำร้อนลวก หกล้มเพราะพื้นในครัวลื่น ขาดเจ็บจากอุปกรณ์ในครัว เป็นต้น
อีกหนึ่งความเสี่ยงสำคัญในหัวข้อนี้คือ “ภัยธรรมชาติ” ที่เราไม่สามารถคาดเดาหรือควบคุมได้ อาทิเช่น น้ำท่วม พายุ แผ่นดินไหว ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อธุรกิจและความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน ตรงจุดนี้ผู้ประกอบการจึงต้องมีการวางแผนป้องกันและรับมือให้เรียบร้อยตั้งแต่ในระยะเริ่มต้นของธุรกิจ
 วิธีป้องกัน
  •  ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิง เช่น ถังดับเพลิง ระบบฉีดน้ำอัตโนมัติ และสัญญาณเตือนควันไฟ และตรวจสอบระบบไฟฟ้าและแก๊สเป็นประจำ
  •  อบรมพนักงานให้มีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันอัคคีภัย และวิธีปฏิบัติตัวในภาวะฉุกเฉิน เช่น การใช้อุปกรณ์ดับเพลิง และการอพยพหนีไฟ
  •  วางแผนซื้อประกันภัยที่ครอบคลุมความเสียหายจากอุบัติเหตุ อัคคีภัย และภัยธรรมชาติ
 ออกแบบโครงสร้างร้านให้ปลอดภัย เช่น ใช้วัสดุป้องกันไฟ ติดตั้งระบบระบายน้ำที่ดีในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม
  •  จัดทำแผนฉุกเฉิน (Emergency Response Plan) และซักซ้อมสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นระยะ ๆ

5. ความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Disruption) 
ปัญหาในเรื่องของต้นน้ำและกลางน้ำของธุรกิจร้านอาหาร อาทิเช่น การขาดแคลนวัตถุดิบ การขนส่งล่าช้า และต้นทุนวัตถุดิบที่ผันผวน อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอาหาร ต้นทุนการผลิตและการให้บริการ
 วิธีป้องกัน
  •  ขยายเครือข่ายซัพพลายเออร์ให้มากขึ้น เพื่อป้องกันการขาดแคลนวัตถุดิบและลดการพึ่งพาแหล่งเดียว
  •  วางแผนสต๊อกล่วงหน้าสำหรับวัตถุดิบที่สามารถเก็บได้นาน เพื่อป้องกันปัญหาการส่งของล่าช้า
 ใช้ระบบจัดการซัพพลายเชนและสต๊อกสินค้า เช่น ซอฟต์แวร์ POS หรือ Inventory Management เพื่อช่วยติดตามการใช้วัตถุดิบและการสั่งซื้อได้อย่างแม่นยำ
  •  พิจารณาวัตถุดิบทดแทนที่มีคุณภาพใกล้เคียงกัน เพื่อรองรับกรณีวัตถุดิบหลักขาดตลาด

อ่านถึงตรงนี้ ผู้ประกอบการคงจะเห็นได้ว่าแม้การเปิดร้านอาหารจะมีความเสี่ยง แต่การวางแผนและบริหารจัดการอย่างรอบคอบสามารถช่วยลดโอกาสของปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ การเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นคงและความสำเร็จในระยะยาว การปรับตัวให้เข้ากับตลาด ควบคุมต้นทุน และรักษา
คุณภาพการบริการ ล้วนเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ร้านอาหารเติบโตอย่างยั่งยืน 
โพสต์ก่อนหน้า โพสต์ถัดไป