รู้จักวันเบาหวานโลก World Diabetes Day และธุรกิจเพื่อสุขภาพที่ไม่มีตกเทรนด์

รู้หรือไม่ วันนี้คือวันเบาหวานโลก (World Diabetes Day)  ตรงกับวันที่ 14 พ.ย. ของทุกปี  ด้วยสถิติน่าทึ่งในปี 2564 ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคเบาหวาน มากถึงวันละ 200 คน สหพันธ์โรคเบาหวานนานาชาติ คาดการณ์ว่า  อาจเพิ่มเป็น 783 ล้านคน ภายในปี 24 ปีข้างหน้า

ถือเป็นตัวเลขที่น่าสะเทือนใจไม่น้อย และเป็นโรคใกล้ตัว ที่เราทุกคนควรระวัง MHA ชวนทุกคนตระหนักถึงการดูแลสุขภาพ ปรับเปลี่ยนฤติกรรมการบริโภค ให้ถูกหลักโภชนาการ มาอ่านที่มากันสักนิด พร้อมแนะนำ 5 ธุรกิจ ที่ตอบโจทย์คนที่กินผักยาก หรือผู้ที่อยากเริ่มเข้าสู่วงการรักสุขภาพ แนะนำร้านคีโตที่มีรสชาติอร่อย ทานได้ทั้งครอบครัว แฮปปี้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และเป็นไอเดียให้ศึกษา สำหรับผู้เริ่มอยากทำธุรกิจเพื่อสุขภาพ รับรองว่าขายได้ยาว ๆ  ไม่มีตกเทรนด์แน่นอน

1.ที่มาและความหมาย
วันเบาหวานโลก (World Diabetes Day) ตรงกับวันที่ 14 พ.ย. ของทุกปี เพื่อให้เราตระหนักถึงการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคเบาหวาน มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น วันเบาหวานโลกเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2534 และจัดตั้งวันที่ 14 พ.ย. ของทุกปีเป็นวันเบาหวานโลก เพื่อเป็นการระลึกถึง Frederick Banting ผู้ค้นพบอินซูลิน ยาฉีดลดน้ำตาลในเลือดที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานในปัจจุบัน สถิติโรคเบาหวานปี 2564 ในไทย พบว่า มีคนไทยที่อายุ 15 ปีขึ้นไป ป่วยเบาหวาน 5 ล้านคน หรือ 1 ใน 10 และมีอัตราเพิ่มขึ้นประมาณ 100,000 คนต่อปี ซึ่งในจำนวนนี้มีถึง 40% ที่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วย ทำให้อัตราการเสียชีวิตจากโรคเบาหวานในเมืองไทยมีมากถึงวันละ 200 คน

สหพันธ์โรคเบาหวานนานาชาติ มีการคาดการณ์ว่า ในปี พ.ศ. 2573 จำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานจะเพิ่มขึ้นเป็น 643 ล้านคน และอาจเพิ่มเป็น 783 ล้านคน ภายในปี พ.ศ. 2588 องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังมีเป้าหมายหยุดการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานให้ได้ในทุก ๆ ปีอีกด้วย และสัญลักษณ์ของวันเบาหวานโลก มีลักษณะเป็นวงกลมสีฟ้า โดยวงกลมคือสัญลักษณ์แห่งชีวิต สุขภาพ และการร่วมมือกัน ส่วนสีฟ้า เป็นสีที่สื่อถึงท้องฟ้าทั่วทั้งโลก
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://bit.ly/3NZ7lxt

แนะนำ 5 ธุรกิจเพื่อคนรักสุขภาพ พร้อมชี้พิกัดตามไปชิม

1. ร้าน Risa Vejsupaporn ร้านขนมคีโตจาก CEO อายุ 15 ปีเท่านั้น!
ที่คนส่วนมากมักรู้จักจากรายการ MasterChef Junior ในวัย 13 ปี เรียกได้ว่าอายุน้อยร้อยล้านตัวจี๊ด ที่น้องริสา (มาริสา เวชสุภาพร) นำความชอบและความฝันมารวมกันจนเกิดเป็นธุรกิจ อยากให้ผู้คนได้ทานขนมคีโตที่มีรสชาติอร่อยและดูแลสุขภาพไปพร้อมกัน จากยอดขายหลักแสนต่อเดือน จนกลายเป็นหลักล้านเป็นที่เรียบร้อย

สำหรับใครที่อยากอร่อยแบบไม่รู้สึกผิด สามารถสอบถามสั่งซื้อได้ที่เพจ : @Risa Vejsupaporn-MasterChef Junior

2. ร้าน Dancing With A Baker
ถูกอกถูกใจสายคุมน้ำหนัก คุมเบาหวาน ก่อตั้งแบรนด์โดยคุณตรัย สัสตวัฒนา และคุณพีรดา ศุภรพันธ์ เป็นขนมปัง “Better Bread” ขนมปังจากพืช สายมังสวิรัติ, คีโตทานได้หายห่วง ไร้แป้ง ไร้น้ำตาล ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ไม่มีเนย ไม่มีไข่
ไร้แป้งสาลี ไม่มีน้ำตาล แถมยัง low carb มี่แต่ความอร่อย!

นอกจากนี้ ยังมีครัวซองต์ ใช้แป้งสูตรเฉพาะ ผ่านการวิจัยและพัฒนามาตลอดกว่า 3 ปี ช่วยลดการกระตุ้นอินซูลิน และช่วยควบคุมน้ำหนักได้อย่างดี ใช้เนยแท้จากฝรั่งเศส หอมชวนลิ้มลอง ดัชนีน้ำตาลน้อย อยู่ที่ 1.2 (Glycemic Index 1.2) จากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เรียกว่าต่ำกว่าผักสลัดซะอีก!
ติดตามได้ที่เพจ : Dancing With A Baker ขนมปังไม่มีแป้งไม่มีน้ำตาล

3. ร้าน Salad Factory Thailand
ตอบโจทย์คนที่กำลังเริ่มต้นทานผัก ไม่คลีนจ๋า มีเมนูให้ลูกค้ากว่า 200 เมนู ทั้งสลัด สเต็ก สปาเก็ตตี้ และเมนูจานเดี่ยว เปิดมานานกว่า 9 ปี จนมีถึง 28 สาขา เป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพสไตล์ครอบครัว โดยคุณกอล์ฟ ปิยะ ดั่นคุ้ม เจ้าของร้าน Salad Factory เก็บฟีดแบ็กของลูกค้า นำมาปรับปรุงเมนูไปเรื่อย ๆ โดยสิ่งสำคัญคือการควบคุมคุณภาพ และรสชาติอาหาร ซึ่งทางร้านจะมีครัวกลาง สำหรับส่งต่อเครื่องปรุงและวัตถุดิบที่สดใหม่ ให้สาขาย่อยในทุก ๆ วัน และตอนนี้มี 9 เมนู House Special ใช้เทคนิคการทำอาหารแบบ Fine Dining วัตถุดิบพรีเมียมกว่าเดิม จะว้าวขนาดไหน รีบคลิกพิกัดด่วน ๆ ที่เพจ : Salad Factory Thailand

4. ร้าน Veganerie
ที่จะเปลี่ยนให้อาหารมังสวิรัติเป็นมื้อที่สนุกและอร่อย สายเฮลตี้ หรือผู้ที่ทานเจต้องชอบแน่นอน การันตีโดยลูกค้าหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารสชาติใกล้เคียงกับเมนูธรรมดาที่ผสมเนื้อสัตว์ หน้าตาน่าทาน แคลอรี่ต่ำ ปราศจากคลอเรสเตอรอล โดยคุณจอห์น สิทธิคุณ ต่อเทียนชัย เจ้าของร้าน Veganerie เน้นความชัดเจนในการวิเคราะห์, กลยุทธ์ทางการตลาด, การกำหนด Position และการสร้าง Core Value อย่างตรงจุด

มีการสต็อกของให้เป็นระบบ สะดวกต่อการใช้สอย และใส่ในรายละเอียดทุกขั้นตอน ทั้งเรื่องการรักษาคุณภาพของวัตถุดิบ สูตรอาหาร และข้าวของเครื่องใช้ควบคู่กันไป ด้วยการสร้างคู่มืออย่างเป็นลายลักษณ์อักษรและเป็นตัวเลขเชิงสถิติ เพื่อให้แต่ละสาขามีการให้บริการที่เท่าเทียมกัน เป็นการสร้างคุณภาพมาตรฐานของร้าน เน้นใช้ “นวัตกรรม” มาปรับใช้ให้ทุกภาคส่วน มีความนำสมัย และส่งมอบความแปลกใหม่ให้ลูกค้าได้มากที่สุด
ติดตามร้านได้ที่เพจ : Veganerie 

5. ร้าน Little Sunshine Cafe
จากนักกำหนดอาหาร สู่ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ จากคุณป๋วย อัจจิมา ศรีปรัชญาอนันต์ ตระหนักว่าแท้จริงแล้ว อาหารสุขภาพนั้น ต้องใส่ใจที่มาของวัตถุดิบปลอดภัย วิสัยทัศน์ของเกษตรกร ผู้ผลิต และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งหวังให้ร้านเล็ก ๆ เป็นเครื่องมือสื่อสารถึงการกินอยู่อย่าง สมดุล เพื่อก่อเกิดความสุขให้กับชีวิตของคนไทย โดยเลือกกลุ่มเป้าหมายเป็นบุคคลทั่วไป ที่ไม่ใช่คนป่วย เพราะอยากสื่อสารว่าทุกคนกินอาหารสุขภาพได้โดยไม่ต้องรอให้ป่วย และคำว่าอาหารสุขภาพนั้น เราสามารถกินได้ทุกอย่าง แต่ต้องกินอย่างสมดุล และรู้จักที่มาที่ไปของวัตถุดิบว่า มาจากแหล่งที่ปลอดภัย

อาหารทุกจานของร้าน ถูกออกแบบให้เป็นอาหารจานเดียวที่ปรุงสดใหม่ ใช้วัตถุดิบคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย เข้าถึงง่าย กินง่าย ไม่เบื่อ ทุกจานกินแล้วต้องรู้สึกทั้งอร่อย อิ่มท้อง อิ่มใจ ดีต่อสุขภาพ และครอบคลุมทุกกลุ่มอาหารสุขภาพ
ติดตามร้านได้ที่เพจ : Little Sunshine Café