ข้ามไปที่เนื้อหา

ภาษา

รถเข็น

Articles

เลือกเครื่องชงกาแฟให้เป๊ะกับความต้องการ คุ้มค่าการใช้งานมากกว่า

เลือกเครื่องชงกาแฟให้เป๊ะกับความต้องการ คุ้มค่าการใช้งานมากกว่า

เลือกเครื่องชงกาแฟที่ดี ต้องเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน กาแฟจะอร่อยได้นั้น ไม่ได้อยู่ที่เมล็ดกาแฟที่เราเลือกใช้เพียงอย่างเดียว แต่เครื่องชงกาแฟก็เป็นเสมือนกลไกหลักในการทำกาแฟให้ อร่อยหอมหวานกลมกล่อม สำหรับเหล่าคอกาแฟไม่ควรพลาดเรื่องการเลือกเครื่องชงกาแฟให้ตามความต้องการ และแต่ละเครื่องมีวิธีใช้งานแตกต่างกันอย่างไร วันนี้ Makro Horaca Academy จะมาแนะนำเครื่องชงกาแฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน เลือกอ่านได้ตามหัวข้อนี้ เครื่องชงกาแฟสำหรับใช้งานภายในบ้าน เครื่องชงกาแฟสำหรับใช้ภายในสำนักงาน เครื่องชงกาแฟสำหรับบริการจัดเลี้ยง เครื่องชงกาแฟสำหรับเปิดร้านกาแฟ 5 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนเข้าสู่ธุรกิจร้านกาแฟ เครื่องชงกาแฟสำหรับใช้งานภายในบ้าน 1 .ควรเป็นเครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก กะทัดรัด ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับช่วงเวลาเร่งรีบภายในตอนเช้า ตรงต่อความต้องการของคนที่ไม่อยากยุ่งยากในการชงกาแฟ เทคนิคในการเลือกซื้อ ควรศึกษาฟังก์ชั่นและคุณสมบัติ แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ เพราะมีการใช้งานที่แตกต่างกัน  การเลือกเครื่องชงกาแฟที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ง่าย จะทำให้เราสะดวกและประหยัดเวลาได้มากขึ้น แนะนำเครื่องชงกาแฟใช้งานง่าย ใช้ระบบควบคุมทำงานแบบอนาล็อก ไม่ต้องตั้งโปรแกรมให้ยุ่งยาก ด้วยเครื่องชงกาแฟแบบอัตโนมัติ คลิกดูเครื่องจริง 2. ควรเป็นเครื่องชงกาแฟที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ตัวเอง การเลือกเครื่องชงกาแฟให้ตรงกับไลฟ์สไตล์นั้นเป็นเรื่องง่าย เพราะปัจจุบันมีเครื่องชงกาแฟให้คุณเลือกมากมาย บางคนชอบดื่มกาแฟเอสเพรสโซ่ก็ดื่มแบบเดียวไม่เปลี่ยนรสชาติ แต่บางคนอาจจะชอบความหลากหลาย รสชาติที่เปลี่ยนใหม่ไม่ซ้ำจำเจทุกวัน หรือแม้กระทั่งการเลือกเครื่องชงกาแฟที่มีดีไซน์เก๋ เรียบหรู หรือดูทันสมัย แนะนำเครื่องชงกาแฟสำหรับสาวกเอสเพรสโซ่ ด้วยเครื่องชงกาแฟ เอสเพรสโซ่ในแบบอิตาเลียนแท้ ๆ ถึงแม้เครื่องจะมีขนาดเล็กแต่ประสิทธิภาพไม่ได้เล็กตามไปด้วย และยังมีก้านตีนมเสตนเลสที่สามารถตีนมจนฟองขึ้นละเอียดนุ่มสำหรับคาปูชิโนได้อย่างรวดเร็ว  คลิกดูเครื่องจริง หรือหากใครชอบการดีไซน์เป็นหลัก เครื่องชงกาแฟนี้จะมีดีไซน์ที่ ที่ผสมผสานความวินเทจในยุคแรกเริ่มของเอสเปรสโซกับรูปแบบสมัยใหม่ที่มีเส้นสายสะอาดเฉียบคมผสานความเก่าและใหม่อย่างลงตัว อีกทั้งมีมาตรบอกอุณหภูมิด้านหน้าทำให้คุณสามารถตรวจสอบอุณหภูมิการชงได้อย่างแม่นยำดุจเครื่องมืออาชีพ ทำให้รสชาติกาแฟคุณออกมาได้รสชาติดีเยี่ยม  คลิกดูเครื่องจริง 3. ควรเป็นเครื่องชงกาแฟที่ตอบโจทย์การใช้งาน หากใครชอบการใช้ฝีมือในการทำกาแฟ คัดรสชาติจากเมล็ดกาแฟพันธุ์ดี ชอบใช้เวลากลั่นกรองน้ำกาแฟอย่างช้า ๆ หรือที่เรียกว่าการชงกาแฟแบบดริป เครื่องชงประเภทนี้จะใช้เวลาพิถีพิถันในการทำกาแฟเพื่อรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเมล็ดกาแฟ แนะนำเครื่องชงกาแฟที่สามารถทำกาแฟ cold brew ได้ภายใน 25 นาที ช่วยให้ได้กาแฟสกัดเย็นเร็วกว่าวิธีการสกัดแบบปกติที่ต้องใช้เวลาอย่างต่ำ12 ชั่วโมง และได้รสชาติของกาแฟอย่างแท้จริง คลิกดูเครื่องจริง 4. ให้ความสำคัญเรื่องการรับประกันและศูนย์บริการ เรื่องศูนย์บริการเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ โดยควรคิดเผื่อด้วยว่า หากเครื่องมีปัญหาติดขัดเราสามารถติดต่อศูนย์บริการเพื่อซ่อมแซมแก้ไขอย่างไรได้บ้าง ควรจะศึกษาแต่ละยี่ห้อว่ามีการรับประกันเครื่องอย่างไร มีการดูแลหลังการขายที่ดีหรือไม่ แนะนำเครื่องชงกาแฟที่มีการบริการดูแลหลังการขาย โดยรับประกันตัวเครื่องในส่วนของมอเตอร์ ในระยะเวลา 1 ปี และคุณสมบัติเป็นเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ มีเทคโนโลยีทำความร้อนขั้นสูง ทำน้ำร้อนในช่วง 92 - 100 ºC เพื่อให้ได้กลิ่นหอมที่เต็มอิ่ม ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา  ขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับวางได้ทุกที่ภายในบ้าน คลิกดูเครื่องจริง เครื่องชงกาแฟสำหรับใช้ภายในสำนักงาน 1. เครื่องชงกาแฟระบบอัตโนมัติ เป็นเครื่องชงกาแฟที่สามารถทำกาแฟด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว เครื่องจะทำการบดกาแฟ ตวงกาแฟ และสกัดน้ำกาแฟออกมาตามต้องการแนะนำเครื่องชงกาแฟแบบขนาดกระทัดรัด แต่ความสามารถรอบด้าน ใช้งานสะดวกง่ายดาย มีทั้งช่องใส่เมล็ดกาแฟและช่องสำหรับใส่กาแฟที่บดแล้ว คุณภาพสูง คลิกดูเครื่องจริง 2. เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูล มันคือนวัตกรรมการชงกาแฟที่พัฒนามาจากเครื่องชงกาแฟแบบคั่วบด เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการใช้งานให้กับผู้ใช้ด้วยวิธีการที่ง่ายแสนง่าย เพียงแค่หยิบกาแฟแคปซูลใส่เครื่องแล้วกดปุ่ม ก็ได้กาแฟหอมละมุนชวนดื่มแล้ว แนะนำเครื่องชงกาแฟแบบแคปซูลสำหรับใช้งานง่าย สะดวกต่อพนักงานในออฟฟิศ และยังมีเครื่องทำฟองนม สามารถอุ่นนมร้อน ทำฟองนมได้ทั้งร้อนและเย็น คลิกดูเครื่องจริง เครื่องชงกาแฟสำหรับบริการจัดเลี้ยง เครื่องชงกาแฟนาดกะทัดรัด  พกพาง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก เป็นเครื่องชงทำงานแบบอัตโนมัติ โดยสั่งงานครั้งเดียวสามารถทำงานได้ไวทันใจแขกภายในงาน  จะได้ไม่เกิดการคอยนาน การใช้งานง่ายที่เน้นความสะดวกรวดเร็วแต่ก็ยังได้กาแฟที่มีรสชาติดี แนะนำเครื่องชงกาแฟทำด้วยวัสดุที่มีคุณภาพและคุณสมบัติการออกแบบที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยคุณสมบัติ ตัวเครื่องทำจากสแตนเลสและแก้ว ทำให้สามารถเก็บความเย็นได้อย่างดีเยี่ยมพร้อมหูจับแบบพกพา ทำให้สามารถพกพาไปได้ทุกที่ และเครื่องมีน้ำหนักเบาเล็กกะทัดรัดสามารถนำใส่ตู้เย็นได้ทุก เหมาะสำหรับงานจัดเลี้ยง คลิกดูเครื่องจริง เครื่องชงกาแฟสำหรับเปิดร้านกาแฟ 1. เครื่องชงกาแฟสำหรับร้านเริ่มต้น เครื่องชงกาแฟราคาเริ่มต้นที่ 25,000- 40,000 บาท มีทั้งแบบมีเครื่องบดในตัว และไม่มีเครื่องบดกาแฟในตัว แนะนำถ้ามีงบเพิ่ม ให้ซื้อเครื่องชงกาแฟที่มีเครื่องบดแยกออกจากกัน เนื่องจากกำลังการผลิตจะดีกว่ามาก เครื่องชงกาแฟประเภทนี้ จะมีกำลังไฟอยู่ที่ 1200-1400 วัตต์ ถังบรรจุน้ำ 1.9 ลิตร แนะนำเครื่องชงกาแฟสำหรับร้านกาแฟที่เพิ่งเริ่มต้นกิจการหรือร้านกาแฟนาดเล็ก เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ สามารถชงกาแฟได้เพียงแค่กดปุ่มปุ่มเดียว โดยเครื่องบดจะบดเมล็ดกาแฟ ลงมาทำการสกัด และทำการผสมสูตรตามต้องการเพียงแค่เติมเมล็ดกาแฟ และเติมน้ำอย่างเดียว สามารถผลิต ได้ 25-50 แก้ว/วัน  คลิกดูเครื่องจริง 2. เครื่องชงกาแฟสำหรับร้านขนาดกลาง เครื่องชงกาแฟราคาเริ่มต้นที่ 55,000-120,000 บาท ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานหนัก และรองรับรสชาติ    ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน สามารถทำกาแฟความเร็วประมาณ 60-100 แก้ว/ชั่วโมง ความจุโถใส่เมล็ดกาแฟ 1 กก. / 2 โถ   ระบบทำความร้อน Steam Boiler (0.5 ltr., 3.0kW) / Water Boiler (0.5 ltr., 3.0kW) เหมาะสำหรับเปิดร้านกาแฟ ที่ต้องการเน้นคุณภาพกาแฟจริง ๆ แนะนำเครื่องชงกาแฟสำหรับร้านกาแฟขนาดกลาง เครื่องชงกาแฟนวัตกรรมชั้นเลิศจากแบรนด์สวิสเซอร์แลนด์   ด้วยดีไซน์ที่เรียบหรู และเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ทำเครื่องดื่มได้มากกว่า 16 ชนิด ความจุตู้เย็น 4 ลิตร จำนวนแก้วที่แนะนำต่อวัน 100 แก้ว/วัน (Single shot)  คลิกดูเครื่องจริง 3. เครื่องชงกาแฟสำหรับร้านกาแฟขนาดใหญ่ เครื่องชงกาแฟราคาเริ่มต้นที่ 120,000-500,000 บาท ขึ้นอยู่กับแบรนด์และยี่ห้อที่เลือกใช้ เป็นเครื่องชงกาแฟขนาดใหญ่  เป็นเครื่อง 2-3 หัวชง ขึ้นอยู่กับการใช้งานของร้านที่ใช้ เครื่องชงกาแฟประเภทนี้ สามารถชงได้ 200 แก้ว/ชั่วโมง กำลังไฟ 4300-5900 วัตต์  หลักการทำงาน คือ ภายในเครื่องหม้อต้มเป็นระบบ heat exchange หม้อต้มเป็นทองแดง หรือ สแตนเลส เนื่องจากสามารถรองรับและเก็บอุณหภูมิความร้อนได้เป็นอย่างดี แนะนำเครื่องชงกาแฟสำหรับร้านที่มีลูกค้าเข้าร้านมาตลอดทั้งวัน หรือ เข้ามาเป็นกลุ่มใหญ่พรัอมกัน 8-10 คนขึ้นไป แนะนำเครื่องชงกาแฟ Traditional สำหรับร้านกาแฟขนาดใหญ่ ที่มาพร้อมระบบ ABM.07 ซึ่งจะรักษาปริมาณ และอุณหภูมิของน้ำกาแฟให้คงที่สม่ำเสมอทำให้คุณภาพ Perfect shot of espresso ที่ค่อนข้างดีเยี่ยมแม้ชงอย่างต่อเนื่อง สามารถชงได้ 250-500 แก้ว/วัน คลิกดูเครื่องจริง สำหรับร้านกาแฟ ที่มีเครื่องชงกาแฟแล้ว แต่ยังไม่มีเครื่องพิมพ์ภาพบนฟองนม แนะนำเครื่องพิมพ์บนฟองนม สีผสมอาหาร โดยใช้รูปจาก iPhone/Andriod/Tablet ส่ง WIFI ผ่านเครื่องปริ๊นรูปเสิร์ฟลูกค้าได้เลย ใช้ง่าย ลูกเล่นเยอะ และเพิ่มมูลค่าราคากาแฟของคุณ 1 ตลับ ใช้ได้ 800 แก้วหากคุณกำลังหาเครื่องมือเพื่อต่อยอดขายให้ร้านคุณ  คลิกดูเครื่องจริงสามารถคลิกดูเครื่องชงกาแฟทั้งหมดได้ที่นี่ นอกจากเลือกเครื่องชงกาแฟที่เหมาะสมแล้ว เจ้าของร้านกาแฟจะต้องมีความรู้เรื่องเมล็ดกาแฟ เพราะเมล็ดกาแฟแต่ละสายพันธุ์ให้รสชาติให้กลิ่นที่แตกต่างกัน สามารถอ่านบทความเรื่อง การเลือกเมล็ดกาแฟ คลิก >>  เปลี่ยนขาจรเป็นขาประจำ เรียกลูกค้าเข้าไม่ขาดด้วยเทคนิคการเลือกเมล็ดกาแฟอย่างพิถีพิถัน แต่ถ้าคุณใฝ่ฝันอยากเปิดร้านกาแฟ แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร เรียนรู้การเลือกทำเลร้าน ขายใคร ใช้เมนูไหนเป็นจุดเด่น  ทั้งเครื่องชง เครื่องบด อุปกรณ์แบบไหนที่เหมาะสม การคัดสรรเมล็ดกาแฟ และวัตถุดิบสำคัญอื่น ๆ พร้อมทั้งสาธิตเมนูพื้นฐาน สนใจเรียนคอร์สออนไลน์ฟรี "5 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนเข้าสู่ธุรกิจร้านกาแฟ" คลิก สามารถเรียนรู้เรื่อง “กาแฟ” ในหัวข้ออื่น ๆ ได้ที่นี่ 5 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนเข้าสู่ธุรกิจร้านกาแฟ 5 เครื่องดื่มน้ำชงทำเงิน! ที่ผู้ประกอบการควรมีติดร้าน กาแฟอร่อยขั้นเทพ อย่ามองข้ามการเลือกเครื่องบดกาแฟ เจาะลึกการเลือกเครื่องชงกาแฟ ให้เหมาะสมกับร้านของคุณ เลือกเครื่องชงกาแฟให้เป๊ะกับความต้องการ คุ้มค่าการใช้งานมากกว่า “น้ำแข็ง” สะอาด ปลอดภัย ที่คุณเลือกได้ แค่มีเครื่องทำน้ำแข็งไว้ที่ร้าน พิชิตใจลูกค้า ด้วยเมนูเครื่องดื่มยอดฮิตที่นิยมในร้านกาแฟ เพิ่มรายได้ให้ร้านกาแฟ ด้วยเมนูพิเศษประจำวัน เปลี่ยนร้านกาแฟบ้านๆ ให้เป็นร้านที่ใครๆ ก็ต้องมา Check in เปลี่ยนขาจรเป็นขาประจำ เรียกลูกค้าเข้าไม่ขาดด้วยเทคนิคการเลือกเมล็ดกาแฟอย่างพิถีพิถัน

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เจาะลึก!! การเลือกเครื่องชงกาแฟให้เหมาะสมกับร้านของคุณ

เจาะลึก!! การเลือกเครื่องชงกาแฟให้เหมาะสมกับร้านของคุณ

การเลือกเครื่องชงกาแฟให้เหมาะสมกับร้านของคุณ อยากลงทุนเปิดร้านกาแฟ แต่ยังไม่รู้จักเครื่องชงกาแฟ จะใช้แบบไหน ลักษณะไหนดี  วันนี้เรามีคำตอบเหล่านั้นมาให้คุณ Makro HoRaCa Academy จะอธิบายเกี่ยวกับการใช้เครื่องชงกาแฟในแต่ละประเภท ต้องใช้อย่างไรเจ้าของร้านกาแฟ จะได้ส่งมอบกาแฟ ที่หอมอร่อยถูกใจเหล่าคอกาแฟจนทำให้เป็นลูกค้าประจำเลยทีเดียว เลือกอ่านได้ตามหัวข้อนี้ หลักการเลือกเครื่องชงกาแฟ ประเภทของระบบเครื่องชงเอสเปรสโซ่ (Espresso Machine) เครื่องกาแฟที่นิยม การเลือกเครื่องชงกาแฟให้เหมาะสมกับร้านของคุณ การเลือกเครื่องชงกาแฟอย่างไรให้คุ้มค่าต่อการลงทุน 5 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนเข้าสู่ธุรกิจร้านกาแฟ หลักการเลือกเครื่องชงกาแฟ            การเลือกเครื่องชงกาแฟเสมือนหัวใจหลักของร้าน  หากจะเปิดร้านกาแฟนั้นจะต้องมีความเข้าใจในหลักของเครื่องที่ใช้ เพราะ ถ้าเกิดซื้อเครื่องมาในราคาหลายแสนแต่การทำงานไม่คุ้มค่ามา หรือใช้งานน้อย จะทำให้เราเสียต้นทุนไปโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งเราจะแนะนำหลักวิธีการเลือกเครื่องชงกาแฟให้เหมาะสมกับร้านของคุณ 1. ยี่ห้อของเครื่อง เครื่องชงกาแฟแต่ละยี่ห้อ ผลิตมาจากหลายประเทศ แต่ประเทศที่ผลิตเครื่องชงกาแฟ แล้วได้รับการยอมรับมากที่สุดเห็นจะไม่พ้นประเทศอิตาลี แต่ก็ยังมีเครื่องชงจากอีกหลายสัญชาติที่เป็นที่ยอมรับได้แก่ เครื่องจากสเปน สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เป็นต้น 2. ลักษณะการทำงานของเครื่องชงกาแฟ เครื่องส่วนใหญ่มีลักษณะการทำงานที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน คือการใช้แรงดันส่งผ่านน้ำร้อนมาที่หัวชง อีกเรื่องที่เป็นสิ่งสำคัญเลยสำหรับเครื่องชงกาแฟ คือ การควบคุมอุณภูมิน้ำของเครื่องชง เพราะเครื่องดื่มกาแฟ สำคัญมากที่อุณหภูมิของน้ำที่ใช้ชงกาแฟ ผู้ผลิตเครื่องหลายราย จึงนำจุดขายที่เป็นเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะนำมาควบคุมอุณหภูมิของน้ำให้ได้ดีที่สุดมาใช้เป็นจุดขายของเครื่อง นี่เป็นเรื่องหลักในการตัดสินใจเลือกเครื่อง ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็จะมีส่วนของ ระบบหัวชง ที่มีการควบคุมไม่ให้ร้อนจนเกินไป วัสดุ  ที่ใช้ทำอุปกรณ์ภายใน โครงสร้างภายนอก หรือบางรุ่นอาจจะมีหน้าจอ หรือการควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ แบบหน้าจอดิจิตอลก็มี ซึ่งทั้งหมดนี้หลาย ๆ ยี่ห้อก็มีการพัฒนาจนได้มาตรฐานที่ไม่แตกต่างกันมาก 3. Service และการบริการหลังการขายของแต่ละ Dealer  เครื่องชงกาแฟ ก็คือเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง ซึ่งแน่นอน ก็ย่อมต้องมีอายุของการใช้งาน จะสั้น หรือยาว ก็ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาของผู้ที่ใช้งานด้วย จึงควรเช็ค การบริการหลังการขาย ไม่ว่าจะเป็นระยะประกัน ไม่เกิน 1 หรือ 2 ปี ระยะเวลาในการเข้า Service ไม่เกินกี่ชั่วโมง มีช่างซ่อม มีอะไหล่ซ่อม หรือ ถ้าบริษัทที่มีศักยภาพมากหน่อยก็อาจทำเป็นศูนย์บริการกระจายตามภูมิภาคเลยก็มี เพื่อจะได้ให้บริการได้อย่างทันที การบริการเครื่องสำรองไปให้ใช้ฟรีๆ ระหว่างรอซ่อม เป็นต้น เครื่องกาแฟที่นิยมคือ Espresso Machine เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ เป็นเครื่องชงกาแฟที่ร้านกาแฟนิยมใช้มากที่สุด ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ หลักพันบาท ไปถึงหลักแสน หลักล้านกันเลยที่เดียว ส่วนเรื่องความแตกต่างระหว่างหลักพันกับหลักแสนก็เป็นเรื่องของดีไซน์ความสวยงามรวมถึงความเสถียรของการชงกาแฟ และฟังก์ชั่นการใช้งานหลักการทำงานของเครื่อง โดยใช้น้ำร้อนที่มีแรงดันไอน้ำในหม้อต้ม เพื่อบังคับให้น้ำไหลผ่านกาแฟที่บดไว้ เพื่อสกัดให้ได้น้ำกาแฟเข้มข้นและความหอมที่อบอวลอย่างเต็มที่ Espresso Machine แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไรเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่นั้นมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับพื้นที่การใช้งานและขนาดโครงสร้างสามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภทตามกลไกในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น จำนวนหัวชง ขนาดเครื่องชง หม้อต้มน้ำ ระบบการควบคุมแรงดัน  ระบบการทำความร้อนของเครื่องชงกาแฟ และ ระบบของเครื่องชงเอสเพรสโซ่ ประเภทของระบบเครื่องชงเอสเปรสโซ่  (Espresso Machine) 1. แบบหม้อต้มเดี่ยว (Single Boiler)โดยเครื่องชนิดนี้จะมีหม้อต้มแค่หนึ่งอันทำหน้าที่ทั้งชงเอสเพรสโซ่และสตรีมนม ผู้ใช้จะต้องทำการเลือกว่าจะต้องการให้สกัดเอสเพรสโซ่หรือสตรีมนม เพราะการสตรีมนมโดยทั่วไปแล้วใช้อุณหภูมิที่สูงกว่าการสกัดเอสเพรสโซ่ เนื่องจากอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการสตรีมนม และ สกัดเอสเพรสโซ่ต่างกัน ทำให้ผู้ใช้ต้องรอหม้อต้ม และต้องปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมก่อนที่จะใช้งาน ซึ่งนับได้ว่าเป็นจุดด้อยของเครื่องชงชนิดนี้ สำหรับเครื่องชงแบบหม้อต้มเดี่ยวบางชนิดจะใช้ก้านชงที่เรียกว่า pressurized portafilter หรือ ก้างชงแบบมีแรงดัน  โดยก้านชงแบบนี้ออกแบบมาเพื่อเลียนแบบลักษณะแรงต้านของก้านชงปกติที่ใช้กาแฟที่คั่วมาใหม่ บดละเอียดและอัด (Tamp) อย่างเหมาะสม ทำให้เมื่อเรานำกาแฟเก่าหรือกาแฟบดหยาบมาชงด้วย Pressureized portafilter แล้วจะทำให้กาแฟออกมาดูมีครีม่าที่สวยงาม แนะนำ เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ สามารถชงกาแฟได้เพียงแค่กดปุ่ม ปุ่มเดียว โดยเครื่องบดจะบดเมล็ดกาแฟ ลงมาทำการสกัดและทำการผสมสูตรตามต้องการเพียงแค่เติมเมล็ดกาแฟ และเติมน้ำอย่างเดียว กำลังไฟ 1,200 วัตต์ สตีมนมแบบพิเศษ สามารถดูดนมได้อัตโนมัติ สตีมนมแบบคาปูชิโนและนมร้อน คลิกดูเครื่องจริง 2. หม้อต้มแบบแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchange Boiler)เป็นเครื่องที่ได้รับการพัฒนามาจากหม้อต้มเดี่ยว ซึ่งส่วนประกอบยังคงมีหม้อต้มแค่อันเดียว แต่จะมีท่อที่ผ่ากลางหม้อต้มทำหน้าที่แลกเปลี่ยนความร้อนของน้ำที่ไหลผ่านท่อกับน้ำร้อนที่อยู่ในหม้อต้ม ทำให้น้ำที่ไหลผ่านท่อมีความร้อนเช่นเดียวกัน โดยน้ำที่ไหลผ่านท่อจะมุ่งหน้าไปยังหัวกรุ๊ปสำหรับการสกัดเอสเพรสโซ่ดังนั้น น้ำในหม้อต้มจึงใช้สำหรับการสตรีมนมเพียงอย่างเดียว ทำให้สามารถสกัดเอสเพรสโซ่และสตรีมนมได้ในเวลาเดียวกัน โดยไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ปัญหาของเครื่องชงชนิดนี้คือ ถ้ามีการสกัดเอสเพรสโซ่ติดต่อกันอาจจะทำให้น้ำร้อนไม่ทันการใช้งาน และอาจจะมีปัญหาเรื่องอุณภูมิที่ไม่เสถียรจากทั้งน้ำที่ร้อนไม่ทัน หรือ น้ำร้อนเกินไปจากน้ำที่ค้างอยู่ในท่อเป็นเวลานาน แนะนำ เครื่องชงกาแฟ Traditional สำหรับร้านกาแฟขนาดใหญ่ ที่มาพร้อมระบบ ABM.07 ซึ่งจะรักษาปริมาณ และอุณหภูมิของน้ำกาแฟให้คงที่สม่ำเสมอ ทำให้คุณภาพ Perfect shot of espresso ที่ได้ค่อนข้างดีเยี่ยมแม้ชงอย่างต่อเนื่อง ก้านตีฟองนมออกแบบมาอย่างพิเศษ ทำให้ตีฟองนมได้ง่าย เนียน และรวดเร็ว สามารถตั้งระดับน้ำแบบอัตโนมัติได้ด้วย  คลิกดูเครื่องจริง 3. หม้อต้มคู่ (Double Boiler)เป็นการพัฒนาต่อมาจากเครื่องแบบแลกเปลี่ยนความร้อน เครื่องชงที่มีสองหม้อต้มนั้นจะมีหม้อต้มแยกระหว่างการสตรีมนม และการสกัดเอสเพรสโซ่ ทำให้สามารถควบคุมอุณหภูมิสำหรับการชงและการสตรีมนมได้ดียิ่งขึ้น สามารถสกัดเอสเพรสโซ่ได้ต่อเนื่อง มีอุณหภูมิเสถียรมากขึ้น โดยปัญหาเดียวของเครื่องชงลักษณะนี้คือราคาที่สูง 4. หม้อต้มคู่แบบแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchange Double Boiler)เป็นการออกแบบที่รวมเอาข้อดีของหม้อต้มคู่และเครื่องแบบแลกเปลี่ยนความร้อนเข้าด้วยกัน โดยที่น้ำที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่หม้อต้มสำหรับการสกัดเอสเพรสโซ่จะไหลผ่านหม้อต้มสำหรับการสตรีมนม ทำให้น้ำที่เข้าสู่หม้อต้มสำหรับการสกัดเอสเพรสโซ่มีความร้อนเพื่อทำให้อุณหภูมิในหม้อต้มสำหรับสกัดเอสเพรสโซ่มีความเสถียรมากยิ่งขึ้น 5. เครื่องชงแบบหลายหม้อต้ม (Multi Boiler)เป็นระบบของหม้อต้มที่พบได้ในเครื่องชงกาแฟตัวใหญ่ที่มีสองหัวชงขึ้นไป เครื่องชงหลายหม้อต้มแบบแลกเปลี่ยนความร้อน แต่ละหัวชงจะมีหม้อต้มแยก และมีหม้อต้มใหญ่สำหรับการสตรีมนม ทำให้สามารถตั้งอุณหภูมิแต่ละหัวชงแตกต่างกันได้ สำหรับชงกาแฟต่างชนิดกันนอกจากระบบต่าง ๆ ที่กล่าวถึงไปแล้ว ยังมีเรื่องอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต้องคำนึงถึงด้วยเช่น PID และ ปั๊มน้ำ รวมถึงรายละเอียดพิเศษของเครื่องบางยี่ห้อที่ให้ผู้ใช้สามารถควบคุมตัวแปรอื่น ๆ ได้อย่างอิสระ การเลือกเครื่องชงกาแฟให้เหมาะสมกับร้านของคุณ           ควรเลือกเครื่องชงขนาดไหนดีให้เหมาะสมกับขนาดร้านของเรา  ขนาดของเครื่องชงที่ต่างกันเพราะมีขนาดบอยเลอร์ (หม้อต้มน้ำ) และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ต่างกัน เครื่องชงขนาดใหญ่จะมีขนาดบอยเลอร์ใหญ่กว่าเครื่องชงขนาดเล็ก ทำให้มีความสามารถในการชงกาแฟต่อเนื่องได้ดีกว่า เพราะขนาดบอยเลอร์ที่ใหญ่กว่าจะช่วยให้อุณหภูมิน้ำที่ใช้ชงกาแฟเสถียรกว่าเมื่อมีการชงต่อเนื่อง เครื่องชงกาแฟขนาดของบอยเลอร์แบ่งได้ 3 ขนาด 1.เครื่องชงขนาดบอยเลอร์เล็ก (300 cc)   ถ้าทำเลร้านของเรามีลักษณะลูกค้าที่เข้ามาทีละคน สองคนไม่ได้มาเป็นกลุ่ม และมีช่วงห่างของลูกค้าแต่ละรายบ้างนิดหน่อย (ประมาณ 3-5 นาที) แนะนำ เครื่องชงกาแฟนวัตกรรมชั้นเลิศจากแบรนด์สวิสเซอร์แลนด์ ด้วยดีไซน์ที่เรียบหรู และเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ทำเครื่องดื่มได้มากกว่า 16 ชนิด จอแสดงผลแบบ LED พร้อมด้วยการสั่งงานด้วยระบบสัมผัส จำนวนแก้วที่แนะนำต่อวัน 100 แก้ว/วัน (Single shot) คลิกดูเครื่องจริง 2.เครื่องชงระดับกลาง (บอยเลอร์ประมาณ 1.3 – 2 ลิตร) ถ้าทำเลร้านของเรามีลักษณะลูกค้าที่เข้ามาเป็นกลุ่มทีละ 3-5 คน   แต่ยังพอมีช่วงห่างของลูกค้าบ้างนิดหน่อย (ประมาณ 3-5 นาที) 3.เครื่องชงระดับใหญ่ (บอยเลอร์ 6.5 ลิตร ขึ้นไป)   ถ้าทำเลร้านของเรามีลักษณะลูกค้าที่มีเข้ามาตลอดทั้งวัน หรือ เข้ามาเป็นกลุ่มใหญ่พรัอมกัน 8-10 คนขึ้นไป โดยแทบไม่มีเวลาให้เครื่องได้พักเลย แนะนำ เครื่องชงกาแฟนาดใหญ่ มีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงมุ่งเน้นที่ความหรูหรา   โดยเครื่องชงจะใช้งานได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับกลุ่มร้านกาแฟที่เน้นเครื่องชงประสิทธิภาพสูงภายใต้พื้นที่การทำงานที่จำกัด การันตีในเรื่องของคุณภาพ  สกัดกาแฟแบบ SIS ซอฟอินฟิวชั่น เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้การสกัดกาแฟ แบบ Perfect Shot สตีมฟองนมแบบก้านโยก มีด้ามชงมาให้ 3 อัน คลิกดูเครื่องจริง  การเลือกเครื่องชงกาแฟอย่างไรให้คุ้มค่าต่อการลงทุน ราคากาแฟที่เราจะขาย แน่นอนว่าหากเราวางแผนในการตั้งราคากาแฟในช่วงราคา 25-45 บาท นั้นเราอาจจะไม่ต้องลงทุนเครื่องชงกาแฟที่สูงมากนัก เพราะว่า ระยะเวลาในการคืนทุนจะยาวนานตามไปด้วย ราคาเครื่องชงกาแฟ เครื่องชงกาแฟที่เหมาะสำหรับการลงทุนในตลาดกาแฟสดบ้านเรา จะอยู่ประมาณ 25,000-100,000 สำหรับเครื่อง 1 หัว  และ 90,000-150,000 บาท สำหรับเครื่องชงกาแฟ 2 หัว ในบางครั้งการลงทุนครั้งเดียวกับเครื่องชงกาแฟดี ๆ และสามารถรองรับยอดขายที่สูง นั้นจะช่วยให้ประหยัดเงินลงทุนไปได้มากทีเดียว อยากสร้างความแตกต่าง เพิ่มมูลค่าร้านให้ลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น แนะนำ เครื่องพิมพ์สีผสมอาหาร โดยใช้รูปจาก iPhone/Andriod/Tablet ส่ง WIFI ผ่านเครื่องปริ๊นรูป เสิร์ฟลูกค้าได้เลย ใช้เวลาพิมพ์เพียง 15 วินาที/แก้ว  ใช้ง่าย ลูกเล่นเยอะ ลูกค้าสามรถเลือกรูปแล้วส่งมาพิมพ์ได้เอง หน้าจอ Touch-Screen LCD 7″ + WIFI Connection  ต้นทุนในการพิมพ์เพียง 3 บาท/แก้ว  หากคุณกำลังหาเครื่องมือเพื่อต่อยอดขาย คลิกดูเครื่องจริง สามารถคลิกดูเครื่องชงกาแฟทั้งหมดได้ที่นี่ นอกจากเลือกเครื่องชงกาแฟที่เหมาะสมแล้ว เจ้าของร้านกาแฟจะต้องมีความรู้เรื่องเมล็ดกาแฟ เพราะเมล็ดกาแฟแต่ละสายพันธุ์ให้รสชาติให้กลิ่นที่แตกต่างกัน สามารถอ่านบทความเรื่อง การเลือกเมล็ดกาแฟ คลิก >>  เปลี่ยนขาจรเป็นขาประจำ เรียกลูกค้าเข้าไม่ขาดด้วยเทคนิคการเลือกเมล็ดกาแฟอย่างพิถีพิถัน แต่ถ้าคุณใฝ่ฝันอยากเปิดร้านกาแฟ แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร เรียนรู้การเลือกทำเลร้าน ขายใคร ใช้เมนูไหนเป็นจุดเด่น  ทั้งเครื่องชง เครื่องบด อุปกรณ์แบบไหนที่เหมาะสม การคัดสรรเมล็ดกาแฟ และวัตถุดิบสำคัญอื่น ๆ พร้อมทั้งสาธิตเมนูพื้นฐาน สนใจเรียนคอร์สออนไลน์ฟรี “5 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนเข้าสู่ธุรกิจร้านกาแฟ” คลิก

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เปิดสูตร “โกเบซูชิ” ร้าน Honmono Shushi จากเชฟกระทะเหล็กแห่งประเทศไทย!

เปิดสูตร “โกเบซูชิ” ร้าน Honmono Shushi จากเชฟกระทะเหล็กแห่งประเทศไทย!

อีกหนึ่งเมนูที่เชฟอยากแนะนำ เนื้อ “โกเบซูชิ” โดยทางร้านได้คิดค้นเมนูนี้ขึ้นมาใหม่ เรียกว่าเป็น “โกเบฟิวชั่น” โดยการปั้นข้าวแยกออกจากเนื้อ ไม่ต้องปั้นเหมือนซูชิปกติทั่วไป ปั้นให้ข้าวมีขนาดคำที่พอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป พร้อมเนื้อโกเบสไลด์ที่ถูกเบิร์นโดยใช้ไฟแรง 100% ให้น้ำมันในเนื้อถูกเผาจนมีความหอม หลังจากนั้นนำเนื้อที่สุกพอดีวางลงบนข้าว ราดด้วยซอสทาเระที่ความหอม พร้อมใส่ไข่ปลาแซลมอน ไข่ปลาบิน โรยหอมเพื่อสร้างบรรยากาศในการกินหลังจากที่เราเคี้ยวเข้าไปแล้ว  อ่านบทสัมภาษณ์เต็มๆ และเปิดสูตร “มัตซึ ซาซิมิ” อีกหนึ่งเมนูจาก เชฟบุญธรรม ภาคโพธิ์ เชฟกระทะเหล็กแห่งประเทศไทย เจ้าของร้าน Honmono Shushi ได้ที่ นิตยสารวัตถุดิบ เล่มที่ 5/2020 จาก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี เร็วๆ นี้! สามารถติดตามบทสัมภาษณ์ และสูตรเมนูอาหารอื่นๆ ได้ที่นี้ คลิก

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เปิดสูตร “มัตซึ ซาซิมิ” ร้าน Honmono Shushi พร้อมเสิร์ฟวัตถุดิบสดใหม่ให้กับลูกค้า

เปิดสูตร “มัตซึ ซาซิมิ” ร้าน Honmono Shushi พร้อมเสิร์ฟวัตถุดิบสดใหม่ให้กับลูกค้า

“มัตซึ ซาซิมิ” เมนูแรกที่ใครมาแล้วต้องทาน จากร้าน Honmono Shushi สาขาเมกะบางนา โดยใช้วัตถุดิบที่มีจำนวนจำกัด เน้นเสิร์ฟวัตถุดิบสดใหม่ให้กับลูกค้าเสมอ อยากให้ลูกคาได้สัมผัสกับปลาทุกรสชาติที่มีความหนึบ ไร้มัน เสิร์ฟพร้อมกุ้ง หอย และ Otoro หรือ Bluefin Tuna ที่มีราคาแพงและอร่อย ให้ลูกค้าทานแล้วรู้สึกว่า พรุ่งนี้อยากกลับมาทานอีก!  อ่านบทสัมภาษณ์เต็มๆ และเปิดสูตร “โกเบ ซูชิ” อีกหนึ่งเมนูจาก เชฟบุญธรรม ภาคโพธิ์ เชฟกระทะเหล็กแห่งประเทศไทย เจ้าของร้าน Honmono Shushi ได้ที่ นิตยสารวัตถุดิบ เล่มที่ 5/2020 จาก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี เร็วๆ นี้! สามารถติดตามบทสัมภาษณ์ และสูตรเมนูอาหารอื่นๆ ได้ที่นี้ คลิก

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เปิดสูตร “ยำชะคราม” จากร้านบ้านยี่สาร เมนูยำโบราณ จากผักพื้นบ้านหาทานยาก!

เปิดสูตร “ยำชะคราม” จากร้านบ้านยี่สาร เมนูยำโบราณ จากผักพื้นบ้านหาทานยาก!

“ยำชะคราม” อีกหนึ่งเมนูแนะนำจากร้านบ้านยี่สาร ชะครามเป็นผักพื้นบ้านที่หาทานยาก โดยการนำใบยอดอ่อนมาทำเป็นยำชะคราม ยำแบบโบราณโดยการใส่น้ำพริกเผา กะทิ หอมเจียว มะพร้าวคั่ว กุ้งสด และเครื่องยำต่าง ๆ เพื่อให้ได้น้ำยำที่มีรสชาติกลมกล่อมจากกะทิและน้ำพริกเผา ตามด้วยรสชาติเปรี้ยว หวาน เผ็ด เค็มจากชะคราม และความกรอบจากมะพร้าวคั่ว หอมเจียว และกลิ่นหอมจากพริกทอด อ่านบทสัมภาษณ์เต็มๆ และเปิดสูตร “แกงคั่วหัวตาล” อีกหนึ่งเมนูจาก เชฟตุ๊กตา สุพัตรา สารสิทธิ์ เจ้าของร้านอาหารบ้านยี่สาร ได้ที่ นิตยสารวัตถุดิบ เล่มที่ 5/2020 จาก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี เร็วๆ นี้! สามารถติดตามบทสัมภาษณ์ และสูตรเมนูอาหารอื่นๆ ได้ที่นี้ คลิก

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เปิดสูตร “แกงคั่วหัวตาล” จากบ้านยี่สาร ร้านอาหารไทยพื้นบ้านส่งต่อความอร่อยจากรุ่นสู่รุ่น

เปิดสูตร “แกงคั่วหัวตาล” จากบ้านยี่สาร ร้านอาหารไทยพื้นบ้านส่งต่อความอร่อยจากรุ่นสู่รุ่น

แกงคั่วหัวตาล สูตดั้งเดิมจากรุ่นสู่รุ่นที่ร้านบ้านยี่สาร เมนูนี้ใช้พืชตามฤดูกาล ค่อนข้างหารับประทานยาก ทำยาก ด้วยรสชาติแกงคั่วกลมกล่อม ใส่ปลากรอบ กระชาย และส่วนผสมอื่นๆ เคล็ดลับอยู่ที่หัวตาล ที่มีรสสัมผัสนุ่มลิ้น หวานอ่อน และใช้ปลาทูเนื้อมันมาย่าง ทานคู่กับเครื่องเคียงขนมจีนเส้นสดของที่ร้านทำเอง อร่อยนัวแบบไทยๆ  น่าลิ้มลอง อ่านบทสัมภาษณ์เต็มๆ และเปิดสูตร “ยำชะคราม ” อีกหนึ่งเมนูจาก เชฟตุ๊กตา สุพัตรา สารสิทธิ์ เจ้าของร้านอาหารบ้านยี่สาร ได้ที่ นิตยสารวัตถุดิบ เล่มที่ 5/2020 จาก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี เร็วๆ นี้! สามารถติดตามบทสัมภาษณ์ และสูตรเมนูอาหารอื่นๆ ได้ที่นี้ คลิก

สูตรอาหารเพิ่มเติม
กาแฟอร่อยขั้นเทพ อย่ามองข้ามการเลือกเครื่องบดกาแฟ

กาแฟอร่อยขั้นเทพ อย่ามองข้ามการเลือกเครื่องบดกาแฟ

เมื่อเราเลือกเครื่องชงกาแฟให้เหมาะสมกับร้านของเรา และมีคุณภาพในการใช้แล้ว สิ่งที่จะขาดไม่ได้อีกหนึ่งสิ่งก็คือ เครื่องบดกาแฟ เครื่องบดกาแฟมีรูปแบบหลากหลาย การใช้งานที่ต่างกัน แล้วเราควรจะใช้แบบไหน ให้ตรงกับความต้องการ เลือกซื้อเครื่องบดอย่างไร ให้ไม่เปลืองงบต้นทุน makro horeca academy จะช่วยคุณในการแนะนำเครื่องบดกาแฟที่ดีให้คุณเอง เลือกอ่านได้ตามหัวข้อนี้ เครื่องบดกาแฟมีกี่ประเภท ประเภทของเครื่องบดเมล็ดกาแฟ เมื่อแบ่งตามใบมีดและฟันบด วัสดุเฟืองบด Ceramic , Steel , Titanium Coated แตกต่างกันอย่างไร ? เลือกเครื่องบดกาแฟตามประเภทการใช้งาน 5 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนเข้าสู่ธุรกิจร้านกาแฟ เครื่องบดกาแฟมีกี่ประเภท จุดประสงค์หลักของการบดเมล็ดกาแฟ คือ ต้องการรสชาติดี ๆ ของกาแฟสักแก้ว อีกทั้งเครื่องชงแต่ละแบบก็จะต้องใช้ให้เหมาะกับความหยาบละเอียดของเมล็ดกาแฟให้เหมาะสมกันอีกด้วย ซึ่งในการบดกาแฟที่มีประสิทธิภาพต้องทำให้เมล็ดถูกแบ่งให้มีขนาดเล็กลง มีความหยาบและความละเอียดที่พอดี   เครื่องบดกาแฟแบ่งออกได้ 2 ประเภทหลัก ๆ ตามการใช้งาน 1. เครื่องบดเมล็ดกาแฟแบบมือหมุน เป็นเครื่องบดเมล็ดกาแฟที่เก่าแก่ ตัวเครื่องทำจากวัสดุไม้ พลาสติก และ เหล็ก เป็นส่วนใหญ่ นิยมนำมาใช้ทำกาแฟพวกdrip , ต้น พกพาไปได้ทุกที่ เพราะไม่ต้องใช้ไฟฟ้า และก็สามารถปรับความหยาบ-ละเอียด สำหรับการชงกาแฟสดแบบต่าง ๆ จะมีความเร็วรอบต่ำ ทำให้ลดความร้อนสะสมที่เฟืองบด ช่วยรักษาเฟืองบดให้มีความทนต่อการใช้งาน 2. เครื่องบดเมล็ดกาแฟแบบไฟฟ้า 2.1 เครื่องบดเมล็ดกาแฟแบบไฟฟ้าขนาดกลาง-ใหญ่ สามารถบดได้อย่างรวดเร็ว และทำได้ครั้งละปริมาณมาก ๆ สามารถตั้งค่าความละเอียด และเวลาในการชงได้ เหมาะกับการทำกาแฟแบบ Espresso 2.2เครื่องบดเมล็ดกาแฟแบบไฟฟ้าแบบเล็ก ทำระดับความละเอียดได้ไม่มาก ยิ่งใช้เวลาบดนาน ยิ่งละเอียด แนะนำให้ใช้สำหรับทำ Moka pot และ French Press ประเภทของเครื่องบดเมล็ดกาแฟ เมื่อแบ่งตามใบมีดและฟันบด เครื่องบดเมล็ดกาแฟแบบใบมีด (blade grinder) พบได้ที่เครื่องบดเมล็ดกาแฟแบบมือหมุน และ เครื่องบดเมล็ดกาแฟแบบไฟฟ้าขนาดเล็ก อาจจะเรียกการใช้ใบมีดแบบนี้ว่า การสับ มากกว่า การบดเมล็ดกาแฟได้ วัสดุของใบมีดส่วนใหญ่จะเป็นเหล็ก หรือ สแตนเลส เหมาะกับการบดเมล็ดกาแฟ ที่ระดับความละเอียดไม่มาก แม้ว่าเครื่องบดเมล็ดกาแฟแบบมือหมุนจะสามารถปรับระดับความละเอียดได้ ใบมีดเหล็กส่วนใหญ่มีการชุบคาร์บอน ทำให้มีความแข็งแรงคงทนมากกว่าเหล็กทั่วไป เครื่องบดประเภทนี้จะมีราคาถูก แต่ไม่เหมาะนำมาใช้ในร้านกาแฟสด เพราะผงกาแฟที่บดได้จะไม่สม่ำเสมอ, ไม่สามารถปรับความละเอียดได้(อาศัยระยะเวลาในการบดเป็นตัวกำหนดความละเอียด) วิธีการรักษา หลีกเลี่ยงความชื้น เพราะมีส่วนทำให้เกิดสนิม และ ถ้าใบมีดไม่ได้รับการกระทบกระแทกจนถลอก โอกาสเกิดสนิมก็จะต่ำกว่าปกติ เหมาะกับการชงประเภท Moka pot , French Press, cold drip และ บางเครื่องบดสามารถบด aero-press และ drip/pour over ได้ 2. เครื่องบดเมล็ดกาแฟแบบฟันบด (Burr grinder) พบได้ที่เครื่องบดเมล็ดกาแฟแบบมือหมุน และ แบบไฟฟ้าขนาดกลาง-ใหญ่ ข้อดีคือสามารถบดเมล็ดกาแฟในระดับความละเอียดที่มากได้ สามารถบดระดับ espresso ได้ ไปจนถึงระดับความละเอียดหยาบ อย่าง French Press สามารถปรับความหยาบ-ละเอียด ได้ตรงเดือยที่อยู่ตรงกลางเป็นรูปเฟือง สามารถปรับได้ถึงระดับ ห่างมาก > หยาบ > ห่างน้อย > ละเอียด วิธีการทำความสะอาดง่าย ๆ เพียงปรับให้ระยะชิ้นบด 2 ชิ้นห่างกัน แล้วนำแปรงมาปัดทำความสะอาดทุกครั้ง หลังใช้งาน แนะนำ เครื่องบดกาแฟประเภทฟันบด Burrs 50 mm. มอเตอร์ทรงพลังสำหรับใช้งานภายใน 180W ความเร็วมอเตอร์ 1400RPM ขนาดโถบรรจุเมล็ดกาแฟ 500 g. เลือกบดได้ 3 รูปแบบคือ 1 แก้ว / 2 แก้ว และรับประกันเฉพาะมอเตอร์ 1 ปี คลิกดูเครื่องจริง 3. เครื่องบดเมล็ดกาแฟเฟืองบดแบบกรวย (Conical Burr) เฟืองล่างจะเป็นตัวหมุน เฟืองบนจะเป็นตัวปรับระดับขึ้นลง ผงกาแฟที่บดออกมาจะได้ผลึก หรือ Particle Size ที่ขนาดใกล้เคียงกว่า Flat Burr รสชาติที่ได้จะกลมกล่อม บอดี้ดี ความเปรี้ยวน้อยลง ข้อเสีย คือ การปรับระดับความหยาบ ปรับยากกว่า Flat Burr วัสดุเฟืองบด Ceramic , Steel , Titanium Coated แตกต่างกันอย่างไร ? Ceramic  ข้อดี มีความคม เฉือนเมล็ดกาแฟได้ดี เฟืองจะร้อนช้า ไม่นำไฟฟ้า ทนต่อการใช้งานแบบหนัก ๆ Steel มีความแข็งแรง สึกกร่อนยาก สามารถนำไปขึ้นรูปต่าง ๆ ได้ และสามารถยืดหยุ่นได้ สามารถผสมคาร์บอน ให้เป็นเหล็กกล้าได้ เพื่อทนต่อการกัดกร่อนสูง Titanium Coated เฟืองบดสีทองเป็นโลหะเคลือบไททาเนียม มีความแข็งแรงมาก และการสึกกร่อนช้าลง ทนความร้อนได้ ราคาค่อนข้างสูง มีเพียงไม่กี่แบรนด์ที่ผลิต สรุปแบบไหนดีกว่ากัน ? : ฟันบดแบบเซรามิกจะทนต่อการใช้งานแบบหนัก ๆ อายุการใช้งานจะนานกว่าแบบเหล็ก แต่ข้อจำกัดคือห้ามฟันบดชนเซรามิกเพราะจะทำให้ฟันบดพัง เพราะคุณสมบัติของเซรามิกคือ มีความแข็งเปราะ แต่ฟันบดแบบเหล็กใช่ว่าจะไม่ดี เพียงแต่ว่าฟันบดแบบเซรามิกเป็นเทคโนโลยีใหม่กว่าแค่นั้นเอง เมื่อรู้จักกับประเภทของเครื่องบดกาแฟกันไปแล้ว ต่อมาเราจะแนะนำเครื่องบดกาแฟที่เหมาะกับการใช้งานต่าง ๆ เพื่อการใช้งานให้ถูกต้องและเหมาะสมกัน  เลือกเครื่องบดกาแฟตามประเภทการใช้งาน แนะนำการบดกาแฟด้วยมือหมุนสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เวลาและใช้ความพิถีพิถันในการทำกาแฟเป็นพิเศษ อีกทั้งยังต้องมีความเชียวชาญในการทำ มิเช่นนั้น ความหยาบของกาแฟจะออกมาไม่สวยและกาแฟจะมีรสชาติไม่อร่อย แนะนำระบบไฟฟ้า เพื่อความสะดวกรวดเร็ว เครื่องบดกาแฟแบบไฟฟ้าถือว่าตอบโจทย์คนที่ต้องการความรวดเร็วในการบดกาแฟ เพราะสามารถบดได้ครั้งละมาก ๆ 3. แนะนำเลือกแบบปรับได้หลายระดับ หากเน้นความละเอียดสูง สำหรับร้านกาแฟส่วนใหญ่จะใช้เครื่องบดกาแฟขนาดใหญ่ประสิทธิภาพสูงมาพร้อมฟังก์ชั่นการบดระดับต่าง ๆเพื่อความรวดเร็วในการบดเป็นหลัก ยังคงกลิ่นและความสดของเมล็ดกาแฟบดไว้ให้มากที่สุด รวมไปถึงความละเอียดที่มีความแม่นยำสูงทำให้ได้ผงกาแฟสำหรับประเภทกาแฟที่หลากหลายด้วย แนะนำเครื่องบดกาแฟ สามารถปรับความละเอียดได้หลายระดับที่ต้องการ ได้ถึง 18 ระดับ ตั้งปริมาณบดได้ ครั้งละ4 – 18 ถ้วย กำลังไฟ 125 วัตต์ ความเร็ว 25,500 รอบต่อนาที กล่องรองกาแฟ จุปริมาณกาแฟบดได้ 32 ถ้วย  คลิกดูเครื่องจริง 4. เลือกความละเอียดเป็นพิเศษ สำหรับเอสเปรสโซ่ เนื่องจากต้องการรสกาแฟที่เข้มขั้นตอนการชงต้องอัดผงกาแฟให้แน่นเพื่อสกัดให้น้ำกาแฟไหลผ่านผงที่อยู่ในด้ามชงและต้องไม่ใช่ผงที่บดทิ้งไว้นาน ดังนั้นควรเลือกเครื่องบดแบบไฟฟ้าที่ใช้เวลาบดสั้นและปรับความละเอียดได้ เพื่อคงความสดใหม่และรสชาติของกาแฟไว้นั่นเอง แนะนำเครื่องบดกาแฟ สามารถบดเมล็ดกาแฟได้อย่างละเอียดเหมาะสม สำหรับเครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซแบบใช้ก้านอัด ใช้เฟืองบดขนาด 50 มม. ปรับความละเอียดในการบดได้ถึง 34 ระดับ โถจุเมล็ดกาแฟ 250 กรัม มีการรับประกัน 2 ปี คลิกดูเครื่องจริง เลือกจากวัสดุใบมีด เพื่อคงรสชาติไม่ว่าจะเลือกแบบมือหมุนหรือไฟฟ้าวัสดุของใบมีดก็เป็นส่วนสำคัญเนื่องจากส่งผลต่อรสชาติของกาแฟไม่น้อย และโดยทั่วไปจะพบว่าผู้ผลิตส่วนใหญ่จะนิยมเลือกใช้ใบมีดที่ทำจากเหล็ก (Steel) เพราะมีความแข็งแรงสึกกร่อนได้ยากแต่สะสมความร้อนซึ่งอาจทำให้เกิดกลิ่นเหล็กได้ แนะนำเครื่องบดกาแฟขนาดใหญ่เหมาะสำหรับร้านกาแฟขนาดใหญ่ ผลิตจากประเทศอิตาลี เครื่องทำงานเงียบ โครงสร้างเป็น Stanless Steel ระบบการปรับความละเอียดเป็นแบบ Stepless (ปรับความละเอียดได้ทุกขนาด) ด้วยรูปแบบที่มีมาตรฐาน เครื่องบดแบบหมุนเป็นวงล้อ บดด้วยการหมุนตัวของใบมีดเหล็ก วัดปริมาณการจ่ายกาแฟได้ มีระบบ Safety เสียงเตือนเมื่อเครื่องร้อนเกินไป สามารถปรับเบอร์บดกาแฟได้ทั้งหยาบและละเอียดมาก บดได้ 10.5 กิโลกรัม / ชั่วโมง คลิกดูเรื่องจริง แต่ถ้าคุณใฝ่ฝันอยากเปิดร้านกาแฟ แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร เรียนรู้การเลือกทำเลร้าน ขายใคร ใช้เมนูไหนเป็นจุดเด่น  ทั้งเครื่องชง เครื่องบด อุปกรณ์แบบไหนที่เหมาะสม การคัดสรรเมล็ดกาแฟ และวัตถุดิบสำคัญอื่น ๆ พร้อมทั้งสาธิตเมนูพื้นฐาน สนใจเรียนคอร์สออนไลน์ฟรี “5 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนเข้าสู่ธุรกิจร้านกาแฟ” คลิก

สูตรอาหารเพิ่มเติม
“น้ำแข็ง” สะอาด ปลอดภัย ที่คุณเลือกได้ แค่มีเครื่องทำน้ำแข็งไว้ที่ร้าน

“น้ำแข็ง” สะอาด ปลอดภัย ที่คุณเลือกได้ แค่มีเครื่องทำน้ำแข็งไว้ที่ร้าน

น้ำแข็ง คือส่วนประกอบหนึ่งของการทำกาแฟหรือเครื่องดื่ม การที่จะทำกาแฟแก้วหนึ่งให้สมบูรณ์ น้ำแข็งก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องที่เราต้องดูแลคัดสรร เพราะเราไม่สามารถรู้เลยว่า โรงงานที่เรารับน้ำแข็งมา มีความสะอาด ถูกหลักอนามัยไหม? ถ้ากาแฟอร่อย แต่ น้ำแข็งไม่มีคุณภาพ ละลายไวหรือไม่สะอาด มันก็จะส่งผลให้กาแฟคุณไม่ได้รสชาติที่ต้องการ รวมทั้งลูกค้าเราก็ได้ดื่มเครื่องดื่มที่ไม่ได้คุณภาพตามอีกด้วย แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี จะมาอธิบายว่าการมีเครื่องทำน้ำแข็งเองมันดีอย่างไร เลือกอ่านได้ตามหัวข้อนี้ น้ำแข็งแต่ละแบบมีผลต่อเครื่องดื่มอย่างไรบ้าง ทำไมร้านกาแฟควรมีเครื่องทำน้ำแข็ง ? เทคนิคการเลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่มีคุณภาพและใช่สำหรับคุณ น้ำแข็งแต่ละแบบมีผลต่อเครื่องดื่มอย่างไรบ้าง 1.น้ำแข็งก้อน น้ำแข็ง รูปทรงก้อน สี่เหลี่ยม หรือ ครึ่งสี่เหลี่ยม เป็นน้ำแข็งชนิดละลายได้ช้า เนื่องจากมีการควบแน่นสูง สามารถรักษาอุณหภูมิความเย็นไว้ได้นาน จึงเหมาะกับเครื่องดื่มที่ไม่ต้องการให้น้ำแข็งทำลายรสชาติของเครื่องดื่ม เช่น กาแฟเย็น น้ำหวานชงดื่มชนิดต่าง ๆ  แนะนำ เครื่องทำน้ำแข็งนำเข้าจากอเมริกาและได้รับความนิยมทั่วโลก เนื่องจากคุณภาพสูง ทนทาน และรูปแบบที่สวยงาม ทันสมัย มีน้ำแข็งหลายแบบ ทั้งน้ำแข็งสี่เหลี่ยมเต็มก้อน (Full Cube) , น้ำแข็งสี่เหลี่ยมครึ่งก้อน(Half Cube) พร้อมระบบป้องกันแบคทีเรียภายในเครื่องทำน้ำแข็ง ที่สามารถปกป้องน้ำแข็งจากเชื้อแบคทีเรียรวมถึงคราบสกปรกและเชื้อรา ที่อาจเจริญเติบโตภายในระบบการทำน้ำแข็ง คลิกดูเครื่องจริง 2.น้ำแข็งเกล็ด น้ำแข็งเกล็ด น้ำแข็งแบบบดละเอียด ที่เราเห็นน้ำแข็งกดจากเซเว่น อีเลฟเว่น น้ำแข็งชนิดนี้ มีขนาดเล็ก ไม่แข็งมาก สามารถบริโภคได้ง่าย จึงเหมาะกับเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม น้ำหวาน และ ยังเหมาะสมสำหรับการนำไปทำเป็นเครื่องดื่มปั่น หรือ น้ำแข็งใส เพราะปั่นง่าย ให้ความละเอียดได้ดี  แนะนำ เครื่องจ่ายน้ำแข็งเกล็ด(ต้องตักน้ำแข็งมาใส่ ตัวเครื่องไม่สามาราผลิดน้ำแข็งได้) สำหรับร้านขายน้ำดื่ม หรือร้านกาแฟ ลดขั้นตอนในการตักน้ำแข็ง ตัวเครื่องทำจากแสตนเลสอย่างดี ถังเครื่องจ่ายน้ำแข็งสามารถจุใด้ 22 กิโลกรัม น้ำแข็งชนิดเกล็ดกรอบ รับประทานง่าย ให้ความเย็นเร็ว เหมาะสำหรับทานกับน้ำหวาน น้ำอัดลม หรือแช่ของสด อาหารทะเล เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ใด้ดี คลิกดูเครื่องจริง 3.น้ำแข็งครึ่งวงกลม นิยมใช้มากในร้านอาหาร และบาร์เครื่องดื่ม โดยทั่วไปแล้วนั้น น้ำแข็งชนิดครึ่งวงกลมมีลักษณะเหมือนน้ำแข็งก้อน คือละลายช้า เหมาะสำหรับการชงเครื่องดื่มที่ต้องการคงรสชาติไว้ได้นาน แต่ทั้งนี้บรรดาร้านค้าร้านอาหาร นิยมใช้น้ำแข็งชนิดนี้ เนื่องจากประโยชน์จากรูปร่าง ที่สามารถบรรจุน้ำแข็งลงในแก้วได้ในปริมาณมาก จึงประหยัด ตัวเครื่องดื่มได้มากขึ้น  4.น้ำแข็งก้อนกลม การใช้น้ำแข็งก้อนกลมเหมาะสำหรับ เครื่องดื่มที่มีราคาสูง แก้วหรูหรา ระดับไฮเอนท์ เช่น บรั่นดียี่ห้อดัง เพราะนอกจากรูปร่างจะเหมาะกับการใช้แก้วบรั่นดีแล้วนั้น น้ำแข็งก้อนกลมยังดูดี ดูมีราคาแพง สร้างบรรยากาศ และยังช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับผู้ดื่มได้เป็นอย่างดี  ทำไมร้านกาแฟควรมีเครื่องทำน้ำแข็ง ? 1.ด้านความสะอาด เราสามารถผลิตน้ำแข็งที่สะอาด โดยผ่านเครื่องทำน้ำแข็ง เพื่อควบคุมการทำน้ำแข็งให้ไม่มีสิ่งเจือปน และเป็นการรักษามาตรฐานของร้านในด้านการถูกหลักอนามัย ส่งผลด้านความปลอดภัย เพราะร้านจากโรงงานเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาได้ผลิตน้ำแข็งที่สะอาดหรือไม่ มีการรักษามาตรฐานไว้ไหม  แนะนำ  เครื่องผลิตน้ำแข็งก้อนสี่เหลี่ยมเล็ก ขนาด 2x1 ซม. กำลังการผลิต 212 กิโลวัตต์/24 ชั่วโมง ความจุถัง 230 กก. มีแผงบล็อคผลิตน้ำแข็ง ที่เคลือบด้วยนิกเกิลคุณภาพสูง จึงทนทานต่อการสึกกร่อน ที่มีผลมาจากน้ำและปัจจัยอื่น แถมฟรี! 3M เครื่องกรองน้ำดื่ม 0.5 ไมครอน HC350-SEC ICE-SYSTEM ความสามารถในการกรองได้ถึง 13,249 ลิตร คลิกดูเครื่องจริง 2. ด้านความสะดวกรวดเร็ว ถ้าเรามีเครื่องทำน้ำแข็ง เราสามารถทำไว้ตอนไหนก็ได้ ถ้าน้ำแข็งเกิดหมดกระทันหันขึ้นมา เราสามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลาในการโทรให้โรงงานมาส่ง เพราะจะต้องรอเวลาเขามาส่ง เป็นการเสียเวลาที่เปล่าประโยชน์ และลูกค้าเกิดความไม่พอใจได้ ถ้าต้องรอออเดอร์นาน  แนะนำ เครื่องทำเครื่องผลิตน้ำแข็งก้อนสี่เหลี่ยมเล็ก ขนาด 2x2 ซม.  ผลิตจากประเทศ อิตาลีกำลังการผลิต 150 กิโล ต่อ 24 ชั่วโมง ความจุถัง 160 กิโลกรัม  เป็นน้ำแข็งก้อนใส ไม่มีตะกอน ละลายช้า แล้วให้ความเย็นได้อย่างรวดเร็ว คลิกดูเครื่องจริง 3.ด้านต้นทุนราคา ถ้าเราสั่งน้ำแข็งจากโรงงาน ลองคำนวณ น้ำแข็ง 1 กระสอบ ปริมาณ 20-25 กิโลกรัม ราคาเริ่มต้น 50-60 บาท สั่งวันละประมาณ 2 กระสอบขึ้นไป ก็จะคิดค่าน้ำแข็งวันละ 100 บาท 1 เดือน เราจะเสียค่าน้ำแข็งประมาณ 3,000 บาทขึ้นไป 1 ปี  คิดเป็นราคา 36,000 บาท เป็นเงินที่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เราสามารถเลือกอีกวิธีได้ โดยการซื้อเครื่องทำน้ำแข็ง ที่มีราคาย่อมเยาว์ เลือกเครื่องให้เหมาะกับขนาดร้านของเราได้ ถ้าร้านเล็กก็ควรสั่งเครื่องทำน้ำแข็งขนาดเล็ก ยกตัวอย่างยี่ห้อหนึ่ง เครื่องทำน้ำแข็งขนาดเล็ก ราคา 29,000 บาท ผลิดได้วันละ 55 กิโลกรัม ( 2 กระสอบครึ่ง ) 1 วัน เมื่อบวกลบกับค่าน้ำค่าไฟแล้วจะตกอยู่วันละ 99.7 บาท ถ้าดูเป็นรายวันอาจจะยังไม่คุ้ม แต่รายปีเราจะจ่าย 35,000 กว่าบาท เป็นการลดต้นทุนภายในร้าน และสามารถนำเงินมาบริหารจัดการอย่างอื่นได้ดีกว่า อีกทั้งเรายังได้น้ำแข็งที่มีมาตรฐานปลอดภัย ที่เราสามารถควบคุมได้  4. ด้านความอร่อยและมีคุณภาพ เครื่องดื่มคุณจะอร่อยขึ้นเพราะใส่น้ำแข็งที่ได้มาตรฐาน ไม่ละลายไว และคุณภาพเก็ยิ่งดีมากขึ้นไปอีก เพราะถ้าเครื่องดื่มคุณมีรสชาติที่อร่อย เข้มข้น แต่ใช้น้ำแข็งไม่มีมาตรฐานก็ทำให้เปล่าประโยชน์ และรสชาติเครื่องดื่มเสียอีกด้วย  เทคนิคการเลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่มีคุณภาพและใช่สำหรับคุณ 1.  ความสามารถในการผลิต อันดับแรก ให้คุณพิจารณาก่อนว่า คุณต้องการเครื่องทำน้ำแข็งที่มีความสามารถในการผลิต แบบใด  เท่าใดบ้าง แม้ทุก ๆ เครื่อง จะสามารถผลิต น้ำแข็ง ได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ ความสามารถในการผลิต ทั้งปริมาณ ความจุ และ ระยะเวลาสำหรับการผลิต ดังนั้น ควรเลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่ตอบโจทย์กับร้านของเรา  แนะนำ เครื่องทำน้ำแข็งสำหรับร้านเล็ก ด้วยกำลังการผลิต 55-60 กก./24 ชม. ความจุถัง 30 กก.ย มีรับประกันสินค้า 1 ปี (เฉพาะตัวเครื่อง) เป็นน้ำแข็งก้อนใส ไม่มีตะกอน ละลายช้า และให้ความเย็นได้อย่างรวดเร็ว สามารถแสดงประสิทธิภาพสูงสุดคลิกดูเครื่องจริง ถ้าหากเป็นร้านกาแฟนาดใหญ่ แนะนำเครื่องทำน้ำแข็งก้อนสี่เหลี่ยมใหญ่ เครื่องนำเข้าจากอิตาลี มีกำลังการผลิต 300 กิโลวัตต์/24 ชั่วโมง ถังมีความจุถึง 232 กก. ขนาด (กxยxส) 76.2x83x80 ซม. เป็นน้ำแข็งก้อนใส ไม่มีตะกอน ละลายช้า แล้วให้ความเย็นได้อย่างรวดเร็วคลิกดูเครื่องจริง 2. ประเภทของน้ำแข็ง ถ้าคุณทำร้านเครื่องดื่ม เปิดคาเฟ่ และ ร้านอาหาร น้ำแข็งที่ควรจะใช้คือ น้ำแข็งก้อนเมื่อเราเลือกประเภทของน้ำแข็งได้แล้ว ก็หาเครื่องที่ผลิตน้ำแข็งชนิดนี้ เพื่อตรงความต้องการ  3. การดูแลรักษา นอกจากจะต้องพิจารณาความสามารถ และการผลิตน้ำแข็งแต่ละประเภทให้ตอบโจทย์แล้วนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือ เรื่องของการดูแลรักษา เพราะเครื่องทำน้ำแข็งก็คือเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งต้องการ การดูแลรักษา การหมั่นตรวจเช็คสภาพ หรือควรจะเลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่ดูแลง่าย วิธีใช้ไม่ซับซ้อน ก็จะทำให้คุณภาพของเครื่องอยู่ได้นานขึ้น  4. รูปแบบและสไตล์ ข้อสุดท้ายเพื่อการเลือกเครื่องทำน้ำแข็ง ที่ใช่สำหรับคุณ คือ รูปลักษณ์ ภาพลักษณ์ของตัวเครื่อง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มองหา เครื่องทำน้ำแข็งสำหรับใช้ในร้านอาหาร หรือร้านคาเฟ่ การเลือกเครื่องทำน้ำแข็ง ไม่ว่าเครื่องทำน้ำแข็งประเภทใด ๆ เครื่องก็ควรต้องมีสไตล์ที่คุณชื่นชอบ เพราะถ้าคุณวางภายในร้าน ตรงจุดที่ลูกค้าเห็น ก็สามารถเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีภายในร้านได้อีกด้วย  แนะนำ เครื่องทำน้ำแข็งชนิดก้อนสี่เหลี่ยม ชนิดมีถังเก็บน้ำแข็งอยู่ภายในตัวเครื่อง (Self-Contained Cube-Ice Machine) ความจุถัง 28 กก. ขนาดกะทัดรัด รูปทรงสวยงาม ตัวถังสแตนเลส วัสดุอุปกรณ์คุณภาพสูง สามารถซ่อนใต้เคาน์เตอร์ กลมกลืนกับการตกแต่งร้านที่สวยงาม ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยจากประเทศอเมริกา สามารถผลิตน้ำแข็งก้อนเหลี่ยมที่มีความใส สะอาด บริสุทธิ์ ละลายช้า ติดตั้งง่าย มีระบบทำความสะอาดอัตโนมัติภายใน อายุการใช้งานทนทานยาวนาน ผลิตน้ำแข็งได้สูงสุด 102 กก./วัน คลิกดูเครื่องจริง แต่ถ้าคุณใฝ่ฝันอยากเปิดร้านกาแฟ แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร เรียนรู้การเลือกทำเลร้าน ขายใคร ใช้เมนูไหนเป็นจุดเด่น  ทั้งเครื่องชง เครื่องบด อุปกรณ์แบบไหนที่เหมาะสม การคัดสรรเมล็ดกาแฟ และวัตถุดิบสำคัญอื่น ๆ พร้อมทั้งสาธิตเมนูพื้นฐาน สนใจเรียนคอร์สออนไลน์ฟรี "5 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนเข้าสู่ธุรกิจร้านกาแฟ" คลิก

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เช็คช่องโหว่! ก่อนระบบครัวพัง เพราะ “คนทำไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ทำ”

เช็คช่องโหว่! ก่อนระบบครัวพัง เพราะ “คนทำไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ทำ”

“ครัว” คือพื้นที่สำคัญของร้านอาหาร เพราะครัวคือหัวใจหลักของกระบวนการผลิตเมนูอาหารของร้าน               ดังนั้น กระบวนการออกแบบครัวจึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะหากครัวถูกออกแบบโดยขาดการคำนึงถึงกระบวนการทำงานของคนในครัว หรือก็คือทีมเชฟทั้งหมด จะเกิดผลกระทบอย่างที่ผู้ประกอบการคาดไม่ถึงได้เลยทีเดียว ซึ่งร้านอาหาร SME ส่วนใหญ่ก็มักจะเจอกับปัญหาดังกล่าว และต่อไปนี้เป็น 3 ช่องโหว่หลัก ๆ ที่นิยมเกิดขึ้นกับการออกแบบสร้างครัวจนนำไปสู่สารพัดปัญหาตามมา ให้คนทำร้านอาหารต้องปวดใจ มีอะไรบ้างไปดูกันเพื่อจะได้ระวังไม่ให้เกิดกับตัว คลิกอ่านได้ตามหัวข้อเหล่านี้ • ออกแบบผิด วาง Layout ไม่เหมาะสำหรับเป็นครัวร้านอาหาร • อุปกรณ์จัดเต็ม แต่ใช้งานจริงได้ไม่คุ้มค่า • สั่งของไม่มีระบบ เดี๋ยวขาด เดี๋ยวเกิน เสียโอกาสยอดขาย ทุนจม 1. ออกแบบผิด วาง Layout ไม่เหมาะสำหรับเป็นครัวร้านอาหารการออก Layout ครัวเป็นหัวใจสำคัญของการเซ็ตอัพระบบครัวทั้งหมด ซึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยคือ ผู้ประกอบการมัก จ้างคนออกแบบ Layout ครัวที่ไม่ได้ถนัด หรือ ไม่มีประสบการณ์ออกแบบครัวร้านอาหารมาก่อนเพราะอาจคิดว่าแบบครัวทั่วไปก็ใช้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องผิดมหันต์ มีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียงบประมาณซ้ำซ้อนกับการทำครัวและรื้อทำใหม่ เพราะครัวที่คิดว่าถูกออกแบบมาอย่างดี ดูสวยงามแต่ถึงเวลาทำงานจริงกับเจอปัญหา เช่น โฟลว์การทำงานไม่ได้ทำให้อาหารออกช้า เชฟ หรือคนทำอาหารเสียเวลาไปกับการหยิบจับสลับตำแหน่ง พื้นที่แคบไปทำให้ไม่สะดวก หรือกว้างเกินไปจนเสียโอกาสเพิ่มพื้นที่ขายหน้าร้าน ซึ่งผลจากการที่ครัวถูกวาง Layout โดยขาดการคำนึงถึงกระบวนการทำงานของบุคคลกรแต่ละแผนกภายในครัว จะทำให้ร้านต้องเสียต้นทุนเพิ่มขึ้นตามมาอีกด้วย ดังนั้น ในการออกแบบครัว ควรหาผู้ออกแบบที่มีประสบการณ์ออกแบบครัวร้านอาหารมาก่อน และควรให้เชฟเข้ามามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในการออกแบบด้วย เพราะต้องไม่ลืมว่า เชฟ คือผู้ที่ต้องใช้ ต้องควบคุมงานในครัว ไม่เช่นนั้นแล้วละก็จะต้องมีการแก้ไขตามมา ซึ่งบอกเลยว่า การแก้ไขภายหลังเป็นเรื่องยากและเสียงบประมาณมากกว่า หากผู้ประกอบการท่านใดกำลังอยู่ในขั้นตอนวางแผนทำครัวร้านสามารถศึกษาวิธีการออกแบบครัวจากหลักสูตรออนไลน์หัวข้อ “การออกแบบครัวเพื่อการใช้งานอย่างมืออาชีพ”   โดย เชฟวิลเมนต์ ลีออง เพื่อจะได้มีความเข้าใจในกระบวนการออกแบบครัวร้านอาหารถึงเวลาคุยกับทีมออกแบบจะได้มีข้อมูลในการคุยป้องกันความผิดพลาดตั้งแต่แรกเริ่ม 2. อุปกรณ์จัดเต็ม แต่ใช้งานจริงได้ไม่คุ้มค่า เรื่องอุปกรณ์ในครัวเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ทำเอาผู้ประกอบการมือใหม่ไม่น้อยต้อง ล้มละลายกันมาแล้ว กับการจัดเต็ม ใครบอกว่าอะไรดีจัดมา โดยไม่ได้คำนึงว่าอุปกรณ์ซื้อมาเหมาะกับประเภทอาหารของร้านหรือไม่ จำเป็นต้องใช้รึเปล่า หรือขนาดใหญ่ไป เล็กไปไหม เหล่านี้ล้วนมีผลต่อการทำงาน และต้นทุนของร้านทั้งสิ้น ดังนั้นในการเลือกซื้ออุปกรณ์ครัว ควรจะมีเชฟไปช่วยเลือกซื้อด้วย มิเช่นนั้นจะพบปัญหาต่อไปก็คือ ซื้อมาแล้วขนาดผิดใช้งานจริงได้ไม่สะดวก สุดท้ายก็ต้องเก็บเข้ากรุ แล้วไปซื้อของใหม่ทำให้เสียค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ 3. สั่งของไม่มีระบบ เดี๋ยวขาด เดี๋ยวเกิน เสียโอกาสยอดขาย ทุนจม ประเด็นนี้ก็ถือเป็น ความผิดพลาดในส่วนงานครัวที่เกิดขึ้นได้บ่อยเช่นกัน ร้านอาหารบางร้านจะมีผู้จัดการร้านทำหน้าที่สั่งของซึ่งก็เป็นกระบวนการปกติ แต่เมื่อไหร่ก็ตามหากการสั่งวัตถุดิบในแต่ละครั้งไม่มีระบบ Build-to Stock เป็นการสั่งโดยกะเอาเอง หรือ สั่งเหมือนเดิมทุกครั้ง ปัญหาที่จะเกิดตามมาคือ หากช่วงไหนขายไม่ดี วัตถุดิบก็จะเหลือค้างสต็อกกลายเป็นต้นทุนที่สูญเปล่าไม่ทำรายได้ หรือหากช่วงไหนของสัปดาห์เป็นช่วงที่ขายดีแต่วัตถุดิบไม่ได้ถูกสั่งเผื่อไว้หมดก่อนก็จะเสียโอกาสทำยอดขายไป ดังนั้น ในเรื่องการสั่งวัตถุดิบควรให้คนที่ใช้อย่างเชฟเป็นคนช่วยคำนวณ Build-to Stock ของวัตถุดิบในการสั่ง เพื่อให้วัตถุดิบมีเพียงพอต่อการขายและไม่เหลือทิ้งให้ต้นทุนบานปลาย อย่างที่กล่าวไปว่า “ครัว” คือส่วนสำคัญเปรียบเป็นคลังแสงของร้าน และ “ครัว” คือแหล่งสะสมเงินทุนหมุนเวียนมากที่สุด ดังนั้นการจัดการภายในครัวที่ไม่ดีจะส่งผลต่อต้นทุน กำไรตามมา ซึ่งครัวที่ดีต้องมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การทำงาน ตั้งแต่เรื่องหยิบ จับ ใช้อุปกรณ์ วัตถุดิบ การปรุงอาหารสะดวกใช้เวลาไม่เปลือง จุดตำแหน่งจัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องเหมะสม เพื่อเซฟพลังงานของคนทำงานภายในครัวไม่ให้เกิดความเหนื่อยล้ารวดเร็วและมากเกินไป รวมไปถึงระบบน้ำ ระบบไฟ ระบบแก๊ส ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบถ่ายเทอากาศ ระบบจัดเก็บ สต้อก ก็ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ต้องคำนึงทั้งหมด ซึ่งทุกเรื่องที่ว่ามานี้ต้องเกิดจากกระบวนการคิด การออกแบบ การก่อสร้างอย่างเข้าใจงานครัวสำหรับร้านอาหารไม่เช่นนั้นก็จะเข้าอีหรอบที่ว่า “คนทำไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ทำ” นั่นเอง

สูตรอาหารเพิ่มเติม
โอกาสเติบโตของร้านอาหารปี 2020 จะเป็นอย่างไร

โอกาสเติบโตของร้านอาหารปี 2020 จะเป็นอย่างไร

เปิดหัวศักราชใหม่มายังไม่ทันไร เริ่มเกิดคำถามตัวโต ๆ ว่า สถานการณ์ หรือทิศทางธุรกิจร้านอาหารในปีนี้จะเป็นไปอย่างไร? จากเดิมปลายปีที่แล้วมีการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ว่า ธุรกิจร้านอาหารจะมีโอกาสขยายตัวอยู่ราว ๆ 4-5% ซึ่งเป็นการวิเคราะห์บนพื้นฐานตัวเลขการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารที่มีมาอย่างต่อเนื่องทุกปี แต่หลังจากเกิดวิกฤติทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศที่ล้วนส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทำให้กำลังซื้อชะลอตัว คำถามคือ  แล้วปีนี้ธุรกิจร้านอาหารจะยังคงเติบโตต่อไปได้หรือไม่ โอกาสของตลาดจะเป็นอย่างไร และผู้ประกอบการร้านจะต้องเตรียมตัวรับมือแบบไหนเพื่อให้ธุรกิจมีกำไร เรามีบทวิเคราะห์จากมุมมองของเราเองมาแนะนำกัน คลิกอ่านได้ตามหัวข้อเหล่านี้  หลายปัจจัยเสี่ยง ฉุดโอกาสโตของธุรกิจร้านอาหาร จุดเด่นของธุรกิจร้านอาหารที่จะทำให้ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจไปได้ ตลาดนี้ไม่มีคำว่าง่าย ยิ่งยุคนี้ใครจะเข้าต้องทำการบ้านอย่างดีจึงจะรอด ช่วยตัวเองเป็นหลัก อย่างหวังพึ่งมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ 3 ปัจจัยคลาสสิคที่จะช่วยให้คนทำร้านอาหาร SME อยู่รอด เติบโตได้ทุกสถานการณ์ หลายปัจจัยเสี่ยง ฉุดโอกาสโตของธุรกิจร้านอาหาร           ต้องยอมรับว่า ณ เวลานี้ปัจจัยภายในประเทศ อย่างปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง กำลังซื้อที่ชะลอตัวลงจนสัมผัสได้ ปัญหาฝุ่นหมอกควัน PM 2.5 ปัญหาภัยแล้งที่มีผลโดยตรงต่อระดับรากหญ้า และรวมไปถึงปัญหาการเมืองที่มีผลทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีภาครัฐต้องล่าช้ากว่ากำหนด ล้วนแต่เป็นตัวฉุดการเติบโตภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศ ยิ่งมาเจอกับปัจจัยภายนอกอย่างโรคระบาด Covid-19 ที่กำลังลุกลามไม่หยุดกลายเป็นภัยระดับโลก ก็ยิ่งซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจของประเทศให้ชะลอตัวหนักกว่าเดิม ทันทีที่จำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนหายไปกว่า 80% จากมาตรการป้องการการระบาดของโรค Covid-19 โดยยังไม่มีทีท่าว่าการระบาดจะลดระดับลง ทำให้ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ ซึ่งหนึ่งในส่วนของภาคการท่องเที่ยวก็คือธุรกิจร้านอาหาร ด้วยปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ขณะนี้ทำให้สถาบันการเงินไทยหลายแห่งต่างพร้อมใจกันปรับลด GDP ประเทศปีนี้ลงเหลือเพียงประมาณ 1 กว่า ๆ  หากยึด GDP ของประเทศเป็นเกณฑ์ก็มีความเป็นไปได้ว่า เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศจะยังคงชะลอตัว ธุรกิจร้านอาหารก็ย่อมได้รับผลกระทบเช่นกัน จากที่คาดการณ์ว่าจะโต 4-5% ขอแค่ 2 % ก็ถือว่าดีมากแล้ว ถ้าดูจากปัจจัยต่าง ๆ โดยเฉพาะผลจากโรค Covid-19 ที่จะมีเอฟเฟคตามมาอีกมากต่อเศรษฐกิจบ้านเราในปีนี้ จุดเด่นของธุรกิจร้านอาหารที่จะทำให้ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจไปได้           แต่อย่างไรก็ตามด้วยธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจที่มีจุดเด่นพิเศษเฉพาะตัวนั่นคือ เป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ ถึงแม้ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศจะดูแย่ แต่เรื่องกินมักเป็นเรื่องใหญ่เสมอ และด้วยพฤติกรรมของประชากรไทยที่เปลี่ยนไปจากเดิม การทำอาหารกินเอง กลายเป็นออกกินอาหารนอกบ้านเพิ่มขึ้น รวมถึงสั่งอาหารมาทานถึงที่แทนการทำเอง ประกอบกับปัจจุบัน การเติบโตของศูนย์การค้ามีการขยายออกไปตามเมืองรองต่าง ๆ ก็ทำให้ธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ต่าง ๆ ที่มักอยู่ตามศูนย์การค้าขยายสาขาออกต่างจังหวัดกระตุ้นความสนใจของคนในพื้นที่ได้อีกทาง เช่นเดียวกับการเกิดขึ้นของแพลทฟอร์มเดลิเวอรี่ ก็ยิ่งกระตุ้นพฤติกรรมทานอาหารออกนอกบ้าน หรือสั่งอาหารจากร้านมาทานเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหล่านี้ถือเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจร้านอาหารโดยตรง ที่มีผลส่งให้ธุรกิจนี้จะโตฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจไปได้เหมือนเช่นที่ทำได้มาตลอด ตลาดนี้ไม่มีคำว่าง่าย ยิ่งยุคนี้ใครจะเข้าต้องทำการบ้านอย่างดีจึงจะรอด           มีคำกล่าวตลกร้ายอยู่ว่า “เกลียดใครยุให้มันทำร้านอาหาร” ประโยคนี้บ่งบอกถึงความยากของธุรกิจร้านอาหารได้ดี แม้หลายคนอาจมองว่า ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจง่าย ๆ ใคร ๆ ก็ทำได้ แค่มีเงิน มีทำเล มีคนงาน ก็เปิดร้านได้แล้ว นั่นก็ใช่ แต่ในความง่ายของการเริ่มต้นกลับเต็มไปด้วยความยากที่จะทำให้สำเร็จ ในตลาดธุรกิจร้านอาหารที่มีมูลค่าใกล้แตะ 5 แสนล้านบาท มีผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอด แต่ก็มีผู้ผู้ประกอบการต้องถอนตัวออกไปพร้อมบาดแผลความบอบช้ำมากมายเช่นกัน นั่นเพราะธุรกิจนี้เริ่มง่าย แต่จะทำให้สำเร็จมันยาก โดยเฉพาะยิ่งในปัจจุบันแม้พื้นที่ว่างตลาดจะมีมากแต่การแข่งขันในตลาดนี้ก็มีสูงมากเช่นกัน แข่งกับแบรนด์สแตนอโลนระดับเดียวกันว่ายากแล้ว ยังต้องแข่งกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ที่มีหลายสาขา (chained restaurant) ซึ่งปรับตัวเองลงมาจับลูกค้าตลาดกลุ่มเดียวกับ SME ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบการแตกไลน์แบรนด์เล็ก ๆ หรือ การย่อไซส์ขนาดร้านเพื่อเข้าถึงพื้นที่ชุมชนง่ายขึ้น ไม่ต้องรอให้ลูกค้ามาหาในห้างฯ เหมือนแต่ก่อน จึงเป็นความท้าทายสำหรับร้านอาหาร SME ว่าจะต้องนำเสนอตัวเองอย่างไรให้เป็นที่สนใจของผู้บริโภค จึงทำให้การทำร้านอาหารยุคนี้และจากนี้ไป ผู้ประกอบการจะต้องให้ความสำคัญกับองค์ความรู้ในด้านวางแผนและบริหารจัดการทั้งก่อนเริ่มลงทุนและหลังลงทุนอย่างมาก แค่มีเงินทุน มีทำเล มีทีมงานอย่างเดียวไม่พออีกต่อไป เพราะธุรกิจร้านอาหารก็ไม่ต่างจากธุรกิจอสังหาฯ หรือธุรกิจอื่น ๆ ที่ต้องใช้องค์ความรู้เฉพาะด้านในการบริหารจัดการ แม้ธุรกิจร้านอาหารจะทำให้สำเร็จยาก แต่ถ้าทำสำเร็จได้แล้วจะสำเร็จได้ยาวเป็นธุรกิจส่งต่อรุ่นสู่รุ่นได้สบาย ช่วยตัวเองเป็นหลัก อย่างหวังพึ่งมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ           แม้หลายคนกำลังรอคอยความหวังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เหมือนเช่น “ชิมช้อปใช้” เฟสแรกที่ทำให้ร้านอาหารจำนวนไม่น้อยได้อานิสงส์จากมาตรการดังกล่าวยอดพุ่งสูงในช่วงเวลานั้น แต่หลังจากหมดเฟสแรกไปสถานการณ์ก็เข้าสู่ความเป็นจริงที่ผู้ประกอบการต้องสู้กับภาวะต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้น และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นไม่หยุด โดยเฉพาะต้นทุนวัตถุดิบบางรายการที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง การรอคอยมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐคงอาจช้าไป เพราะกว่าที่รัฐบาลจะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีได้ก็ปาเข้าไปไตรมาส 2 ของปี และก็ไม่รู้ว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาบ้าง จะให้ผลอย่างไร คงต้องบอกว่านาทีนี้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนไว้จะดีที่สุด เพราะด้วยสถานะความเป็นผู้ประกอบการ SME ซึ่งจำนวนไม่น้อยไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ทำให้โอกาสการเข้าถึงนโยบายการช่วยเหลือ SME ของภาครัฐยากอยู่แล้ว เช่น การเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำแทบจะลืมไปได้เลย การหันมาจัดการภายในคือสิ่งจำเป็นต่อความอยู่รอด เช่น การมีแหล่งวัตุดิบต้นทุนต่ำ การเลือกใช้วัตถุดิบสำเร็จรูป โดยเฉพาะการพัฒนาโปรดักส์ให้สามารถเพิ่มมูลค่า พัฒนากระบวนการผลิตให้ลดต้นทุนได้เป็นเรื่องที่ทำได้ด้วยตัวเองและควรทำอย่างมากสำหรับ SME  3 ปัจจัยคลาสสิคที่จะช่วยให้คนทำร้านอาหาร SME อยู่รอด เติบโตได้ทุกสถานการณ์สุดท้ายหากต้องตอบคำถามว่า แล้วผู้ประกอบการร้านอาหาร SME ต้องทำอย่างไรเพื่อให้อยู่รอด มีกำไร ก็คงหนีไม่พ้น 3 ปัจจัยพื้นฐานที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องให้ความสำคัญ ได้แก่  ปัจจัยที่ 1 การวางระบบหรือ Operation ภายในร้าน ปัญหาใหญ่ของผู้ประกอบการร้านอาหาร SME อย่างหนึ่งคือ ชีวิตเหมือนติดคุกเมื่อทำร้าน เพราะทุกวันไม่สามารถไปไหนได้ต้องอยู่เฝ้าร้านตลอด เจอแต่ปัญหาให้ต้องแก้จนท้อ บางร้านยิ่งขายดีชีวิตยิ่งวุ่นวายเป็นทุกข์หนัก พ่อครัวออก คนงานหาย ร้านแทบเปิดไม่ได้ เป็นเพราะขาดระบบจัดการที่ดี การทำร้านอาหารที่ดีเจ้าของกิจการจะต้องมีเวลาในการคิด พัฒนาร้าน ในวันที่เจ้าของไม่เข้าร้านกิจการจะต้องเปิดทำการได้ตามปกติ ใครจะออก ใครจะเข้าไม่มีปัญหา เมนูอาหารและบริการยังคงคุณภาพเหมือนเดิม ยิ่งสถานการณ์แย่ การมีระบบจัดการที่ดีจะช่วยให้กิจการเอาตัวรอดไปได้  ปัจจัยที่ 2 การบริหารต้นทุนซึ่งเป็นหัวใจหลักของการเกิดกำไร ซึ่งหากผู้ประกอบไม่มีความรู้ในเรื่องนี้โอกาสขาดทุนมีสูงต่อให้ขายดีแค่ไหนก็เจ๊งได้ ซึ่งการบริหารต้นทุนหลัก ๆ คือ ต้นทุนอาหาร ต้นทุนแรงงาน ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยให้ต้องศึกษา ผู้ประกอบการสามารถเรียนรู้ การบริหารและควบคุมต้นทุนวัตถุดิบอาหาร ได้ที่คอร์สเรียนออนไลน์ฟรี! ปัจจัยที่ 3 การตลาดสมัยใหม่แม้การทำโปรโมชั่น การทำป้ายสื่อโฆษณาหน้าร้านยังคงเป็นเรื่องจำเป็น แต่การทำการตลาดผ่านช่องทางโซเชียล หรือการใช้ Foodie Influencer คือสิ่งที่ผู้ประกอบการยุคนี้ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะปัจจุบันพบว่า   ผู้บริโภครับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับร้านอาหารและเกิดการตัดสินใจใช้บริการผ่านช่องทางโซเชียลมากกว่า 50% ของช่องทางสื่อทั้งหมดรองลงมาเป็นการผ่านรีวิวและบอกต่อประมาณ 23% ที่เหลือก็จะเป็นสื่อช่องทางอื่น ๆ เช่น สื่อหน้าร้าน นั่นเท่ากับว่า สื่อโซเชียลและ influencer มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคที่สูงมาก หากผู้ประกอบการละเลยส่วนนี้ไปเท่ากับเสียโอกาสทางการตลาดต่อผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ไปเลยทีเดียว ผู้ประกอบการสามารถเรียนรู้พื้นฐานเครื่องมือการตลาดออนไลน์ ในคอร์สเรียนออนไลน์ฟรี! “โปรโมทร้านอาหารใน Online ให้ยอดขายพุ่งขึ้น 10 เท่า” ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบทวิเคราะห์จากมุมมองของเรา บนเหตุปัจจัยต่าง ๆ ณ เวลานี้เท่านั้น หากจะให้สรุปปิดท้ายว่า ที่สุดแล้วธุรกิจร้านอาหารจะยังคงเป็นธุรกิจมีอนาคตอยู่หรือไม่ จะยังเติบโตต่อไปได้ไหม ก็กล้าตอบเลยว่า ธุรกิจนี้จะยังคงเป็นหนึ่งในไม่กี่ธุรกิจที่เติบโตต่อไปไม่หยุดเราจะยังได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ สินค้าใหม่ ๆ การนำเสนอรูปแบบใหม่ ๆ วิธีการแข่งขันใหม่ ๆ เกิดขึ้นตามมาอีกมากเป็นแน่ และนั่นก็จะเป็นคำถามกลับไปยังผู้ประกอบการร้านอาหาร SME ว่า ณ วันนี้ท่านได้เตรียมตัวรับมือการเปลี่ยนแปลง การแข่งขันต่าง ๆ ไว้ดีเพียงใด “ความรู้” คือ สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ SME อยู่รอดและเติบโตเป็นแบรนด์ใหญ่ได้ อย่าลืมว่าแบรนด์ระดับ Chained Restaurant ในบ้านเราส่วนใหญ่มีจุดเริ่มต้นมาจากร้านเล็ก ๆ SME เช่นเดียวกัน ที่เขาเติบโตพัฒนาขึ้นมาได้ก็เพราะการเรียนรู้และพัฒนาไม่หยุดนั่นเอง  

สูตรอาหารเพิ่มเติม
อยาก Up ยอดขายร้านอาหารด้วยการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ต้องขอใบอนุญาตอย่างไร?

อยาก Up ยอดขายร้านอาหารด้วยการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ต้องขอใบอนุญาตอย่างไร?

สำหรับร้านอาหารร้านใดที่ต้องการจะให้บริการจำหน่าย เครื่องดื่มแอกอฮอลล์ภายในร้าน สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจ หรือเรียนรู้กันก่อนเลยคือ เรื่องของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพราะไม่ใช่ว่าทุกร้านจะสามารถขายเครื่องดื่มแอลกฮอลล์ได้ พลาดไปอาจโดนถึงขั้นปิดกิจการไม่พอ ยังต้องโดนปรับ โดนดำเนินคดีวุ่นวายเสียเวลา เสียเงินลงทุน เพราะขึ้นชื่อว่ากฎหมายจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ มาติดตามกันว่า ถ้าร้านเราต้องการจะขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้ต้องทำอย่างไรให้ถูกต้อง  เลือกอ่านหัวข้อได้ตามนี้ กฎหมายที่ต้องศึกษาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งแรกที่ควรรู้ ร้านเราตั้งอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามหรือไม่ กรณีที่ร้านยังไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ เอกสารที่ต้องใช้ยื่นขออนุญาตจำหน่ายสุรา กฎหมายที่ต้องศึกษาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กฎหมายที่ต้องศึกษาก็คือ  พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งถือเป็นกฎหมายหลักที่กำหนดข้อห้าม กำหนดโทษ และมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องตามมา ซึ่งหน่วยงานหนึ่งที่เกิดขึ้นมาจากพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พ.ศ. ๒๕๕๑ และมีบทบาทในการออกกฎข้อห้าม หรือข้ออนุญาตต่าง ๆ เกี่ยวกับการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ก็คือ “คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ” และยังมีอีกหนึ่งหน่วยงานย่อยที่มีบทบาทสำคัญต่อนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั่นก็คือ “คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์” เป็น 2 หน่วยงานหลักที่เกิดจากพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้รู้จักชื่อ 2 หน่วยงานนี้เอาไว้ เพื่อที่ต่อไปเวลาได้ยิน หรือ ได้รับข่าวสารจากสื่อมีพูดถึงการประชุมของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งดังกล่าว ให้ตั้งใจอ่านหรือตั้งใจฟังดี ๆ เพราะจะมีผลโดยตรงต่อการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในร้านเรา  สิ่งแรกที่ควรรู้ ร้านเราตั้งอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามหรือไม่ คราวนี้ถ้าเราต้องการจะขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในร้านสิ่งแรกที่ต้องทราบก่อนเลยคือ ร้านเราตั้งอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามหรือไม่! 1  มาตรา ๒๗ และ ๓๑ แห่ง พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. ๒๕๕๑ กำหนดให้ห้ามขายหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณดังต่อไปนี้ (๑) วัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา เว้นแต่การดื่มนั้นเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา (๒) สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ สถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล และร้านขายยาตามกฎหมายว่าด้วยยา ยกเว้นกรณีการดื่มสามารถดื่มได้ในบริเวณที่จัดไว้เป็นที่พักส่วนบุคคล (๓) สถานที่ราชการ ยกเว้น กรณีการขายสามารถขายได้ในบริเวณที่จัดไว้เป็นร้านค้าหรือสโมสร ส่วนกรณีการดื่มสามารถดื่มได้ในบริเวณที่จัดไว้เป็นที่พักส่วนบุคคล หรือสโมสร หรือการจัดเลี้ยงตามประเพณี 2 (๔) สถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ เว้นแต่กรณีการดื่มสามารถดื่มในบริเวณที่จัดไว้เป็นที่พักส่วนบุคคล หรือสโมสร หรือการจัดเลี้ยงตามประเพณี หรือสถานศึกษาที่สอนการผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ (๕) สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง หรือร้านค้าในบริเวณสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง (๖) สวนสาธารณะของทางราชการที่จัดไว้เพื่อการพักผ่อนของประชาชนโดยทั่วไป (๗) ห้ามมิให้ขายในสถานที่หรือบริเวณของหอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก (๘) สถานที่อื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ประเด็นคงไม่ได้อยู่ที่เรื่องของตัวสถานที่ห้าม เพราะคงไม่มีใครไปเปิดร้านอยู่ในสถานที่กฎหมายห้ามขายอยู่แล้ว แต่ที่หลายคนไม่แน่ใจคือ แล้วถ้าร้านตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงสถานที่ห้ามรัศมีพื้นที่เท่าไหร่จึงจะสามารถจำหน่ายได้ โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้สถานศึกษา ระยะปลอดภัยคือห่าง 300 เมตรโดยรอบสถานที่ประกฎหมายประกาศห้าม 3 กรณีที่ร้านยังไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ และหากตรวจสอบแล้วว่าร้านอยู่ในระยะปลอดภัย ลำดับต่อมาที่ต้องทำคือ กรณีที่ร้านยัง ไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ต้องไปดำเนินการขอยื่นจดทะเบียนพาณิชย์ประเภทร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มที่สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอที่ร้านตั้งอยู่ แต่ถ้าร้านจัดตั้งเป็นรูปแบบนิติบุคคลอยู่แล้วก็ข้ามข้อนี้ไปได้ ที่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์เนื่องจากการขายเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ถือเป็นการประกอบกิจการพาณิชย์ประเภทหนึ่งที่ร้านบุคคลธรรมดาไม่สามารถประกอบกิจการประเภทนี้ได้ เมื่อผ่านขั้นตอนจดทะเบียนพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว ลำดับต่อมาต้องขออนุญาตจำหน่ายเครื่องดื่มสุราให้ถูกต้องตามกฎหมายกำหนด หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลและออกใบอนุญาตได้แก่ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครขออนุญาตที่กรมสรรพสามิต ส่วนในต่างจังหวัดขออนุญาตได้ที่สำนักงานสรรพสามิตจังหวัด หรือ ยื่นขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ของเว็บไซต์กรมสรรพสามิต  เอกสารที่ต้องใช้ยื่นขออนุญาตจำหน่ายสุรา ✔️แบบฟอร์มคำขออนุญาตจำหน่ายเครื่องดื่มสุรา แบบ สยพ.1  ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม http://bit.ly/2VupV7p ✔️สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชนผู้ยื่นขออนุญาต ✔️หนังสือยินยอมของเจ้าของสถานที่ ยินยอมให้ใช้สถานที่เป็นที่จำหน่ายเครื่องดื่มสุราพร้อมสำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชนเจ้าของสถานที่ ✔️กรณีเป็นสถานที่เช่า ให้แนบหนังสือสัญญาเช่าสถานที่ พร้อมสำเนาทะเบียนบ้านสถานที่เช่า ✔️แผนที่ตั้งร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มสุรา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบโซนนิ่ง ✔️หนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบอำนาจ เมื่อยื่นคำขออนุญาตแล้ว เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาในการพิจารณาเอกสารและตรวจสอบโซนนิ่งหากทุกอย่างถูกต้องตามระเบียบ ก็จะออกใบอนุญาตเป็นเวลา 1 ปี โดยผู้ประกอบการจะต้องขอต่อใบอนุญาตปีต่อปี 4 มาดูบทลงโทษผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 พ.ร.บ.สุรา พ.ศ.2493 กันบ้างว่า ถ้าเปิดขายโดยไม่ข้ออนุญาต หรือเปิดขายโดยผิดไปจากที่กฎหมายอนุญาตไว้จะโดนอะไรตามมาบ้าง เอาเฉพาะที่สำคัญ ๆ 1.ขาย แลกเปลี่ยนหรือให้สุราหรือบุหรี่แก่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เว้นแต่การปฏิบัติทางการแพทย์ -จำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับไม่เกิน 30,000 พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา26(10) กท.พัฒนาสังคมฯ -เพิกถอนใบอนุญาต กฎกระทรวงการคลัง พ.ศ. 2548 กรมสรรพสามิต 2.ขายสุรานอกเวลาที่กำหนด (ให้ขาย 11.00-14.00 และ 17.00-24.00) -ปรับ 50 บาท -พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขายสุราเป็นเวลา 5 ปี พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 20, 46 กรมสรรพสามิต -จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 253 พ.ศ. 2515 สนง.ตำรวจแห่งชาติ 3.ขายสุราในสถานที่ต่อเนื่องหรือติดกับสถานที่ ดังนี้ - ในสถานศึกษา -ศาสนาสถาน(วัดต่าง ๆ) - สถานีบริการนำมัน -เพิกถอนใบอนุญาต -ไม่มีใบอนุญาต ปรับตามประเภทสุราที่ขายกฎกระทรวงการคลัง พ.ศ. 2548 กรมสรรพสามิต 4.ไม่แสดงใบอนุญาตขายสุราไว้ในสถานที่ขายอย่างเปิดเผย -ปรับ 2,000 บาทกฎกระทรวงการคลัง พ.ศ. 2548 กรมสรรพสามิต 5.ทำการเปลี่ยนแปลงสุรา (เช่น ผสมยาดองเหล้าหรือวัตถุอื่น ๆ) -ผู้ขายส่ง ปรับ 2,000 บาท -ผู้ขายปลีก ปรับ 500 บาท พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 22,23,36,38 กรมสรรพสามิต 6.เก็บสุราไว้ที่อื่นซึ่งมิใช่สถานที่ขออนุญาตไว้ -ปรับ 500 บาท(เฉพาะผู้ขายส่ง) พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 21, 38 กรมสรรพสามิต 7.ขายสุราไม่ตรงตามประเภทใบอนุญาตที่เจ้าพนักงานออกให้ -ปรับ 200 บาท พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 40 ทวิ กรมสรรพสามิต 5 8.ขายหรือนำสุราออกแสดงเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาตขายสุรา -สุราไทยทุกชนิด ปรับ 500 บาท -สุราต่างประเทศ ปรับ 2,000 บาท พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 17, 40 กรมสรรพสามิต 9.ลักลอบผลิตสุราทุกชนิด(สุรากลั่น, สุราแช่, กระแช่ ฯลฯ) -จำคุกไม่เกิน 6 เดือน -ปรับไม่เกิน 5,000 บาท พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 5, 30 กรมสรรพสามิต 10.ขายสุราที่ลักลอบผลิตขึ้นตามข้อ 9 -ปรับไม่เกิน 5,000 บาท พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 31 กรมสรรพสามิต 11.ขนหรือเคลื่อนย้ายสุราแช่ และสุรากลั่นหนีภาษี -จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 34 กรมสรรพสามิต 12.ขนหรือเคลื่อนย้ายสุราทุกชนิดตั้งแต่ 10 ลิตรขึ้นไป โดยไม่มีใบอนุญาตให้ขนสุรากำกับไปด้วย -ปรับลิตรละ 10 บาท ตามจำนวนสุราที่ขนหรือเคลื่อนย้ายพ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 14, 38 ทวิ กรมสรรพสามิต 13.ขายหรือมีไว้เพื่อขาย สุราชุมชนหนีภาษี -จำคุกไม่เกิน 6 เดือน -ปรับ 4 เท่าของภาษีสุรา(ตามจำนวนสุราของกลาง) พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 33 กรมสรรพสามิต 14.ขายหรือมีไว้เพื่อขาย สุราต่างประเทศหนีภาษี -จำคุกไม่เกิน 6 เดือน -ปรับ 4 เท่าของภาษีสุรา(ตามจำนวน ประเภท/ชนิดสุราของกลาง)พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 33 กรมสรรพสามิต 6 15.ขาย จำหน่าย จ่ายแจก หรือจัดงานเลียงสุราทุกชนิดในเขตเลือกตั้งในระหว่างเวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวันจนสิ้นสุดวันเลือกตั้ง -จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 มาตรา 130 16.ขายสุรา หรือยินยอมปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอาการมึนเมาจนประพฤติวุ่นวายหรือครองสติไม่ได้ เข้าไปหรืออยู่ในสถานบริการระหว่างเวลาทำการ -ปรับไม่เกิน 50,000 บาท พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ. 2509 มาตรา 16(2) (3) มาตรา 27 -กระทรวงมหาดไทยพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่บังคับใช้ยังกำหนดควบคุมสถานที่จำหน่ายเพิ่มขึ้นด้วย ก็เป็นภาษาทางกฎหมายที่อ่านแล้วอาจไม่ค่อยเข้าใจ แต่ให้ดูที่บทลงโทษเป็นสำคัญ ฉะนั้นถ้าต้องการจะขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายกำหนดทุกประการ นอกจากการขอใบอนุญาตการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในร้านอาหารแล้ว สามารถอ่าน รู้ก่อนพลาด! เตรียมให้พร้อม ก่อนเปิดขายแฮลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ที่นี่

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ดึงสติ! เทรนด์ฮิตอาหารจานยักษ์ อาจต้องพักถ้าไม่ทำกำไรให้กับร้าน!

ดึงสติ! เทรนด์ฮิตอาหารจานยักษ์ อาจต้องพักถ้าไม่ทำกำไรให้กับร้าน!

"เมนูจานยักษ์" ที่เรามักเห็นในโลกโซเชี่ยลในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจและสร้างความแตกต่าง เกิดจุดเด่นให้กับร้านอาหารธรรมดาที่ไม่เป็นที่รู้จักกลายเป็นป๊อปปูล่าในโลกโซเซียลและสื่อต่าง ๆ ได้ชั่วข้ามคืน แต่ในแง่มุมของการทำธุรกิจร้านอาหารนั้น จริง ๆ เหล่าเมนูจานยักษ์ที่เป็นเสมือนซุปเปอร์ฮีโรนี้เป็นเมนูที่ทำกำไรให้กับร้านได้ดีจริงหรือ และทุกร้านควรมีเมนูจานยักษ์ไว้เรียกลูกค้าหรือไม่ เรามีบทวิเคราะห์มาบอก หน้าที่สำคัญของเมนูจานยักษ์           เมื่อพูดถึงเมนูจานยักษ์สิ่งแรกที่ผู้ประกอบการต้องทราบคือ วัตถุประสงค์หลักของการทำเมนูจานยักษ์เพื่ออะไร ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงเมนูจานยักษ์ก็เป็นหนึ่งใน Content การตลาดของร้าน เป็นเครื่องมือที่จะสร้างจุดเด่น เกิดกระแส ทำให้คนรู้จัก เพราะในยุคปัจจุบัน การทำการตลาดออนไลน์คือสิ่งสำคัญหากจะใช้การตลาดในรูปแบบเก่า ๆ เช่น แจกใบปลิว ติดป้ายประชาสัมพันธ์ คงไม่ทันกินคู่แข่ง แต่ในการทำการตลาดแบบถ่ายรูปสวยเผยแพร่ออกไป ๆ แล้วบอกว่าอาหารร้านเราอร่อย ใคร ๆ ก็ทำกันจนเป็นเรื่องธรรมดาไม่ได้สร้างจุดเด่นอะไร ต่างจากการทำเมนูจานยักษ์ที่ได้ทั้งความแปลกและเกิดกระแสตามมา ทำให้หลาย ๆ ร้านอาหารที่ขายอาหารธรรมดา ๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวมันไก่ บะหมี่ ส้มตำ กะเพรา หยิบเอาไอเดียจานยักษ์มาเป็นเมนูเรียกแขกเกิดความแตกต่างจากร้านอื่น ๆ และได้ภาพถ่ายที่สวยงาม จนคนที่เห็นเมนูนี้เกิดความสนใจและอยากมาลอง เมนูจานยักษ์ไม่ใช่เมนูจานหลักที่ต้องทุ่มเททุกอย่างเพื่อมัน แต่สิ่งที่ต้องฝากดึงสติกันก็คือ เมนูจานยักษ์ไม่ใช่เมนูจานหลักที่จะทำกำไรให้กับร้านเป็นกอบเป็นกำเพราะในการทำเมนูจานยักษ์แม้จะมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องระวังให้มากเช่นกัน ข้อดีของการทำเมนูจานยักษ์ - เกิดความแตกต่างจากร้านอื่น ๆ ทำให้เกิดความน่าสนใจ เกิดกระแส ได้ออกสื่อฟรี - เกิดการชวนเพื่อน แทนที่จะมีคนเห็นสื่อนี้เพียง 1 คน แต่ด้วยปริมาณที่ใหญ่ไม่สามารถกินได้ 1-2 คนหมดจึงเกิดการ Tag เพื่อนในโลกโซเชี่ยล ทำให้มีคนรู้จักร้านของเราได้มากขึ้นอีกด้วย ข้อควรระวังที่อาจทำให้ร้านพังทั้งระบบ - ระยะเวลาในการทำอาหารนานกว่าเมนูปกติ เมื่อจานใหญ่ขึ้นก็ต้องใช้เวลาทำมากขึ้น อาจทำให้ลูกค้ารอนาน จนเกิดคอมเพลนได้ (แต่ประเด็นนี้สามารถแก้ไขได้โดยการระบุในเมนูไว้ว่า "เมนูนี้ต้องรอประมาณ 20 นาที" เป็นต้น) แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือ ถ้ามีออเดอร์เมนูจานยักษ์เข้ามาพร้อม ๆ กันหลายออเดอร์ระบบในครัวจะรับมือไหวหรือไม่! - การคำนวณต้นทุนต่อเสิร์ฟที่มีโอกาสผิดพลาดได้สูง เมนูจานยักษ์ส่วนใหญ่มักจะนำเมนูทั่วไปมาทำให้ใหญ่ขึ้น เช่น บะหมี่ ส้มตำ ผัดกะเพรา ซึ่งเมนูเหล่านี้โดยปกติร้านอาหารSMEส่วนใหญ่ก็มักไม่ค่อยได้คำนวณต้นทุนกันอย่างละเอียดอยู่แล้ว เมื่อต้องใช้วัตถุดิบเยอะขึ้นต่อจานโอกาสคิดราคาผิดพลาดก็สูงมากขึ้น สุดท้ายอาจกลายเป็นเมนูที่ได้แต่กระแสแต่ไม่ได้กำไรแถมยังต้องเพิ่มงานให้กับพนักงานอีก ดังนั้น ผู้ประกอบการควรกำหนดเมนูจานยักษ์ให้มีหน้าที่หลักคือดึงดูดลูกค้า สร้างกระแสบนสื่อให้คนสนใจร้านแต่ไม่ได้เป็นเมนูหลักในการขาย ราคาขายควรคำนวณต้นทุนให้ถี่ถ้วน และตั้งราคาให้มีกำไรเหมาะสม จะเกินไว้เผื่อขาดก็ไม่มีใครว่า และสำคัญอย่าลืมเชียร์ขายเมนูจานหลัก เมนูทานเล่น เมนูเครื่องดื่มที่ทำกำไรให้ร้านตัวจริงด้วย เมื่อมีคนถูกเมนูจานยักษ์ดึงดูดเข้ามาในร้าน

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ศึกหั่นโปรฯ ลดแหลก!! ร้านอาหารควรลงไปเล่นหรือไม่?

ศึกหั่นโปรฯ ลดแหลก!! ร้านอาหารควรลงไปเล่นหรือไม่?

น้อง A : “แก ร้านฉันคนเงียบมากเลย ทำไงดีอ่า” น้อง B : “แกก็ทำโปรส่วนลดซิ ลด 20% หรือไม่ก็มา 4 จ่าย 3 ไปเลยร้านอาหารใหญ่ ๆ เขาทำกันเยอะแยะ คนก็เต็มร้านเลยนะแก” เชื่อว่าผู้ประกอบการหลาย ๆ คนคงเคยประสบปัญหาขายไม่ค่อยดี ลูกค้าไม่เข้าร้าน ใครไม่เคยเจอปัญหานี้ต้องบอกว่าทำบุญมาดี ซึ่งวิธีแก้ปัญหานี้ที่คนส่วนใหญ่ทำกันหรือ นึกถึงเป็นอันดับแรกก็คือ "ทำโปรโมชั่น" และการทำโปรโมชั่นยอดฮิตที่มักจะใช้ในการดึงลูกค้าเข้าร้านหลัก ๆ ก็คือ “ลดราคา” มีตั้งแต่ 10-50% , มา 4 จ่าย 3 , ซื้อ 2 ฟรี 1 ซึ่งการทำโปรโมชั่นลดแหลกแบบนี้ถามว่าผิดหรือไม่ ตอบเลยว่า “ไม่ผิด” ในวงเล็บว่า [หากเป้าหมายการทำโปรโมชั่นชัดเจน และตอบโจทย์แก้ปัญหา ที่ลูกค้าไม่เข้าร้านได้ตรงจุดจริง ๆ] แต่หากการทำโปรโมชั่นลดแหลกมาจากการ "เห็นเขาทำ เลยทำตาม" อันนี้บอกเลยว่าอันตราย และอาจทำให้สถานการณ์ของร้านแย่ลงไปอีก เพราะคุณไม่รู้เลยว่าที่คนอื่นเขาทำเพราะมีเป้าหมายคืออะไร และเขามีข้อได้เปรียบอะไรถึงทำ ตัวอย่างเช่น - บางร้านทำโปรฯ ลด 30-50% ในบางเมนู ก็เพราะเขาได้วัตถุดิบมาในราคาถูกพิเศษเมื่อลดราคาไปแล้วก็ยังมีโครงสร้างต้นทุนอาหารต่อจานที่ไม่สูงมาก - บางร้านทำโปรฯ มา 4 จ่าย 3 ในช่วงเวลาสั้น ๆ เนื่องจากก่อนที่จะทำโปรฯ เขาได้ดีลขอส่วนลดกับซัพพลายเออร์ไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อจะแลกกับการซื้อวัตถุดิบในปริมาณที่มากขึ้น - บางร้านเห็นว่าเขาทำโปรฯ ส่วนลด 30-50% ตลอดทุกเดือนเลยทำไมเขาถึงทำได้ ก็เป็นเพราะเขาเซ็ตราคาขายไว้ให้สูงกว่าปกติเผื่อไว้แล้ว ทำให้ในแต่ละเดือนจะได้จัดโปรโมชั่นส่วนลดแรง ๆ เป็นที่น่าสนใจสำหรับลูกค้าที่ชอบส่วนลดได้ โดยไม่กระทบต่อต้นทุนอาหารหรือกำไรเท่าไรเลย ซึ่งตัวอย่างที่กล่าวมาทั้งหมดคือแค่ส่วนหนึ่งของ ข้อได้เปรียบที่เราเองอาจไม่รู้ นอกจากข้อได้เปรียบทางธุรกิจแล้ว อีกสิ่งที่เราควรจะทราบก่อนที่จะทำโปรโมชั่นก็คือ "ทำไมลูกค้าไม่เข้าร้านเรา" เพื่อหาปัญหาที่แท้จริงในการแก้ไข เพราะในหลาย ๆ กรณีอาจไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องของราคาเลยที่ทำให้ลูกค้าไม่เข้าร้าน แต่เป็นเรื่องของ… - คุณภาพของร้านที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ลูกค้ามาแล้วก็ไม่กลับมาใช้บริการซ้ำ - อาหารรสชาติไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายในทำเลที่เปิด ไม่ใช่ว่าไม่อร่อย แต่เพราะความอร่อยแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นรสชาติอาหารของร้านอาจจะไม่เหมาะกับพื้นที่ที่เปิดก็เป็นได้ ดังนั้นกรณีนี้ต่อให้ทำส่วนลดมากแค่ไหน ลูกค้าก็คงไม่มาใช้บริการ - การประชาสัมพันธ์ของร้านยังไปไม่ถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย - การเดินทางมาใช้บริการลำบาก google map ไม่ตรง, ที่จอดรถไม่มี, ป้ายหน้าร้านไม่ชัดเจน จนมองไม่เห็นร้าน ดังนั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องหาให้เจอก่อนคิดจะทำโปรฯ ก็คือ "ทำไมลูกค้าไม่เข้าร้านเรา" แล้วจึงมาหาวิธีการแก้ไขต่อไป ซึ่งอาจจะไม่ต้องทำโปรโมชั่นส่วนลดการตลาดเลยก็เป็นได้

สูตรอาหารเพิ่มเติม
กูรูวัตถุดิบ : เส้นพาสต้า ไม่ได้มีแค่สปาเก็ตตี้

กูรูวัตถุดิบ : เส้นพาสต้า ไม่ได้มีแค่สปาเก็ตตี้

เส้นพาสต้าไม่ได้มีแค่สปาเก็ตตี้ เส้นสปาเกตตีเป็นเพียงแค่หนึ่งในเส้นของตระกูลพาสต้าเท่านั้น  ซึ่งเป็นเส้นที่คนไทยค่อนข้างคุ้นเคย  เพราะนำไปทำได้หลากหลายเมนู ทั้งผัดแบบแห้ง หรือ มีซอสราด  รวมถึงการนำมาประยุกต์เป็นอาหารฟิวชั่นไทยก็ยังได้ประเภทเส้นพาสต้าพาสต้า (Pasta) สามารถแบ่งได้ 2 หมวด คือ กระบวนการผลิต และ ส่วนผสมของไข่แบ่งตามกระบวนการผลิต พาสต้าแบบสด (Fresh Pasta) เมื่อทำเสร็จต้องนำมาทำอาหารทันที พาสต้าชนิดนี้จะให้รสสัมผัสถึงความนุ่มมากกว่า 2. พาสต้าแบบแห้ง (Dried Pasta) เป็นเส้นที่มีความแข็ง ถ้าต้องการใช้ต้องนำมาต้มก่อนนำไปปรุงอาหาร แบ่งตามส่วนผสมของไข่พาสต้ามีทั้งแบบ “เส้นผสมมีไข่” และ “เส้นไม่ผสมมีไข่” โดยพาสต้าที่มีการผสมไข่ไก่ลงไปจะทำให้ตัวแป้งมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และสามารถจับตัวห่อไส้ได้ดีขึ้นในชนิดที่มีไส้ ในด้านรสสัมผัสพาสต้าที่มีไข่ตอนรับประทานจะมีความนุ่มมากกว่า และตัวเส้นจะมีรสชาติเข้มข้นกว่าพาสต้าปกติ ดังนั้นจะเหมาะกับการทานกับซอสที่มีรสชาติเข้มข้น ตอนเลือกซื้อเส้นพาสต้าสามารถดูที่บรรจุภัณฑ์ว่ามีส่วนผสมของไข่หรือไม่รูปร่างของเส้นพาสต้า พาสต้าที่มีมากกว่า 500 แบบ นอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว รูปทรงที่ซับซ้อนถูกออกแบบมาเพื่อให้เส้นสามารถอุ้มซอสได้ดีกว่า หากจะแบ่งตามรูปร่างของเส้นพาสต้าสามารถแบ่งได้ 4 กลุ่มใหญ่ๆ มาลองดูว่าผู้ประกอบการร้านอาหารอย่างเราจะเลือกเส้นลักษณะไหนมาเพิ่มเมนูหรือเป็นเส้นทางเลือกให้ลูกค้าได้บ้าง เส้นลักษณะหลอด (Tubes) - เพนเน่ (penne) พาสต้าแบบสั้น ลักษณะเป็นทรงกระบอกเหมือนท่อ มีความกลวงตรงกลาง ส่วนปลายเฉียงแหลม - ริกาโทนี (Rigatoni) ลักษณะความคล้ายกับเพนเน่ แต่แตกต่างที่หัวและท้ายของริกาโตนีจะตัดตรง - มักกะโรนี (Macaroni) พาสต้าทรงกระบอกสั้นและมีความโค้งมน ในต่างประเทศนำมักกะโรนีมาอบกับชีส ในไทยนำมาดัดแปลงได้หลากหลายเมนู เช่น มักกะโรนีผัดซอส ต้มมักกะโรนีน้ำใส เส้นลักษณะแบนและกว้าง (Ribbons)- ลิงกวิเน (Linguine) มีความคล้ายกับเส้นสปาเก็ตตี้ แต่มีความกว้างและแบนกว่า ลิงกวินีมีความกว้างประมาณ 6-9 มิลลิเมตร เป็นเส้นที่นิยมนำมาทานคู่กับซอสที่เป็นน้ำมันทั้งหลาย เช่น ผัดกับน้ำมันมะกอก, ผัดกับน้ำมันโหระพา หรือผัดกับเครื่องทะเล- เฟตตูชิเน (Fettucine) มีความแบนและกว้างกว่าลิงกวินี มักจะมาในรูปแบบม้วนเป็นก้อนที่มีความคล้ายกับริบบิ้น นิยมรับประทานคู่กับซอสที่มีความเข้มข้น เช่น คาโบนารา โบโลเนส หรือ ซอสครีมเห็ด- ราวีโอลี (Ravioli) มีความคล้ายคลึงกับเกี๊ยวที่เราทานกัน ด้านในจะมีไส้เป็นผัก ชีส หรือบางครั้งก็จะใส่เนื้อสัตว์เข้าไปด้วย โดยรูปลักษณ์ส่วนมากจะเป็นสี่เหลี่ยมที่มีขอบหยัก นิยมรับประทานคู่กับซอสมะเขือเทศโรยด้วยพาสเล่ย์ก่อนเสิร์ฟ- ลาซานญา (Lasagna) เมนูยอดนิยมอีกเมนู ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นชื่อที่มีจากเส้นที่ใช้ ลาซานญาเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ เวลาปรุงมักจะซ้อนกันเป็นชั้นๆ แล้วราดซอสทับลงไปแล้วนำไปอบ นิยมทานกับซอสที่มีรสจัด พร้อมด้วยเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่ปรุงรสแล้ว และราดชีสทับด้านบนอีกชั้น เส้นลักษณะแท่ง (Rods)- สปาเก็ตตี้ (Spaghetti) มีลักษณะกลมเป็นเส้นเล็กที่เรียวยาว เพราะสามารถเข้ากับซอสได้หลากหลายชนิดและมีการทำสีสันเส้นจากเดิมสีเหลือง ก็สามารถเพิ่มเติมวัตถุดิบให้เส้นสปาเก็ตตี้เป็นสีส้ม สีดำ หรือสีเขียวเพื่อให้ดูแปลกตามากขึ้นได้อีกด้วย สามารถทานคู่กับซอสมะเขือเทศเข้มข้น, คาโบนาร่า หรือแบบไทยๆ จะนำไปผัดกระเพรา, ผัดขี้เมา, ผัดปลาเค็ม ก็อร่อยไม่แพ้สไตล์อิตาเลียน เส้นที่มีลักษณะเป็นรูปต่างๆหรือ Shapes- ฟูชิลี (Fusili) พาสต้าแบบเกลียวสั้น ปกติมักจะทำให้มีความหนามากกว่าพาสต้าอื่นๆ นิยมนำมาอบชีสและอบซอสชนิดต่างๆ ตัวเกลียวของฟูชิลีเองก็กินพื้นที่พอสมควรจึงต้องมีเนื้อแป้งที่หนากว่าเส้นแบบอื่น ซึ่งฟูชิลีนั้นมักพบการผสมผักต่างเข้าไปเพื่อเพิ่มสีสันของเส้นด้วย เช่น บีทรูท มะเขือเทศ หรือผักโขม- ฟาร์ฟาเล่ (Farfelle) ฟาร์ฟาเล่เป็นพาสต้าชนิดสั้น มีหน้าตาเส้นคล้ายกับโบว์ เพราะเป็นเส้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กที่ตัดปลายหยักทั้ง 2 ข้าง แล้วบีบตรงกลางให้ติดกันเหมือนโบว์ แต่คนอิตาลีจะมองว่าคล้ายคลึงผีเสื้อ นิยมนำมาทานคู่กับซอสมะเขือเทศเข้มข้นหรือโรยหน้าด้วยชีส- พาสต้าเปลือกหอย (Conchiglie) พาสต้าชนิดนี้คนไทยอาจเรียกว่าพาสต้าเปลือกหอย เพราะมีรูปลักษณ์ที่โค้งมนขนาดเล็กและมีลายด้านนอก แต่ด้านในจะเป็นเนื้อแป้งเรียบ จึงมีลักษณะที่คล้ายกับเปลือกหอยมาก พาสต้าชนิดนี้จะนิยมมาผัดหรืออบกับผัก ชีส และเนื้อสัตว์อีกเล็กน้อย- พาสต้าเมล็ดข้าว (Orzo) เป็นพาสต้าที่มีรูปร่างเม็ดเรียว หัวท้ายแหลม เหมือนเมล็ดข้าว ซึ่งทำให้หลายๆคนสับสนหรือเข้าใจได้ว่าเป็นเมล็ดข้าว แต่รสสัมผัสนั้นจะมีความแข็งและลื่นกว่า Orzo นั้นมักนำไปทำเป็นสลัด ผู้ประกอบการร้านอาหารสามารถจะนำเสนอเส้นพาสต้ากับซอสแบบต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าได้ และยังสามารถหาซื้อเส้นพาสต้าชนิดต่าง ๆ ได้ที่แม็คโครทุกสาขา และสั่งซื้อได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้นที่ Makro Click >> http://bit.ly/36Jga7I

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เทคนิคการดึงลูกค้าชาวต่างชาติเข้าร้าน ในช่วงเทศกาลสิ้นปี

เทคนิคการดึงลูกค้าชาวต่างชาติเข้าร้าน ในช่วงเทศกาลสิ้นปี

ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศจุดหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาโดยตลอด ในปี 2652 ที่กำลังจะผ่านไปมีการประเมินรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 2.04 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดราว 39.8 ล้านคน และในปี 2563 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมีแผนเป้าหมายทำรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.22 ล้านล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าอาหารเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่ดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยว ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีของภาคธุรกิจร้านอาหารที่จะโกยเงินจากนักท่องเที่ยว แต่จะทำอย่างไรเพื่อให้นักท่องเที่ยวเลือกร้านเราเป็นจุดหมาย เรามีเทคนิคมาแนะนำ ในการดึงลูกค้าต่างชาติเข้าร้านนั้น มีหลักในการทำให้ลูกค้าเข้าร้านไม่ต่างกับการดึงลูกค้าคนไทยเข้าร้าน นั่นคือ นอกจากคุณภาพสินค้า และมาตรฐานในการบริการที่ต้องอยู่ในระดับดีมาก ๆ แล้ว การเพิ่ม Story ให้กับร้านและสินค้าเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญ นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ว่าจะชาติใดมักจะให้ความสำคัญในเรื่องราวประกอบเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังสนใจ ดังนั้น หากร้านของเรามีเรื่องราวน่าสนใจ เช่น มีเชฟระดับรางวัล มีการันตีจากสื่อต่าง ๆ มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ เมนูอาหารมีเอกลักษณ์ให้เล่าเรื่องได้ รวมไปถึงการจัดตกแต่งจานก็เป็นอีกหนึ่งจุดดึงดูดลูกค้าได้ดี แต่ทั้งหมดที่กล่าวไปจะไม่เกิดผลอะไรเลยหากเราไม่ทำให้ร้านเป็นที่รู้จักต่อนักท่องเที่ยว! ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องทำการตลาดให้ร้านเป็นที่รู้จักบนช่องทางที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้ค้นหา หรือ อ่านรีวิวสถานที่กิน ที่เที่ยว เพราะแค่ทำการตลาดบนเฟสบุ๊ค หรือ กูเกิ้ลอาจไม่ได้ผลสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดย 4 ช่องทางยอดฮิตนักท่องเที่ยวนิยมใช้ไว้ดูรีวิวค้นหาที่กินที่เที่ยวทั่วโลกซึ่งคนทำร้านอาหารที่ต้องการดึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติต้องรู้จักและนำร้านตัวเองเข้าไปอยู่ให้เป็นที่พบเห็นต่อสายตานักท่องเที่ยว ได้แก่ Tripadvisor เว็บไซต์และแอปพลิเคชันท่องเที่ยวที่มีผู้ใช้งานแบบลงทะเบียนสูงถึง 260 ล้านบัญชีต่อเดือน มีการรีวิวร้านอาหารและโรงแรมมากกว่า 125 ล้านวิว ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารตามด้วยที่พัก ด้วยจำนวนผู้เข้าใช้บริการจำนวนมากทั่วโลก และด้วยระบบของ “Tripadvisor” ที่ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ครบ ทั้งที่กิน ที่เที่ยว การเดินทาง Tripadvisor จึงเป็นหนึ่งช่องทางที่ดีมาก ๆ ในการโปรโมทร้านอาหารให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว วิธีการโปรโมทร้านบน Tripadvisor สามารถทำได้สองวิธีคือ ลงทะเบียนเป็นสมาชิกเว็บไซต์เพื่อส่งคำขอบันทึกข้อมูลสถานที่ร้านลงเว็บ TripAdvisor แต่ก่อนทำการขอบันทึกข้อมูลสถานที่ร้านให้เข้าไปที่ th.tripadvisor.com/Owners เพื่อตรวจสอบก่อนว่ามีนักท่องเที่ยวได้เคยรีวิวร้านเราไว้แล้วหรือยัง ให้พิมพ์ชื่อร้านของเราในช่องค้นหา หากมีชื่อร้านเราปรากฏ แสดงว่ามีนักท่องเที่ยวได้เขียนรีวิวลงใน TripAdvisor แล้ว สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำคือ ทำการ “อ้างสิทธิ์ในธุรกิจของคุณ” เพื่อยืนยันว่าเรามีความเกี่ยวข้องกับสถานที่ให้บริการแห่งนั้น แต่หากไม่พบรายชื่อร้านก็ให้ทำการส่งคำขอบันทึกข้อมูลสถานที่ หรือ ให้เพื่อน ๆ ที่เป็นสมาชิก TripAdvisor อยู่แล้วช่วยเขียนรีวิวร้านเรา เพียงเท่านี้ก็จะสามารถใช้บริการโหมด Owners เพื่อทำการโปรโมทร้านให้เป็นที่รู้จักในสายตานักท่องเที่ยวทั่วโลกมากขึ้น ดูข้อมูลวิธีการสมัครและใช้งาน Tripadvisor ได้ที่ : https://th.tripadvisor.com/Owners เตี่ยนผิง (Dianping) แอปพลิเคชันอันดับ 1 ของคนคนจีนทั่วโลกที่นิยมใช้บริการค้นหาสถานที่กิน ที่เที่ยว ที่พัก รวมไปถึงห้างสรรพสินค้า, สถานบันเทิง, ร้านให้บริการประเภทต่าง ๆ มากมาย หากต้องการกลุ่มลูกค้าคนจีน “เตี่ยนผิง” คือตัวเลือกอันดับ 1 ของช่องทางประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวจีนรู้จัก การใช้งานอาจต้องใช้ทักษะด้านภาษาจีน โดยขั้นตอนการใช้บริการลักษณะเดียวกับ“Tripadvisor” คือต้องสมัครเป็นสมาชิกจึงจะทำการโปรโมทร้านได้ หรือ ให้ใครที่เป็นสมาชิกเตี่ยนผิง ช่วยเขียนรีวิวให้ ดูข้อมูลวิธีการสมัครและใช้งานเตี่ยนผิง (Dianping) ได้ที่ : http://www.dianping.com/ C-trip อีกหนึ่งเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นค้นหาที่กิน เที่ยว พัก ของคนจีนที่กำลังมาแรง เป็นช่องทางช่วยจัดการทริปท่องเที่ยวได้ครบทุกขั้นตอน ทั้งจองที่พัก จองเที่ยวบิน ดีลต่าง ๆ มีนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในประเทศไทยแล้วใช้บริการของ “Ctrip” มีมากกว่า 5 ล้านคนต่อปีและมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เพียงแต่คนจีนเท่านั้น ยังมีคนชาติอื่น ๆ ที่ใช้บริการ Ctrip ด้วยเนื่องจาก Ctrip รองรับการให้บริการถึง 17 ภาษา รวมภาษาไทยด้วย จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางสื่อสารที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะคนจีน ดูข้อมูลวิธีการสมัครและใช้งาน C-trip ได้ที่ : https://th.trip.com/?locale=th-TH ไป่ตู้ (Baidu) : แพลตฟอร์มเสิร์ชเอนจินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน มีคนจีนเข้าใช้งานประมาณไม่ต่ำกว่า 800 ล้านคนต่อเดือน ฉะนั้นหากเราต้องการ กลุ่มลูกค้าชาวจีน ไป่ตู้จึงเป็นหนึ่งช่องทางสำคัญมาก ๆ ในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจเราให้เป็นที่รู้จัก วิธีการทำการตลาดบนไป่ตู้จะคลายกับ google คือ การซื้อโฆษณาเพื่อให้ร้านเราไปแสดงอยู่บนเสิร์ชเอนจินไป่ตู้ แต่ด้วยข้อจำกัด ข้อห้ามต่าง ๆ ที่ทางการจีนตั้งขึ้นสำหรับการทำโฆษณากับไป่ตู้ของธุรกิจชาวต่างชาติทำให้ค่อนข้างยากมากหากผู้ประกอบการจะดำเนินการด้วยตัวเอง วิธีที่ดีสุดตอนนี้คือใช้บริการ Digital Marketing Agency ที่รับทำโฆษณาบนไป่ตู้ดำเนินการให้ นอกจากนี้อีกหนึ่งช่องทางที่นิยมใช้กันมายาวนานและยังคงได้ผลอยู่ก็คือ การดีลแบบเป็นทางการกับบริษัททัวร์เพื่อให้กำหนดร้านเราอยู่ในตารางเดินทาง โดยแลกกับเปอร์เซ็นต่อหัวที่ต้องจ่ายให้กับบริษัททัวร์ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เราได้นักท่องเที่ยวกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ มีจำนวนคนแน่นอน มีตารางกำหนดที่ชัดเจนเพื่อให้ทางร้านสามารถวางแผนจัดการงานได้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นหนึ่งในแผนสร้างรายได้ให้ประเทศของรัฐบาลมาทุกยุคสมัยทำให้ธุรกิจเกี่ยวเนื่องอย่างธุรกิจอาหารได้รับอานิสงส์โดยตรงไปด้วย กลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติจึงเป็นอีกกลุ่มที่ร้านอาหารไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะร้านที่อยู่ในทำเลเป้าหมายของการท่องเที่ยว

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เพิ่มเมนูที่แตกต่างกว่าใคร ด้วยอาทิโช๊ค วัตถุดิบแปลกแต่อร่อย!

เพิ่มเมนูที่แตกต่างกว่าใคร ด้วยอาทิโช๊ค วัตถุดิบแปลกแต่อร่อย!

ร้านอาหารมีให้เลือกมากมายในแต่ละมื้อ นอกจากความอร่อยแล้วยังต้องมีความแตกต่างที่เพิ่มเข้ามา อย่างการเลือกสรรค์วัตถุดิบแปลกใหม่ก็เป็นแนวทางที่ให้ร้านแตกต่าง พิเศษมากขึ้น เพิ่มเหตุผลในการตัดสินใจให้ลูกค้าเลือกร้านของเราได้มากขึ้น วัตถุดิบแนวผักอาจจะไม่ได้เป็นตัวชูโรงมากเท่าเนื้อสัตว์อย่างวากิว คุโรบุตะ หรือโอโทโร่ แต่เชื่อว่าพูดชื่อผักนี้แล้วหลายคนคงอาจจะอุทานว่า หะ? อะไรนะ? “อาติโช๊ค" ชื่อไม่คุ้นหูเท่าไหร่แต่รับรองว่ามีเรื่องราวไม่แพ้เนื้อสัตว์ อาติโช๊คเป็นพืชที่ถูกค้นพบตั้งแต่สมัยโบราณ นำไปทำเป็นอาหารและยารักษาโรคของชาวอียิปต์ กรีก และโรมัน โอ้โห.. แค่นี้ก็เอาไปเป็น Story ให้กับเมนูได้แล้ว แถมอร่อยได้สุขภาพอีกด้วย รสชาติของอาติโช๊ค   อาติโช๊ค มีใบสีเขียวอ่อน ดอกใหญ่มีกลีบซ้อนกันหลายชั้น ปัจจุบันพบได้ทั่วโลกในเขตหนาว และพบมากในแถบแอฟริกาเหนือ เมดิเตอร์เรเนียน ยุโรป อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างเวียดนามตอนเหนือก็นิยมปลูกอาร์ติโชคเช่นกัน ส่วนบ้านเรามีสามารถหาซื้ออาติโช๊คนำเข้าจากออสเตรเลียได้ที่แม็คโคร ซึ่งนำเข้ามาสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ส่วนที่นำมาทานกันคือดอก ดอกมีกลีบซ้อนกันหลายชั้น และส่วนโคนกลีบมีรสชาติมันๆ คล้ายถั่วต้ม ส่วนที่อร่อยที่สุดยกให้ฐานเกษร มีรสหวานมัน อาติโช๊คทำอะไรได้บ้าง อาติโช๊คเหมาะกับการทำเมนูนึ่ง/อบ จิ้มซอสกระเทียม ซอสพริกเผา หรือกินคู่กับน้ำพริก หรือชุปแป้งทอด    อีกทั้งยังสามารถนำไปเป็นวัตถุดิบในการทำซอสพาสต้าหรือซอสต่างๆ อีกด้วย เมนูจากอาติโช๊ค เช่นอาติโช๊คจิ้มกับดิ๊ปต่างๆ  สลัดอาติโช๊ค  พาสต้าครีมซอสกับอาติโช๊ค  หรือแม้กระทั่งพิซซ่า หน้ายอดนิยมอย่าง “Four Season” ก็ขาดอาติโช๊คไม่ได้เช่นเดียวกัน วิธีการปลอกอาติโช๊ค เล็มส่วนปลายกลีบดอกออก นำไปแช่ในน้ำส้มสายชู หรือนำมะนาวมาถูกรอบๆ กลีบดอกที่ทำการเล็มแล้วเพื่อไม่ให้กลีบดอกดำ เนื่องจากกลีบดอกจะมียางสีขาวๆ เสร็จแล้วนำไปล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง จึงสามารถนำไปประกอบอาหารได้วิธีการปลอกอาติโช๊ค เล็มส่วนปลายกลีบดอกออก นำไปแช่ในน้ำส้มสายชู หรือนำมะนาวมาถูกรอบๆ กลีบดอกที่ทำการเล็มแล้วเพื่อไม่ให้กลีบดอกดำ เนื่องจากกลีบดอกจะมียางสีขาวๆ เสร็จแล้วนำไปล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง จึงสามารถนำไปประกอบอาหารได้ อาติโช๊คสด VS อาติโช๊คในน้ำมัน อาติโช๊คมีทั้งแบบสดและแบบแช่ในน้ำมัน อาติโช๊คสดจะมีแหล่งสารอาหารจำพวกวิตามินซี วิตามินบี วิตามินเคและโพแทสเซียมมากว่าตัวอาติโช๊คที่นำมาแปลงรูปแล้ว รวมถึงรสชาติและเนื้อสัมผัสก็จะมีความต่างจากเดิม ซึ่งเชฟจะนิยมใช้อาติโช๊คสดมาประกอบอาหารมากกว่า เนื่องจากอาติโช๊คในน้ำมันจะมีส่วนประกอบของเลมอนเพื่อรักษาสีของผลิตภัณฑ์ทำให้มีความเป็นกรดสูงและจำกัดการนำไปใช้ประกอบอาหาร ประโยชน์ของอาติโช๊ค บำรุงตับ ช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ เพื่อช่วยระบบการย่อยอาหาร กระตุ้นการสร้างน้ำดีของตับ เพื่อช่วยลดกรดในลำไส้ และช่วยย่อยไขมัน ลดไขมัน และลดคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยให้ระบบการทำงานของหัวใจ และหลอดเลือดดีขึ้น ป้องกันความเสี่ยงของไขมันอุดตันเส้นเลือด ป้องกันตับอักเสบ ตับแข็ง ดีซ่าน ถุงน้ำดีอักเสบ ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว และลดแก๊สในกระเพาะอาหาร ลดโอกาสในการเป็นโรคโลหิตจาง เบาหวาน และเกาต์ ลองนำเสนอวัตถุดิบแปลกใหม่เพื่อเพิ่มความแตกต่าง ไม่ว่าจะใช้เป็นเมนูซิกเนเจอร์ หรือจะเป็นเมนูพิเศษก็สามารถทำได้ และอย่าลืมใส่ Story Telling เล่าเรื่องราวความพิเศษของวัตถุดิบให้กับลูกค้าทราบเพื่อดึงดูดความสนใจด้วย สามารถหาซื้ออาติโช๊คสดได้ที่แม็คโครโดยสอบถามได้ที่หน้าสาขา แม็คโครได้นำเข้าอาติโช๊คมาจากสวนที่ได้รับการรับรองด้านคุณภาพจากประเทศออสเตรเลียสัปดาห์ละ 1 ครั้งซึ่งยังคงความสดของสินค้าได้

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เนื้อวัวอร่อยนุ่มลิ้นวัดกันที่ Marbling Score แล้ว Marbling มันคืออะไรกันแน่? มาดูกัน

เนื้อวัวอร่อยนุ่มลิ้นวัดกันที่ Marbling Score แล้ว Marbling มันคืออะไรกันแน่? มาดูกัน

เนื้อวัววัตถุดิบยอดนิยมสำหรับคนทั้งโลก โดยแต่ละประเทศมีสายพันธุ์วัว วิธีการเลี้ยง วิธีการปรุง เพื่อทำให้รสชาติความอร่อยของเนื้อวัวออกมาต่างกัน สำหรับผู้ที่รักการบริโภคเนื้อวัวนอกจากจะให้ความสำคัญกับรสชาติและรสสัมผัสของเนื้อส่วนๆ ต่างแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถบ่งบอกถึงคุณภาพของเนื้อได้อย่างดี ก็คือไขมันในเนื้อวัว ซึ่งในภาษาทางการเกี่ยวกับเนื้อวัวจะไม่เรียกไขมันในเนื้อวัวว่า Fat แต่เรียกไขมันนี้ว่า Marbling (มาร์บลิง) มาจากคำว่า Marble ที่แปลว่าหินอ่อน เพราะว่าไขมันสีขาวๆในเนื้อวัวสีแดงๆ ดูคล้ายกับลายหินอ่อน เนื้อลายหินอ่อนหรือมาร์บลิง คืออะไรเมื่อนำเนื้อวัวมาสไลด์จะเห็นลวดลายของชิ้นเนื้อคล้ายเป็นหินอ่อน มาร์บลิงหรือไขมันแทรกในเนื้ออาจเกิดขึ้นได้จากการผสมสายพันธุ์วัว อย่างเช่น วัวพันธุ์แองกัส, เฮียร์ฟอร์ด, เมอร์เรย์ เกรย์, ชอร์ตฮอร์น หรือวากิว และอีกกรณีหนึ่งเกิดขึ้นได้จากการให้อาหารจำพวกธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าวโพด ข้าวบาเลย์ ฯลฯ ซึ่งจะทำให้ไขมันในกล้ามเนื้อวัวเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีขาวได้ โดยไขมันซึ่งได้จากวัวที่กินหญ้าจะดีและมีคุณภาพกว่าไขมันจากวัวที่กินธัญพืช เนื่องจากไขมันจะโตช้ากว่า และมีรสชาติที่แตกต่างออกไป มาร์บลิงสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน เป็นเส้นสีขาวเล็กๆ กระจายตัวอยู่ในชิ้นเนื้อไขมันที่แทรกอยู่ในกล้ามเนื้อนี้ ทำให้เนื้อมีความนุ่มขึ้นเมื่อเคี้ยว ทำหน้าที่หล่อลื่นในช่วงการเคี้ยวและกลืนเนื้อ ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำลายเมื่อเคี้ยว ทำให้เกิดความรู้สึกชุ่มน้ำอยู่ในปาก ตรงกันข้ามกับเนื้อที่ไม่มีไขมันแทรกจะมีลักษณะแห้งและขาดรสชาติที่ดี มาตรฐานการวัดระดับไขมันแทรกในเนื้อ มาตรฐานการวัดระดับไขมันแทรกในเนื้อ เรียกการวัดนี้ว่า BMS หรือ Beef Marbling Standard ไขมันที่แทรกอยู่ในกล้ามเนื้อนี้จะบ่งบอกเกรดของเนื้อวัว เกรดที่สูงจะมีปริมาณไขมันแทรกอยู่จำนวนมาก ความนุ่ม รสสัมผัส ก็จะอร่อยมากกว่า และราคาก็จะแพงมากขึ้น การวัดมาตรฐานมีการให้คะแนนที่เรียกว่า Beef Marble Score โดยในประเทศญี่ปุ่นได้กำหนดมาตรฐานเกรดเนื้อวากิวไว้ถึง 12 ระดับ ตั้งแต่ระดับ 1 หมายถึงชิ้นเนื้อแดงที่ปราศจากไขมันแทรกปน จนถึงระดับ 12 ที่เนื้อสเต็กมีไขมันกระจายอยู่ในชิ้นเนื้ออย่างทั่วถึงและสวยงาม เนื้อเกรดพรีเมียมอยู่ที่ A5 หรือเนื้อที่มีไขมันแทรกระดับ 8 ขึ้นไป ส่วนสหรัฐอเมริกากำหนดมาตรฐานโดยกระทรวงเกษตร (USDA) แบ่งเกรดของเนื้อวัวเป็น 3 ระดับ คือ  Prime หรือชั้นดีเยี่ยม เป็นเนื้อที่ผู้บริโภคยอมรับมากที่สุด และมีความอร่อยมาก เป็นชิ้นส่วนที่ได้จากวัวที่ยังอ่อน ได้รับการเลี้ยงดูดี ทำให้ได้เนื้อที่มีคุณภาพดีเยี่ยม เนื้อจะมีส่วนไขมันแทรกกระจายอยู่ทั่วไป ทำให้เนื้อมีความนุ่ม ชุ่มน้ำ และรสชาติดี Choice หรือชั้นดี เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคส่วนมาก เนื้อจากเนื้อมีคุณภาพสูง แต่มีไขมันน้อยกว่าเนื้อชั้นดีเยี่ยม เนื้อที่ผลิตส่วนใหญ่ เมื่อนำมาจัดเกรดแล้วมักอยู่ในระดับนี้ และมักใช้ทำเนื้ออบและสเต็ก โดยเฉพาะจากส่วนเนื้อสัน ซี่โครง ส่วนขาหลัง ส่วนคอและไหล่มักนำไปตุ๋นและอบ Select หรือชั้นกลางและทั่วไป เป็นเนื้อที่มีไขมันอยู่น้อย มีคุณภาพปานกลาง ส่วนใหญ่เป็นเนื้อแดง มีความนุ่มพอสมควร แต่รสชาติค่อนข้างอ่อนและไม่มีลักษณะชุ่มน้ำ เนื้อเกรดนี้เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคที่ชอบบริโภคเฉพาะเนื้อแดง หรือเนื้อที่มีไขมันน้อย การแบ่งเกรดเนื้อวัว นอกจากจะดูที่ระดับไขมันแทรกแล้ว ยังคำนึงถึงปัจจัยอย่างอื่นด้วย เช่น อายุของสัตว์ ซึ่งมีผลต่อความนุ่มและความเหนียวของเนื้อ ความแน่นของเนื้อพื้นท้อง (Flank) หรือความแน่นของส่วนผิวหน้าของเนื้อแดง สีของเนื้อสัตว์ และอัตราส่วนของกล้ามเนื้อ กระดูก และไขมันในแต่ละส่วนของซากที่จะต้องมีความเหมาะสม ผู้ประกอบการร้านอาหารสามารถสั่งซื้อเนื้อวัวคุณภาพเยี่ยมที่แม็คโครเลือกสรรมาแล้วได้ที่ Makro Click >> https://bit.ly/2pJEcPZ

สูตรอาหารเพิ่มเติม
น้ำมันมะกอก เลือกใช้อย่างไรให้ถูกกับประเภทอาหาร

น้ำมันมะกอก เลือกใช้อย่างไรให้ถูกกับประเภทอาหาร

คนไทยส่วนใหญ่จะรู้ว่าถ้าทำอาหารฝรั่ง ต้องใช้น้ำมันมะกอก หรือถ้านึกถึงน้ำมันในอาหารสุขภาพส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงน้ำมันมะกอกเท่านั้น หากจะทำอาหารด้วยน้ำมันมะกอก ต้องมารู้จักประเภทของน้ำมันมะกอกกันก่อน  เพื่อเลือกซื้อเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม สรรพคุณของน้ำมันมะกอก สรรพคุณด้านสุขภาพ  ใน “น้ำมันมะกอก” มีอัลฟาโตโคฟีรอล ซึ่งอยู่ในวิตามินอี และสารแคโรทีนในวิตามินเอ กับโพลีฟีนอล มีส่วนในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ อีกทั้งยังมีคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ด้วย เลือกใช้น้ำมะกอกกับอาหารประเภทไหนดี  น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น (Extra Virgin Olive Oil)  เป็นน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษผ่านการสกัดเย็นจากผลมะกอก น้ำมันชนิดนี้ได้จากการบีบลูกมะกอกสดๆ เน้นมะกอกสุกสีดำที่มีคุณภาพ  คุณค่าทางโภชนาการและสารอาหารเหมือนผลมะกอกเกือบ 100% เพราะว่าการสกัดด้วยวิธีบีบลูกมะกอกสดๆ ทำให้สารอาหารในผลมะกอกไม่โดนทำลายจากความร้อน มีค่าความเป็นกรดน้อยมาก และมีราคาแพงคุณภาพดีที่สุด น้ำมันที่ได้จากการบีบครั้งแรกจะถูกเรียกว่า Extra Virgin นิยมทานสดๆ ราดสลัด หรือซอสพาสต้า หรือทานคู่กับขนมปัง ไม่ควรใช้ปรุงอาหารด้วยความร้อน เพราะจะทำให้เสียคุณประโยชน์จากมะกอกไปโดยสิ้นเชิงอีกทั้งยังสามารถเกิดสารพิษได้ด้วยเนื่องจากเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นทนความร้อนได้ต่ำ   น้ำมันมะกอกเวอร์จิ้น (Virgin Olive Oil)  เป็นน้ำมันบริสุทธิ์ที่สกัดมาเพื่อปรุงอาหาร จะใช้มะกอกแก่กว่า แต่ยังคงดีต่อสุขภาพเช่นเดียวกับน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น เพียงแต่ราคาประหยัดกว่า นิยมทานเช่นเดียวกันคือ สามารถรับประทานได้ทันทีกับสลัด ปรุงรสร่วมกับซอสพาสต้าได้ และไม่นิยมใช้เป็นน้ำมันทอดอาหารหรือผัด ไม่ควรใช้โดยผ่านความร้อนเช่นกัน เพราะจะทำให้เสียคุณค่าทางอาหาร   น้ำมันมะกอกแบบผ่านกรรมวิธี (Refined Olive Oil) น้ำมันมะกอกแบบผ่านกรรมวิธีที่ถูกสกัดจากความร้อน นำเอาสี กลิ่น รสชาติออกไป ทำให้น้ำมันใส และเป็นการกำจัดกรดไขมันอิสระหรือสารแปลกปลอม ทำให้สูญเสียสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นจำนวนมาก  มีราคาไม่แพง เป็นน้ำมันที่ทนความร้อนสูงมีให้เลือกหลากหลายชนิด อย่าง Light Olive Oil และ Extra Light Olive Oil ก็จัดอยู่ในประเภทนี้เช่นเดียวกัน นิยมใช้ทอดเป็นหลัก ไม่นิยมรับประทานสดหรือผสมน้ำสลัด   น้ำมันกากมะกอก (Olive Pomace Oil) มาถึงน้ำมันกากมะกอก เป็นน้ำมันที่สกัดออกมาจากกากมะกอกอีกครั้ง ส่วนใหญ่ผสมกับน้ำมันเวอร์จินแต่มีรสชาติอ่อนกว่า มีค่าไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกายสูงกว่าน้ำมันมะกอกชนิดอื่นๆ แต่สามารถนำไปประกอบอาหารได้ นิยมใช้กับอาหารที่ทอดเวลานานและใช้ความร้อนสูง เช่น ทอดปลา ทอดไก่ ทอดหมู ไม่เหมาะนำมาทานกับสลัดหรือทำซอส ซึ่งมีข้อแตกต่างคือมีคุณค่าทางร่างกายน้อยที่สุดในกลุ่มน้ำมันมะกอก มีสารต้านอนุมูลอิสระน้อย นอกจากน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์แล้ว ปัจจุบันมีน้ำมันมะกอกแต่งกลิ่นและรสต่าง ๆ เช่น น้ำมันมะกอกแต่งกลิ่นเห็ดทรัฟเฟิล พริก กระเทียม โรสแมรี ฯลฯ น้ำมันแต่งกลิ่นทำได้เองง่าย ๆ ที่บ้าน โดยนำวัตถุดิบเหล่านั้นแช่ในน้ำมันมะกอกที่ให้ความร้อนเพื่อดึงกลิ่นจากวัตถุดิบออกมาในน้ำมัน หลังจากนั้นกรอกใส่ขวด เก็บไว้ใช้เป็นน้ำมันสำหรับปรุงอาหาร เหยาะเป็นท็อปปิ้งอาหารก่อนเสิร์ฟ วิธีการเก็บรักษาน้ำมันมะกอก เหมือนกับน้ำมันทั่ว ๆ ไปคือ เก็บในที่แห้งและเย็น พ้นจากแสงเพื่อรักษาคุณค่าและสารอาหารในน้ำมัน เปิดขวดแล้วไม่ควรเก็บไว้เกิน 3 เดือน ปิดฝาให้สนิท มิเช่นนั้นจะมีกลิ่นหืน สามารถเลือกซื้อน้ำมันมะกอกได้ที่แม็คโคร หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ Makro Click >> http://bit.ly/389qC9p

สูตรอาหารเพิ่มเติม
แซลมอนเฟื่องฟู! กลายเป็นเมนูประจำของคนไทย

แซลมอนเฟื่องฟู! กลายเป็นเมนูประจำของคนไทย

แซลมอน กลายเป็นวัตถุที่นิยมของคนไทย มีการรับประทานแซลมอนในหลายรูปแบบ ทั้งแซลมอนซาซิมิ สโมกปลาแซลมอน และสเต็กปลาแซลมอน และดูเหมือนจะเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะเมนูเพื่อสุขภาพ โดยแซลมอนมีหลายเกรด หลายราคา และในปลาแซลมอน 1 ตัว ส่วนต่าง  ๆ ก็ยังสามารถนำไปทำเมนูได้หลากหลาย รวมทั้งทำราคาต่อจานได้มากเช่นเดียวกัน ปลาแซลมอนสด ซึ่งตลาดปลาแซลมอนสดในไทยนี้เติบโตเร็วอย่างมาก ปัจจัยหลักคือ คนไทยนิยมบริโภคอาหารญี่ปุ่นมากขึ้น ซึ่งปลาแซลมอนนี้ถือได้ว่าเป็นปลาที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารเมนูญี่ปุ่นมากกว่า 50% เลยทีเดียวโดยญี่ปุ่นเป็นประเทศที่บริโภคปลาแซลมอนมากที่สุดในเอเซีย ส่วนไทยบริโภคปลาแซลมอนมากที่สุดในอาเซียน แซลมอน 1 ตัว สามารถตัดแบ่งเป็นกี่ส่วน? สามารถตัดแบ่งออกมาได้หลัก ๆ 4 ส่วน คือ หัว, ก้าง, เนื้อ, หนัง ส่วนที่นิยมนำมาทำเป็นอาหาร ได้แก่   TOP LOIN : เป็นส่วนเนื้อใกล้บริเวณซี่โครง มีความสมดุลของไขมันดีที่สุดในตัวปลา เหมาะสำหรับนำไปทำ "ซาชิมิ" ที่สุด 2. SECOND CUT :  เนื้อส่วนนี้จะค่อนข้างบาง มีไขมันน้อย เหมาะสำหรับทำอาหารประเภท "ย่างหรือทอด" 3. BELLY :  เป็นส่วนเนื้อบริเวณท้องปลา มีไขมันเยอะ รสชาติส่วนนี้จะมีความนุ่มละมุนลิ้น สามารถนำไปทานแบบ "ซาชิมิ" หรือ "ปรุงแบบสุกหรือทอด" ก็ได้ 4. LOIN : เนื้อสันปลาที่มีความเเรร์ ความพรีเมี่ยมและมีโอเมก้าสูงมาก สามารถนำไป "ทำอาหารได้ทุกประเภท" 5. TAIL :  เนื้อส่วนหางล่าง เป็นส่วนที่เนื้อจะไม่ค่อยมีไขมันเท่าไร เหมาะสำหรับนำไป "ประกอบการอาหารเป็นส่วนใหญ่" จะนำไปทานแบบซาซิมิก็สามารถทานได้  แต่ไม่ค่อยอร่อยเท่าไรจึงไม่ค่อยนิยม สายพันธ์ุแซลมอนยอดนิยมในไทย คนทั่วไปมักจะเข้าใจผิดว่า ไทยนำเข้าปลาแซลมอนสดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจริงๆ ตลาดหลักที่ไทยนำเข้ามาคือนอร์เวย์ ประเทศไทยนำเข้าอาหารทะเลสดจากนอร์เวย์จำนวนมาก โดยเฉพาะปลาแซลมอนนอร์เวย์ และมีส่วนแบ่งการส่งออกอาหารทะเลในตลาดไทยมากถึง 98% โดยมีมูลค่าการนำเข้าอาหารทะเลมากถึง 10,000 ตัน ปลาแซลมอนในโลก แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ตามทะเลที่ปลาอยู่ คือ  แอตแลนติกแซลมอน (Atlantic Salmon) ในเมืองไทยเองจะคุ้นเคยกับ แซลมอนจากทะเลแอตแลนติกมากกว่า เพราะทำเป็นธุรกิจ มีฟาร์มเพาะเลี้ยงกับทั่วไปทำให้มีจำนวนเพียงพอต่อผู้บริโภค ซึ่งแซลมอนแอตแลนติกจะแบ่งตามแหล่งที่มาได้ อีก 3 ที่ คือ นอร์วีเจียนแซลมอน จากประเทศนอร์เวย์ (Norwegian salmon) เนื้อจะแน่น  มีสีส้มนวล มีก้างน้อย ไขมันพอเหมาะ เป็นที่นิยมในบ้านเรามากที่สุด เนื่องจากราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่าย แทสมาเนียนแซลมอน จากประเทศออสเตรเลีย (Tasmanian salmon) สีปลาจะออกส้มอ่อน กลิ่นไม่คาวมาก เนื้อนุ่ม ความมันกำลังดี ราคาใกล้เคียงกับ นอร์วีเจียนแซลมอน สก็อตติชแซลมอน จากประเทศสก็อตแลนด์ (Scottish salmon) เนื้อปลามีสีแดงอมส้ม มีไขมันมากกว่าอีกสองชนิด รสชาติจะดี  และก็มีราคาสูงกว่า นอร์วีเจียนแซลมอน กับ แทสมาเนียนแซลมอน แปซิฟิกแซลมอน (Pacific salmon) แซลมอนประเภทนี้ยังจะสามารถหาแซลมอนที่เป็นปลาธรรมชาติได้เยอะ ต่างจาก แอตแลนติกแซลมอน แต่ก็จะมีราคาค่อนข้างสูงมาก โดยแปซิฟิกแซลมอน จะแบ่งได้ออกได้เป็นสายพันธุ์หลัก 5 สายพันธุ์ ชินุค (Chinook)   เป็นสายพันธุ์ที่ตัวใหญ่ที่สุด แล้วมีรสชาติดีที่สุด  จึงนิยมเรียกกันอีกชื่อว่า King Salmon มีถิ่นกำเนิดทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนมากจะนำเข้ามาขายจากประเทศ นิวซีแลนด์ซ็อกอาย (Sockeye)  เป็นที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า Red Salmon เนื่องจาก สีของเนื้อจะเป็นสีแดง หรือส้มเข้ม เพราะว่ากินแพลงตอนและพวกกุ้งเยอะกว่าแซลมอนพันธุ์อื่น พบได้ตั้งแต่แถบชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย เรื่อยไปทางตะวันออกถึงตอนเหนือของเกาะฮอกไกโด ชัม (Chum)  เนื้อสีชมพูเข้ม มีชื่อเรียกอื่น ๆ คือ Keta และ Dog (เรียก Dog เพราะมีฟันคล้ายสุนัข) พันธุ์นี้กระจายตัวอยู่ในพื้นที่หลากหลาย ทั้งใน แคลิฟอร์เนีย,หมู่เกาะคิวชู ญี่ปุ่น โคโฮ (Coho)  เนื้อสีส้มสด มีอีกชื่อหนึ่งว่า Silver Salmon จะพบได้ตามใกล้ชายฝั่งอลาสก้า พิงค์ (Pink) เนื้อจะมีสีชมพู เป็นสายพันธุ์ที่ตัวเล็กที่สุด จึงมักอยู่ตามกระแสน้ำตื้น พบได้ในแถบแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ และประเทศเกาหลี Mix & Match เมนูไทยแซลมอน เมื่อรู้จักกับส่วนต่าง ๆ ของแซลมอนที่นำมาทำเป็นเมนูอาหารแล้ว สาวกแซลมอนต้องไม่พลาดกับเมนูแซลมอนฟิวชั่น เป็นเมนูที่ทั้งอร่อย และดูแลเรื่องสุขภาพไปพร้อม ๆ กัน  สามารถทำทานเองได้ง่ายจะมีเมนูไหนบ้าง มาดูกันเลย ส้มตำแซลมอน เมนูอาหารอีสานฟิวชั่น ส้มตำสุดแซ่บของคนไทยกับแซลมอน ซาซิมิเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ  เมื่อลองทานแล้วรสชาติมีการผสมผสานกันอย่างลงตัว เนื้อปลาแซลมอนสด ๆ คลุกเคล้ากับส้มตำไทยสูตรเด็ดแซ่บ  จัดจ้าน เข้าเนื้อ ยำปลาแซลมอนฟิวชั่น เมื่อแนะนำเมนูสุดแซ่บอย่างส้มตำแซลมอนแล้ว อีกเมนูที่เผ็ดแซ่บ โดนใจคนไทยไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ยำปลาแซลมอนฟิวชั่น ที่นำสะดุ้งผิวปลาแซลมอนสดมาสะดุ้งไฟ ผสมกับความเผ็ดอร่อยของยำที่มีส่วนประกอบไปด้วย พริก กระเทียม และมะนาว  คลุกเคล้ากับสมุนไพรไทย  รสชาติจัดจ้านที่อยากแนะนำให้ทำ สลัดโรลใบเมี่ยงแซลมอนรมควัน ผ่านเมนูเผ็ดแซ่บนัวมาแล้ว 2 เมนู เมนูนี้เอาใจสายรักสุขภาพ ใครที่กำลังควบคุมน้ำหนัก หรือเป็นสายเฮลตี้ เราแนะนำเมนูสุขภาพอย่างสลัดโรลใบเมี่ยงแซลมอนรมควัน เป็นเมนูทำง่าย ทานง่าย สามารถทานคู่กับน้ำจิ้มสามรสแซ่บๆได้ หรือจะราดซอสมายองเนส หรือ ชีสก็ได้ตามแต่ชอบ ห่อหมกแซลมอนมาที่อาหารไทยแท้อย่างห่อหมก เมื่อนำห่อหมกรสชาติดั้งเดิมเปลี่ยนมาใส่แซลมอนทำให้กลายเป็นอาหารฟิวชั่นสุดเก๋  เพิ่มเติมคือความกลมกล่อม หอมเครื่องเทศ และรสชาติแบบไทย ๆ คนที่ชื่นชอบแซลมอนอยู่แล้ว ก็ลองนำไปทำตามกันได้ ทำง่ายแถมอร่อยอีกด้วย ปลาแซลมอน สามารถหาซื้อได้ง่ายตลอดที่แม็คโคร และสะดวกมากขึ้นโดยสามารถสั่งซื้อออนไลน์ทาง Makroclick สำหรับท่านใดที่อยากออกแบบและสร้างสรรค์เมนูซูชิ รวมถึงการสาธิตเมนูพื้นฐาน ที่ร้านซูชิทุกร้านต้องมีสามารถเรียนคอร์สออนไลน์ หลักสูตรซูชิเงินล้าน ได้ฟรี! จาก เชฟบุญธรรม ภาคโพธิ์ เชฟกระทะเหล็กอาหารญี่ปุ่นแห่งประเทศไทย โดยมีเนื้อหาบทเรียนดังนี้ บทที่ 1 พื้นฐานต้องรู้จากกูรูซูชิ ความหมายของซาซิมิ ความหมายของซูชิ ประเภทของซูชิ ความรู้พื้นฐานก่อนตัดสินใจเปิดร้าน บทที่ 2 การออกแบบและสร้างสรรค์เมนูซูชิ หลักการออกแบบเมนูหลักของร้านซูชิ เมนูเสริมในร้านซูชิควรมีอะไรบ้าง วิธีสร้างสรรค์เมนูใหม่ เพิ่มความหลากหลายจากวัตถุดิบในร้าน บทที่ 3 เทคนิคการหุงและผสมข้าวซูชิ ส่วนผสมของข้าวซูชิ การหุงข้าว การผสมน้ำส้มข้าว การผสมข้าวซูชิ บทที่ 4 เทคนิคการแล่ปลาสำหรับซาชิมิและการตกแต่งจาน อุปกรณ์ที่จำเป็นในการแล่ปลา การแล่ปลาแซลม่อนทั้งตัว การจัดตกแต่งจานซาชิมิ บทที่ 5 การทำซูชิแบบม้วน (มากิซูชิ) โฮโซมากิ ฟูโตมากิ อูรามากิ บทที่  6 การทำซูชิแบบปั้นเป็นคำ (Nigiri Sushi & Gunkan Sushi) นิกิริ ซูชิ อาบุริ นิกิริ ซูชิ ไทยวากิว อาบุริ นิกิริ ซูชิ กุงกัง ซูชิ เพียงคอร์สเดียว ก็ทำให้คุณเปิดร้านซูชิได้ คลิกเรียนคอร์สออนไลน์ได้ที่นี่ 

สูตรอาหารเพิ่มเติม
Checklist ก่อนเปิดร้านอาหาร คิดให้ครบ 10 ข้อนี้ รับรองรุ่ง !

Checklist ก่อนเปิดร้านอาหาร คิดให้ครบ 10 ข้อนี้ รับรองรุ่ง !

จุดเริ่มต้น ที่หลายคนอยากจะทำธุรกิจ หรือเปิดร้านอาหารนั้น อาจจะเริ่มจากมีทำเลที่ดี มีทุนในการเริ่มต้น หรือมีเมนู สูตรอาหารที่เด็ด จนคิดว่าสิ่งนั้นจะทำให้ร้านอาหารของเราอยู่รอดขายดี สร้างกำไรและเป็นที่นิยม แต่คุณทราบหรือไม่ว่ายังมีรายละเอียดอีกมากมายที่คุณควรคำนึง เพื่อให้ธุรกิจร้านอาหารของคุณนั้นไปรอดและสร้างกำไรได้ตามเป้า เราชวนมา Cheklist 10 ข้อ ที่เจ้าของร้านต้องคิดให้รอบครอบก่อนเปิดร้าน 1. โลเคชั่นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง แต่ถ้าโลเคชั่นไม่ดี ต้องมีจุดเด่น ทุกตำราเรื่องการเปิดร้านอาหาร หรือทำธุรกิจ ต่างให้เรื่องทำเลเป็นข้อแรกๆ ที่ควรใส่ใจ แต่ทำยังไง หากทำเลดีแต่สู้ราคาไม่ไหว หรือทำเลดีๆ ก็มีคนแย่งชิงไปหมดแล้ว คำตอบก็คือ สร้างจุดเด่นด้านอื่นให้ร้านของคุณ เช่น เป็นร้านอาหารไทย Hidden ให้คนตามมาถ่ายรูปเช็คอิน พร้อมเสิร์ฟเมนูที่อร่อยและแตกต่าง จนคนต้องดั้นด้นตามมาทาน 2. รู้จักกลุ่มลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายการสำรวจกลุ่มลูกค้าต้องทำไปพร้อมกับการสำรวจคู่แข่ง คุณต้องรู้ว่าคนที่เดินเข้าร้านคู่แข่งคุณนั้นเค้าเป็นใครเพศวัยอาชีพเป็นอย่างไร เค้ามากินอาหารเวลาไหน และนิยมสั่งอะไร เรื่องพวกนี้ยิ่งคุณดูละเอียดแค่ไหน ก็จะช่วยลดโอกาสผิดพลาดลงได้มาก เพราะลูกค้าบางกลุ่มก็จะมีความคิดและการตัดสินใจที่ต่างออกไปจากรสนิยมของคุณ เช่น คุณได้ทำเลเปิดร้านหน้าโรงเรียนมัธยมที่เด็กๆมักชอบกินอาหารง่ายๆ แต่ทันสมัยและราคาไม่แพงมาก แต่คุณกลับมาเปิดร้านอาหารไทยโบราณแบบ Fine Dinning ก็อาจจะต้องทำการตลาดเหนื่อยมากๆ ที่จะดึงลูกค้านอกพื้นที่เข้ามาแทน เพราะกลุ่มเป้าหมายใกล้ตัว ไม่ถูกใจอาหารร้านคุณ เพราะฉะนั้นทำความรู้จักกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของคุณให้ดีเพื่อที่จะได้เสิร์ฟได้ตรงกับความต้องการของพวกเขา  3. รู้จักคู่แข่ง รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง สำรวจร้านรัศมีใกล้เคียงในทำเลที่คุณจะเปิด เค้าขายอะไรขายราคาเท่าไหร่ ลูกค้าเยอะช่วงไหน การตกแต่งและบรรยากาศเป็นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านที่ขายดี เรื่องพวกนี้จะช่วยบอกคุณได้เลยว่า คนแถวนั้นเค้ากินหรือไม่กินอะไร ร้านเราดีมากแค่ไหน ก็ยังต้องแพ้ให้กับร้านคู่แข่งที่แข็งแรงและเพรียบพร้อมกว่า เพราะฉะนั้น เราต้องรู้ว่าคู่แข่งเราเป็นใคร ร้านใกล้เคียงของเรามีจุดดีและจุดด้อยตรงไหน จากนั้นก็หาทางอุดรอยรั่วนั้นด้วยการทำให้ร้านของเราดีกว่านั่นเอง 4. ต้องรู้จัก รู้จริงในสิ่งที่เราจะขายสินค้าบางอย่างมาตามเทรนด์แล้วก็ไป คนต่อคิวยาวแค่ช่วงเดียว แล้วก็หายเงียบ การขายของรูปแบบนี้อาจจะดีสำหรับผู้ที่ไม่ได้หวังกำไรระยะยาว แต่หากคุณอยากให้ร้านของคุณอยู่ไปได้นานๆ คุณต้องสร้างเมนูของคุณให้มีจุดเด่นด้วยตัวเอง รู้จักและรู้จริงในสิ่งที่จะขาย มีรสชาติที่คงที่และมีความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนเพื่อทำให้ลูกค้าติดใจ และมาทานซ้ำๆ  5. ต้นทุนและราคาขาย สูตรอาหารอร่อย เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมี แต่ความอร่อยต้องมากับราคาขายที่ลูกค้ารับได้ และต้นทุนที่สมเหตุสมผล การสำรวจราคาขายคู่แข่งมาใช้กำหนดราคาตัวเอง ก็เป็นเรื่องดีและควรทำ แต่ก็อย่าลืมคำนวณต้นทุนอาหารของเราเองด้วยว่า ต้นทุนกับราคาขายเป็นไปในทิศทางเดียวกันมั้ย อย่าลืมว่าเวลาคุณไปดูคู่แข่ง คุณเห็นแค่ราคาหน้าบ้านแต่หลังบ้านคุณไม่มีทางรู้เลยว่า เค้าซื้อวัตถุดิบราคาเท่าไหร่ เพราะแพชชันอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจของคุณไปรอด แต่สิ่งที่จะทำให้ร้านของคุณอยู่ได้ในระยะยาว นั่นก็คือการรู้ต้นทุนที่แน่นอน ทั้งต้นทุนคงที่ และต้นทุนด้านวัตถุดิบ รวมถึงเงินที่ใช้หมุนเวียนในร้าน แล้วจึงมาตั้งราคาขาย ให้พอเหมาะพอดี คุ้มค่า และสร้างกำไรได้ 6. วางแผนเรื่องรายจ่ายให้ดี ทุกอย่างต้องตรวจสอบและวัดผลประกอบการได้ ก่อนเปิดร้านสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ แต่หลายคนละเลยคือ การคำนวณหาจุดคุ้มทุน และการวางแผนรายรับรายจ่ายล่วงหน้า ไม่มีแผนว่าเมื่อเช่าร้านมาแล้วด้วยค่าเช่าเท่านี้ จ้างพนักงานมาแล้วเท่านี้ เราควรขายอาหารให้ได้กี่บาทและต้นทุนผันแปร เช่น ต้นทุนอาหาร ค่าน้ำ ค่าแก๊ส ควรเป็นเท่าไหร่  เมื่อไม่มีการวางแผนหรือคาดการณ์ล่วงหน้า  ทำให้เริ่มต้นธุรกิจเหมือนคนตาบอด พอไม่มีกำไรก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาไปในทิศทางไหน  เพราะไม่มีแผนที่ ในการเดินทางที่ถูกต้อง ควรจัดการระบบการเงินหลังร้านให้ดี ทุกอย่างต้องมีบิล ตรวจสอบได้ ไม่เช่นนั้นคุณจะต้องเจอกับปัญหาที่ว่า “ขายดีแค่ไหน ก็ไม่เหลือกำไรตอนเช็คยอดเงิน” แน่ๆ การใส่ใจในรายละเอียดในเรื่องราคาวัตถุดิบ และรายจ่ายในแต่ละวันเป็นสิ่งจำเป็นที่เจ้าของร้านไม่ควรมองข้าม 7. สไตล์การตกแต่งร้าน ยุคสมัยที่ทุกคนมีสื่ออยู่ในมือ สามารถช่วยประชาสัมพันธ์ให้ร้านเราได้แบบฟรีๆ นอกเหนือจากเมนูที่อร่อยเด็ดแล้ว การตกแต่งร้านก็สำคัญไม่แพ้กัน ยิ่งร้านโดดเด่น ก็ยิ่งดึงดูดลูกค้ามากขึ้น เป็นตัวช่วยในการสร้างรายได้เป็นอย่างดี 8. การจัดเตรียมโปรโมชั่น  ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อคุณลงสนามการค้าขายจริง มันต้องมีบางช่วงที่ยอดขายอาจจะไม่ได้อย่างใจ จำเป็นต้องจัดโปรโมชั่นมาช่วยในบางครั้ง ดังนั้น ตอนที่คุณคิดต้นทุนอาหารควรเผื่อ gap ไว้สำหรับเล่นโปรโมชั่นได้บ้างเพราะบางครั้งการทำโปรโมชั่น ไม่ใช่ต้องออกเมนูใหม่เสมอไป แค่เอาเมนูเดิมมาจับคู่หรือลดราคาบางอย่าง เพื่อดึงลูกค้าก็สามารถทำได้ และได้ผลดี โปรโมชั่นพิเศษ ในเทศกาลต่างๆ หรือจะเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าน้อยแล้วจัดโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาซื้อ ย่อมเป็นที่นิยมและได้ผลตอบรับที่ดีมาเสมอ หรือจะใช้วิธีการจัดเซ็ทเมนู ให้สั่งง่าย แม้กำไรต่อบิลจะน้อยหน่อย แต่ได้ยอดขายเพิ่มขึ้นแน่นอน 9. แผนการตลาดต้องชัด อาหารอร่อย มันพูดเองไม่ได้ คุณในฐานะเจ้าของร้าน ต้องป่าวประกาศให้คนรู้แผนการตลาดการโปรโมท ต้องชัดเจนตั้งแต่ก่อนเปิดร้าน สมัยนี้สามารถทำการตลาด ได้ทั้ง online และ offline  จะแจกใบปลิวหรือยิงโฆษณาทางเฟสบุค ก็ขึ้นอยู่กับว่า อะไรเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณได้ดีกว่ากัน สำคัญที่สุดคือ อย่าลืมวางงบประมาณการทำตลาดไว้ด้วย ถ้าหากคุณทำร้านได้ดี จะมีรีวิวจากผู้ใช้งานจริงอีกเพียบ ที่ช่วยโปรโมทร้านของคุณแบบที่คุณไม่ต้องเสียเงินมากเลย 10. มีทีมงานที่ดี  ทีมงานที่ดี มีได้ทั้งคุณบังเอิญได้คนดีเข้ามา กับอีกทางคือพัฒนาเค้าขึ้นมา ในเบ้าหลอมแบบที่คุณต้องการ การแบ่งหน้าที่การทำงานชัดเจน มีการฝึกสอนให้ และให้ค่าตอบแทนที่ดี ก็จะช่วยให้คุณมีพนักงานที่เต็มใจทำงานบริการลูกค้าอย่างเต็มที่ สุดท้ายก็จะส่งผลดีให้คุณมียอดขายที่ดีตามมา การมี Service Mind ที่ดี จะสร้าง First Impression ที่ดี ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ตัดสินเลยว่าลูกค้าจะกลับมาที่ร้านของคุณอีกแน่นอน

สูตรอาหารเพิ่มเติม
โปรโมทร้านอาหาร จัดโปรโมชั่นเพื่อเพิ่มยอดขาย

โปรโมทร้านอาหาร จัดโปรโมชั่นเพื่อเพิ่มยอดขาย

โปรโมทร้านอาหาร จัดโปรโมชั่นเพื่อเพิ่มยอดขาย เดี๋ยวนี้มองไปทางไหน ก็เจอแต่ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ข้างทางใหม่ๆ เปิดกิจการเยอะไปหมด แข่งกันขนาดนี้ แล้วร้านอาหารของเราจะมีอะไรที่โดดเด่นและแตกต่างไว้เรียกลูกค้าให้หันมาสนใจร้านเราได้บ้าง เพราะทำเลที่ตั้ง หรือความอร่อยเด็ดของอาหาร ก็ไม่สามารถจะการันตีได้ว่าร้านอาหารของเราจะอยู่รอดเสมอไป หากมั่นใจว่ามีของดีแต่ไม่มีใครรู้ก็เสียดายแย่ มาเรียนรู้ขั้นตอนที่ช่วยให้ร้านของเราขายดิบขายดีอยู่รอดปลอดภัยให้พ้นเศรษฐกิจแบบนี้ไปได้ ด้วยการโปรโมทร้านแบบมืออาชีพ พร้อมเทคนิคที่จะทำให้ร้านของเราเป็นที่รู้จัก มาดูกลยุทธ์การสร้างโปรโมชั่นเจ๋ง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายของร้านให้ถล่มทลาย เอาใจลูกค้าสายคุ้ม แน่นอนว่าจะต้องมีลูกค้าอยู่กลุ่มหนึ่ง ที่ก่อนตัดสินใจเลือกร้านอาหาร จะต้องทำการค้น หาโปรฯ โดน ๆ หรือข้อเสนอสุดพิเศษ เพื่อให้การใช้จ่ายแต่ละครั้งคุ้มค่าสุด ๆ ดังนั้นการกระตุ้นยอดขายให้กับร้านด้วยโปรโมชั่น จึงเป็นแม่เหล็กดึงดูดใจลูกค้าสายคุ้มได้เป็นอย่างดี อย่างการทำบัตรสะสมแต้มเพื่อแลกรับส่วนลดเมื่อซื้อครบยอดที่กำหนด หรือโปรโมชั่นคุ้ม ๆ อย่างมา 3 จ่าย 2 สำหรับร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ รวมไปถึงการกดไลค์กดแชร์เพจของร้าน หรือการแท็กรายชื่อเพื่อนๆในเฟซบุ๊ก เพื่อรับอาหารหรือเครื่องดื่มในร้านฟรี เหล่านี้ล้วนเป็นหมัดเด็ดให้เลือกเอามาใช้ได้ตามสถานการณ์ นอกจากจะช่วยสร้างสีสันแล้ว ยังเป็นส่วนช่วยให้ร้านเราเป็นที่รู้จัก โดยการบอกต่อของลูกค้าด้วยกันเอง ซึ่งน่าเชื่อถือกว่าการทำโฆษณาเป็นไหน ๆ เอาใจลูกค้าสายเฉลิมฉลอง โปรโมชั่นสำหรับวันพิเศษอย่าง วันวาเลนไทน์ วันปีใหม่ หรืองานวันเกิดของลูกค้าในร้าน ก็สามารถนำมาเป็นจุดดึงดูดเพื่อเพิ่มยอดขายของร้านได้ อย่าลืมสร้างบรรยากาศด้วยการตกแต่งร้านตามเทศกาลสำคัญต่างๆ อาจจะจ้างวงดนตรีเล็กๆมาช่วยสร้างสีสันเป็นครั้งคราว พร้อมจัดให้มีเมนูพิเศษที่สามารถสั่งได้เฉพาะช่วงเวลาดังกล่าวเท่านั้น มีโปรโมชั่นเครื่องดื่มราคาพิเศษแบบ Happy Hour หรือบริการเซอร์ไพรส์ จากทางร้านด้วยอาหารจานพิเศษ พร้อมเทียนวันเกิดหรือป้ายข้อความน่ารัก เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าเข้าร้านพร้อมกับเพื่อน ๆ กลุ่มใหญ่ และคนในครอบครัว ช่วงเวลาพิเศษแบบนี้แน่นอนว่าต้องมีจังหวะชักภาพร่วมกันไปลงเฟซบุ๊กพร้อมเช็คอินที่ร้าน ถือเป็นการโฆษณาแบบไม่รู้ตัว เรียกกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ที่อยากมาลองใช้บริการที่ร้านเพิ่มขึ้นอีกเห็น ๆ เอาใจลูกค้าสายกิจกรรม อย่าลืมเจาะตลาดเอาใจกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบกิจกรรมสนุก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ กลุ่มลูกค้าวัยเกษียณ ที่ต้องการหากิจกรรมทำยามว่าง และกลุ่มลูกค้า New Gen ที่นิยมใช้เวลาว่างไปกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ 2 กลุ่มนี้ ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ชอบถ่ายภาพกิจกรรมที่น่าสนใจของตน แชร์สู่โลกโซเชียล ทางร้านจึงควรจัดกิจกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้าเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเวิร์คชอปสอนทำอาหารง่ายๆ อย่างเมนูเบเกอรี่ในร้านขนม หรือคอร์สสอนทำงานฝีมือ อย่างสอนวาดรูป หรือการจัดแต่งต้นไม้ในร้านอาหารแบบคาเฟ่ เพื่อสร้างสีสัน และเพิ่มความน่าสนใจให้กับร้านมากขึ้น เราอาจลงมือจัดสอนเองด้วยประสบการณ์ส่วนตัว หรือลงทุนสักหน่อยด้วยการเชิญผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาสอนที่ร้านก็ยิ่งดีไปใหญ่ ได้ผลทั้งลูกค้าที่สนใจอยากร่วมกิจกรรมผ่านการประชาสัมพันธ์ของร้าน และจากลูกค้าที่ติดใจจนต้องติดตามความคืบหน้าของร้านผ่านทางแฟนเพจ มีการแชร์และบอกต่อ เพิ่มช่องทางการรู้จักร้านให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะได้ยอดจากการขายอาหารในร้านแล้ว ยังได้ยอดจากการขายคอร์สเรียนอีกด้วย

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ปิดช่องโหว่เงินรั่ว ที่เจ้าของร้านไม่เคยรู้ ลูกน้องไม่เคยบอก

ปิดช่องโหว่เงินรั่ว ที่เจ้าของร้านไม่เคยรู้ ลูกน้องไม่เคยบอก

เจ้าของกิจการคนไหนเคยเจอกับปัญหาผลกำไรอันน่าผิดหวัง ทั้ง ๆ ที่ขายดีสุด ๆ กันบ้าง นี่เราคำนวณราคาผิดไป หรือมองข้ามอะไรไปรึเปล่า หากลองค้นหาสาเหตุทุกอย่างแล้วยังไม่พบปัญหาที่ว่า ลองหันมาสังเกตพฤติกรรมของพนักงานในร้านดูสักหน่อย เพราะไม่ได้มีแค่เราที่สามารถรับเงิน หรือเข้าถึงวัตถุดิบต่าง ๆ เพียงคนเดียว ทุกขั้นตอนการดำเนินธุรกิจร้านอาหารนั้นต้องผ่านคนทำงานตั้งกี่มือ นี่อาจเป็นช่องโหว่เงินรั่วของธุรกิจที่มีสาเหตุจากลูกน้องตัวดีที่คิดไม่ซื่อ เล่นตุกติก ทั้งจากความไม่ตั้งใจ หรือจงใจด้วยความจำเป็นก็ตามแต่ ล้วนเป็นปัญหาที่เจ้าของร้านไม่อยากให้เกิดขึ้นทั้งสิ้น เพราะปัญหาเงินรั่วไหล แม้เพียงเล็กน้อยก็อาจลุกลามใหญ่โตจนยากจะแก้ไข ลองมาดูสาเหตุที่ทำให้กำไรหดจากคนลูกน้องคนใกล้ตัว เพื่อวางแผนเฝ้าระวังเอาไว้ให้ทันท่วงที ในเมื่อร้านเราขายดีแล้ว ร้านเราต้องมีกำไร อย่าให้ใครมางุบงิบไปได้แอบลงราคาต้นทุนแพงเกินจริง หรือฮั้วกับซัพพลายเออร์ บางครั้งเจ้าของร้านก็ต้องมอบหมายหน้าที่การจ่ายของเข้าร้านให้กับลูกน้องสักคนจนอาจเกิดปัญหา อย่างกรณีที่ลูกน้องซื้อของเข้าร้านตรงตามใบสั่งครบถ้วน แต่ไม่ได้ลงราคาที่ซื้อมาตามจริง ได้ส่วนลดที่ร้านมาแต่ไม่บอก หรือแอบบวกราคาเพิ่มลงไป แล้วนำส่วนต่างเข้ากระเป๋าตัวเอง ถึงแม้จะมีการแนบบิลเงินสดกลับมาให้ตรวจสอบ แต่อย่าลืมว่าเจ้าลูกน้องตัวดีอาจปลอมแปลงขึ้นมา หรือถึงขั้นทำการฮั้วกับทางซัพพลายเออร์ให้ออกบิลในราคาที่สูงเกินจริงหวังเอาเงินส่วนต่างไป ดังนั้นเจ้าของร้านจึงต้องหมั่นออกไปหาซื้อวัตถุดิบเพื่อตรวจสอบราคาตลาดด้วยตัวเองบ่อยๆ ทั้งนี้ยังต้องเป็นคนติดต่อกับซัพพลายเออร์ที่สั่งของด้วยตนเอง เพื่อป้องกันการหมกเม็ดที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง หรือเลือกซื้อจากผู้ขายที่มีการแจ้งราคาชัดเจน และออกใบเสร็จอย่างถูกต้องและน่าเชื่อถือ แอบกินอาหารในร้าน หรือแอบเอาของในร้านกลับบ้าน เจ้าของร้านที่ละเลยไม่หมั่นตรวจเช็คสต็อกในร้าน อาจต้องเจอกับปัญหาขาดทุน เพราะโดนลูกน้องขโมยวัตถุดิบในครัวไป ไม่ว่าจะเป็นการหยิบฉวยเอาของสด อย่างพวกผักผลไม้ในตู้เย็นกลับบ้าน การเอาอาหารที่เตรียมไว้ขายไปแอบกินหลังร้าน หรือแจ้งเจ้าของร้านว่าซื้อเนื้อหมูมา 10 กิโลกรัม แต่น้ำหนักจริงๆมีเพียงแค่ 8 กิโลกรัม แอบเอาส่วนต่างที่หายไปเป็นของตัวเอง ปัญหาเหล่านี้แก้ได้ด้วยการมีสูตรคำนวณมาตรฐาน และการเช็คสต็อกที่สม่ำเสมอ เพราะถ้าเรามีสูตร เราจะสามารถคำนวณวัตถุดิบที่ใช้ตามปริมาณจานที่ขายออกไปได้เลย และเมื่อเช็คสต็อกแล้วก็ควรมีจำนวนคงเหลือใกล้เคียง กับตัวเลขที่ได้จากการคำนวณ หากคำนวณออกมาแล้วจำนวนที่ใช้ไปห่างจากจำนวนที่นับไว้มากจริง ๆ ก็ต้องสงสัยได้ 2 กรณี คือมีของเสียเน่าทิ้งเกินความจำเป็น หรือมีการทุจริตเกิดขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้อาจดูจุกจิก และเสียเวลาไปบ้าง แต่ก็ทำให้เรารู้ถึงปัญหาได้เร็ว ไม่บานปลายและยังเป็นการแสดงถึงความจริงจังของเจ้าของร้านต่อลูกน้องว่า เราเข้มงวดและตามเช็คอยู่ตลอดนะขโมยเงินยอดขายรายวัน หรือเอาเงินในร้านไปหมุนใช้จ่ายส่วนตัว บ่อยครั้งที่เจ้าของร้านไม่สะดวกอยู่เฝ้าร้านได้ตลอดเวลา และแทบทุกร้านก็มักจะจ้างพนักงานแคชเชียร์เอาไว้คอยดูแลเรื่องการเงินของทางร้าน ซึ่งปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ คือลูกน้องคิดไม่ซื่อ แอบหยิบฉวยเงินสดที่ควรเป็นกำไรของร้านไปใช้จ่ายส่วนตัว บางคนอาจขโมยจริงจัง หรือเพียงแค่ขอนำไปหมุนก่อนเดี๋ยวค่อยคืนก็ตามแต่ นี่นับเป็นปัญหาใหญ่ถึงขั้นเป็นคดีความได้เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นจงอย่านิ่งนอนใจ หมั่นตรวจสอบบัญชียอดขายอยู่เป็นประจำ ซึ่งหากเรามีเครื่อง POS ก็จะช่วยให้ง่ายขึ้น เพราะทุกครั้งที่ขายออกจะต้องมีการบันทึกยอดขาย เมื่อปิดรอบในแต่ละวัน พนักงานจะต้องส่งยอดเงินตามตัวเลขที่ปิดบัญชีไว้ และอีก 1 มาตรการคือ อย่าทิ้งเงินสดไว้ในร้านให้มากเกินไป ต้องกำหนดไว้เลยว่า เงินทอนในลิ้นชักและเงินใช้จ่ายฉุกเฉินจะต้องมีจำนวนเท่าไหร่ และเงินยอดขายจะต้องส่งให้เจ้าของร้าน หรือนำฝากเข้าบัญชีร้านทุกวัน จุดนี้จะช่วยลดทอนความเสียหายในกรณีทุจริตเงินก้อนใหญ่ๆ ลงได้ และหากไม่ค่อยได้อยู่ดูแลร้านด้วยตัวเอง ควรหากล้องวงจรมาติดที่ร้าน ให้ช่วยสอดส่องพฤติกรรมและคอยเช็คสถานการณ์ในร้าน อาจลงทุนให้หุ้นส่วนหรือญาติคนสนิทผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเป็นคนดูแลรับเงินให้ เป็นต้น

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ครัวร้อน ครัวเย็น จำเป็นแค่ไหนต้องแบ่งโซน ก่อนออกแบบร้านอาหารต้องรู้!

ครัวร้อน ครัวเย็น จำเป็นแค่ไหนต้องแบ่งโซน ก่อนออกแบบร้านอาหารต้องรู้!

หากกำลังตัดสินใจที่จะเปิดร้านอาหารในฝัน ปัจจัยสำคัญที่เราต้องใส่ใจมีมากมายตั้งแต่การวางแผนต้นทุนค่าใช้จ่าย การวางเป้าหมายกำไร คอนเซปร้านและเมนูอาหารรวมไปถึงการออกแบบร้าน ที่เจ้าของธุรกิจอย่างเราต้องวางแผนทุกอย่างให้รัดกุมเพราะต้องมีการวางโครงสร้างของร้านกันตั้งแต่เริ่มต้นเลยทีเดียว โดยเฉพาะห้องครัว หัวใจหลักของการทำร้านอาหาร ที่จะต้องออกแบบมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์รูปแบบอาหารของร้านเราได้ตรงจุดที่สุดแล้วห้องครัวที่ดีเป็นอย่างไรบ้าง ครัวร้อน ครัวเย็นล่ะ จำเป็นมากแค่ไหน ใครที่กำลังจะวางแผนร้านอาหาร แวะมาทำความเข้าใจกันก่อน สัดส่วนห้องครัวที่เหมาะสม ของพื้นที่ในร้านอาหาร การแบ่งสัดส่วนของครัวหรือพื้นที่เตรียมอาหารของร้าน ควรต้องรู้ถึงกลุ่มเป้าหมายก่อนว่าเป็นใครเพื่อให้ทราบถึงจำนวนพื้นที่รองรับลูกค้า หรือจำนวนออเดอร์ของลูกค้าในแต่ละวัน โดยสัดส่วนขั้นพื้นฐานที่นิยมคือคำนวณพื้นที่ร้านทั้งหมด 100 % และกันสัดส่วนครัวไว้ที่ 30 % สำหรับร้านขนาดปกติ หรือส่วนครัว 40-50 % สำหรับร้านแบบ Take home เป็นต้นโดยเฉพาะทำเลของห้องครัว จะต้องคำนึงถึงระบบน้ำ การวางท่อน้ำทิ้ง ทางระบายลม และมองไปถึงจุดเชื่อมโยงกับห้องรับรองลูกค้าหรือเส้นทางการเสิร์ฟอาหาร ซึ่งในจุดนี้อาจเป็นข้อข้อจำกัดต่อการขยายขนาดห้องครัวในอนาคตอีกด้วย การแบ่งพื้นที่ใช้งานในห้องครัว ห้องครัวที่ดี ควรแบ่งสัดส่วนการใช้งานให้ชัดเจน เพื่อความสะดวกต่อการดูแลทำความสะอาด และพร้อมต่อการเตรียมอาหารในแต่ละวันโดยมักจะแบ่งเป็น สโตร์เก็บวัตถุดิบ ส่วนล้างของสด ส่วนล้างจานชาม ส่วนเตรียมวัตถุดิบ และส่วนทำอาหารซึ่งหากห้องครัวของเราสามารถแบ่งโซนกันได้อย่างเป็นสัดเป็นส่วนที่ชัดเจน ห้องครัวก็จะเป็นระเบียบเรียบร้อย และรักษาความสะอาดได้ง่ายอาหารของเราจะสะอาดและมีอนามัย เป็นผลดีต่อคุณภาพของอาหารในแต่ละจานก่อนเสิร์ฟให้ลูกค้า เจ้าของร้านสามารถปรับตำแหน่งการใช้งานของแต่ละโซนให้เอื้อต่อลักษณะของเมนูที่ร้าน ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความสะดวกในการใช้งานเป็นสำคัญ ความสำคัญของครัวร้อน ครัวเย็น หัวใจสำคัญของการทำธุรกิจร้านอาหาร คือมาตรฐานที่ดีของอาหาร อย่างรสชาติ และความสะอาดของร้าน เราจึงควรรักษามาตรฐานเอาไว้ให้คงที่การแบ่งพื้นที่ใช้งานในครัวให้แยกกันชัดเจนจึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ช่วยลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดของอาหารที่มีสาเหตุจากอุณหภูมิ สุขอนามัยหรือปฏิกิริยาอื่น ๆ ที่จะส่งผลให้อาหารของเราเปลี่ยนคุณภาพได้ โดยเราสามารถแบ่งประเภทของครัวให้แยกกัน ตามกระบวนการทำอาหารได้ 2 ประเภท ดังนี้ ครัวร้อน คือ ครัวที่รองรับกระบวนการใช้ความร้อนในการทำอาหารกับวัตถุดิบทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็น ต้ม นึ่ง ทอด ผัด ตุ๋น หรือย่าง เป็นต้นส่วน ครัวเย็น เป็นครัวที่รองรับกระบวนการทำอาหารที่ไม่ต้องใช้ความร้อน มักเกี่ยวข้องกับวัตถุดิบรมควัน ผักสด ผลไม้หรือเกี่ยวข้องกับวัตถุดิบที่ผ่านกระบวนการครัวร้อนเสร็จเรียบร้อยมาแล้ว อย่างกุ้งสุก ไข่ต้ม ฯลฯโดยในครัวเย็นนี้จะเน้นไปในการทำ สลัด ตกแต่งจาน หรือหั่นสับวัตถุดิบ เป็นต้น การออกแบบครัวสำหรับร้านอาหารพื้นที่จำกัดหากร้านของเราเป็นร้านอาหารขนาดเล็ก พื้นที่จำกัด เจ้าของธุรกิจควรใส่ใจเฉพาะหัวใจสำคัญของห้องครัว คือต้องเป็นห้องครัวที่มีประสิทธิภาพต่อผู้ใช้สะอาด ถูกหลักอนามัย และตอบโจทย์ของร้านได้เป็นพอ เช่น ร้านกาแฟ มีสัดส่วนครัวเย็นสำหรับการทำแซนด์วิชเพียงแค่หลังเคาน์เตอร์แต่ได้เตรียมพื้นที่ไว้รับรองลูกค้ามากกว่าส่วนอื่นๆ หรือร้านอาหารตามสั่ง ที่มีครัวร้อนอยู่ด้านหน้าร้าน และปรับสัดส่วนครัวเย็นสำหรับหั่นวัตถุดิบเหลือเพียงแค่พื้นที่บนโต๊ะกลางใกล้ ๆ เตานั่นเอง

สูตรอาหารเพิ่มเติม
การตลาดออนไลน์ เครื่องมือแก้ปัญหาทำเลไม่ทำเงิน

การตลาดออนไลน์ เครื่องมือแก้ปัญหาทำเลไม่ทำเงิน

หากคิดจะสร้างอนาคตด้วยธุรกิจร้านอาหาร นอกจากเงินลงทุน และไม้เด็ดในรสชาติอาหารแล้ว ทำเลที่ตั้งก็นับเป็นปัจจัยหลัก ที่จะเป็นประตูสู่ความสำเร็จให้เราได้ แต่หากที่ตั้งร้านของเราไม่ใช่ทำเลในฝัน ทั้งเงียบและอยู่ในซอยลึกลับซับซ้อน จะย้ายที่ก็ลำบากเพราะเงินทุนในกระเป๋ามีจำกัด หรือต้องรับไม้ต่อจากกิจการของครอบครัวก็แล้วแต่ มันชวนให้หดหู่จนเริ่มจะท้อเสียเหลือเกิน อย่ามัวแต่นั่งรอให้โชคชะตาเข้าข้าง หนึ่งสมองสองมือของเราเองนี่แหละ ที่จะสร้างผลกำไรให้ไหลมาเทมาให้เราได้ มาเรียนรู้เทคนิคการตลาดแบบออนไลน์ที่น่าสนใจใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือให้ร้านอาหารของเราเป็นที่รู้จักจนดังเปรี้ยงปร้างกันดีกว่า! สร้างร้านให้เป็นที่รู้จักบนโซเชียลมีเดีย จะมัวนั่งรอลูกค้าให้เข้ามาหาเราเองอยู่ทำไม ประกาศตัวตนให้โลกรู้กันไปเลย ด้วยการสร้างเพจของร้านในเฟซบุ๊ก เว็ปไซต์และอินสตาแกรม นอกจากจะเป็นการสร้างช่องทางการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าที่สะดวกรวดเร็วแล้ว ยังถือเป็นการโฆษณาร้านที่พุ่งเป้า ไปที่กลุ่มลูกค้าได้โดยตรง เพียงแค่พิถีพิถันกับการถ่ายรูปอาหารให้ว้าว ทำคลิปให้น่าสนใจ อาจลงทุนจ้างมืออาชีพมาตัดต่อสักหน่อย แล้วอัพลงเพจอย่างสม่ำเสมอ นำรายจ่ายที่จะทำป้ายโฆษณาหน้าปากซอยใหญ่โต มาลงทุนกับการโปรโมทร้านในช่องทางโซเชียลมีเดียแทน ถ้ามั่นใจว่าของเราดีจริง โพสต์ภาพยั่วน้ำลายกันขนาดนี้ ร้านจะอยู่ไกลแค่ไหนนักชิมก็อยากจะมาลอง เข้าร่วมพันธมิตรกับ Food Delivery เพิ่มช่องทางรับออเดอร์จากลูกค้าด้วยแอพพลิเคชั่นบริการส่งอาหารออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Grabfood, Lineman, Get หรือ Foodpanda เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าที่ไม่สะดวกมาทานที่ร้าน ถือเป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวางขึ้นไปอีก ระยะทางและที่ตั้งร้านจะไม่เป็นอุปสรรค ต่อการตัดสินใจที่จะได้ชิมอาหารที่ร้านอีกต่อไป ซึ่งขั้นตอนการสมัครทำได้ง่ายๆ โดยเข้าไปสมัครโดยตรงกับแอพพลิเคชั่นที่เราเลือก อย่าลืมคัดเมนูเด่น ๆ ที่จะนำมาลงเป็นรายการอาหารพร้อมราคาที่ชัดเจน ยิ่งถ้ามีการจัดรายการร่วมกับแอพพลิเคชั่นด้วยแล้ว ร้านอาหารของเราก็จะไปโผล่อยู่บนร้านอาหารที่ร่วมรายการ ถือเป็นการตลาดออนไลน์ที่ลงทุนแล้วเห็นผล ช่วยสร้างรายได้ให้กับร้าน แบบไม่ต้องรอการขายหน้าร้านแต่เพียงอย่างเดียวอีกด้วย  ปักหมุดที่ตั้งร้านลงบน Google Maps ร้านของเราได้รับการปักหมุดลงบน Google Maps แล้วหรือยัง ชื่อร้านก็มีแล้ว โปรโมทเพจจนเป็นที่รู้จักก็แล้ว แต่ถ้าไม่รู้ทางไปที่ร้าน บรรดา Food Delivery ทั้งหลายหรือลูกค้าสายตรงจะเข้าถึงร้านเราได้อย่างไร มาเริ่มขั้นตอนกันตั้งแต่ดาวน์โหลดและเปิดแอพพลิเคชั่น Google Maps แล้วค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของร้าน จัดการกดแก้ไขจุดที่เราอยู่ ใส่ชื่อร้านที่คิดมาแล้วว่าไม่ซ้ำใครลงไป แล้วทำตามขั้นตอนให้เรียบร้อย อีกไม่เกิน 2 สัปดาห์ ร้านของเราก็จะปรากฏโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บน Google Maps แล้ว อย่าลืมถ่ายรูปหน้าร้านสวยๆแล้วเช็คอินโดยใส่โลเคชั่นร้านลงไปตอนโพสต์ด้วย เพื่อความสะดวกของลูกค้าที่ตามลายแทง Google Maps มาจากหน้าเพจของเรา การตลาดถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร้านอาหาร ช่องทางออนไลน์ก็เป็นสิ่งใหม่ๆ ที่เข้ามาช่วยเจ้าของร้านให้มีโอกาสเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น แต่เจ้าของร้านเองต้องอย่าลืมที่จะจัดสรรงบประมาณตรงจุดนี้เอาไว้ด้วย เพราะหากจะทำให้เกิดผล อาจต้องมีการจ่ายเงินบ้างสำหรับบางอย่าง และต้องมี mindset ที่ถูกต้องก่อนว่า เงินค่าการตลาด ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง ที่จะนำรายได้กลับมาสู่ร้าน และก่อนที่จะจ่ายเงินลงทุนไปกับช่องทางไหน ควรคิดถึงผลลัพธ์ที่จะได้กลับคืนมา เพื่อให้การลงทุนเกิดความคุ้มค่ามากที่สุด

สูตรอาหารเพิ่มเติม
3 วันขายดี 4 วันขายไม่ออก รับมืออย่างไร เมื่อยอดขายไม่คงที่ !

3 วันขายดี 4 วันขายไม่ออก รับมืออย่างไร เมื่อยอดขายไม่คงที่ !

ปัญหาน่าปวดหัวอีกอย่างหนึ่งที่ผู้ประกอบการร้านอาหารต้องเผชิญ คือ ยอดขายไม่คงที่ บางวันก็ขายดีมาก ลูกค้าเข้าร้านทั้งวัน แต่บางวันกลับไม่มีลูกค้าจนขาดทุนไปเลยก็เห็นอยู่มาก ซึ่งไม่ใช่สัญญาณที่ดีนักสำหรับร้านอาหาร เพราะถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ก็มีโอกาสที่ลูกค้าจะหายไปเรื่อย ๆ อาจถึงขั้นต้องปิดกิจการไปเลยก็มี ดังนั้นคุณควรต้องเร่งแก้ไข โดยต้องหาสาเหตุก่อนว่าเกิดจากอะไร แล้วค่อยอุดช่องโหว่เป็นจุด ๆ ไป ปัญหากลุ่มแรก คือ ยอดขายไม่คงที่ เพราะเกิดจากปัจจัยภายในของร้านอาหารคุณเอง ไม่ได้เป็นเพราะลูกค้าหรือคู่แข่ง ส่งผลให้ลูกค้าที่เคยมากิน ไม่มากินซ้ำอีกที ปัญหาเหล่านั้นได้แก่ • รสชาติอาหารแย่ลงหรือรสชาติไม่คงที่ ลองนึกภาพว่าถ้าคุณกินอาหารในร้านเจ้าประจำร้านหนึ่ง แต่อยู่ดี ๆ รสชาติที่คุณเคยได้สัมผัสก็ไม่เหมือนเดิม บางวันรสชาติอร่อย กลมกล่อมพอดี บางวันหนักเค็มไป บางวันหนักหวานไป อีกวันหนึ่งก็เปรี้ยวโดด คุณจะอยากกินอาหารร้านนั้นต่อมั้ย ในเมื่อก็มีร้านอาหารอร่อย ๆ ให้เลือกอีกมากมาย เชื่อว่าคุณจะโบกมือลาแน่นอน ดังนั้น เมื่อคุณทำร้านอาหาร คุณก็ควรต้องควบคุมรสชาติอาหารให้ดี ลองพัฒนาสูตรอาหารในรูปแบบที่ทำซ้ำได้ มีการบันทึกสูตรมาตรฐาน ใส่อะไรเท่าไหร่พร้อมขั้นตอน รวมถึงการเทรนนิ่งพนักงานให้ปรุงอาหารได้ในมาตราฐานเดียวกัน • การบริการแย่ลง เวลากินอาหารในร้าน ย่อมไม่มีใครอยากได้บริการแย่ ๆ ไม่งั้นต่อให้รสชาติดีแค่ไหน แต่ถ้าได้รับการบริการที่แย่ลง ลูกค้าก็พร้อมจะหายไปได้เหมือนกัน เชื่อว่าร้านอาหารคุณก็ย่อมอยากบริการลูกค้าให้ดีเช่นกันอยู่แล้ว แต่ปัญหามักจะเกิดก็คือ เมื่อมีลูกค้าเยอะขึ้นแล้ว กลายเป็นว่าบริการไม่ทัน เสิร์ฟอาหารช้า คุณภาพการบริการตกลง อันนี้ก็ต้องไปแก้ที่การบริหารจัดการร้าน โดยต้องหาวิธีรับมือว่า ถ้าแขกมาเต็มแล้วจะทำยังไงให้บริการได้ทันและยังคงคุณภาพที่ดี จำนวนพนักงานที่มีอยู่ พอมั้ย พนักงานบริการเป็นอย่างไร พูดจาสุภาพมั้ย มีวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้ายังไง ต้องมีการสอนพนักงาน ถึงสิ่งเหล่านี้รวมถึงต้องคอยตรวจสอบบรรยากาศร้าน ความสะอาดอยู่อย่างสม่ำเสมอด้วย • ขึ้นราคาจนลูกค้าเห็นว่าไม่คุ้ม เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ที่ร้านอาหารจะต้องมีการขึ้นราคาอยู่บ้าง เพราะต้นทุนวัตถุดิบย่อมแพงขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อของระบบเศรษฐกิจ ทำให้ราคาอาหารต้องมีการปรับตามเพื่อรักษาฐานกำไรของร้าน แต่ต้องระวังให้มาก อย่าใช้จังหวะนี้ ฉวยโอกาสขึ้นราคามากเกินไปจนลูกค้าเห็นว่า “ไม่คุ้ม” เพราะอย่าลืมว่ายุคนี้มีร้านอาหารให้เลือก หลากหลายมาก การไปกินร้านอื่นที่มีคุณภาพเทียบเท่ากันแต่ราคาถูกกว่าย่อม “คุ้มกว่า” ในสายตาของลูกค้า ส่วนปัญหากลุ่มที่สอง คือ ยอดขายไม่คงที่ เพราะเกิดจากปัจจัยภายนอก ซึ่งมีหลากหลายมากตั้งแต่ เศรษฐกิจ สังคม ค่านิยม พฤติกรรมลูกค้า คู่แข่ง ฯลฯ แต่ในที่นี้เราจะพูดถึงเฉพาะปัจจัยที่สามารถควบคุมและแก้ไขได้ ได้แก่ • ร้านอาหารคู่แข่ง สมัยก่อนปัญหาเรื่องคู่แข่ง จะถูกจำกัดด้วยพื้นที่ ทำเล โดยมักเป็นคู่แข่งที่เป็นร้านอาหารประเภทเดียวกันมาเปิดในพื้นที่ละแวกใกล้เคียงกัน พูดง่าย ๆ ว่า แย่งลูกค้าในพื้นที่นั่นเอง แต่สมัยนี้ปัญหาเรื่องคู่แข่งกว้างขึ้นมาก  เพราะมีช่องทางออนไลน์ ยิ่งทำให้ลูกค้าเข้าถึงร้านอาหารได้ง่าย แล้วยิ่งลูกค้าสมัยนี้เลือกร้านอาหารตามการรีวิวบนโลกไซเบอร์ โอกาสที่ลูกค้าจะชิ่งหนีไปจากร้านคุณก็ยิ่งมีสูงขึ้น ดังนั้น อย่างแรกคือ คุณต้องตามให้ทันโลก อะไรที่เป็นมาตรฐานของร้านอาหารในโลกยุคไซเบอร์ คุณต้องมี ในเมื่อร้านอื่นเขามีการโปรโมทบน Wongnai เป็นพันธมิตรกับ Line Man ลงข้อมูลร้านบน Google Search คุณไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องทำด้วย ถัดมาคือ คุณควรสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง แทนที่จะแข่งแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ด้วยราคาและรสชาติอาหารอย่างเดียว เช่น ถ้าร้านคุณเน้นกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบถ่ายรูปอวดกัน ก็อาจลองตกแต่งร้านให้เป็นเอกลักษณ์ สร้างธีม สร้างกิมมิคภายในร้าน ให้มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ มีบรรยากาศที่ไม่จำเจ เป็นต้น • พฤติกรรมลูกค้า หลายคนอาจสงสัยว่า ในเมื่อทำทุกข้อมาดีหมดแล้ว แต่ทำไมลูกค้าก็ยังไม่มากินซ้ำ เพราะอะไร ? ลองสังเกตง่าย ๆ ว่า แม้คุณจะมีร้านที่ชอบกินอยู่ แต่ย่อมมีหลายครั้งที่คุณเลือกกิน “ร้านใหม่ ๆ” แม้จะไม่รู้ว่าร้านนั้น จะสู้ร้านในดวงใจคุณได้มั้ย เพราะกินของเดิมนาน ๆ มันก็เบื่อได้นั่นเอง ยิ่งสืบเนื่องมาจากการมีร้านอาหารให้เลือกมากมาย และการมีรีวิวร้านอาหารบนโลกไซเบอร์ในหัวข้อข้อที่ผ่านมา ก็ยิ่งชัดเจนว่า ลูกค้าในยุคนี้ มีพฤติกรรม “ชอบลองของใหม่” แม้ว่าร้านคุณจะมีรสชาติอาหารคงที่ บริการดีขนาดไหน ยอดขายก็ไม่คงที่อยู่ดี การสร้างกลยุทธ์เพิ่มยอดขาย จึงช่วยได้มากในกรณีนี้ เช่น การทำระบบสมาชิก สะสมแต้ม เมื่อแต้มถึงจำนวนหนึ่ง ก็แลกเมนูอาหาร ขนมหวาน หรือเครื่องดื่มอร่อย ๆ ได้ วิธีนี้จะดึงดูดให้ลูกค้ามากินซ้ำบ่อยขึ้น และยังช่วยเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อมาทำการตลาดได้อีกทีด้วย การจัดเมนูเซ็ตอาหารกลางวัน เป็นการช่วยให้มียอดขายตลอดวันมากขึ้น และยังช่วยในการบริหารจัดการวัตถุดิบได้เป็นอย่างดี การเพิ่มช่องทางการขาย เช่น เดลิเวอรี่ จะช่วยดึงกลุ่มลูกค้าที่ไม่สะดวกออกไปกินนอกบ้านหรือที่ทำงานได้มากขึ้น รวมถึงช่วยรักษายอดได้ในเวลาที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ การจัดโปรโมชั่นเฉพาะเวลา บางกรณี ถ้าคุณจับรูปแบบได้ วิธีนี้ช่วยได้มาก ยกตัวอย่าง ถ้าคุณเก็บข้อมูลแล้วพบว่าลูกค้ามักเข้าน้อยในวันพุธ คุณก็อาจจัดโปรโมชั่นเฉพาะวันนั้นก็ได้ เช่น ลด 20 เปอร์เซ็นต์ ส่งฟรีเฉพาะวันพุธ สิ่งสำคัญที่สุด ! สุดท้ายนี้ การแก้ปัญหายอดขายไม่คงที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าคุณไม่บันทึกและวิเคราะห์ยอดขายอย่างสม่ำ เพราะเมื่อไม่วัดผล คุณก็ไม่รู้เลยว่ายอดขายตกช่วงเวลาไหน วันไหนบ้าง ทำให้วิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ นำไปสู่การแก้ปัญหาแบบผิด ๆ นั่นเอง ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณควรทำตารางบันทึกยอดขายและวิเคราะห์มันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่ง MHA ได้จัดทำคอร์สที่สอนเรื่องนี้โดยเฉพาะแบบเป็นขั้นเป็นตอนเลย นั่นคือ... Sales Projection and Analysis “สูตรสำเร็จวิเคราะห์ยอดขาย ให้ได้กำไรกว่าที่คิด” คอร์สที่จะสอนคุณสำรวจหลังบ้าน บันทึกและวิเคราะห์ยอดขาย เพื่อกำหนดกลยุทธ์เพิ่มยอดขายได้อย่างตรงจุด สำหรับผู้ที่สนใจ ติดตามได้ที่ https://makrohorecaacademy.com/courses/sales-projection-and-analysis/  

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เพิ่มยอดขายเดือนละแสน ด้วยเมนูเสริม

เพิ่มยอดขายเดือนละแสน ด้วยเมนูเสริม

เคยสังเกตหรือไม่เวลาที่เราไปรับประทานอาหารในร้านเชนต่าง ๆ ส่วนใหญ่มักจะมีการเชียร์ขายเมนูทานเล่น นั่นเป็นเพราะว่าพฤติกรรมของคนไทยส่วนมาก มักให้ความสนใจอยู่ที่เมนูจานหลัก ดังนั้นหากไม่มีการเชียร์ขายเมนูเสริมต่าง ๆ โอกาสที่ร้านจะเพิ่มยอดขายก็จะหายไปด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วลูกค้าหนึ่งคน สามารถสั่งเมนูจานหลักบวกเมนูเสริม หรือเมนูทานเล่นได้ ขึ้นอยู่กับว่าทางร้านจะมีเทคนิคอย่างไรในการเชิญชวนให้ลูกค้าสั่งเมนูเสริมเพิ่ม  กลยุทธ์เพิ่มยอดขายด้วยเมนูเสริม สิ่งแรกที่ทางร้านต้องทำคือ การตั้งเป้าหมายขึ้นมาว่า ในเดือนนั้นจะทำยอดขายจากเมนูเสริมอะไร และจะเพิ่มยอดขายจากเมนูเสริมนั้นกี่เปอร์เซ็นจากเดิมที่ขายอยู่ ยกตัวอย่างเช่น เดิมร้านขายเมนูเสริมเกี๊ยวซ่าอยู่ที่เฉลี่ย 5% ของรายได้ เดือนหน้าตั้งเป้าหมายไว้จะทำรายได้จากการขายเกี๊ยวซ่าเพิ่มเป็น 10%คือเพิ่มจากเดิมขึ้นมา 5% เมื่อเรามีเป้าหมายแล้วว่า เดือนนี้จะเน้นขายเมนูเสริมอะไร และจะทำยอดที่เท่าไหร่ ลำดับต่อไปก็จะเข้าสู่แผนงานและกระบวนการทำให้ได้ตามเป้าหมาย     ����เช่นกรณีตัวอย่าง เดือนกันยายนต้องการเพิ่มยอดขายเกี๊ยวซ่าจาก 5% เป็น 10% ♦ยอดขายรวมของร้านเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 100,000 บาท ♦ยอดขายเกี๊ยวซ่าอยู่ที่ 5% เท่ากับ 5,000บาท ����เดือนกันยายน ตั้งเป้าอัพยอดขายเกี๊ยวซ่าเป็น10%เท่ากับต้องทำยอดขายเกี๊ยวซ่าเดือนกันยายนให้ได้ 10,000 บาท เพิ่มจากเดือนสิงหาคม 5,000 บาท ����ราคาเกี๊ยวซ่าจานละ 50 บาท เท่ากับว่า ต้องขายเกี๊ยวซ่าให้ได้ 200 จานต่อเดือน เฉลี่ย 7จานต่อวัน เมื่อทราบภารกิจตัวเลขเป้าหมายแล้วจะทำให้สามารถวางแผนเพื่อเพิ่มยอดได้ เช่น 1 ผลิตสื่อเมนูตั้งบนโต๊ะ 2 ให้พนักงานช่วยกันเชียร์ขาย ให้ได้คนละกี่จานต่อวัน โดยควรตั้งยอดให้กับพนักงานรับออเดอร์ทุกคนเพื่อป้องกันการเกี่ยงกัน นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างหนึ่งเมนูเสริมเดียว ซึ่งหากในแต่ละเดือนทางร้านมีการตั้งเป้าเพิ่มยอดขายด้วยวิธีการนี้กับเมนูเครื่องดื่ม และเมนูขนมหวาน เท่ากับว่า ในเดือนนั้นมางร้านจะมีรายได้เพิ่มจากเมนูเสริมถึง 3 หมวดในเวลาเดียวกัน หรือจะจัดเซ็ตเมนูให้กับลูกค้าก็เป็นอีกแนวทางที่สามารถเพิ่มยอดขายจากเมนูเสริมได้ เช่น ปกติลูกค้ามาทานอาหารจานเดี่ยวเช่น ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก 1 ชาม กับน้ำเปล่า 1 แก้ว ลองจับเซ็ตสุดคุ้มเป็น ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก 1 ชาม+ เกี๊ยวทอด 1 จาน+ น้ำสมุนไพร 1 แก้ว ยิ่งหากทางร้านทำน้ำสมุนไพรเองยิ่งควรนำมาทำเป็นเมนูเซ็ตเชียร์ขาย เนื่องจากต้นทุนน้ำสมุนไพรค่อนข้างต่ำ กำไรสูงกว่าน้ำเปล่ามาก ทั้งนี้ ในการจัดเซ็ตเมนู ควรเลือกเมนูที่ทำง่าย ขั้นตอนไม่เยอะ และควรมีราคาต่อเซ็ตไม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต่อหัวของลูกค้า เพื่อสร้างโอกาสเพิ่มยอดจ่ายต่อคนต่อโต๊ะให้มากขึ้นนั่นเอง หลักคิดหนึ่งที่ฝากไว้คือ เมื่อลูกค้าเข้ามาร้านเราแล้วนั่นหมายถึงโอกาสที่เราจะได้รายได้จากลูกค้า ขึ้นอยู่กับทางร้านว่า จะมีวิธีการอย่างไรเพื่อให้ลูกค้ายินดีจ่ายเพิ่มมากกว่าแค่เมนูเดียว แต่การเชียร์ขายใด ๆ ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ        

สูตรอาหารเพิ่มเติม
จะเปิดร้านอาหารเล็กๆ จำเป็นไหม ต้องขึ้นทะเบียนพาณิชย์ ?!

จะเปิดร้านอาหารเล็กๆ จำเป็นไหม ต้องขึ้นทะเบียนพาณิชย์ ?!

ทะเบียนพาณิชย์จำเป็นต้องจดหรือไม่? สำหรับร้านอาหารขนาดเล็ก เป็นหนึ่งประเด็นคำถามของผู้ประกอบการ และว่าที่ผู้ประกอบการร้านอาหาร SME ว่าจะเปิดร้านอาหารจำเป็นต้องจดทะเบียนพาณิชย์หรือไม่ หากยึดตามหลักการความถูกต้องแล้วเมื่อเราเปิดร้านอาหาร หรือ ดำเนินกิจการใด ๆ  ก็ต้องมีการจดทะเบียนพาณิชย์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการไปจดทะเบียนเพื่อแจ้งให้ทราบว่าเราได้เริ่มประกอบกิจการอย่างถูกต้องและเปิดเผย มีสถานที่ตั้งเป็นกิจจะลักษณะมีชื่ออยู่ในระบบ ของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งการจดทะเบียนพาณิชย์ มี 2 ประเภท คือ บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล   ▶️ การจดทะเบียนพาณิชย์บุคคลธรรมดา สำหรับการจดทะเบียนพาณิชย์ ประเภทบุคคลธรรมดา หรือที่ส่วนใหญ่พูดกันว่า ทะเบียนการค้า ในทางกฎหมายนั้นพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 กำหนดไว้ว่า ให้ผู้ประกอบการร้านอาหารที่เป็นบุคคลธรรมดา ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่เริ่มประกอบการร้านอาหาร ���� หากร้านมีพื้นที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ยื่นขอจดทะเบียนพาณิชย์ได้ที่ สำนักงานเขตที่ร้านอาหารตั้งอยู่ ���� ในต่างจังหวัด ยื่นคำขอที่เทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบลที่ร้านอาหารตั้งอยู่ในท้องที่ มีค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนพาณิชย์ฉบับละ 50 บาท เมื่อดำเนินการจดทะเบียนพาณิชย์แล้ว จะต้องแสดงใบทะเบียนพาณิชย์ไว้ที่สำนักงานใน ที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย และต้องจัดให้มีป้ายชื่อร้านที่ใช้ในการประกอบพาณิชย์ไว้หน้าร้านและร้านสาขา (ถ้ามี) ทั้งนี้ กิจการร้านค้าที่จดทะเบียนพาณิชย์แบบบุคคลธรรมดา ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 94 ในครึ่งปีแรก และ ภ.ง.ด. 90 ในครึ่งปีหลัง ส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ ไม่ถึง 1,800,000 บาทต่อปี ไม่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือจะจดก็ได้ แต่ถ้ามีรายได้เกินทุกรายต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แบบ ภ.พ.01) นั่นเอง ���� เอกสารประกอบการจดทะเบียนพาณิชย์(บุคคลธรรมดา) ดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์นี้ http://www.dbd.go.th/download/downloads/01_tp/form_tp.pdf   ▶️ การจดทะเบียนพาณิชย์นิติบุคคล หรือเรียกว่าการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท จะมีความซับซ้อนมากกว่าการจดทะเบียนพาณิชย์บุคคลธรรมดา เนื่องจากต้องดำเนินการ ให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ว่าด้วยหุ้นส่วนบริษัท ซึ่งจะต้องมีผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัท จัดทำหนังสือบริคณห์สนธิ กำหนดทุนที่จะจดทะเบียน และหาผู้ร่วมทุนเข้ามาซื้อหุ้นบริษัท กำหนดมูลค่าหุ้นว่าจะกำหนดกันอย่างไร เช่น ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แบ่งหุ้นออกเป็น 10,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 100 บาท ส่วนผู้ถือหุ้นคนใดจะถือหุ้นจำนวนเท่าไหร่ก็แล้วแต่ตกลง ���� ร้านค้าที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถยื่นขอจดทะเบียนได้ที่สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ หรือสำนักงานทะเบียนพาณิชย์เขต ���� ส่วนในต่างจังหวัดสามารถยื่นขอจดได้ที่ สำนักงานทะเบียนพาณิชย์จังหวัด ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนบริษัท ขึ้นอยู่ที่จำนวนทุนจดทะเบียน ซึ่งมีอัตรา 1 แสนละ 50 บาท ขั้นต่ำ 5,000 บาท และสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท ���� เอกสารประกอบการจดทะเบียนพาณิชย์(นิติบุคคล) ดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์นี้ http://www.dbd.go.th/news_view.php?nid=369   ยังไม่จบแค่นี้! สำหรับการจดทะเบียนพาณิชย์นิติบุคคล ✔️ ต้องมีการแต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีที่มีใบอนุญาตให้เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีอย่างน้อยหนึ่งคน เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบบัญชีบริษัท ✔️ กรรมการบริษัทมีหน้าที่ต้องจัดทำบัญชี จัดทำงบดุลและงบกำไรขาดทุน ในทุก ๆ 6 เดือน ของรอบระยะเวลาบัญชี โดยมีผู้ตรวจสอบบัญชีให้การรับรองความถูกต้อง และนำส่งงบดุลให้แก่สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท เงินกำไรที่ได้จากการทำธุรกิจ จะต้องถูกนำไปคำนวณเพื่อการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ���� หากขาดทุนหรือกำไรไม่เกิน 3 แสนบาทของรอบระยะเวลาบัญชี 1 ปี ไม่ต้องเสียภาษี ���� เกิน 3 แสนบาทแต่ไม่เกิน 3 ล้านบาท เสียภาษี 15 เปอร์เซ็นต์ ���� หากกำไรเกิน 3 ล้านบาทขึ้นไป เสียภาษี 20 เปอร์เซ็นต์ของเงินกำไร   สรุปข้อดีและข้อเสียการจดทะเบียนพาณิชย์ในนามบุคคลธรรมดา กับทำในนามนิติบุคคล |   | บุคคลธรรมดา | นิติบุคคล| ข้อดี | · จัดตั้งง่าย โดยคนๆ เดียว ·  มีอิสระในการตัดสินใจ ·  เจ้าของเป็นผู้รับผิดชอบคนเดียว ·  ข้อบังคับทางกฎหมายน้อย ·  การเลิกกิจการทำได้ง่าย ·  ค่าใช้จ่ายด้านการบริหารต่ำ | ·  เป็นนิติบุคคล แยกตัวจากผู้ถือหุ้น·  ผู้ถือหุ้นรับผิดเท่าที่ลงทุนในหุ้น ·  ซื้อ ขายหรือโอนหุ้นให้แก่บุคคลอื่นได้ ·  ผู้ถือหุ้น ตายหรือขายหุ้น บริษัทก็ยังดำเนินการต่อ ไปได้ไม่ติดขัด ·  มีความน่าเชื่อถือ กู้ยืมเงินต่อยอดธุรกิจได้ง่าย ·  เสียภาษีน้อยกว่าบุคคลธรรมดา| ข้อเสีย | ·  เจ้าของต้องรับหนี้สินไม่จำกัดจำนวน ·  ขาดความน่าเชื่อถือของกิจการ ·  การจัดหาเงินทุนทำได้ยาก ·  การตัดสินใจอยู่ที่คนๆ เดียว ไม่รอบคอบ ·  ธุรกิจอาจไม่ยืนยาว และไม่ต่อเนื่อง ·  เสียเปรียบด้านภาษีอากร ·  พนักงานมีข้อจำกัดด้านความก้าวหน้า  | ·  ขั้นตอนการจัดตั้งยุ่งยาก ·  ค่าใช้จ่ายการบริหารสูง ·  ต้องมีผู้ร่วมลงทุนอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป ·  ต้องมีการจัดทำบัญชีอย่างละเอียด ·  มีข้อบังคับทางกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องค่อนข้างมาก ·  เลิกกิจการทำได้ค่อนข้างยาก     

สูตรอาหารเพิ่มเติม
จ้างบล็อคเกอร์รีวิว อะไรบ้างที่เจ้าของร้านต้องคิด

จ้างบล็อคเกอร์รีวิว อะไรบ้างที่เจ้าของร้านต้องคิด

หนึ่งในปัญหาใหญ่ของร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม SME โดยเฉพาะร้านสแตนอโลนคือ “ไม่มีลูกค้า” แต่ประเด็นที่อยากถามกลับไปยังผู้ประกอบการ คือ “ไม่มีลูกค้า” หรือว่า  “ลูกค้าไม่รู้จักร้านคุณ” ไม่ว่าจะธุรกิจใด ไม่ว่าจะยุคสมัยใด “การตลาด” ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญ ทำไมร้านอาหารบางร้านตั้งอยู่ในในทำเลลึก เดินทางไม่สะดวกแต่มีลูกค้ามากมาย นั่นเพราะว่า ร้านมีการทำการตลาดที่ดี ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือทำการตลาดที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคยุคนี้ คือ“นักรีวิว”หรือ “บล็อกเกอร์”นั่นเอง แต่เดี๋ยวก่อนหากคุณกำลังสนใจจะจ้างรีวิว เราอยากให้คุณอ่านสิ่งที่เราจะบอกต่อไปนี้ให้จบเสียก่อน เพื่อให้การจ้างรีวิวนั้นได้ผลลัพธ์มีลูกค้าแน่น ยอดขายพุ่ง กำไรรัว ๆ มีของดีอะไรให้เขารีวิว แรกเลยที่ต้องคิดถึงเมื่อจะจ้างบล็อคเกอร์มาทำรีวิวคือ ร้านเรามีอะไรดี มีStory อะไรน่าสนใจบ้างSignature Menuของร้านแตกต่างจากร้านอื่นอย่างไร บรรยากาศร้านมีจุดไหนควรหยิบนำมาเสนอหรือไม่  คุณต้องหาจุดขายเฉพาะตัว (Unique Selling Point)ให้ได้ก่อน จะ 1 จุด 2 จุด หรือ หลายจุดก็แล้วแต่ แต่ต้องมี! เพื่อให้เกิด Story นำไปรีวิว หากเป็นกรณีร้านเปิดมานานแล้ว เคยรีวิวไปแล้วหลายรอบ ต้องการจะรีวิวซ้ำ ก็ควรหาเมนูใหม่ ๆ เพื่อสร้างจุดขายใหม่ขึ้นมา การมี Unique Selling Pointจะช่วยให้เกิดความน่าสนใจเป็นพิเศษขึ้นมา เพื่อให้การรีวิวมีประสิทธิภาพทางการตลาดอย่างที่เราต้องการเต็มที่  Operationพร้อมรับมือแล้วหรือยังคงไม่ดีแน่หากรีวิวแล้ว มีลูกค้ามาเต็มร้าน แต่ระบบจัดการไม่พร้อม พนักงานไม่พอ วัตถุดิบขาดสต็อกแทนที่จะกลายเป็นดี กลับกลายเป็นฝันร้าย ดังนั้น สิ่งต้องคำนึงถึงข้อต่อมาเมื่อคิดจะทำรีวิวคือ Operation ต้องพร้อมรับมือกับจำนวนลูกค้าที่มีโอกาสมามากกว่าช่วงเวลาปกติ พนักงานต้องเพียงพอต่อการให้บริการ พนักงานต้องพร้อมตอบคำถามต่าง ๆ ของลูกค้า สต็อกวัตถุดิบต้องไม่หมดก่อนเวลาปิดร้าน ส่วนในครัว เช็คความพร้อมของอุปกรณ์ต่าง ๆ ระบบ POS เช็คความเสถียรให้ดี สำคัญคือคุณภาพโปรดักและบรรยายกาศของร้านต้องอยู่ในสภาพเหมือนกับรีวิวไว้ เพราะต้องไม่ลืมว่า การรีวิวคือการโฆษณาลูกค้ามาเพราะสิ่งที่เห็น ฉะนั้นมาแล้วต้องทำให้ลูกค้าประทับใจเกินความคาดหวังได้ยิ่งดี เพื่อเขาจะกลายเป็นลูกค้าประจำและพร้อมบอกต่อว่า  “ร้านนี้ดีจริง”    ทำการวัดผลเพื่อประเมินประสิทธิภาพบล็อคเกอร์ ลงทุนจ้างรีวิวทั้งทีก็ควรมีการประเมินผลงานกันด้วยเพื่อที่เราจะได้รู้ว่า บล็อคเกอร์เจ้าไหนมีประสิทธิภาพอย่างไรบ้าง อนาคตต่อไปจะได้วางแผนจัดสรรงบการตลาดทำรีวิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีวัดผลงานทำแบบง่าย ๆ ก็ได้ ใส่โปรโมชั่นให้กับบล็อคเกอร์แต่ละเจ้า เจ้าAโปรฯ แบบหนึ่ง เจ้าB โปรฯ อีกแบบหนึ่ง ลูกค้ามาใช้โปรฯ เราก็จะรู้ได้แล้วว่ามาจากบล็อคเกอร์เจ้าไหน ซึ่งต้องบอกก่อนว่า วิธีวัดผลนี้ทำเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการการตัดสินใจใช้บริการบล็อคเกอร์ครั้งต่อๆ ไป แต่หัวใจสำคัญของการทำรีวิวจริง ๆ อยู่ที่การสื่อสารเรื่องราวของร้านเราออกไปให้เป็นที่รู้จักมุมกว้าง ลูกค้าอาจไม่ได้มาใช้บริการ ณ ช่วงเวลารีวิวนั้น แต่เกิดการรู้จัก จดจำได้ เมื่อมีโอกาสผ่านไปพบแวะใช้บริการก็เป็นได้  เลือกช่วงเวลารีวิวให้เหมาะ ในการทำรีวิวทุกครั้งเจ้าของร้านควรอยู่ร้านเพื่อตรวจสอบคุณภาพทุกอย่างในร้านให้พร้อม อาหารทุกจานต้องตามมาตรฐานกำหนด ไม่ควรทำอะไรเพิ่มเสริมขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อใช้รีวิวเท่านั้น เพราะเมื่อถึงเวลาลูกค้ามาแล้วหน้าตาอาหารไม่ตรงตามที่เห็นในรีวิวจะเป็นปัญหาตามมา อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ เลือกช่วงจังหวะรีวิวให้เหมาะสม มีไม่น้อยจ้างมาทำรีวิวในช่วงเวลาที่คนน้อย ๆ เพราะคิดว่าสะดวก แต่ในมุมอยากให้คิดถึงก็คือ ภาพบรรยากาศร้านโล่ง ๆ คนไม่มีที่ถูกรีวิวออกไป กับ ภาพบรรยากาศลูกค้าแน่นร้าน ดูคึกคักที่ถูกรีวิวออกไป ภาพแบบไหนชวนให้ความรู้สึกอยากมาลอง ก็ต้องเป็นภาพบรรยากาศคนแน่น ๆ ดังนั้น เลือกทำรีวิวในช่วงพีค ๆ จะได้บรรยากาศที่น่าสนใจมากกว่า ประสานงานกับบล็อคเกอร์ให้เข้าใจมุมไหนที่เขาต้องการทางร้านควรจัดให้อย่ากลัวว่าจะเสียลูกค้าเพราะสิ่งกำลังจะทำคือการตลาดที่ต้องหวังผลได้ หน้าที่ทางร้านคือจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเพื่อให้การทำงานของบล็อคเกอร์ไม่สะดุดและไม่กระทบกับลูกค้า  งบประมาณเรื่องสำคัญ ส่วนใหญ่เมื่อร้านอาหารคิดถึงการทำโปรโมชั่น การทำการตลาดรูปแบบใดก็ตาม มักเกิดมาจากสาเหตุยอดขายไม่ดี ความหมายก็คือ เมื่อยอดขายไม่ดีทุนหมุนเวียนก็จะเริ่มมีปัญหาตามไปด้วย ทำให้การจะใช้ทุนทำการตลาดจึงต้องระวังเรื่องผลลัพธ์และผลกระทบต่อเงินทุนหมุนเวียนด้วย ดังนั้น จึงอยากให้แง่คิดว่า อย่าทำการตลาดเฉพาะเมื่อสถานการณ์ของร้านยอดขายตก เพราะผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เป็นไปตามที่หวังเนื่องจากงบประมาณจำกัด แต่ให้เริ่มวางแผนทำการตลาดตั้งแต่ต้นปี จัดงบการตลาดใส่ลงในต้นทุนร้านทุกเดือน จัดสรรงบทำการตลาดอย่างต่อเนื่องจะดีกว่าอัดงบเป็นก้อนๆ เป็นช่วงๆ แล้วก็เงียบหายไป  เป็น 5 ข้อแนวทางสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่มนำไปพิจารณาเมื่อคิดจะจ้างรีวิว ย้ำสิ่งสำคัญคือ ภาพเมนู ภาพบรรยากาศร้านที่รีวิวออกไปต้องเป็นของจริง มีอยู่อยู่จริง ลูกค้ามาแล้วต้องได้เห็นแบบที่ได้ดู ดังนั้นอะไรที่ไม่มีอยู่จริงอย่าพยายามเซ็ทอัพขึ้นมาเพื่อการทำรีวิวเท่านั้น  

สูตรอาหารเพิ่มเติม
กูรูวัตถุดิบ : สายเนื้อตัวจริง คุณรู้จักเกรดของเนื้อวัวดีแค่ไหน?

กูรูวัตถุดิบ : สายเนื้อตัวจริง คุณรู้จักเกรดของเนื้อวัวดีแค่ไหน?

หากคุณกำลังมองหาวิธีการที่จะสร้างความประทับใจกับลูกค้าด้วยการเสิร์ฟเมนูเนื้อที่ได้คุณภาพที่สุด รสชาติหอมอร่อยที่สุด และสัมผัสนุ่มละมุนลิ้นที่สุด คุณคงจะต้องพิถีพิถันกับการเลือกซื้อเนื้อวัวกันหน่อย ไปทำความรู้จักกับ Marbling และการแบ่งเกรดเนื้อวัวกันดีกว่า Marbling (มาบลิง) คืออะไร  ไขมันสีขาวแทรกอยู่ในมัดกล้ามเนื้อที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เป็นเส้นเล็กๆ กระจายตัวอยู่ภายในกล้ามเนื้อ จนมีลักษณะคล้ายกับลายหินอ่อน ไขมันที่แทรกอยู่ในมัดกล้ามเนื้อนี้ทำให้เนื้อมีความนุ่มขึ้น ช่วยให้หล่อลื่นในขณะที่เคี้ยวและกลืนเนื้อ และช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย จึงทำให้เกิด ความรู้สึกชุ่มน้ำอยู่ในปาก เนื้อที่มีไขมันแทรกอยู่ภายในมัดกล้ามเนื้อทำให้รู้สึกชุ่มน้ำได้ดี เนื้อวัวที่มีเกรดสูงจะมีปริมาณไขมันแทรกกล้ามเนื้อมาก Artificial Marbling คืออะไร  ด้วยเหตุผลในเชิงการแข่งขันทางการตลาด ได้มีการการสร้างลายหินอ่อนเทียมในเนื้อวัวขึ้น นั่นคือการฉีดไขมันสัตว์ หรือน้ำมันพืชเข้าไปในเนื้อที่ไม่ค่อยมีมัน เพื่อให้เนื้อชิ้นนั้นดูมีลายที่สวยงามน่ารับประทาน โดยวิธีการนี้ไม่มีอันตรายต่อการบริโภค โดยการประเมินของ USDA (กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา) ระบุ เนื้อฉีดไขมันนั้นมีคุณสมบัติไม่แตกต่างจากเนื้อที่ยังไม่ฉีด ส่วนงานวิจัยของมหาวิทยาลัย West Texas A&M ก็บอกว่าเนื้อวัวที่ฉีดไขมันของหมูเข้าไป ทำคะแนนความพึงพอใจของผู้บริโภคสูงขึ้นกว่าเนื้อที่ยังไม่ฉีด ซึ่งข้อสรุปก็คือ ไม่ได้อันตรายอะไร ดังนั้น นอกจากจะเสิร์ฟคุณภาพและความพรีเมี่ยมของวัตถุดิบแล้ว คงต้องสร้างความประทับใจกับการสร้างสรรค์ เป็นเมนูเนื้อวัวเด็ดๆ รับรองว่า สายรักเนื้อต้องอยากลองแน่นอน ซึ่งการแบ่งเกรดเนื้อวัว จะใช้มาตรฐานการวัดไขมันแทรกในเนื้อ นั้นเรียกว่า BMS หรือ Beef Marbling ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ที่จะทำให้เนื้อมีความนุ่มขึ้น เมื่อเคี้ยวและมีความหล่อลื่นเมื่อกลืนเนื้อ ในประเทศญี่ปุ่นได้กำหนดมาตรฐานเกรดเนื้อวากิวไว้ถึง 12 ระดับ ตั้งแต่ระดับ 1 ที่ปราศจากไขมันแทรกปน จนถึงระดับ 12 ที่เนื้อสเต็กมีไขมันกระจายอยู่ในชิ้นเนื้ออย่างทั่วถึงและสวยงาม เนื้อเกรดพรีเมี่ยมอยู่ที่ A5 หรือเนื้อที่มีไขมันแทรกระดับ 8 ขึ้นไป ส่วนเนื้อสัญชาติออสเตรเลีย Meat Standard Australia ได้กำหนดมาตรฐานการวัดระดับไขมันแทรกในเนื้อไว้ 10 ระดับ ตั้งแต่ 1 - 9+ ซึ่งเนื้อเกรดพรีเมี่ยมของออสเตรเลียอยู่ที่ระดับ 9 และส่วนของประเทศสหรัฐอเมริกาได้กำหนดมาตรฐานโดยกระทรวง USDA แบ่งเกรดเนื้อวัวเป็น 3 ระดับ คือ Prime หรือ ชั้นดีเยี่ยม เป็นเนื้อที่ผู้บริโภคยอมรับมากที่สุด และมีความอร่อยมาก เป็นชิ้นส่วนที่ได้จากวัวที่ยังอ่อน ได้รับการเลี้ยงดูดี ทำให้เนื้อมีคุณภาพดีเยี่ยม เนื้อจะมีส่วนไขมันแทรกกระจายอยู่ทั่วไป ทำให้เนื้อมีความนุ่ม ช่ำน้ำ และรสชาติดี Choice หรือ ชั้นดี เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคส่วนมาก เนื่องจากเนื้อมีคุณภาพสูง แต่มีไขมันน้อยกว่าเนื้อชั้นดีเยี่ยม เนื้อที่ผลิตส่วนใหญ่เมื่อนำมาจัดเกรดแล้วมักอยู่ในระดับนี้ และมักใช้ทำเนื้ออบและสเต็ก โดยเฉพาะจากส่วนเนื้อสัน ซี่โครง ส่วนขาหลัง ส่วนคอ และไหล่มักนำไปตุ๋นและอบ Select หรือ ชั้นกลางและทั่วไป เป็นเนื้อที่มีไขมันอยู่น้อย มีคถณภาพปานกลาง ส่วนใหญ่เป็นเนื้อแดง มีความนุ่มพอสมควร แต่รสชาติค่อนข้างอ่อนและไม่มีลักษณะชุ่มน้ำ เนื้อเกรดนี้เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคที่ชอบบริโภคเฉพาะเนื้อแดง หรือเนื้อที่มีไขมันน้อย นอกจากจะดูที่ระดับไขมันแทรกแล้ว ยังคำนึงถึงปัจจัยอย่างอื่นด้วย เช่น อายุของสัตว์ ซึ่งมีผลต่อความนุ่มและความเหนียวของเนื้อ ความแน่นของเนื้อพื้นท้อง (Flank) หรือความแน่นของส่วนผิวหน้าของเนื้อแดง สีของเนื้อสัตว์ และอัตราส่วนของกล้ามเนื้อกระดูก และไขมันในแต่ละส่วนของซากที่จะต้องมีความเหมาะสม

สูตรอาหารเพิ่มเติม
จัดเมนูเซ็ตอาหารกลางวัน อย่างไรไม่ให้ขาดทุน?

จัดเมนูเซ็ตอาหารกลางวัน อย่างไรไม่ให้ขาดทุน?

เวลากลางวัน เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ร้านอาหารส่วนใหญ่ เสียโอกาส ! ด้วยเพราะมื้อกลางวันไม่ใช่มื้อฉลอง และคนส่วนมากมารับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนร่วมงานไม่กี่คน หรือไม่ก็แค่คนเดียว เลยมักสั่งอะไรง่าย ๆ อย่างอาหารจานเดียว ร้านอาหารที่ไม่ได้ออกแบบเมนูมาเพื่อตอบโจทย์ตรงจุดนี้ เลยพลาดโอกาสสร้างรายได้ไปอย่างน่าเสียดาย ปล่อยให้เหลือโต๊ะว่างอยู่มากมาย การออกแบบเมนูอาหารกลางเป็นเซ็ตสำหรับรับประทานได้ง่าย ๆ จึงช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างดี เพราะ นอกจากจะดึงดูดให้คนเข้าร้านได้แล้ว ยังช่วยระบายวัตถุดิบในสต๊อกได้อย่างดีอีกด้วย ได้ทั้งรายได้ที่มากขึ้น และค่าใช้จ่ายจากของเสียที่ลดลง กำไรโดยรวมจึงเพิ่มขึ้นได้ไม่ยาก วันนี้ MHA แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี มีวิธีจัดเซ็ตอาหารกลางวันไม่ให้ขาดทุน มาฝากทุกคนเพื่อให้ลองนำไปปรับใช้กับร้านของตัวเองกัน 1.สำรวจเมนูก่อนจัดเซ็ต  ก่อนที่เราจะจัดเซ็ตอาหารกลางวันนั้น ต้องเริ่มต้นดูข้อมูลการขายอาหารแต่ละเมนูภายในร้านว่า มีเมนูไหนบ้างที่ได้รับความนิยมสูง และ เมนูไหนบ้างที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม เพื่อที่ให้เซ็ตอาหารกลางวันที่ออกมานั้นตอบโจทย์และตรงใจกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เช่น ถ้าเมนูไก่ทอดได้รับความนิยมสูง ขณะที่เมนูสลัดผักขายไม่ค่อยออก เราก็อาจจัดเป็นเซ็ตโดยชูเมนูไก่ทอด แล้วแซมด้วยสลัดผักเป็นเครื่องเคียง เป็นต้น 2.จัดเซ็ตเมนูด้วยปริมาณที่เหมาะสม  การจัดเซ็ตเมนูใช่ว่าจะนำเมนูอาหารต่าง ๆ มารวม ๆ กันแล้วก็จบ เพราะความจริงแล้วเราต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของปริมาณอาหารในเซ็ตด้วยว่าปริมาณเท่าไหร่ถึงเหมาะสม อาหารแต่ละประเภทควรมีสัดส่วนมากน้อยเท่าไหร่ โดยขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของทางร้านและกลุ่มเป้าหมายของร้านด้วย เช่น ถ้าร้านอาหารอยู่ใกล้ตึกออฟฟิศ ก็ควรเน้นเซ็ตเมนูที่รับประทานง่าย ๆ สะดวก และประหยัดเวลา อาจเป็น อาหารจานเดียว+เครื่องดื่ม+ของหวาน โดยทำปริมาณสำหรับการรับประทานคนเดียว เป็นต้น  3.คำนวณต้นทุนที่เกิดขึ้น  หลังจากจัดเซ็ตเมนูแล้ว ต้องคำนวณต้นทุนของอาหารแต่ละเซ็ตเมนู โดยต้นทุนอาหารควบคุมให้อยู่ที่ 35 % และสำหรับหลาย ๆ ร้านที่เพิ่มเวลาเปิด จากที่เคยขายเพียงมื้อเย็นมื้อเดียว มาเปิดช่วงมื้อกลางวันเพิ่มด้วยแล้ว ต้องพิจารณา เรื่องค่าใช้จ่าย ในการดำเนินการเมื่อมีลูกค้าเข้ามารับประทานด้วย เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าพนักงาน ต่าง ๆ ไม่เช่นนั้น หากลืมคิดต้นทุนในส่วนนี้ อาจทำให้เกิดความผิดพลาด จากที่คิดว่าการเปิดขายเพิ่มรอบ จะช่วยเพิ่มกำไร จะกลายเป็นขาดทุนได้ 4.ตั้งราคาให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย  ราคา เป็นอีก 1 ปัจจัยในการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมายว่าจะ ซื้อ หรือ ไม่ซื้อ อาหารภายในร้าน เพราะฉะนั้นเราควรศึกษาข้อมูลของลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเราให้ดีว่า “ราคาที่รับไหว” ของกลุ่มลูกค้าอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ สำรวจร้านค้าในย่านเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร้านที่มีลูกค้าช่วงกลางวันเยอะ เพื่อที่เราจะได้นำตัวเลขนั้นมาคิดคำนวณกลับ ว่าเซ็ตเมนูอาหารกลางวันที่เราทำนั้น ควรมีราคาอยู่ที่เซ็ทละเท่าไหร่กันแน่ ถึงจะเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายมากที่สุด และยังครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้   การจัดเซ็ตอาหารกลางวันและคำนวณราคาให้เหมาะสมกับร้านอาหารของเรานั้นยังมีเคล็ดลับอีกมากที่หลายคนยังไม่ทราบ ซึ่งเจ้าของร้านอาหารทุกร้านสามารถเรียนรู้ เทคนิคการออกแบบเมนูอาหารให้เหมาะกับร้านอาหาร โดย Makro HoReCa Academy ในคอร์สเรียนออนไลน์ ฟรี! “Menu Design ออกแบบเมนูอาหารให้มัดใจ สร้างรายได้แบบมือโปร” คลิก ! https://makrohorecaacademy.com/courses/how-to-create-recipe/   สำหรับผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้เป็น สมาชิก Makro HoReCa Academy สมัครฟรี เพื่อรับสิทธิเรียนคอร์สออนไลน์ฟรี คลิก! https://makrohorecaacademy.com/account/

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เขาหาพนักงานจากที่ไหนกัน?

เขาหาพนักงานจากที่ไหนกัน?

พนักงานร้านอาหาร หาไม่ยาก แต่พนักงานที่มีคุณภาพ หาไม่ง่าย ถ้าคุณเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการร้านอาหาร คุณเคยสงสัยไหม ว่าร้านอาหารที่มีพนักงานดี ๆ มีใจรักบริการ เค้าหาพนักงานมาจากที่ไหนกัน ก่อนอื่น น่าจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า จะหาพนักงานที่มีคุณภาพมาทำงานกับเราได้ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแหล่งที่เรามองหาแค่อย่างเดียว มันขึ้นอยู่กับร้านเราด้วย หรือพูดง่าย ๆ ว่า ก่อนจะสรรหาพนักงาน เราต้องมีมาตรฐานการคัดเลือก และดูแลพนักงานที่ดีก่อน พนักงานที่ขยันทำงาน อยากเติบโตในหน้าที่ ย่อมอยากทำงานกับร้านอาหารที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานที่ดีด้วยอยู่แล้ว หลังจากเรากำหนดมาตรฐานของเราดีแล้ว ต่อมาก็ได้เวลาค้นหาพนักงานจากแหล่งต่าง ๆ มาคัดเลือก ซึ่งสมัยก่อนเราอาจต้องแปะป้ายประกาศที่หน้าร้าน แล้วรอคนมาเห็นอย่างเดียว แต่สมัยนี้ เรามีตัวช่วยเป็น Application และ Website ต่าง ๆ มากมายที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจัดหางานให้ มาดูกันดีกว่าว่าตัวช่วยเหล่านี้มีอะไรบ้าง 1.Line Job ถ้าใครเล่น Line อยู่แล้ว บริการนี้สะดวกมาก เพราะ Line Job เป็นบริการจัดหาคนผ่าน application Line นั่นเอง ซึ่งคนที่เล่นไลน์ก็มีประมาณ 42 ล้านคนทั่วประเทศไทย โดยตำแหน่งงานจะเน้นไปที่พนักงานระดับเจ้าหน้าที่บริการ เช่น พนักงานบริการ พนักงานต้อนรับ แคชเชียร์ เป็นต้น ข้อดีของ Line Job คือ เราสามารถโพสต์งานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่จะจ่ายเมื่อดูรายละเอียดผู้สมัครเท่านั้น และยังเพิ่มแอดมินฟรี ไม่จำกัดจำนวนอีกด้วย พอได้คนมาก็สามารถติดต่อกันผ่าน Lineได้เลย พลาดไม่ได้สำหรับใครที่เล่น Line อยู่แล้ว   2.Helpster Thailand Helpster เป็นอีกหนึ่งบริการจัดหางานที่จับคู่ระหว่างพนักงานระดับปฏิบัติการกับธุรกิจ โดยเน้นความสะดวก รวดเร็ว แต่มีข้อดีที่มากกว่านั้นคือ Helpster ไม่ได้ทำหน้าที่แค่เป็นตัวกลางระหว่างบริษัทและผู้สมัครงาน แต่มีเป้าหมายที่การยกระดับตลาดแรงงาน โดยการคัดเลือกพนักงานหรือพาร์ทเนอร์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมด้วย โดยมีตั้งแต่กระบวนการสัมภาษณ์ ทำแบบทดสอบ ตรวจสอบประวัติ เราสามารถเลือกที่จะคัดเลือกเอง ให้คะแนนความพึงพอใจ หรือให้ทีมงาน Helpsterทำให้ก็ได้ โดยพนักงานที่ผ่านการตรวจสอบ จะได้รับแถบคาด Verified Staff จึงช่วยให้ผู้ประกอบการและบริษัทต่าง ๆ ผ่อนแรงในการคัดเลือกได้มาก ที่มากกว่านั้นคือ สามารถตรวจสอบได้ด้วยว่าพนักงานมาทำงานที่บริษัทจริงหรือไม่ผ่านทางGPS ในกรณีที่ไม่สะดวกเข้าร้านหรือบริษัท   3.Facebook Group ด้วยความที่ Facebook เป็นสิ่งที่คุ้นเคยกับคนไทยอยู่แล้ว และเป็นสื่อที่ผู้คนมักใช้เป็นประจำ ทำให้ Facebook Group เป็นที่ที่เหมาะสมในการหาพนักงาน ผ่านกลุ่มต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานนั้น ๆ ข้อดีของการใช้ Facebook Group ก็คือ “ความอิสระ” ในการโพสต์ประกาศรับสมัครงาน เราสามารถสร้างสรรค์ไอเดียต่าง ๆ โดยอิสระ เช่น โพสต์รูปภาพ และข้อความ หรือกระทั่ง VDO เพื่อดึงดูดให้ผู้ที่สนใจสมัครงานเข้ามาติดต่อสอบถามได้ โดยไม่จำกัดขอบเขตใด ๆ แต่อย่าลืมทำตามกฎกติกา มารยาทในแต่ละกลุ่มด้วย ตัวอย่าง Facebook Group ที่เป็นที่นิยมในการหาพนักงานร้านอาหาร เช่น “พ่อครัว แม่ครัว หางาน + งานหาคน” (https://www.facebook.com/groups/634000369971133/), “หางาน+จ้างคนงาน.กุ๊ก/เชฟ/ผู้ช่วย/พนักงานร้านอาหาร/โรงแรม2014” (https://www.facebook.com/groups/358611414338526/) เป็นต้น   4.JobBKK เว็บหางานยอดนิยมขนาดใหญ่ ที่มีข้อดีคือ มีตำแหน่งงานอัพเดตกว่า 200,000 อัตรา 50,000 ตำแหน่ง ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ ผู้จัดการจนถึงระดับผู้บริหาร ทำให้ผู้ประกอบการสามารถหาตำแหน่งงานได้หลากหลาย โดยบริษัทและร้านต่าง ๆ สามารถลงทะเบียนเพื่อใช้บริการของระบบได้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การหางาน การนัดสัมภาษณ์ การสนทนาแชทกันระหว่างผู้ประกอบการกับผู้สนใจสมัครงาน นอกจากนี้ JobBKKยังมีระบบกรองข้อมูลที่หลากหลาย เช่น แบ่งผู้สมัครตามภาคพื้นที่ หรือตามสาขาอาชีพ เป็นต้น   5.JobThai เว็บหางานยอดนิยมอีกที่หนึ่ง ที่อาจไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่า JobBKK แต่ก็ยังมีตำแหน่งงานอัพเดตมากถึงกว่า95,000 อัตรา มีทุกระดับตั้งแต่เจ้าหน้าที่ถึงผู้บริหารเช่นกัน ข้อดีอย่างหนึ่งของ JobThaiคือหน้าตาการใช้งานที่ใช้ง่าย เห็นได้ชัดเจน โดยจะแบ่งเป็นแค่ 2แถบเมนูหลัก คือ “หาคน” กับ“หางาน” มีการคัดแยก resume ตามอายุ การศึกษา สาขาวิชา ภูมิภาค เหมาะกับผู้ที่ไม่ได้คุ้นเคยกับเว็บหางานมากนัก หรือไม่ค่อยถนัดเว็บที่มีหน้าตาซับซ้อน ทั้งหมดนี้เป็นเพียงช่องทางการสรรหาพนักงานส่วนหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควร ใช้หลาย ๆ ช่องทางประกอบกัน และใช้ร่วมกันทั้งสื่อสมัยเก่าเช่นการประกาศหน้าร้าน และสื่อสมัยใหม่ดังที่กล่าวมา เพราะผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมอาจไม่ได้ทิ้งประวัติไว้ตามโลกออนไลน์ก็เป็นได้ และไม่ควรไว้ใจกระบวนการคัดเลือกของเว็บและแอพต่าง ๆ มากไป แต่ควรให้ความสำคัญกับกระบวนการสัมภาษณ์ของร้านเราให้มากด้วย จะช่วยลดความผิดพลาดในการคัดเลือก เพื่อให้ได้พนักงานที่มีคุณภาพ มีคุณสมบัติตรงตามที่ผู้ประกอบการร้านอาหารทุกท่านต้องการนั่นเอง

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ไอเดียขายอาหารใน Line Group Hot! มาก

ไอเดียขายอาหารใน Line Group Hot! มาก

เชื่อว่าตอนนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักแอพพลิเคชั่น Line (ไลน์) ยิ่งเป็นเจ้าของกิจการด้วยแล้ว ย่อมต้องรู้จักดี เพราะไลน์ มีฟังก์ชั่น Line@ (ไลน์แอท) ไว้สำหรับผู้ประกอบการโดยเฉพาะ โดยเราสามารถเอาไปทำประโยชน์ให้กับธุรกิจได้มากมาย ได้แก่  สามารถเชื่อมกับคนที่เล่นไลน์อยู่แล้วได้ทันที สามารถบรอร์ดแคสผู้ติดตามได้ทั้งหมดในครั้งเดียว สามารถคุยตัวต่อตัวได้เหมือนไลน์ส่วนตัว สามารถเก็บสะสมแต้มผ่านแอพพลิเคชั่นได้เลย จากประโยชน์เหล่านี้ทำให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต่างปิดการขายในไลน์เป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ดี ไลน์กำลังมีการปรับเปลี่ยนค่าบริการ ทำให้เราต้องเสียค่าบริการเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่ได้เท่าเดิม วันนี้เลยเอาไอเดียดี ๆ ที่ใช้ฟังก์ชั่น อีกฟังก์ชั่นหนึ่งในไลน์ที่ทั้งไม่ต้องเสียค่าบริการ และที่สำคัญคือใช้งานง่ายมากอีกต่างหาก เพราะทุกคนมีอยู่แล้วมีมากมายเสียด้วย แต่ไม่เคยเห็นความสำคัญ เหมาะสำหรับใครก็ตามที่อยากจะเริ่มต้นขายอาหารบนโลกออนไลน์ ฟังก์ชั่นนั้นก็คือ Line Group (ไลน์ กรุ๊ป) ไลน์กรุ๊ปสามารถขายอาหารได้จริงหรือไม่? ที่นี่มีคำตอบ โดยขอเล่าผ่านกรณีศึกษานี้… นางเอ ทำอาชีพเปิดร้านอาหาร มีบุตรสาวเรียนชั้นประถมอยู่ที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง และทางครูประจำชั้นก็ให้ผู้ปกครองของนักเรียนในห้องทุกคนอยู่ในกรุ๊ปไลน์ที่ทางครูตั้งขึ้น เพื่อรับส่งข่าวสารของลูก ๆ ให้พ่อแม่ทุกคนได้รับทราบ ทุกคนในกรุ๊ปไลน์ต่างแชร์เรื่องราวต่าง ๆ ให้แก่กัน ทำให้นางเอทราบว่า เด็กส่วนใหญ่ไม่ได้รับประทานอาหารเช้า เนื่องจากผู้ปกครองไม่มีเวลาทำให้ทาน นางเอจึงเกิดไอเดียที่จะขายอาหารให้ผู้ปกครองเหล่านี้ ซึ่งผู้ปกครองหลาย ๆ คนก็ให้ความสนใจ แต่อย่างไรก็ดี นางเอก็วิเคราะห์ว่า เด็กนักเรียนในวัยประถมกำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโต จึงจำเป็นจะต้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน เพื่อให้ถูกใจพ่อแม่ แต่ก็ต้องมีความน่ารัก สนุกสนานใส่ไปด้วย นางเอจึงหาข้อมูลและทำเหมือนข้าวกล่องของญี่ปุ่น ที่มีทั้งความน่ารักและความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และตอนเช้าเมื่อนางเอไปส่งลูกสาวไปโรงเรียน ก็นำข้าวกล่องไปส่งด้วยกัน ด้วยความวิเคราะห์และใส่ใจในตัวคนทาน เด็ก ๆ ก็ต่างชอบใจกัน และเมื่อเด็กคนอื่น ๆ มาเห็นข้าวกล่องอันแสนน่ารักและอร่อยนี้ก็อยากได้ตามบ้าง จนขยายออกไปได้มากมาย นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ลูกค้าเก่าติดใจคือ ความคิดสร้างสรรค์ในการปรับเปลี่ยนเมนูทุกสัปดาห์ สะดวก สะอาด ได้ประโยชน์ หลากหลาย และที่สำคัญคืออร่อย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จ จะเห็นได้ว่าไอเดียการขายอาหารของนางเอ เริ่มต้นจากไลน์กรุ๊ปเล็ก ๆ จากสิ่งที่มีอยู่แล้ว นำมาคิด วิเคราะห์ เริ่มต้นจากความสามารถของตัวเองที่จะมาช่วยแก้ปัญหาของลูกค้า ไปจนถึงลักษณะนิสัย และความชอบของลูกค้า ทำให้กลายเป็นธุรกิจที่มีลูกค้าจำนวนมากมายคอยให้การสนับสนุน ไอเดียการขายอาหารในไลน์กรุ๊ปเป็นไอเดียที่น่าสนใจมากในปัจจุบัน เนื่องจากกลุ่มคนที่อยู่ในกรุ๊ปเดียวกัน ต่างรู้จักกัน ทำให้สามารถวิเคราะห์ เพื่อทำอาหารให้ตรงกับความต้องการได้ง่าย และก็มีประสิทธิภาพที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะขายอย่างมีประสิทธิภาพได้ทุกกลุ่ม เงื่อนไขที่สำคัญเลยที่จะขายอาหารในไลน์กรุ๊ปได้นั้น ต้องมีจุดที่อยู่ร่วมกัน เพื่อให้การขนส่งเป็นไปอย่างสะดวก ตัวอย่างเช่น ไลน์ กรุ๊ปผู้ปกครอง ที่มีจุดขนส่งอยู่ที่โรงเรียน ไลน์ กรุ๊ปที่ทำงาน ที่มีจุดขนส่งอยู่ที่ที่ทำงาน ซึ่งถือเป็นอาชีพเสริมได้ไปในตัวอีกต่างหาก ไลน์ กรุ๊ปคอนโดหรือหมู่บ้าน ที่อยู่ในละแวกเดียวกันทำให้เกิดการขนส่งง่ายขึ้นไปอีก เป็นต้น   อย่าลืมหันกลับไป ดู ไลน์กรุ๊ป ในมือถือของตัวเอง กลุ่มประจำที่หลาย ๆ คนมองข้าม อย่าลืมมองเพื่อเป็นไอเดีย ในการต่อยอดธุรกิจของคุณสู่อนาคต ที่การค้าขาย เป็นไปได้ทุกที่  

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ทำไมร้านอาหารถึงต้องใช้ POS

ทำไมร้านอาหารถึงต้องใช้ POS

ทำไมร้านอาหารถึงต้องใช้ POS เก็บเงินตรง ไม่พลาดเป้า ประโยชน์ข้อแรกๆ  ที่ทุกร้านนึกถึง  ก็คือใช้ POS เป็นเครื่องเก็บเงิน  ด้วยการใช้งานรับ order คำนวนยอดเงิน และเงินทอน ทำให้ความผิดพลาดในการรับและทอนเงินมีน้อย พอสิ้นวันก็สรุปยอดชำระด้วยเงินสด และชำระผ่านช่องทางอื่นๆ ได้อีก  แต่ประโยชน์ข้อนี้ถือเป็นเพียงข้อดีเสี้ยวเดียวของ POS เท่านั้น ส่ง order เข้าครัวได้ตรงเป๊ะ หลายร้านที่มีจุดสั่งอาหาร กับห้องครัวไกลๆ กัน  เครื่อง POS หลายยี่ห้อ มีการเชื่อมต่อ printer ไปที่ห้องครัว ให้ order ปริ้นออกได้โดยตรง  พนักงานไม่ต้องเสียเวลาเดินไปไกลๆ แต่ข้อควรระวังตอนเลือกใช้บริการคือ  เครื่อง POS รุ่นนั้นๆ จะต้องสามารถปริ้นรายการอาหารแบบแยกเป็น 1 รายการอาหาร 1 บิล ได้  เพราะหน้างานจริง ในครัวจะต้องมีการแจกจ่ายใบรายการอาหารนี้ ไปตามหน้าเตา และจุดปรุงต่างๆ ถ้าหากปริ้นเมนูอาการออกมายาวเหยียดเหมือนบิลที่เก็บเงินลูกค้า  จะทำให้การกระจาย order ในครัวติดขัด ป้องกันพนักงานทุจริตได้ เครื่อง POS  จะมีระบบป้องกันการยกเลิกรายการอาหาร  ซึ่งข้อนี้ มีประโยชน์มาก  ใครที่เคยมีปัญหาพนักงานออกบิลเรียกเก็บเงินลูกค้า  แล้วมายกเลิกบิลทีหลัง เงินสดไม่เข้าลิ้นชัก หรือ ส่ง order เข้าครัวเพื่อสั่งอาหารมากินเอง แล้วยกเลิกรายการเรียกเก็บเงินทีหลัง ก็หมดห่วงได้ เพราะระบบมักมีการกำหนดสิทธิการยกเลิกรายการ  โดยจะให้ผู้จัดการประจำร้าน หรือ คนที่มีอำนาจตามที่มอบหมายเป็นผู้ยกเลิกรายการประเภทนี้   จึงเป็นการตรวจสอบกลายๆ ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ รู้ยอดขายแบบลงรายละเอียด จริงๆ แล้วนอกเหนือจากรู้ว่าในหนึ่งวัน หรือ หนึ่งเดือนเรามีรายได้เท่าไหร่  เครื่อง POS มีประโยชน์มากกว่านั้น เพราะระบบจะบันทึกรายการอาหารและเครื่องดื่มที่เราขาย และยังสามารถ export ข้อมูลดูแบบแยกเป็นรายวัน รายเดือนได้   ถามว่าแล้วเราจะต้องรู้ลึกไปทำไม??  ข้อมูลตรงนี้ทำให้เราดูออกว่าเราขายเมนูไหนเยอะ หรือขายไม่ได้เลย และวันไหนที่เราขายดีหรือขายไม่ดี  เราจะได้นำมาวางแผนการทำโปรโมชั่น หรือ ตัดเมนูขายไม่ดีที่ต้องแบกรับ stock วัตถุดิบ จัดการสต็อกหลังบ้านได้มีประสิทธิภาพ ในเครื่อง POS เกือบทุกยี่ห้อ  ทำสิ่งที่เรียกว่า BOMB ได้ ก็คือ การผูกสูตรอาหารเข้าไปในระบบ เพื่อให้ระบบตัด stock อัตโนมัติเมื่อเกิดการขาย   แต่เจ้าของร้านมักละเลยการใช้เงินข้อนี้ เพราะมองเป็นเรื่องยุ่งยาก  แต่จริงๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการบริหารต้นทุนอย่างมาก และทำให้เราแม่นยำในการสั่งวัตถุดิบมากขึ้น  

สูตรอาหารเพิ่มเติม
6 ช่องทางโปรโมทร้านอาหารออนไลน์ ทำครบ หัวกระไดร้านไม่แห้ง

6 ช่องทางโปรโมทร้านอาหารออนไลน์ ทำครบ หัวกระไดร้านไม่แห้ง

  หากคุณเป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร ลองคิดดูว่ามันจะน่าเสียดายขนาดไหน ถ้าคุณลงทุนเปิดร้านใหม่ ลงทุนคิดสูตรอาหารอร่อย ๆ แต่คนดันไม่รู้จักร้าน เพียงเพราะขาดช่องทางโปรโมทที่ดี และมันจะน่าเสียดายขนาดไหน ถ้าเปิดร้านมานานแล้ว ร้านก็ทำเลดี แต่ลูกค้าใหม่กลับไม่มี แถมลูกค้าเก่าก็เริ่มย้ายไปกินร้านที่อยู่ในรีวิวกันหมด ทั้งที่ทำเลก็ไม่ได้ดีไปกว่าเรา หรืออาจแย่กว่าด้วยซ้ำ เพียงเพราะเราขาดช่องทางโปรโมทที่ดี ใช่ ! คุณจะเสียดายมาก และอาจเสียเงินทุนที่คุณอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบมาเปิดร้าน แต่ดันตกม้าตายที่การโปรโมทร้าน  เมื่อรู้แล้วว่ามันสำคัญขนาดนี้มาดูกันดีกว่า คุณจะโปรโมทร้านอาหารของคุณผ่านช่องทางไหนได้บ้าง ทำครบรับรองว่าหัวกระไดร้านไม่แห้ง รอรับลูกค้าได้เลย Facebook ข้อดีของการโปรโมทร้านบน Facebook อย่างแรกเลยคือ ร้านอาหารของคุณจะมีตัวตนอยู่บน Social Media ที่คนเล่นเยอะที่สุดในประเทศไทย โดยมีถึง 45 ล้านบัญชีที่ออนไลน์ และที่เจ๋งกว่านั้น การใช้ Facebook อย่างมีกลยุทธ์ ยังเป็นการสร้างแบรนด์และสร้างความน่าเชื่อถือของร้านได้เป็นอย่างดี เอื้อให้เกิดฐานลูกค้าประจำในระยะยาวได้อีกด้วย เช่น คุณอาจเริ่มต้นที่การถ่ายรูปบรรยากาศร้านแล้วโพสต์ลงบน Facebook Page ให้เห็นว่าร้านสวยงามน่านั่งขนาดไหน ตกแต่งดูดียังไง เพื่อดึงดูดให้คนมาลอง และโพสต์รูปอาหารสวย ๆ หรือวิดิโอทำอาหารที่ดูแล้วน่ากิน เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสการตัดสินใจมาลิ้มลองรสชาติอาหารมากขึ้น รวมถึงคุณสามารถทำกิจกรรมให้แฟนเพจร่วมสนุก หรือจัดโปรโมชั่น เพื่อให้สิทธิประโยชน์ได้ และยิ่งถ้าลูกค้ามากินอาหารที่ร้านแล้วเกิดความประทับใจ เราอาจจัดกิจกรรมให้เขียนรีวิวบนเพจเพื่อแลกกับส่วนลด ก็จะช่วยดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เข้ามาได้อีก นอกจากนี้คุณยังสามารถ Live สด เพื่อโชว์ทุกอย่างในร้านคุณได้ ทั้งหมดนี้ คือการตลาดที่คุณสามารถทำได้บน Facebook แต่สิ่งสำคัญคือต้องมีความสม่ำเสมอในการทำเนื้อหา (Content) เพื่อให้เพจยังคงสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดี  Line@ “ทะลุ 44 ล้านคน” เป็นตัวเลขของผู้ใช้ไลน์(Line)ในประเทศไทย แอพพลิเคชั่นสำหรับคุยที่ได้รับความนิยมสูงในทุกเพศทุกวัย เพื่อไม่ให้เสียโอกาสตรงนี้ไป คุณควรมี Line@ ของร้านอาหารคุณไว้ ไม่งั้นคุณจะเสียพื้นที่ตรงนี้ไปฟรี ๆ ให้คู่แข่งหรือร้านอาหารอื่น ๆ ที่เขาโปรโมทร้านบน Line@ นั่นเอง ตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วใช้ Line เฉย ๆ ไม่ได้หรือ ? คำตอบคือ “ได้” เพียงแต่ Line@ มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลายอย่างที่เหมาะกับการทำธุรกิจมากกว่า Line ปกตินั่นเอง เช่น Line@ สามารถมีผู้ติดตามได้ถึง 300,000 คน ในขณะที่ Line สามารถมีเพื่อนได้เพียง 5,000 คน Line@ สามารถเพิ่ม Admin ได้สูงสุดถึง 100 คน และยังสามารถ broadcast หรือส่งข้อความหาผู้ติดตามได้ทั้งหมดในเวลาเดียวกันอีกด้วย ในขณะที่ Line ทำไม่ได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ Line@ เป็นช่องทางประกาศโปรโมชั่น แล้วใช้ฟังก์ชั่น E-Coupon เพื่อแจกเป็นบัตรส่วนลด หรือแลกซื้อต่าง ๆ และใช้ Reward Card ที่ทำหน้าที่คล้าย ๆ บัตรสมาชิกสะสมแต้ม เพื่อรักษาฐานลูกค้า เปลี่ยนจากลูกค้าขาจรเป็นขาประจำได้อีกด้วย เรียกได้ว่า ถ้า Facebook ทำหน้าที่เป็นหน้าด่านในการโปรโมทร้านอาหารของคุณ Line@ จะทำหน้าที่เป็นกองหนุนนั่นเอง ใครยังไม่ได้ลอง ต้องลอง Google My Business คุณจะเสียโอกาสมหาศาล ถ้าลูกค้าขาจร search หาร้านอาหารบน Google แต่ไม่มีร้านคุณอยู่ นั่นเพราะลูกค้าก็จะไปกินร้านอื่นที่เขาหาเจอนั่นเอง ต้องบอกก่อนว่าบริการ Google นั้นแทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันของคนยุค 4G นี้อย่างแยกไม่ออก ดังนั้น คุณต้องห้ามพลาดที่จะโปรโมทร้านของคุณ บน Google My Business โดยเด็ดขาด เพราะมันจะช่วยเพิ่มช่องทางให้ลูกค้ามีโอกาสได้มาเจอร้านคุณได้ง่ายขึ้น เช่น ไปโผล่อยู่บนแผนที่บน Google Map หรือไปขึ้นบนอันดับการค้นหาบน Google Search  นั่นเอง คุณยังสามารถใส่เบอร์โทรร้าน เวลาเปิดปิดของร้าน รวมถึงใส่รูปอาหาร บรรยากาศร้านลงไปได้ด้วย อีกฟังก์ชั่นหนึ่งที่ดีมากคือ ลูกค้าสามารถมารีวิวความประทับใจ และให้คะแนนได้ ช่วยให้ดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ได้ไม่ยาก นอกจากนี้ Google My Business ยังสามารถโพสต์ข่าวสาร กิจกรรมของร้านอาหารเราได้ด้วย จึงค่อนข้างครบเครื่อง ถ้าคุณใช้ Facebook กับ Line@ เพื่อรุกหาลูกค้าแล้ว การมีร้านอาหารของคุณบน Google My Business จึงถือได้ว่าเป็นการตั้งรับได้อย่างดี Lineman x Wongnai เวลาที่คนเรานึกไม่ออกว่าจะกินอะไรดี จะทำอย่างไร ? คำตอบคือ คนเรามักจะค้นหารีวิวบนอินเตอร์เน็ต ว่าร้านไหนรีวิวดีบ้าง และเว็บที่รวบรวมรีวิวเหล่านี้ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีก็คือ “Wongnai” ทีนี้ลองคิดดูว่า ถ้าไม่มีร้านคุณอยู่บน Wongnai คุณจะเสียโอกาสขนาดไหน เวลาที่คนเราอยากกินร้านอาหารซักร้าน แต่ไม่สะดวกเดินทางฝ่ารถติด จะทำอย่างไร ? คำตอบคือ ก็ต้องสั่งให้ส่งถึงบ้าน และแอพพลิเคชั่นที่ให้บริการส่งอาหารตามคำสั่งถึงบ้าน ซึ่งเป็นที่นิยม ณ เวลานี้ ก็คือ Lineman ทีนี้ลองคิดดูว่า ถ้าไม่มีร้านคุณอยู่บน Lineman คุณจะเสียโอกาสขนาดไหน 2 ช่องทางนี้ จึงเป็นช่องทางที่คุณควรเข้าไปโปรโมทร้านอาหารโดยเร็ว ถ้าไม่อยากเสียโอกาสที่ว่ามา และทุกวันนี้ยิ่งสะดวก เพราะทั้ง Wongnai และ Lineman จับมือกันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้คุณสามารถสมัครเพื่อโปรโมทร้านอาหารของคุณและขายอาหารคุณได้พร้อม ๆ กันเลย โดยปัจจุบัน Wongnai x Lineman มีฐานข้อมูลมากกว่า 1 หมื่นร้านใน กทม. และมีผู้สั่งซื้ออาหารผ่านแอพถึง 8,500,000 คนต่อเดือน โดยลูกค้าสามารถ search หาร้านอาหารจากระยะทางในละแวกใกล้เคียงได้ หรือดูจากความนิยม รีวิวต่าง ๆ ของ Wongnai ได้ และถ้าหากลูกค้าสั่งซื้ออาหาร บริการของ Lineman ก็จะหาผู้ส่งที่อยู่ใกล้ ๆ ส่งอาหารถึงมือเราได้เลยโดยไม่ต้องเดินทางฝ่ารถติดไปกิน ทั้งนี้ Wongnai และ Lineman ก็จะมีข้อมูลให้กรอก ทั้งเมนูต่าง ๆ ที่ต้องการโปรโมท ราคาแต่ละเมนู สถานที่ตั้งของร้าน เบอร์โทร เวลาเปิดปิดรับออเดอร์ พร้อมให้ใส่รูปอาหาร เรียกได้ว่าครบตามที่ลูกค้าคนหนึ่งต้องการเลย Instagram ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแอพพลิเคชั่นหนึ่งที่คนนิยมเข้าไปเพื่ออัพรูป และเน้นดูรูป ก็คือ Instagram ดังนั้นถ้าคุณอยากโชว์รูปอาหารสวย ๆ โชว์คลิปสั้น ๆ ที่แสดงความน่ากินของอาหารนั้น Instagram ควรจะเป็นหนึ่งในช่องทางที่ใช้โปรโมทสื่อเหล่านั้น การจัดโปรโมชั่นหรือจัดกิจกรรมก็เป็นสิ่งที่ทำได้ดีเช่นกัน เช่น เฉพาะผู้ที่แท็กชื่อร้านเราบน Instagram จึงจะได้โปรโมชั่นส่วนลดค่าอาหาร เรียกได้ว่าทั้งช่วยเพิ่มยอดการติดตาม และเพิ่มการรับรู้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้คุณยังสามารถ Repost รูปอาหารจากลูกค้า เพื่อช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้าได้อีกด้วย แต่สิ่งสำคัญที่ควรย้ำ คือภาพต้องสวย และน่าดึงดูดพอ เพราะอย่าลืมว่า Instagram เน้นรูปภาพ รูปที่ดึงดูดเท่านั้นจึงจะน่าสนใจ Youtube โจทย์สำคัญโจทย์หนึ่งของผู้ประกอบการร้านอาหารคือ ทำอย่างไรให้คนรู้สึกอยากกินอาหารของเรา ก่อนที่จะเจอหน้าตาอาหารจริง ๆ หรือพูดง่าย ๆ ว่ายั่วน้ำลายจนต้องอยากมาลองชิม วิธีหนึ่งที่ได้ผลคือ การถ่ายทอดด้วยสื่อวิดิโอ เพราะเป็นสื่อที่เล่าเรื่องได้ดีที่สุด เห็นทั้งภาพ ได้ยินทั้งเสียง และการเคลื่อนไหว กระตุ้นประสาทสัมผัสได้ดีที่สุด เมื่อเทียบกับข้อความและภาพนิ่ง และช่องทางการเผยแพร่วิดิโอ ที่ดีที่สุด จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก Youtube นั่นเอง ที่สามารถให้คนมาแสดงความเห็น กดไลค์ และที่สำคัญ Youtube นั้นมีเจ้าของคือ Google ดังนั้นวิดิโอที่อัพขึ้น Youtube จึงได้อานิสงส์ในแง่ของการค้นหาผ่าน Google Search ด้วย แต่สิ่งที่ทำให้ Youtube เป็นช่องทางที่ดีที่สุดสำหรับวิดิโอ จริง ๆ ก็เพราะว่าคนที่เข้ามาเล่น Youtube นั้น มีความตั้งใจจะเข้ามาดูวิดิโออยู่แล้ว ดังนั้นแม้แต่วิดิโอที่มีความยาวกว่าที่อื่น ๆ ถ้าเนื้อหาน่าสนใจ ก็มีโอกาสได้รับความนิยมสูงได้ไม่ยาก คุณอาจเริ่มต้นจากการอัพวิดิโอง่าย ๆ อย่างเช่น คีบอาหารขึ้นมาแล้วเห็นเป็นควัน ดูน่ากิน ถ่ายความรู้สึกของลูกค้าหลังกิน เพื่อเป็นการโปรโมทเมนูเด็ดของร้าน หรือถ่ายเบื้องหลังการทำอาหาร เพื่อแสดงถึงความพิถีพิถันในการคัดเลือกวัตถุดิบ เอาใจใส่ในกรรมวิธีการทำ เป็นต้น   ทั้งหมดนี้คือ 6 ช่องทางโปรโมทร้านอาหารที่ผู้ประกอบการร้านอาหารทุกท่านควรศึกษาไว้ เพื่อจะได้ตัดสินใจถูกว่าจะต้องลงทุนกับช่องทางไหนบ้าง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องดูด้วยว่า ร้านเราใครมากิน เพื่อจะได้เลือกช่องทางได้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของร้าน เช่น ถ้าเป็นร้านอาหารที่เน้นให้ผู้สูงอายุมากิน แต่ดันไปโปรโมทบน Instagram ก็จะได้ผลไม่สมน้ำสมเนื้อนัก อีกเรื่องหนึ่งคือ ก่อนโปรโมท ควรจัดการปัจจัยหลักของร้านตัวเองให้ดีก่อน ถ้าอาหารในร้านยังรสชาติไม่โดนใจ หรือยังไม่คงที่ การโปรโมทไป ก็อาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดีก็ได้ และควรจัดสรรเงินลงทุนแต่ละช่องทางให้เหมาะสม ลำดับความสำคัญให้ดี ทำตามนี้ ขายดิบขายดี หัวกระไดร้านไม่แห้งแน่นอน   อยากเรียนรู้เครื่องมือการตลาดออนไลน์เพิ่มเติม ฟรี! ในคอร์สเรียน “โปรโมทร้านอาหารในออนไลน์ ให้ยอดขายพุ่งขึ้น 10 เท่า” เพียงสมัครสมาชิก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ก็ได้รับสิทธิ์เรียนฟรี คลิ๊กที่ลิงค์นี้เลย! https://makrohorecaacademy.com/courses/promote-online-store/  

สูตรอาหารเพิ่มเติม
Checklist วิธีดูแฟรนไชส์ แบบไหนที่ควรซื้อ

Checklist วิธีดูแฟรนไชส์ แบบไหนที่ควรซื้อ

ถ้าคุณอยากจะมีร้านอาหารเป็นของตัวเองสักร้าน แต่ก็ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี ไม่ได้มีสูตรอาหารเด็ด ๆ ความรู้ทางธุรกิจและการตลาดก็ไม่ค่อยมี แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงจนเกินตัว และก็ไม่อยากให้เงินลงทุนต้องสูญเปล่า ก็ต้องบอกว่าธุรกิจแฟรนไชส์คือคำตอบที่เหมาะสมกับคุณมาก แต่ถึงแม้ว่าธุรกิจแฟรนไชส์ดูเหมือนจะเป็นทางลัดที่ดี แต่ก็มีข้อควรระวังก่อนที่จะเข้าไปสมัครซื้อแฟรนไชส์กับเจ้าไหน เพราะแฟรนไชส์ไม่ใช่แค่การซื้อสูตรอาหาร หรือยี่ห้อร้านอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจเท่านั้น แต่จริง ๆ มันคือการซื้อระบบการบริหารงานทั้งหมด คุณจึงควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์   ต่อไปนี้เป็น Checklist วิธีดูแฟรนไชส์ ว่าต้องเป็นแฟรนไชส์แบบไหนกันแน่ที่ควรซื้อ   มีสินค้าที่เป็นที่นิยมและเหมาะกับทำเลที่อยากเปิด คงจะเหนื่อยใจไม่น้อย ถ้าคุณทุ่มทุนเปิดร้านในทำเลที่คิดว่าดี แต่กลับไม่มีคนมากิน เพียงเพราะเมนูอาหารในร้าน ไม่เป็นที่นิยมในตลาด พูดง่าย ๆ ว่ามันไม่โดนใจคนแถวนั้น ดังนั้นต้องตรวจสอบให้ดี แฟรนไชส์ที่คุณเลือกซื้อ ต้องมีสินค้าที่เป็นที่นิยมในตลาด และสินค้านั้นต้องเหมาะกับทำเลที่คุณจะเปิดด้วย เช่น ถ้าจะเปิดร้านในพื้นที่โรงเรียน แน่นอนว่ากลุ่มคนที่สัญจรไปมาย่อมเป็นนักเรียน อาจารย์ ผู้ปกครอง สินค้าหรืออาหารที่จะนำมาขาย ก็ควรเป็นสินค้าที่กลุ่มลูกค้าเหล่านี้ต้องการในราคาที่เหมาะสม มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับ แบรนด์ร้านอาหารที่พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนได้ว่า มีลูกค้าเข้าไม่ขาดสาย อาหารอร่อย บริการก็ดี เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ ลูกค้าย่อมพร้อมจะเลือกมากกว่าแบรนด์ที่คนไม่ค่อยรู้จัก แถมยังสามารถต่อยอดได้ง่ายกว่า  เช่น ออกเมนูอะไรใหม่ ๆ มา คนก็พร้อมจะมาลอง เพราะเชื่อฝีมืออยู่แล้วนั่นเอง เช่นเดียวกัน เวลาเลือกจะซื้อแฟรนไชส์ คุณก็ควรเลือกแฟรนไชส์ที่มีชื่อเสียง โดยต้องไม่ใช่แค่มีชื่อเสียงในระดับจังหวัด หรือแค่พื้นที่หนึ่ง ๆ แต่ควรมีชื่อเสียงในระดับประเทศด้วย ไม่เช่นนั้นจะจำกัดทำเลในการเปิดร้านของคุณมากเกินไป   มีการทำการตลาดให้แบรนด์ ในภาวะที่ธุรกิจแข่งขันกันสูงเช่นปัจจุบัน แฟรนไชส์ที่ดีควรทำการตลาดให้แบรนด์อย่างสม่ำเสมอไม่ขาดสาย เพราะนอกจากจะทำให้แบรนด์อยู่รอดในตลาดได้ ยังช่วยให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ทุกสาขาสามารถเพิ่มยอดขายและขยายกิจการได้ดีขึ้นด้วย ดังนั้น คุณควรเลือกแฟรนไชส์ที่มีแผนทำการตลาดให้แบรนด์เท่านั้น ไม่ใช่แค่ขายแฟรนไชส์ให้แล้วจบเลย  มีมาตรฐานการทำงานที่ชัดเจน ปัญหาหลัก ๆ ในการเปิดร้านอาหาร คือเรื่องระบบในการทำงาน ยกตัวอย่างเช่น ต้องจัดวางร้านในลักษณะไหน ต้องใช้ซอฟต์แวร์อะไรในการจดรับอาหาร ต้องมีพนักงานบริกรกี่คนต่อจำนวนโต๊ะที่มีทั้งหมด เวลาทั้งหมดในการรับและเสิร์ฟลูกค้า รวมไปถึงสูตรอาหารและการควบคุมให้ร้านเป็นไปในแนวทางที่กำหนด ซึ่งตรงนี้หากระบบไม่ดีจริง ก็จะทำให้ทั้งร้านรวน จนไปถึงประกอบกิจการไม่ได้ไปเลยก็มี เพื่อลดภาระน่าปวดหัวนี้ คุณจึงควรเลือกแฟรนไชส์ที่มีมาตรฐานการทำงานชัดเจน มีสูตรอาหาร การบริหารจัดการร้าน และวิธีปฏิบัติงานเป็นขั้นตอนอย่างละเอียด   มีระบบการเทรนนิ่งให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ โดยปกติ การเปิดร้านอาหารใหม่ ๆ ต้องลองผิดลองถูกมากมาย และมักเกิดปัญหาที่อยู่นอกเหนือแผนการที่วางไว้ แฟรนไชส์ที่คุณเลือก จึงควรมีระบบการเทรนนิ่ง ทั้งการปรุงอาหารชนิดนั้น ๆ การบริการลูกค้า การรับมือกับปัญหา รวมไปถึงวิธีบริหารจัดการร้าน โดยต้องพร้อมสอนผู้ซื้อแฟรนไชส์ รวมถึงเปิดโอกาสให้สอบถามได้ตลอด เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องลองผิดลองถูกเองทุกอย่าง ซึ่งจะเป็นการเสียเวลาและพลังงานโดยใช่เหตุ มีระบบตรวจสอบมาตรฐานร้านแฟรนไชส์ ปัญหาใหญ่ของร้านอาหารที่มีหลายสาขา คือ ถ้ามีสาขาใดสาขาหนึ่งทำเสียหาย เช่น รสชาติไม่อร่อย ไม่คงที่ บริการไม่ดี ผิดพลาดบ่อย จะส่งผลต่อชื่อเสียงของแบรนด์ทั้งหมด และย่อมส่งผลต่อร้านสาขาอื่นทุกสาขา สร้างความเสียหายให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ทุกคน ดังนั้น แฟรนไชส์ที่คุณเลือก ควรมีระบบตรวจสอบมาตรฐานร้านแฟรนไชส์ทุกสาขา เพื่อรักษามาตรฐาน และชื่อเสียงของแบรนด์ไว้   ทั้ง 6 ข้อนี้เป็น Checklist ที่ใช้งานไม่ยาก แต่ช่วยคุณได้มหาศาล คุณจะสามารถเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ได้ดีขึ้น ลดโอกาสการโดนหลอก และไม่ทำให้เงินลงทุนคุณสูญเปล่าโดยใช่เหตุ ลองนำไปปรับใช้กันดู    

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เปิดร้านอาหารในทำเลดี ใช่ว่าจะขายดี ! กรณีศึกษา ร้าน Food Times

เปิดร้านอาหารในทำเลดี ใช่ว่าจะขายดี ! กรณีศึกษา ร้าน Food Times

เปิดร้านอาหารในทำเลดี ใช่ว่าจะขายดี ! หากร้านอาหารของคุณไม่มีจุดดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้าน เช่นเดียวกับ ร้าน Food Times ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมด เป็นร้านเล็กๆ ติดริมถนนดินสอ ใกล้กับโรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งเป็นย่านชุมชนและเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่กลับมีลูกค้าเข้าร้านน้อย หรือ บางครั้งกลับคิดว่าเป็นร้านกาแฟ จากการได้พูดคุยกับ คุณรุ่งนภา มังกรพิศ เจ้าของร้าน Food Times พบว่า ปัญหาที่เจอคือ เรื่องของหน้าร้าน ที่ยังไม่โดดเด่น หรือ สะดุดตาให้อยากเข้าไปในร้าน ทั้งๆที่ทำเลของร้านตั้งอยู่บริเวณที่ดี และ มีเมนูอาหารให้เลือกทานมากมาย ในราคาย่อมเยาว์ ถือว่าเสียดายโอกาสที่จะได้ลูกค้าทั้งขาประจำและขาจร  โดยเฉพาะช่วงกลางวันแทบไม่มีคนเข้าร้าน   เชฟผู้เชี่ยวชาญจากแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ร่วมวางแผนแก้ปัญหาภายใน 48 ชั่วโมง สรุปปัญหาของร้านFood Timesดังนี้  ช่วงกลางวันลูกค้าน้อย คนสัญจรผ่านหน้าร้าน มองไม่ออกว่าเป็นร้านอะไร เมนูดูไม่เป็นมืออาชีพ ปัญหาช่วงกลางวันลูกค้าน้อย ข้อดีของร้าน Food Timesตั้งอยู่บริเวณที่ใกล้กับโรงเรียน และ แหล่งชุมชน รวมถึงวัดที่ถัดออกไปไปไม่ไกลมากนัก แต่ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะเข้าร้านช่วงเย็น เพราะเป็นเวลาเลิกเรียน ต่างจากช่วงกลางวันที่ลูกค้าน้อยมาก เชฟผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ทางร้าน ทำการตลาดออนไลน์ เพื่อเพิ่มช่องทางให้ลูกค้าเข้าถึงร้านมากยิ่งขึ้น เช่น การทำ Google My Business โดยการปักหมุดร้าน เพื่อให้ทราบที่ตั้งของร้านได้อย่างชัดเจน ทำให้ลูกค้าหาร้านได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงการทำ Line@ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ เมื่อมีเมนูใหม่ หรือ โปรโมชั่นก็สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ทันที นอกจากนี้ เชฟผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ทางร้าน การทำอาหารกล่อง เพื่อเสริมรายได้ในช่วงกลางวัน เนื่องจากทำเลร้านอยู่ไม่ไกลจากสำนักงาน และหน่วยงานราชการด้วย ดังนั้น การออกแบบเมนูอาหารกล่อง เพื่อจัดเลี้ยงและงานสัมมนาจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ รวมไปถึง การออกแบบชุดอาหารสำหรับถวายพระ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสการขายได้ดีอีกด้วย  แต่ว่าทางร้านเอง ต้องออกแบบเมนูให้มีความหลากหลาย ทั้งรายการอาหาร และราคา เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้นซึ่งเรื่องแพ็คเกตก็สำคัญ หากออกแบบให้สวยงาม และตอบโจทย์การใช้งาน เช่น จัดแพ็คเกต เป็นเซตถวายอาหาร ก็จะสร้างความน่าสนใจ ช่วยดึงดูดลูกค้าให้อยากสั่งอาหารมากยิ่งขึ้น หรือ เป็นกล่องเซตอาหาร แบบ Take Away ติดชื่อร้านให้โดดเด่น เมื่อลูกค้าซื้อกลับบ้าน ก็เป็นการโปรโมตร้านได้อีกทาง  คนสัญจรผ่านหน้าร้าน มองไม่ออกว่าเป็นร้านอะไร ลูกค้าที่เข้ามาในร้านมักเข้าใจผิด คิดว่า ร้าน Food Timesเป็นคาเฟ่ ขายกาแฟ ทำให้ลูกค้าเดินออกจากร้าน หรือ บางคนไม่กล้าเข้าร้านเพราะดูไม่ออกว่าร้านนี้ขายอะไร จากที่ทีมแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ได้เข้าไปสำรวจร้าน ก็พบว่า ร้าน Food Times ขาดการสร้างจุดเด่นของร้าน ทำให้ลูกค้าไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วร้านนี้ ขายอาหารญี่ปุ่น ดังนั้นการปรับหน้าร้านให้โดดเด่น จะช่วยสร้างภาพจำให้กับร้านได้เป็นอย่างดี ซึ่งการทำบรรยายกาศร้านทั้งหน้าและภายในร้านให้มีกลิ่นอายญี่ปุ่น ด้วยการหาของตกแต่งร้านเพิ่มเติม ในบางจุดที่สำคัญ ก็จะทำให้ลูกค้าเข้าใจได้ทันทีว่า ขายอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะ  เมนูดูไม่เป็นมืออาชีพ น่าเสียดายที่เมนูของร้านมีความหลากหลาย และหลายเมนูมีความน่าสนใจ ให้สั่งมาลองรับประทาน แต่รูปเล่มเมนูทำให้อาหารดูไม่น่ารับประทาน จึงทำให้ลูกค้าสั่งบางเมนูที่คุ้นเคย ซึ่งสามารถแก้ไขด้วยการ ถ่ายรูปเมนูอาหารใหม่ให้สวยงาม ซึ่งเจ้าของร้านสามารถถ่ายรูปเองได้ด้วยมือถือ เพียงรู้หลักการถ่ายภาพง่ายๆ ก็จะทำให้สามารถสร้างสรรค์รูปอาหารสวยๆได้ รวมถึงการวางรูปในเมนูอาหาร เมนูไหนเป็นไฮไลท์ของร้าน ก็ควรมีรูปวางในตำแหน่งของเล่มที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน และที่สำคัญจะต้องดูน่ากิน และด้วย ร้าน Food Times เป็นแหล่งนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งการทำเมนู 2 ภาษา ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในเล่มเดียวกัน ก็ช่วยให้ลูกค้าต่างชาติมั่นใจในราคาที่ไม่ขายเกินจริง และเป็นการเพิ่มลูกค้าต่างชาติ เพราะสามารถอ่านเมนูเองได้อีกด้วย  จาก 3 ปัญหาหลักที่พบ เป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก เพียงปรับวิธีคิด และ ลงมือแก้ไขก็จะช่วยพัฒนาร้านอาหารให้กลับมาฟื้นตัว ก้าวไปสู่จุดที่ดีกว่า หากผู้ประกอบการร้านอาหาร มีปัญหาใกล้เคียงกับร้าน Food Times สามารถเรียนรู้ เพื่อพัฒนาร้านอาหารของคุณเองได้ ผ่าน 4 คอร์สเรียนออนไลน์ฟรี จาก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี คอร์สการสร้างสรรค์ภาพเมนูอาหารอย่างมืออาชีพด้วยมือถือ https://makrohorecaacademy.com/courses/how-to-take-food-photo/ คอร์สโปรโมทร้านอาหารในออนไลน์ ให้ยอดขายพุ่งขึ้น 10 เท่า https://makrohorecaacademy.com/courses/promote-online-store/ คอร์สออกแบบเมนูอาหารให้มัดใจ สร้างรายได้แบบมือโปร https://makrohorecaacademy.com/courses/how-to-create-recipe/ คอร์สเทคนิคการตั้งราคาอาหารแบบมืออาชีพ https://makrohorecaacademy.com/courses/how-to-set-price/ พร้อมแล้วหรือยังที่จะเปลี่ยนแปลงร้านของคุณให้ดีขึ้น ติดตามชม ภารกิจ  48  ชั่วโมงเปลี่ยนแปลงร้าน Food Times จากทางทีมผู้เชี่ยวชาญ  แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี  คลิกรับชมได้เลย    

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ครีเอทเมนูอาหารตะวันตก สวรรค์ของคนรักเนื้อ!

ครีเอทเมนูอาหารตะวันตก สวรรค์ของคนรักเนื้อ!

กิจกรรม Workshop Makro HoReCa ครั้งนี้ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้เทคนิคการทำอาหารตะวันตกสไตล์ฟิวชัน พร้อมเทคนิคในการสร้างสรรค์วัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่างให้ได้หลากหลายเมนู โดยเชฟแดเนียล อัลทอส ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารตะวันตก เชฟได้นำเสนออาหารตะวันตกที่มีวัตถุดิบหลักคือเนื้อวัว นำมาครีเอทเป็นเมนูที่ทำง่าย และนำไอเดียในการทำอาหารเม็กซิโกมาผสมผสานกับยุโรป ในแต่ละเมนูจะใช้วิธีการสต็อควัตถุดิบไม่เยอะ เพราะเชฟคิดว่าร้านอาหารธรรมดาจะมีพื้นที่ในครัวเล็ก ไม่สามารถสต็อกวัตถุดิบจำนวนมากได้ นอกจากจะใช้วัตถุดิบน้อย รวมแล้วต้นทุนแต่ละจานมีราคาไม่แพง แถมวัตถุดิบสามารถหาซื้อง่ายที่แม็คโคร จัดจานให้มีหน้าตาสวยหรู เพิ่มมูลค่าได้เป็นอย่างดี รวมถึงการสอนให้ผู้ประกอบการนำความรู้และเทคนิคในการทำเมนู ไปต่อยอดเป็นไอเดียสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ และนำไปประยุกต์ใช้กับร้านอาหารของของตนเองได้อีกด้วย ก่อนที่จะเริ่มทำเมนูแรก เชฟได้สอนทำเนื้อมีทบอลและเครื่องเทศแม็กซิกัน เพื่อนำไปเป็นส่วนผสมสำคัญกับเมนูดังต่อไปนี้ เนื้อวัวบด เม็กซิกัน วาฟเฟิลมันฝรั่ง อาหารสไตล์เม็กซิกันผสมไอร์แลนด์ นำเนื้อมาผัดกับเครื่องเทศเม็กซิกัน มะเขือเทศบด ถั่วแดง จะได้เนื้อรสชาติเผ็ดกำลังดี เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งวาฟเฟิลร้อน ๆ ทานคู่กับครีมเปรี้ยวจะตัดรสชาติเผ็ดของเนื้อ อร่อยได้รสชาติที่ลงตัว เเม็กซิกันมีท แพตตี้ ซอสซาซิคิ อาหารสไตล์เม็กซิกันผสมกรีก ด้วยเนื้อมีทบอลที่ถูกปรุงรสด้วยชีสและพริกเม็กซิกัน ไม่ต้องกลัวเผ็ดเพราะทานคู่กับซอสทาร์ชิกิที่มีส่วนผสมจากกรีกโยเกิร์ตเป็นหลัก เยอรมัน มีทบอล ค็อตเตจชีส อาหารสไตล์เยอรมัน ทำง่าย ๆ เด็กทานได้ผู้ใหญ่ทานดี ด้วยเนื้อมีทบอลที่นำมาคลุกกับคอทเทจชีสและมัสตาร์ด เป็นก้อนเล็ก ๆ พอดีคำ วางลงบนผักสลัด ตบทายด้วยการราดน้ำสลัดงาลง เสิร์ฟคู่กับเฟรนฟรายด์เพิ่มมูลค่าให้กับจานนี้ได้เป็นอย่างดี เยอรมันมีทบอล เห็ดทรัฟเฟิล กับเบค่อน อาหารสไตล์ฝรั่งเศษ ด้วยส่วนผสมของมีทบอลรวมกับซอสทรัฟเฟิล ห่อด้วยเบค่อนชิ้นใหญ่ รับรองว่าคุณจะได้กลิ่นหอมมาแต่ไกล วางลงบนผักร็อคเก็ต สามารถเสิร์ฟเป็นจานเหล็กโดยราดด้วยซอสเกรวี่และมันฝรั่งบด   บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสนุกสนาน แม้ว่าจะเป็นเชฟฝรั่งแต่สามารถสื่อสารเป็นภาษาไทยได้ แม้จะมีบางตอนที่พูดติดขัด ก็จะมีพิธีกรคอยอธิบายอยู่เสมอ สร้างสีสันให้กับงานนี้จริง ๆ พนักงานแม็คโครใส่ใจผู้เข้าร่วมงานทุกโต๊ะ ดูแลในระหว่างการทำเมนู Workshop อย่างใกล้ชิด แถมกลิ่นหอมของเมนูในแต่ละจานสร้างความสนใจจากผู้ที่เดินซื้อของในแม็คโครได้เป็นอย่างดี หลังจบงาน Workshop คุณบารมี พาณิชยานุเคราะห์ เจ้าของร้านอาหาร The top grill restaurant มาร่วมแชร์ประสบการณ์ให้เราฟังว่า “วันนี้ได้รับความรู้เกี่ยวกับอาหารเม็กซิกัน เรียนรู้วัตถุดิบและเมนูใหม่ ๆ ที่เชฟนำมาสอน นำความรู้ในวันนี้ไปต่อยอดในร้านอาหารของตัวเองได้ เพราะที่ร้านขายทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง สามารถนำมาครีเอทเป็นเมนูใหม่ ๆ ในร้านได้ครับ” และคุณอาภรณ์ กะตากูล เจ้าของร้านอาหารข้าวแกงป้าเอี้ยนนครศรีธรรมราช “ได้รับความรู้แปลกใหม่เป็นแนวเมนูอาหารตะวันตก และได้ลองทำอาหารเองอีกด้วย นำไปประยุกต์ใช้กับอาหารที่ร้าน ได้เมนูใหม่ ๆ ไปขาย อย่างเมนูเยอรมัน มีทบอล ค็อตเตจชีส ที่ทำง่ายและน่าจะถูกใจเด็ก ๆ ด้วย”   กิจกรรมดีๆ แบบนี้มีขึ้นเป็นประจำตลอดทั้งปี โดยจะหมุนเวียนไปจัดยังห้าง Marko สาขาทั่วประเทศ ผู้ประกอบการท่านใดไม่อยากพลาดสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมได้จากเว็บไซต์นี้

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เพิ่มรายได้ให้ร้านกาแฟ ด้วยเมนูพิเศษประจำวัน

เพิ่มรายได้ให้ร้านกาแฟ ด้วยเมนูพิเศษประจำวัน

การมีร้านกาแฟเป็นความฝันของใครหลายๆ คน และหลายต่อหลายคนสามารถทำตามฝันนี้ให้เป็นรูปเป็นร่างได้ ทำให้เราพบเจอร้านกาแฟอยู่ทั่วทุกหัวมุมถนนและตามซอกซอยต่างๆ มีไม่น้อยที่อยู่รอด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าร้านกาแฟจำนวนหนึ่งต้องปิดตัวลง เพราะไม่สามารถสร้างกำไรได้เท่าที่ควร หากคุณกำลังจะเปิดร้านกาแฟ หรือมีร้านกาแฟอยู่แล้ว และอยากหาเทคนิคเพื่อเพิ่มยอดขายให้ร้าน เรามีไอเดียการเพิ่มรายได้แบบง่ายๆ มาฝาก 1.มีเมนูเสริมที่ไม่ใช่เครื่องดื่ม จุดปราบเซียนของร้านกาแฟคือ ช่วงเวลาที่คนดื่มกาแฟนั้นจำกัด โดยส่วนใหญ่คือช่วงเช้าก่อนไปทำงานยาวมาถึงสิบโมง และอีกรอบจะเป็นพักเที่ยงจนถึงบ่ายสอง รอบเย็นนั้นลืมไปได้เลย ไม่มีลูกค้ามากินกาแฟแน่นอน อาจขายเครื่องดื่มอื่นได้บ้างแต่ไม่มาก ทางแก้มีหลายอย่าง ง่ายที่สุดคือหาขนมที่กินคู่กับกาแฟได้มาวางขาย หรือ หากร้านมีที่นั่งเยอะ ลูกค้านิยมนั่งนาน เพิ่มเมนูอาหารที่กินง่ายๆ เช่น ข้าว+กับข้าว หรือ สปาเกตตีกับซอสต่างๆ ก็สามารถเป็นเครื่องมือเพิ่มยอดขายที่ดีได้  ยิ่งสมัยนี้ อาหารแช่แข็ง หรือ เค้กและเบเกอรี่อบสำเร็จ คุณภาพดีๆ มีให้เลือกเยอะมาก โดยคุณไม่ต้องกังวลว่าจะต้องทำเองให้ยุ่งยากเลย  2.สร้างสรรค์วัตถุดิบเดิม ให้เป็นเมนูใหม่ โดยส่วนใหญ่กิจการร้านกาแฟมักจะมีลูกค้าประจำ การสร้างความตื่นเต้นโดยการคิดเมนูใหม่ๆ จากวัตถุดิบเดิมที่ร้านมี ก็ช่วยให้ลูกค้ามาได้บ่อยขึ้น หรืออาจชวนเพื่อนที่ไม่เคยมาให้มาทดลองร้านคุณได้   ไอเดียใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำกาแฟมาผสมมัทฉะ หรือข้ามไปผสมกับโซดา หรือ การทำแซนวิชไส้ใหม่ๆ ในขณะที่คุณเองมีขนมปังอยู่แล้ว ก็เป็นทางเลือกที่ง่ายและไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มเลย คุณสามารถทดลองหยิบวัตถุดิบนั้น มาผสมวัตถุดิบนี้ รังสรรค์เมนูใหม่ๆ เพื่อเพิ่มยอดขายในขณะที่ใช้ต้นทุนเท่าเดิมได้ นอกจากจะเพิ่มรายได้แล้ว ยังช่วยใช้วัตถุดิบในร้านให้หมด ไม่ค้างสต็อก หรือหมดอายุอีกด้วย 3.โปรโมชั่นกระชากใจ หมัดเด็ดนอกจากรสชาติที่มัดใจขาประจำ คุณต้องอย่าลืมมีโปรโมชั่นมาต่อสู้กับคู่แข่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสะสมแต้ม ซึ่งกลายเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกร้านต้องทำไปแล้ว ยังมีโปรแรงๆ อย่างซื้อ 1 แถม 1 เฉพาะช่วง หรือ เฉพาะวัน บางคนอาจเถียงว่าลดราคาขนาดนี้ยิ่งขายจะยิ่งขาดทุนหรือเปล่า  แต่จริงๆ แล้วโปรโมชั่นแบบนี้ส่วนที่คุณต้องลงทุนจริงๆ คือต้นทุนของเครื่องดื่มแก้วที่ 2 แต่มันจะแลกมากับการดึงลูกค้าเดิมให้มาซ้ำไม่ปันใจไปร้านอื่น และสามารถดึงกลุ่มใหม่ที่ไม่เคยคิดจะมาหาคุณเลยเข้ามาได้  ลองคิดในมุมกลับกันว่าเงินที่ลงทุนไปในส่วนต้นทุนเครื่องดื่มนี้  อาจน้อยกว่าเงินที่คุณเอาไปยิงโฆษณาบนโลก online เสียอีก แถมได้คนมากินจริงๆ ไม่ใช่การจ่ายเงินโฆษณาที่มีคนเห็นคุณบนโลก online แต่ไม่เคยคิดจะมาที่ร้านคุณเลย             หากในร้านของคุณมีเมนูอย่างหลากหลาย แต่ลูกค้ายอมจ่ายเพียง 1 แก้วต่อบิล คุณอาจจะจัดเซ็ทเมนูแล้วลดราคาลงนิดหน่อย แบบที่ยังคงได้กำไรอยู่ เพื่อเพิ่มยอดขายในแต่ละครั้ง ถึงแม้จะได้กำไรต่อแก้ว หรือต่อชิ้นลดลงไป แต่ก็ดีกว่าขายได้เพียง 1 เมนูเท่านั้น กำไรของคุณอาจจะลดลงถ้าเทียบกับปริมาณ แต่เมื่อนำมารวมกันแล้ว รับรองว่าได้รายได้ต่อเดือนมากขึ้นแน่นอน แต่ถ้าคุณใฝ่ฝันอยากเปิดร้านกาแฟ  แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร เรียนรู้การเลือกทำเลร้าน ขายใคร ใช้เมนูไหนเป็นจุดเด่น  ทั้งเครื่องชง เครื่องบด อุปกรณ์แบบไหนที่เหมาะสม การคัดสรรเมล็ดกาแฟ และวัตถุดิบสำคัญอื่น ๆ พร้อมทั้งสาธิตเมนูพื้นฐาน สนใจเรียนคอร์สออนไลน์ฟรี "5 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนเข้าสู่ธุรกิจร้านกาแฟ" คลิก สามารถเรียนรู้เรื่อง “กาแฟ” ในหัวข้ออื่น ๆ ได้ที่นี่ 5 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนเข้าสู่ธุรกิจร้านกาแฟ 5 เครื่องดื่มน้ำชงทำเงิน! ที่ผู้ประกอบการควรมีติดร้าน กาแฟอร่อยขั้นเทพ อย่ามองข้ามการเลือกเครื่องบดกาแฟ เจาะลึกการเลือกเครื่องชงกาแฟ ให้เหมาะสมกับร้านของคุณ เลือกเครื่องชงกาแฟให้เป๊ะกับความต้องการ คุ้มค่าการใช้งานมากกว่า . “น้ำแข็ง” สะอาด ปลอดภัย ที่คุณเลือกได้ แค่มีเครื่องทำน้ำแข็งไว้ที่ร้าน พิชิตใจลูกค้า ด้วยเมนูเครื่องดื่มยอดฮิตที่นิยมในร้านกาแฟ เพิ่มรายได้ให้ร้านกาแฟ ด้วยเมนูพิเศษประจำวัน เปลี่ยนร้านกาแฟบ้านๆ ให้เป็นร้านที่ใครๆ ก็ต้องมา Check in เปลี่ยนขาจรเป็นขาประจำ เรียกลูกค้าเข้าไม่ขาดด้วยเทคนิคการเลือกเมล็ดกาแฟอย่างพิถีพิถัน

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เมนูอาหารฮาลาล สรรค์สร้างให้โดนใจ

เมนูอาหารฮาลาล สรรค์สร้างให้โดนใจ

กิจกรรม Workshop Marko HoReCa ครั้งนี้ เอาใจผู้ประกอบการร้านอาหารมุสลิม พามาร่วมเปิดประสบการณ์ทำอาหารฮาลาลแนวใหม่สไตล์ฟิวชันเมนูสุดหรูทั้งเนื้อ ทั้งแกะ แต่ต้นทุนแสนประหยัด ให้บรรดาผู้ประกอบการที่มาร่วมงานนำไปต่อยอดธุรกิจกันแบบง่ายๆ วันนี้ได้เชฟเปีย สูฟียา สมาแอ ซึ่งเชฟเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารมุสลิม มาร่วมถ่ายทอดความรู้ ซึ่งเชฟมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และเข้าใจทางด้านฮาลาล เป็นพื้นฐาน ตามบทบัญญัติ ศาสนาอิสลามเพื่อให้ลูกค้ามุสลิม มีความมั่นใจ ในการซื้อสินค้าที่แม็คโคร เป็นอย่างดี บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสนุกสนาน มีผู้ประกอบการ และลูกค้าเป็นจำนวนมากให้ความสนใจ เชฟเปียได้มีการเตรียมวัตถุดิบที่สามารถหาซื้อได้จากแม็คโครอย่างครบครัน พร้อมทั้งคอยบรรยายกรรมวิธีการเตรียม และพาผู้ร่วมงานทำไปอย่างช้าๆ เมนูในวันนี้เรียกได้ว่าแปลกใหม่ ไม่เคยได้ชิมที่ไหนอย่าง อูด้งในซุปแกะ หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นของเครื่องเทศที่กลบกลิ่นคาวของแกะได้เป็นอย่างดี ตุ๋นในระยะเวลาที่พอเหมาะให้เนื้อเปื่อยยุ่ย ทานคู่กับเส้นอูด้งเหนียวนุ่มเป็นอันเข้ากันแบบสุดๆ ถึงแม้ว่าวัตถุดิบจะเยอะ แต่เชฟมีวิธีการ และเทคนิคในการสอนให้เป็นเมนูแสนง่ายทำได้ใน 30 นาที เควสซาดิลญ่าไส้เนื้อ เมนูนี้ได้รับการดัดแปลงจากเชฟโดยใช้แป้งตอติญ่าแทนแป้งโรตี เพื่อย่นระยะเวลา และกรรมวิธีในการทำ ด้วยตัวแป้งที่มีความเหนียวนุ่ม และเนื้อวัวที่หั่นมาชิ้นเล็กพอดีคำ เมื่อนำมาหั่นในแบบพิซซ่า เสิร์ฟพร้อมอาจาดก็เพิ่มมูลค่าให้เมนูนี้ได้สูงเลยทีเดียว    เควสซาดิลญ่าไส้หวาน เพิ่มเมนูของหวานให้ร้านค้าด้วยแป้งตอติญ่า ที่มีวิธีทำแบบง่ายๆ เพียงฉีกซองแล้วนำไปนาบบนกระทะให้ร้อน ใส่เนยเพิ่มความหอม จากนั้นก็หั่นกล้วยใส่ไข่ และวางทาบด้วยแป้งอีกชั้น และหั่นเป็นชิ้นคล้ายพิซซ่า ปิดท้ายด้วยการราดซอสช็อกโกแลต เป็นอันเสร็จสิ้นเมนูของหวานที่ดูราคาแพง แต่ต้นทุนต่ำ หมดทั้ง 3 เมนู ใช้ระยะเวลาในการร่วมกิจกรรมเพียงแค่ 2 ชั่วโมงกว่าๆ และนอกจากนี้ยังได้มีโอกาสสอบถามความรู้สึกของผู้ร่วมงาน และประสบการณ์ความรู้ที่ได้จากการมาร่วมงาน ในครั้งนี้กับ Marko HoReCa Halal Food โดยคุณ ขนิษฐา ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารตามสั่ง ที่มีทั้งอาหารมุสลิม และอาหารเจ ปัจจุบันเป็นลูกค้าประจำของแม็คโคร ได้มาแชร์ประสบการณ์ว่าวันนี้สามารถนำความรู้ไปต่อยอดร้านอาหารได้เยอะเลย โดยสิ่งที่ทำให้สนใจมาเข้าร่วมคือการทำอูด้งซุปแกะ ซึ่งสามารถเอาไปประยุกต์ได้อย่างแน่นอน และยังบอกอีกว่า พนักงานของแม็คโครทุกคน ให้การต้อนรับอย่างดี มีความเป็นกันเอง ทำให้ประทับใจที่นี่มาก คุณสุนันท์ ผู้ประกอบการร้านข้าวแกงแบบมุสลิม ปกติซื้อสินค้าแทบจะทุกอย่างจากที่นี่ ทั้งอาหารสด และเครื่องใช้ต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นลูกค้าประจำตัวจริง วันนี้มีความสนใจมาเรียนรู้เมนูทุกเมนู เพราะมีความน่าสนใจ และแปลกใหม่ พร้อมทั้งยังชวนญาติพี่น้องในครอบครัวมาร่วมกันประกอบอาหารไปพร้อมๆ กับเชฟ ในงานนี้อีกด้วย

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ต่อยอด Food Delivery เอาดีๆ รวยได้!

ต่อยอด Food Delivery เอาดีๆ รวยได้!

ต่อยอด Food Delivery เอาดีๆ รวยได้! เมื่อบริการจัดส่ง หรือ Delivery เข้ามามีบทบาทสำคัญของผู้คนในยุคนี้ ก็เป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่จะต่อยอดธุรกิจอาหาร ด้วย Food Delivery หรือ บริการจัดส่งอาหาร ที่ปัจจุบันกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของคนทำธุรกิจอาหาร ซึ่งถ้าหากคุณจับจุดและเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ ไม่ว่าคุณจะขายเมนูอะไรก็ไปรอด แถมเป็นช่องทางสร้างกำไรได้ไม่น้อย ให้คุณลองคิดหาหากลยุทธ์ ที่ตอบโจทย์กับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ด้วยการต่อยอดจาก บริการ Food Delivery ที่ปัจจุบันมีให้เลือกใช้บริการ ผ่านแอปพลิเคชั่นมากมาย ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ควรลงทุน วันนี้ MHA แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี มีเทคนิค 3 กลยุทธ์ ต่อยอด Food Delivery ให้ลองไปปรับใช้กันครับ1.ส่งอาหารถึงมือลูกค้าแบบผูกปิ่นโตลองเริ่มจากลูกค้าใกล้ตัวที่อยู่ในหมู่บ้านหรือในคอนโดของคุณ ด้วยการขายอาหารแบบผูกปิ่นโต คือการแนะนำให้ลูกค้าเปลี่ยนการสั่งอาหารจากรายวัน เป็นการสั่งอาหารรายสัปดาห์หรือรายเดือน โดยการนำเสนอข้อมูลที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า และตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้า เช่น ให้ลูกค้าเลือกเมนูที่ตนชอบ จัดเซตเมนูที่น่าสนใจในราคาที่ถูกลง ขายความสะดวกสบายให้กับลูกค้าโดยการส่งอาหารถึงที่ตามเวลาที่กำหนด สามารถสั่งออเดอร์ทางไลน์แอดหรือโทรสั่ง ทำให้ร้านของคุณสามารถวางแผนทำอาหารได้ล่วงหน้า ยิ่งหากคุณจับกลุ่มลูกค้าโดยใช้เทรนด์อาหารมาช่วย เช่น ผูกปิ่นโตเมนูคีโต หรือ เมนูอาหารสุขภาพ ก็จะทำให้สร้างฐานลูกค้าประจำได้ง่ายยิ่งขึ้น 2.เสิร์ฟทันใจกินได้ทันที กับเมนูอาหารกล่องเสริมบริการส่งอาหารตามสำนักงาน หรือ สถานที่จัดงานสัมมนา ด้วยเมนูอาหารกล่อง โดยแนะนำว่าให้เซตเมนูอาหารกล่องให้น่าทาน เช่น ข้าวปลากระพงทอดสามรส+แกงจืดสามสหาย, ข้าวผัดปู+ต้มยำกุ้ง อาจเพิ่มมูลค่าของเซตนี้ด้วยการเพิ่มผลไม้เข้าไป สามารถจัดเป็นเซต เล็ก,กลาง,ใหญ่ เพื่อเพิ่มตัวเลือกให้ลูกค้า ทุกครั้งที่มีการสัมมนาสามารถออเดอร์กับร้านเราได้เลย    3.บริการส่งบุญ ด้วยชุดอาหารเลี้ยงพระเทคนิคนี้ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีเวลาน้อย แต่อยากใส่บาตร หรือ ทำบุญเลี้ยงพระในเทศกาลสำคัญ อย่างการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ทำบุญวันเกิด ไม่มีเวลาว่างทำอาหาร แทนที่จะต้องตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าวเอง หรือต้องต้องออกไปซื้อกับข้าวที่ตลาด ให้ธุรกิจร้านอาหารของคุณอำนวยความสะดวกด้วยการจัดเซตอาหารเลี้ยงพระ มีทั้งอาหารคาว ของหวาน ผลไม้ เป็นต้น เรียนรู้ช่องทาง Deliveryมีเจ้าไหนน่าสนใจบ้าง พร้อมเครื่องมือการทำการตลาดออนไลน์ ไปคู่กัน ในคอร์ส คอร์ส “โปรโมทร้านอาหารในออนไลน์ ให้ยอดขายพุ่งขึ้น 10 เท่า” โดย Makro HoReCa Academy   แล้วคุณจะรู้ว่าบริการ Food Delivery จะช่วยธุรกิจร้านอาหารของคุณได้มากกว่าที่คิด คลิกเรียนฟรีได้เลย สำหรับผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้เป็น สมาชิก Makro HoReCa Academy สมัครฟรี เพื่อรับสิทธิเรียนคอร์สออนไลน์ฟรี ได้ทีนี่

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ขายได้ 700,000 กำไร 2,000 ! ขายดีแต่ไม่เห็นกำไร เกิดอะไรขึ้นกับร้านขายดี แต่ไม่มีกำไร

ขายได้ 700,000 กำไร 2,000 ! ขายดีแต่ไม่เห็นกำไร เกิดอะไรขึ้นกับร้านขายดี แต่ไม่มีกำไร

ขายได้ 700,000 กำไร 2,000 ! ขายดีแต่ไม่เห็นกำไร เกิดอะไรขึ้นกับร้านขายดีแต่ไม่มีกำไร “ฉันไม่ว่าง” ร้านอาหารซีฟู้ด ถนนบรรทัดทองคงเป็นตลกร้ายของคนทำร้านอาหาร แม้ว่าจะขายดิบขายดี ลูกค้าแน่นร้านทุกวัน แต่พอถึงสิ้นเดือน เมื่อรวมยอดขาย หักต้นทุน กลับเหลือกำไรเพียงน้อยนิด สถานการณ์นี้เกิดขึ้นจริง กับ คุณปอนด์วรเมธ อู่แสงทอง เจ้าของร้าน ฉันไม่ว่าง ร้านอาหารซีฟู้ดชื่อดัง ย่านบรรทัดทอง สู่การเปลี่ยนแปลงร้าน จากทีม แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ภายใน 48 ชั่วโมง  “ ร้านเราจะขายดีมากๆ แต่ว่าผลกำไรที่ออกมามันสวนทางกับสิ่งที่เราคาดหวัง ซึ่งเรายังหาคำตอบไม่ได้สักที ”คุณปอนด์กล่าว คุณปอนด์ เจ้าของร้านเล่าว่า ปัญหาหลักของร้าน มี 2 ส่วน คือ เรื่องสูตรอาหารยังไม่นิ่ง เพราะที่ผ่านมาเกิดปัญหาต้องเปลี่ยนพ่อครัวบ่อย และ  ปัญหาการคิดต้นทุนอาหารที่ยังขาดความรู้ ความเข้าใจที่เพียงพอ แม้ว่ายอดขายต่อเดือนจะสูง แต่เมื่อหักค่าใช้จ่าย กำไรที่ได้กลับน้อยมาก “48  ชั่วโมง นับถอยหลังสู่การเปลี่ยนแปลงโดย แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี  ” หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญจากทาง แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี  ทราบถึงปัญหา ได้ร่วมกันวางแผนวิเคราะห์ปัญหา เพื่อหาทางได้แก้ไขเบื้องต้น ก่อนลงพื้นที่ให้คำแนะนำกับทางร้าน โดยเชฟณัฎฐินี ปลอดทอง เชฟผู้เชี่ยวชาญจาก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี  ให้ความเห็นว่า เรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือเรื่องกำไรที่ได้น้อย ทั้งๆที่สามารถทำยอดขายต่อเดือนได้สูง เพราะจริงๆแล้ว ปลายทางของการทำธุรกิจร้านอาหาร คือ ต้องได้กำไร รวมถึงเชฟ บุญเชิด ศรสุวรรณ รองนายก สมาคมเชฟประเทศไทย มองว่า ปัญหาเปลี่ยนพ่อครัวบ่อย ก็เหมือนการเปลี่ยนสูตรบ่อย ทำให้รสชาติอาหารไม่นิ่ง เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ทีมผู้เชี่ยวชาญจากแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ได้ลงพื้นที่ เพื่อร่วมมือกับเจ้าของร้าน สู่การเปลี่ยนแปลงร้าน โดยมีเวลาเพียงแค่ 48 ชั่วโมง “ลงพื้นที่ สำรวจปัญหาที่แท้จริง” ผู้เชี่ยวชาญจากแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ได้เข้าสำรวจปัญหาของทางร้าน ก็พบว่า นอกเหนือจากสิ่งที่คุณปอนด์กังวล ยังมีจุดที่ต้องดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติม เริ่มตั้งแต่ ตำแหน่งการวางเคาร์เตอร์เงิน ซึ่งไม่ควรตั้งไว้ที่ด้านหน้าทางเข้าของร้าน และอีกปัญหาใหญ่ของร้านคือ หน้าร้านกับครัวอยู่ห่างกัน เนื่องจากพื้นที่ร้าน แบ่งส่วนที่เป็น 2  ส่วน โดยบริเวณหน้าร้านอยู่คูหาหนึ่ง และส่วนพื้นที่ครัวตั้งอยู่อีกคูหาหนึ่ง ซึ่งมีระยะห่างหลายคูหา ทำให้เมื่อลูกค้าสั่งออเดอร์จะต้อง เสียเวลาเดินไปมาหลายๆรอบ รวมถึงเมื่อเข้าไปสำรวจภายในพื้นที่ครัว ก็พบว่าความสว่างของครัวไม่เพียงพออีกด้วย    ทั้งนี้ เหล่าผู้เชี่ยวชาญจาก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ได้ให้คำแนะนำ พร้อมกับ ร่วมปรับปรุงแก้ไข ดังนี้ “ทำสูตรอาหาร” เชฟ บุญเชิด ศรสุวรรณ รองนายก สมาคมเชฟประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหารสชาติไม่นิ่ง เกิดจากทางร้านไม่มีการเขียนสูตรอาหารเอาไว้ เมื่อต้องเปลี่ยนพ่อครัว ก็ทำให้ไม่สามารถควบคุมรสชาติได้ ซึ่งสามารถได้แก้ไขโดยการเขียนสูตรอาหาร กำหนดปริมาณ ส่วนผสมที่ชัดเจน โดยเชฟวุฒิชาติ หมวดศรี กรรมการสมาคมเชฟประเทศไทยเสริมว่า อาหารทุกชนิด ต้องทำด้วยการสูตรขึ้นมาก่อน และเมื่อต้องทำครั้งละมากๆ ก็เพียงแค่คูณคำนวณที่ต้องการทำเพิ่มเข้าไป “คำนวณต้นทุน” เชฟณัฎฐินี ปลอดทอง เชฟผู้เชี่ยวชาญจาก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ให้คำแนะนำ ว่า ประโยชน์ของการคำนวณต้นทุนมาตรฐาน คือสามารถใช้เป็นแผนที่นำทาง เพื่อให้ทราบถึง ต้นทุนที่แท้จริงของอาหารได้ ทำให้สามารถคำนวณราคาขายได้เหมาะสม รวมถึงการเลือกแหล่งซื้อวัตถุดิบก็เป็นเรื่องสำคัญ ที่จะช่วยให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพอีกด้วยสรุปปัญหาที่พบ1.ยอดขายสูง แต่กำไรน้อย2.ไม่มีสูตรอาหารที่ชัดเจน3.รสชาติอาหารไม่นิ่ง4.ร้าน และ ครัว อยู่ห่างกัน5.แสงสว่างในครัวไม่พอ6.เคาน์เตอร์วางไม่ถูกตำแหน่งสรุปแนวทางการแก้ปัญหา1.คำนวณต้นทุน2.ทำสูตรมาตรฐาน3.ทำแม่ซอสเพื่อควบคุมรสชาติ4.เพิ่มระบบการสื่อสาร5.เปลี่ยนหลอดไฟเพิ่มแสงสว่าง6.เปลี่ยนตำแหน่งเคาน์เตอร์7.คัดสรรวัตถุดิบคุณปอนด์กล่าวว่า หลังจากที่ทาง แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี เข้ามาช่วยพัฒนาคุณภาพของร้าน ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายดีขึ้น สามารถทำกำไรมาก รวมถึงสามารถบริหารจัดการปัญหาหน้าร้านได้ดีขึ้นอีกด้วย  ติดตามชม ภารกิจ  48  ชั่วโมง เปลี่ยนแปลงร้าน ฉันไม่ว่าง จากทางทีมผู้เชี่ยวชาญ  แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี คลิกรับชมได้เลย

สูตรอาหารเพิ่มเติม
Pre-Cook ทำไว้ก่อนขาย เสิร์ฟก็เร็ว คุมสูตร คุมต้นทุนก็ได้

Pre-Cook ทำไว้ก่อนขาย เสิร์ฟก็เร็ว คุมสูตร คุมต้นทุนก็ได้

หลายร้านอาหารมักประสบปัญหาทำอาหารไม่ทัน ทำให้การเสิร์ฟล่าช้า ลูกค้าไม่พอใจ แก้ไขด้วยวิธีการทำ Pre-Cook เป็นวิธีง่าย ๆ แต่หลายร้านมักจะพลาดกัน วันนี้เราจะมาแนะนำว่า การทำ Pre-Cook จะช่วยแก้ปัญหาให้ร้านคุณได้อย่างไร ! 1.ทำไว้ก่อนขาย Pre-Cook คือการเตรียมวัตถุดิบก่อนการทำอาหาร หรือการทำอาหารในขั้นตอนที่เราสามารถทำได้ก่อนลูกค้าสั่ง เช่น การเตรียมผัก เตรียมซอส เครื่องแกง เครื่องยำ เมนูที่สามารถเตรียมเครื่องเตรียมซอสต่าง ๆ ได้ก่อน เช่น เมนูปลาราดพริก เราสามารถทำซอสพริกราดเตรียมล่วงหน้าได้ หรือเมนูประเภทต้ม อย่างต้มแซ่บกระดูกอ่อน ก็สามารถเตรียมกระดูกหมู นำมาต้มจนเปื่อยรอลูกค้าได้ หรือเมนูประเภทยำ นอกจากทำน้ำยำเตรียมไว้แล้ว ก็สามารถลวกวัตถุดิบต่าง ๆ ไว้พอสุก เมื่อลูกค้าสั่งก็เพียงแค่ลวกให้ร้อน พร้อมกับคลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน พร้อมจัดเสิร์ฟได้ทันที 2.เสิร์ฟได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมีการเตรียมวัตถุดิบพร้อมทำ นอกจากจะเป็นการประหยัดเวลาในการทำอาหาร ประหยัดแรงเชฟและลูกมือในครัวแล้วยังส่งผลให้ออเดอร์ในแต่ละจานออกเสิร์ฟในระยะเวลาไม่นานเกินรอ การบริการที่รวดเร็วเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้ากลับมาทานซ้ำ เมื่อร้านของคุณมีการทำ Pre-Cook และมีระบบบริการที่ดีขึ้น สามารถเพิ่มเมนูในร้าน ยอดขายก็เพิ่มตามด้วย 3.คุมสูตรอาหาร คุมต้น และวัตถุดิบ ทำอาหารเสิร์ฟเร็วแต่ไม่อร่อย ก็คงหมดความหมาย การทำ Pre-Cook ยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องรสชาติที่ไม่คงที่ ที่อาจเกิดจากการทำอาหารในเวลาเร่งรีบ ที่เน้นทำเร็ว ปรุงไว จนไม่สามารถควบคุมรสชาติแต่ละจานให้คงที่ได้ แนะนำว่า ให้ทำ Pre-Cookในรูปแบบ แพ็ควัตถุดิบและส่วนผสมที่สามารถเตรียมไว้ก่อนปรุงล่วงหน้าในแบบ Portion โดยคำนวณปริมาณส่วนผสมสำหรับหนึ่งเสิร์ฟจัดแพ็คเป็นชุดๆ อาจแพ็คใส่ถุงพลาสติกซิบล็อค หรือ แพ็คใส่กล่องเอาไว้ ตัวอย่าง แพ็คเส้นสปาเกตตี้ที่ต้มแล้ว ตามน้ำหนักต่อจานเอาไว้เมื่อลูกค้าสั่งออเดอร์เข้ามา ก็สามารถนำไปปรุงได้ทันดี ถ้าร้านของคุณสามารถทำได้ตามนี้ ช่วยให้อาหารทุกจานถูกเสิร์ฟในเวลาอันรวดเร็วทันใจลูกค้าแน่นอน!  

สูตรอาหารเพิ่มเติม
รวมไอเท็มของไหว้ เสริมมงคลตรุษจีน ค้าขายปังรับปีมังกรที่ Makro

รวมไอเท็มของไหว้ เสริมมงคลตรุษจีน ค้าขายปังรับปีมังกรที่ Makro

“ตรุษจีน” เทศการเฉลิมฉลอง ต้องมีของไหว้เสริมมงคล เพื่อให้กิจการรุ่งเรือง ค้าขายปัง รวมถึงการซื้อของขวัญให้ลูกค้าต้องมีผลไม้พรีเมียม สื่อความหมายดี สุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ เฮงตลอดปี รับตรุษจีน ซื้อได้ที่แม็คโคร  หรือช้อปออนไลน์ผ่าน makropro https://axtra.makro.co.th/MHA-CNY ครบ คุ้ม จบที่แม็คโคร ของไหว้มงคลซาแซ / โหงวแซ สำหรับของไหว้มงคล ที่ต้องมีในเทศกาลตรุษจีน มักจะใช้ “ซาแซ” หมายถึงเนื้อสัตว์ 3 ชนิด ได้แก่ หมู, ไก่, และเป็ด“โหงวแซ” หมายถึงเนื้อสัตว์ 5 ชนิด โดยเพิ่มตับและปลา รวมเป็น 5 ชนิด โดยความหมายของเนื้อสัตว์มีดังนี้1.เฮง เฮง เฮง ชุดเป็ดพะโล้ พร้อมเครื่องในครบชุดไหว้แช่แข็ง 1.85 กก.โดยเป็ด สื่อถึงความบริสุทธิ์ ความสะอาด ความมั่งคั่ง และเก่งรอบด้าน2.เฮง เฮง เฮง ไก่ต้ม พร้อมเครื่องในครบชุดไหว้แช่แข็ง 1.35 กก.โดยไก่ สื่อถึงความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน3.ซีพี ขาหมูพะโล้แช่แข็ง (ขาหลัง) 3 กก.โดยขาหมู สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ เหลือกินเหลือใช้4.เฮง เฮง เฮง ปลากะพงทองนึ่งแช่แข็ง 500 ก.โดยปลา พ้องกับวลีมงคล “อู่ ฮื้อ อู่ ชื้ง” แปลว่า เหลือกินเหลือใช้ มีเงินทองเหลือเฟือ5.เอโร่ โกล์ด ซาลาเปาไส้หมูสับ 6 ชิ้น x 16.เอโร่ โกล์ด ซาลาเปาไส้หมูแดง 6 ชิ้น x 1 โดยซาลาเปา สื่อถึงการห่อโชคลาภ ห่อเงิน ห่อทอง โดยแต้มจุดสีแดงไว้บนซาลาเปาเพราะเป็นสีมงคลช็อปได้ที่แม็คโครทุกสาขา หรือแม็คโครโปร : https://axtra.makro.co.th/MHA-CNY ของไหว้มงคลซาก้วย / โหงวก้วย ผลไม้ ถือเป็นของไหว้มงคลที่ต้องมีในวันตรุษจีน นิยมจัดชุดผลไม้ทีล้วนแต่มีความหมายมงคล 2 แบบดังนี้- ซาก้วย คือชุดผลไม้ 3 อย่าง- โหงวก้วย คือชุดผลไม้ 5 อย่างแนะนำผลไม้มงคล สดใหม่ ความหมายดี1. ส้มเยลลี่ ส้มพรีเมียมนำเข้า หวานฉ่ำ น้ำเยอะ เนื้อแน่นเหมือนเยลลี่ สามารถใช้ช้อนตักทานได้2. ส้มปาปากัน ส้มพรีเมียมนำเข้า หวานอมเปรี้ยว อร่อย สัมผัสเกล็ดส้มเต็ม ๆ คำโดย “ส้ม” ก็เป็นสีมงคลของชาวจีนเช่นกัน ด้วยความที่เปลือกคล้ายสีทอง สื่อถึงเงินและทอง ให้ผู้รับพบแต่สิ่งที่ดีหากสนใจซื้อส้มไหว้ในวันตรุษจีน สามารถวางฐานส้มเป็น 3 ลูกตามภาพ ให้มีลักษณะคล้ายภูเขาทองได้เลย3. องุ่นแดงไร้เมล็ด สื่อถึงความเจริญรุ่งเรือง ความสุขสมบูรณ์4. กล้วยหอม สื่อถึงความสุขสมบูรณ์ของครอบครัว ลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมืองช็อปได้ที่แม็คโครทุกสาขา หรือแม็คโครโปร : https://axtra.makro.co.th/MHA-CNY ผลไม้พรีเมียมมงคลมอบให้ลูกค้าช่วงตรุษจีน ทานได้ทุกวัย ใครทานก็เฮง ต้อง #ผลไม้พรีเมียมมงคล จัดในกล่องสวยงาม ส่งต่อความหมายดี ๆ ผ่านผลไม้เฮลตี้ ดีต่อสุขภาพแถมดีต่อใจในช่วงตรุษจีน1.แอปเปิ้ลอักษรมงคล สื่อถึงการอวยพรในเรื่องของสุขภาพแข็งแรง อายุยืนนาน มาพร้อมอักษรจีนมงคล ความหมายดี เข้ากับช่วงเทษกาลตรุษจีนสุด ๆ รวมถึงสีแดงของแอปเปิ้ลยังเป็นสีมงคลของคนจีนอีกด้วย2. สาลี่หิมะพรีเมียม และ 3. สาลี่ทองพรีเมียม สื่อถึงโชคลาภพ และความมั่งคั่ง ร่ำรวย เงินทองไหลมาเทมา เสมือนสีเปลือกของสาลี่ที่มีสีเหลืองทอง อีกทั้งยังเป็นผลไม้คลายร้อน ทานแล้วสดชื่นสุด ๆสด สะอาด ปลอดภัย มั่นใจคุณภาพ ช็อปได้ที่แม็คโครทุกสาขา หรือแม็คโครโปร : https://axtra.makro.co.th/MHA-CNY ใครได้รับก็ประทับใจ กับขนมเปี๊ยะ สื่อถึงความสามัคคี มีความเมตตาจิตหวังดีต่อกัน ยิ่งให้กันในวันมงคล หรือวันตรุษจีน ถือเป็นขนมสื่อถึงความสุขใจ ขอแนะนำขนมเปี๊ยะARO และเปี๊ยะสวรรค์ ขนมเปี๊ยะไส้ทะลัก ไส้แน่น แป้งบาง รสชาติหวานน้อย ทานเพลิน หอมอร่อยเต็มคำ มีให้เลือกหลากหลายรสชาติดังนี้1 เปี๊ยะสวรรค์ หมูแดงไข่เค็ม 600 ก.2 เปี๊ยะสวรรค์ คูโรบูตะไข่เค็ม 600 ก.3 เปี๊ยะสวรรค์ ทุเรียนไข่เค็ม 600 ก.4. ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วหวาน5. ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วเค็ม6. เอโร่ ขนมเปี๊ยะไส้หมูแดง7. เอโร่ ขนมเปี๊ยะฝอยทอง8. เอโร่ ขนมเปี๊ยะไข่เค็มลาวาช็อปได้ที่แม็คโครทุกสาขา ใกล้บ้านคุณ

สูตรอาหารเพิ่มเติม
รวมเมนูเส้น เสริมมงคลตรุษจีน พิกัดเส้นจีน ช็อปง่ายที่แม็คโคร

รวมเมนูเส้น เสริมมงคลตรุษจีน พิกัดเส้นจีน ช็อปง่ายที่แม็คโคร

รวมเมนูเส้น เสริมมงคลตรุษจีน หลายประเทศในเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะในวัฒนธรรมชาวจีนมีความเชื่อว่าเมื่อรับประทานก๋วยเตี๋ยวที่มีเส้นยาวในวันปีใหม่ จะทำให้ชีวิตของผู้กินนั้นยืนยาวเหมือนกับลักษณะของเส้นก๋วยเตี๋ยวแนะนำพิกัดเส้นจีน ช็อปง่ายที่ Makro เดย์เดย์เส้นหมี่เสี้ยน  สามารถทำเมนูได้ทั้งผัด ยำ หรือต้มกับหม้อไฟ หวงหลงเส้นหนึบเสฉวน เส้นสำหรับหม้อไฟสไตล์เสฉวน กวงโย่วเส้นมันหวาน และกวงโย่วเส้นมันหวาน (เหลือง) เหมาะสำหรับผัด ยำ หรือต้มในหม้อไฟ เอโร่ หมี่เตี๊ยว เส้นเหลือง และเอโร่ หมี่เตี๊ยว เส้นขาว มีความเหนียว นุ่ม ผัดง่าย ทำได้หลากหลายเมนู เช่น ผัดหมี่ซั่วเส้นเหลือง, เส้นขาว เข้ากับช่วงเทศกาลตรุษจีน  ช็อปเส้นจีนได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครโปร : https://axtra.makro.co.th/Inter-Ingredient

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ไอเดียเมนู เพิ่มลูกเล่นเมนูต้อนรับวาเลนไทน์

ไอเดียเมนู เพิ่มลูกเล่นเมนูต้อนรับวาเลนไทน์

เสิร์ฟความหวานอร่อยทะลุร้าน ต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ ปี 2567 กับ 3 ไอเดียเมนู น่าขาย ครบรส ทั้งเมนูคาว-หวาน พร้อมพิกัดวัตถุดิบคุณภาพ ราคาคุณภาพ ใกล้บ้านคุณ Chocolate Covered Strawberries เมนู Chocolate Covered Strawberries อีกหนึ่งเมนูของหวานที่เหมาะกับการเป็นของขวัญวาเลนไทน์ ด้วยรสชาติหวานอมเปรี้ยวจากสตรอเบอร์รีสด เคลือบด้วยช็อกโกแลตได้หลากหลายรสชาติ เป็นสีสันและเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า เช่น ไวท์ช็อกโกแลต, สตรอเบอร์รี, ดาร์กช็อกโกแลต ฯ ถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัวสุด ๆ ความหวาน ละเมียดละไมจากช็อกโกแลต ถูกใจผู้รับแน่นอนแค่มีช็อคโกแลตคุณภาพดีก็จะทำให้ได้ขนมที่มีรสชาติเข้มข้น ขอแนะนำ DLA Naturals (ดีแอลเอ) ช็อกโกแลตคุณภาพเสูง สูตรเฉพาะของตระกูลลาดิแยร์ ที่มีจุดเริ่มต้นจากประเทศเบลเยี่ยม1.DLA ไวท์คอมพาวด์ แบบเหรียญ 1 กก.2.DLA ไวท์คอมพาวด์ แบบเหรียญ 500 ก. DLA ไวท์คอมพาวด์ แบบเหรียญ เหมาะสำหรับให้เคลือบตัวขนมให้สวยงามและเพิ่มเนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบให้กับขนม3.DLA ไวท์คูเวอร์เจอร์ 30 % 500 ก.เหมาะสำหรับใช้เป็นส่วนผสมของเนื้อขนม4. DLA ไวท์ชิพส์ คอมพาวด์ 500 ก. ใช้ตกแต่ง หรือใส่ในเนื้อขนมเพื่อเพิ่มรสชาติช็อปได้ที่แม็คโครทุกสาขา หรือแม็คโครโปร :https://www.makro.pro/ Fresh Salmon Cake เปลี่ยนเค้กรูปหัวใจธรรมดา ๆ เป็น Fresh Salmon Cake เค้กแซลมอนสด รูปหัวใจ ถูกใจสายปลาส้มเลิฟเวอร์ จัดเรียงเป็นรูปหัวใจ หรือจัดเรียงเป็นดอกกุหลาบ ให้เข้ากับธีมเทศกาลวาเลนไทน์ เพิ่มเป็นเมนูพิเศษให้ลูกค้าสำหรับช่วงเดือนแห่งความรักขอแนะนำแซลมอนสด พร้อมบริการแล่ลอกหนัง ซื้อง่ายที่แม็คโคร พร้อมมั่นใจในคุณภาพ เพราะนำเข้าจากแหล่งผลิตที่ได้มาตราฐาน รักษาอุณหภูมิปลาตลอดการขนส่ง ทำให้ปลาสดใหม่อยู่เสมอ คุณภาพคงที่ มีศูนย์กระจายสินค้าคลอบคลุมทั่วประเทศช็อปได้ที่แม็คโครทุกสาขา หรือแม็คโครโปร :https://www.makro.pro/ Rose Lemon Spritzer เพิ่ม welcome drink ต้อนรับลูกค้าในช่วงวาเลนไทน์ ด้วยเมนูเครื่องดื่ม Rose Lemon Spritzer  เป็นเครื่องดื่มสีชมพูหวาน ๆ ด้วยน้ำ lemon ผสมไซรัปกลิ่นกุหลาบ ตกแต่งด้วยกลีบกุหลาบสด จากมูลนิธิโครงการหลวง พร้อมสนับสนุนเกษตรกรบนพื้นที่สูง เพิ่มโอกาสการขายให้ชาวสวนมีรายได้มั่นคง เติบโตอย่างยั่งยืนในส่วนของกลีบกุหลาบยังสามารถนำมาตกแต่งเมนูอาหารอื่น ๆ และตกแต่งร้านเพิ่ม mood Valentine ให้กับร้านได้อีกด้วย ����1.ดอกกุหลาบแดง (โครงการหลวง) กำ 10 ดอก2.ดอกกุหลาบขาว (โครงการหลวง) กำ 10 ดอก3.ดอกกุหลาบชมพู (โครงการหลวง) กำ 10 ดอกช็อปได้ที่แม็คโครทุกสาขา

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เสียงตอบรับจริง จากสมาชิก MHA พัฒนาร้านให้เติบโต ด้วยความรู้จากกูรู

เสียงตอบรับจริง จากสมาชิก MHA พัฒนาร้านให้เติบโต ด้วยความรู้จากกูรู

รวมเสียงตอบรับจริง จากสมาชิก MHA ผู้เข้าร่วมกิจกรรม และเรียนคอร์สออนไลน์ฟรี เพื่อเป็นส่วนช่วยในการพัฒนาร้านให้เติบโต ด้วยความรู้จากกูรูในวงการร้านอาหาร สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก MHA เท่านั้น!  ให้คุณเรียนหลักสูตรออนไลน์ฟรีกว่า 28 คอร์ส เมื่อเรียนจบสามารถทำข้อสอบ และรับใบประกาศนียบัตร  รับสิทธิ์เข้าร่วมเวิร์คช็อป จากกูรูและเชฟชื่อดัง   อัพเดตสูตรอาหาร เพิ่มกำไรธุรกิจโดยเชฟมืออาชีพ  รับส่วนลด และสิทธิพิเศษอีกเพียบ สมัครสมาชิก MHA ฟรี >> https://bit.ly/3EeTuwyคลิกดูคอร์สออนไลน์ฟรี >> https://bit.ly/3J8NKrYลงทะเบียนแล้ว เรียนฟรีได้ทันที คุณอุมา ทับทิมดี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู วัดพระศรีฯ บางเขน (เจ้าเก่า) “ได้เข้าร่วมสัมมนาบูธ MHA ที่งาน HoReCa Foodination 2023 สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ได้แทบทุกหัวข้อ อย่างเรื่อง “ส่องดูเทรนด์อนาคตของการตลาด Digital สำหรับธุรกิจร้านอาหาร” ทำให้เรารู้ช่วงเวลาในการลงอัปเดตโซเชียล เทคนิคการยิงแอด ต้องโฟกัสอะไรยังไง แต่ละแพลตฟอร์มต้องจัดการยังไง เพราะแต่ละแฟลตฟอร์มมีการสื่อสารคนละแบบกัน คนละ Generation จะใช้แพลตฟอร์มที่แตกต่างกันไปค่ะและหัวข้อ “อัปเดตเทคนิคการตลาดให้ร้านอาหารขายดี (ไปด้วยกัน) ปี 2023-2024” ทำให้เรารู้ทันกระแส การตั้งราคา การจัดเมนู รวมถึงราคาวัตถุดิบ แนวโน้มจะไปทางไหนบ้าง เคยเรียนคอร์สออนไลน์ อย่างหลักสูตร “การสร้างมาตรฐานร้านอาหารอย่างเป็นระบบ S.O.P” และหลาย ๆ ท่าน แล้วก็ไปเจอตัวจริงที่งาน ได้เข้าร่วมอบรม 2 วันทุกคลาส ได้อัปเดตความรู้ใหม่ ๆ เพราะทุกคนก็มีข้อมูลที่แตกต่างกัน ไม่ได้เป็นข้อมูลชุดเดียวกัน ถือว่าดีมาก ๆ ค่ะ"คุณอุมา ทับทิมดี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู วัดพระศรีฯ บางเขน (เจ้าเก่า) ขายมานานกว่า 30 ปี แนะนำเมนูก๋วยเตี๋ยวครบเครื่อง มีทั้งหมูตุ๋นเปื่อย ลูกชิ้นเอ็นหมู หมูยอ และลูกชิ้นหมูให้จุก ๆFacebook : ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู วัดพระศรีฯบางเขน - เจ้าเก่าแผนที่ : https://maps.app.goo.gl/UPBwgDKcco9qpP8z8 คุณพชร จันทร์เดือน เจ้าของร้าน Demijoe "ได้เข้าร่วมสัมมนาบูธ MHA ที่งาน HoReCa Foodination 2023 หัวข้อ “มิติใหม่ของการจัดการครัวอย่างมืออาชีพ” ความรู้จากในงาน มีส่วนช่วยในเรื่องของการควบคุมต้นทุนทางด้านวัตถุดิบ วิธีการจัดเก็บให้วัตถุดิบอยู่ได้นานมากขึ้น“เทคนิคตัดต่อวีดีโอสั้นสร้างยอดปังให้ร้านอาหาร” ดีเลยครับ สามารถช่วยผมได้อย่างมาก เพราะผมไม่เคยตัดต่อด้วยตัวเองมาก่อน เลยเริ่มไม่ถูก พอไปอบรมทำให้เรารู้ว่าควรทำอะไรก่อน-หลัง ถ่ายอย่างไรให้น่าสนใจส่วนหัวข้อ “อัปเดตเทคนิคการตลาดให้ร้านอาหารขายดี (ไปด้วยกัน) ปี 2023-2024” ก็ครอบคลุมครับ รู้สึกว่าตามทันยุคสมัย ตามเทรนด์ที่กำลังมา ทำให้เราเข้าใจ และเข้าถึง มองช่องทางการทำสื่อให้ง่ายขึ้นครับ”คุณพชร จันทร์เดือน เจ้าของร้าน Demijoe ร้านอาหารอเมริกันโฮมเมดปรุงสดใหม่แบบจานต่อจาน แนะนำเมนู Ultimated pork burger ออกรายการช่องวัน 31, พาสต้าเส้นสด, สลัด, โทมาฮอค, ขนม และเมนูเครื่องดื่มFacebook : Demijoe-เดมี่โจวแผนที่ : https://maps.app.goo.gl/SJyh36DptkcZwr566 คุณเจตวัฒน์ วนัสมัย เจ้าของร้าน Red Pan Steak “หัวข้อ เทคนิคจัดจานสวย ด้วย Food Styling โดยเชฟประชัน ดีนะครับ เอากลับมาต่อยอดที่ร้านได้ เราก็ไปเอา reference ไปเพิ่ม เอาจากในเพจไปเพิ่ม เพื่อหาตัวอย่าง เอามาใช้งานจริงด้วย และเทคนิคตัดต่อวีดีโอสั้นสร้างยอดปังให้ร้านอาหาร นำความรู้มาถ่ายรูป ต่อยอดจากเรื่อง Food Styling ได้ นำไปใช้ได้ทั้งสองอย่างเลยส่วนตัวเคยเรียนหลักสูตรออนไลน์ MHA เรียนฟรี (https://www.makrohorecaacademy.com/) ก็มี- หลักสูตรหมัดเด็ดร้านอาหารขายดี กลยุทธ์เพิ่มยอดปังตลอดปี - โดย คุณคุณาพงศ์ เตชวรประเสริฐ- หลักสูตรข้าวเหนียวหมูทอด ไก่ทอด สูตรเงินล้าน พร้อมแจ่วปลาร้าสุดแซ่บ - โดย เชฟโอ๋ ญาณัช มะอาจเลิศ- เทคนิคการจัดเก็บวัตถุดิบอย่างมืออาชีพ - โดยเชฟวิลแมน ลีอองสามารถนำคอร์สเหล่านี้มาใช้ได้เลย อย่างเรื่องการตลาด เราก็ค่อย ๆ ศึกษาไปแล้วทำไปด้วย ส่วนเรื่องเชฟวิลเมนท์เอามาใช้เลย เพราะไม่มีความรู้เรื่องนี้มาก่อนครับ"คุณเจตวัฒน์ วนัสมัย เจ้าของร้าน Red Pan Steak ร้านสเต็กโฮมเมด อยู่บริเวณหน้าคอนโดถนอมมิตรพาร์ค เสิร์ฟวัตถุดิบคุณภาพทุกจาน ติดตามอัปเดตเมนูใหม่ ๆ ได้เร็ว ๆ นี้!Facebook : Red Panแผนที่ : https://maps.app.goo.gl/TSENtmbcJLVc6Se18 คุณสุภาณี สิงห์ทอง เจ้าของร้าน Toyama Huahin “ได้เข้าร่วมสัมมนาบูธ MHA ที่งาน HoReCa Foodination 2023 เรียนหัวข้อ อัปเดตแนวโน้มการเติบโตและเทรนด์ธุรกิจอาหารบุฟเฟต์ในประเทศไทย โดย คุณสุรสิทธิ์ สัจจะเดว์ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับร้านเราพอดี ก็ดีค่ะ ได้ความรู้เพิ่มเติม คนที่เขามางานสัมมนา คือเจ้าของโดยตรง ให้รายละเอียดได้ดีค่ะ”คุณสุภาณี สิงห์ทอง เจ้าของร้าน Toyama Huahin ร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นใจกลางเมืองหัวหิน ราคาไม่แพง คุ้มค่าคุ้มราคา เลือกใช้วัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยม สดใหม่ เลือกสรรทานได้กว่าร้อยรายการ แนะนำแซลมอนซาชิมิ ซูชิ โรล เทมปุระ และอาหารจานร้อนFacebook : Toyama Huahin.แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/UnT5Yrcg2RC1VKzJ7 คุณกฤษณา ตติยเกียรติถาวร เจ้าของร้าน Uncloud Coffee "ได้เข้าร่วมสัมมนาบูธ MHA ที่งาน HoReCa Foodination 2023 หัวข้อเริ่มต้นเขียน SOP ร้านอาหาร ฉบับจับมือทำ“ดีค่ะ เพิ่มความรู้ให้ตัวเอง คุณต่าย พรชัย นิตย์เมธาวงศ์ อธิบายเข้าใจง่าย สามารถนำมาใช้ได้จริง ได้หลักการคิด ควรจะเริ่มยังไง จัดการยังไงค่ะ และมีโอกาสได้ปรึกษาส่วนตัวกับคุณต่าย ให้คำแนะนำดีมาก ตอบคำถามชัด ตรงประเด็น ทำให้มีมุมมองใหม่ ๆ ที่เรายังคิดไม่ถึงค่ะ และเข้าร่วมสัมมนาหัวข้อ มิติใหม่ของการจัดการครัวอย่างมืออาชีพ โดยเชฟวิลแมน ลีออง ได้ความรู้ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยทราบมาก่อน เชฟอธิบายเข้าใจง่าย กระชับ"คุณกฤษณา ตติยเกียรติถาวร เจ้าของร้าน Uncloud Coffee คาเฟ่คลื่นแสงเหนือ กำลังเตรียมความพร้อมให้ทุกคนได้มาสัมผัสประสบการณ์การดื่มกาแฟแบบใหม่ ที่บางแสน พร้อมเปิดให้บริการเดือนมีนาคม 2567����Facebook : Uncloud Coffee���� แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/ydbdwGVt6TQcwQXV9 คุณอาธิกยา โมดี เจ้าของร้านชบาหมูกระทะบุฟเฟ่ต์ “ได้เข้าร่วมสัมมนาบูธ MHA ที่งาน HoReCa Foodination 2023 หัวข้อมิติใหม่ของการจัดการครัวอย่างมืออาชีพ เชฟอธิบายเข้าใจง่าย เป็นประโยชน์ในการเก็บรักษาของเรา สามารถนำไปปรับใช้กับที่ร้านได้พอสมควรค่ะส่วนหัวข้ออัปเดตเทคนิคการตลาดให้ร้านอาหารขายดี (ไปด้วยกัน) ปี 2023-2024 วิทยากรอธิบายเข้าใจง่ายเช่นกัน ทำให้เรารู้เทรนด์การตลาดใหม่ ๆ สามารถนำวิธีไปปรับใช้ให้ร้านขายดีขึ้น รู้เทคนิคต่าง ๆ มากขึ้นค่ะ”คุณอาธิกยา โมดี เจ้าของร้านชบาหมูกระทะบุฟเฟ่ต์ ราคาย่อมเยาวน์ จ.ชัยภูมิFacebook : ชบาหมูกระทะบุฟเฟ่ต์แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/eJZ2QkwdSFm8HU1s7

สูตรอาหารเพิ่มเติม
สดชื่นรับปีใหม่ ส้มพรีเมียมนำเข้า พร้อมขายที่ makro

สดชื่นรับปีใหม่ ส้มพรีเมียมนำเข้า พร้อมขายที่ makro

สดชื่นรับปีใหม่ เพิ่มยอดขายด้วยส้มพรีเมียมนำเข้า ประโยชน์เพียบ! พร้อมขายที่ Makro  ส้มเยลลี่ หวานฉ่ำ น้ำเยอะ เนื้อแน่นเหมือนเยลลี่ สามารถใช้ช้อนตักทานได้ รังสรรค์เป็นเมนูไอศกรีมส้ม ราดซอสคาราเมล เพิ่ม premium topping ด้วยส้มเยลลี่เนื้อฉ่ำ สดชื่นคลายร้อน หรือจะนำมาเป็นท็อปปิ้ง กราโนล่าโยเกิร์ต เป็นเมนูย่อยง่าย สบายท้อง สายร้านคาเฟ่ทำขายได้เลย ส้มปาปากัน หวานอมเปรี้ยว อร่อย สัมผัสเกล็ดส้มเต็ม ๆ คำ สามารถทำเป็นเมนูเครื่องดื่ม ด้วยการคั้นน้ำส้มปาปากัน ราดบนกาแฟ cold brew และด้วยรสชาติที่หวานอมเปรี้ยวนำมาทำ เมนู Orange mousse cake หรือ เค้กส้ม ก็อร่อยสดชื่น นอกจากส้มพรีเมี่ยมนำเข้าแล้ว ยังมีผลไม้นำเข้าอื่นๆ ที่จะช่วยเพิ่มเมนูน่าสนใจ และเพิ่มยอดให้กับร้านได้  แอปเปิ้ลลอรี่ นำมาทำเป็นเมนูพายแอปเปิ้ล หอมคาราเมล อร่อยหวานฉ่ำ  สตรอเบอร์รี่ญี่ปุ่น และสตรอเบอร์รี่เกาหลี ทำเป็นเมนูครัวซองต์สอดไส้สตรอเบอร์รี่และครีมชีสแสนอร่อย  สาลี่ญี่ปุ่น, สาลี่ทองพรีเมียม, สาลี่หิมะพรีเมียม และสาลี่ออทัมฮันนี่  ทานคู่กับขนมปังกรอบ ครีมชีส  ผลไม้อื่น ๆ  และถั่วพีแคน  ช็อปผลไม้นำเข้าพรีเมียม ได้ที่แม็คโคร ทุกสาขา หรือแม็คโครโปร : https://go.makro.pro/NDNS/MHANOV23

สูตรอาหารเพิ่มเติม
Marko HoReCa Thai Food@Marko Rungsit

Marko HoReCa Thai Food@Marko Rungsit

เทคนิคการทำอาหารไทยสไตล์ฟิวชัน   กิจกรรม Workshop Marko HoReCa ครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้เทคนิคการทำอาหารไทยสไตล์ฟิวชัน พร้อมเทคนิคแนวทางการจัดสรรวัตถุดิบ และเวลาการทำอาหารโดยเชฟจ็อบ คุณณัฎฐินี ปลอดทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย   เชฟได้นำเสนออาหารไทยที่สามารถนำเมนูพื้นฐานมาประยุกต์ได้อย่างง่าย เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่า และความแตกต่างให้อาหาร ทางแมคโครเข้าใจผู้ประกอบการร้านอาหารเป็นอย่างดีว่าส่วนใหญ่ไม่มีเวลาที่จะหาความรู้เพื่อคิดค้นเมนูใหม่ จึงนำไอเดียดีๆ มาเผยแพร่ให้บรรดาผู้ประกอบการที่มาเข้าร่วมกิจกรรม รวมถึงได้สอดแทรกเทคนิคการเตรียมอุปกรณ์ วัตถุดิบ และการปรุง เพื่อเป็นแนวทางในการจัดการครัว เมนูแต่ละอย่างที่จะทำเป็นเมนูที่ต้องใช้เวลาทั้งสิ้น แต่ผู้ประกอบการสามารถเรียนรู้เพื่อนำไปปรับปรุงใช้ในร้านของตนเองได้อย่างไม่ยาก   เริ่มที่เมนูแรกมัสมั่นแกะหน้าโรตี เมนูไทยแท้แบบดั้งเดิม ซึ่งถูกดัดแปลงให้ดูแปลกใหม่น่าลิ้มลอง ด้วยการนำเสนอออกมาเป็นโดมโรตี นำแป้งโรตีหอมๆ มาคลุมบนถ้วย คล้ายๆ พายของฝรั่ง เมื่อนำไปอบก็จะพองขึ้นมา กรอบ และเหนียวนุ่มกำลังดี ทานคู่กับมัสมั่นแกะเพื่อให้ได้กลิ่นอายของตะวันตก และเพิ่มมูลค่าแก่อาหารจานนี้   จานต่อมาสปาเกตตี้ครีมต้มยำล็อปสเตอร์ สปาเกตตี้ต้มยำรสแซ่บ ที่เพิ่มความอลังการด้วยเนื้อล็อบเตอร์ และยังเพิ่มความนัวด้วยการนำมันกุ้งลงไปผัดคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงต้มยำต่างๆ เพื่อให้เป็นเมนูที่ทานง่าย ทานได้เรื่อยๆ แบบไม่เลี่ยน   เมนูปิดท้าย สเต็กหมูพันเบคอนซอสแจ่ว จานนี้เป็นอาหารจานหลัก ความพิเศษอยู่ที่ตัวซอส เพราะเชฟนำเสนอน้ำเกรวี่สไตล์ไทยกึ่งอีสาน “เกรวี่แจ่ว” นำมาราดบนสเต็กสันในหมู ส่วนเนื้อหมูที่มีความมันอยู่น้อยที่สุด นำมาพันด้วยเบคอนเพื่อเพิ่มความมัน และความฉ่ำเข้าไปในอีกแบบ เป็นการผสมผสานที่ลงตัวอย่างที่สุด       บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่น และเป็นกันเองจากเชฟที่เดินลงมาแนะนำ ให้ความรู้ผู้ร่วมงานอย่างใกล้ชิด เรียกได้ว่าจับมือกันทำเลยก็ว่าได้ ท่ามกลางกลิ่นหอมของเมนูอาหารไทยสไตล์ใหม่ เป็นที่สนใจ ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมา แวะเข้ามาแอบดูกันเป็นแถวๆ   คุณปูริดา หรือว่าเชฟบุ๋ม ประกอบธุรกิจรับจัดเลี้ยงหนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้กล่าวว่า “วันนี้เป็นการเข้าร่วมครั้งที่สองได้ความรู้ และไอเดียดีๆ จากเชฟเพื่อไปต่อยอดธุรกิจของตัวเอง นอกจากเทคนิคการนำไปประยุกต์ใช้กับเมนูต่างๆ แล้ววันนี้ยังได้ความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบ การปรุงแต่งต่างๆ รวมถึงได้ไอเดียใหม่ๆ จากเชฟอีกด้วย”   และอีกหนึ่งท่านที่ดูให้ความสนใจในการร่วมกิจกรรมเป็นอย่างมากคือ คุณอุษา ที่วันนี้ตั้งใจแวะมาซื้อของ แต่ได้รับข่าวสารกิจกรรมจากพนักงาน จึงสนใจเข้ามาร่วมทำให้ได้รับความรู้ เทคนิคดีๆ ไปปรับใช้ในร้าน “ปกติประกอบธุรกิจร้านหอยทอด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้เมนูต่างๆ ที่เรียนในวันนี้ แต่ก็สามารถนำไปประยุกต์ทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย”       กิจกรรมดีๆ แบบนี้มีขึ้นเป็นประจำตลอดทั้งปี โดยจะหมุนเวียนไปจัดยังห้าง Marko สาขาทั่วประเทศ ผู้ประกอบการท่านใดไม่อยากพลาดสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมได้จากเว็บไซต์นี้

สูตรอาหารเพิ่มเติม
กลยุทธ์ออกแบบเล่มเมนูให้ยอดขายเพิ่ม กำไรทะลุเป้า

กลยุทธ์ออกแบบเล่มเมนูให้ยอดขายเพิ่ม กำไรทะลุเป้า

สิ่งที่ขาดไม่ได้ในร้านอาหารแทบทุกร้านก็คือ “เล่มเมนู” แต่น่าเสียดายอย่างมากที่ร้านอาหารจำนวนไม่น้อยมองข้ามความสำคัญของเล่มเมนู เพราะเล่มเมนูที่ดีจะส่งผลโดยตรงต่อ  ยอดขายเพิ่ม กำไรเพิ่ม จัดการสต็อกวัตถุดิบได้มีประสิทธิภาพ ช่วยให้พนักงานใช้เวลาในการรับออเดอร์เร็วขึ้น เหลือเวลาให้ไปทำงานอย่างอื่นในร้านมากขึ้น เพียงแค่ 4 ข้อนี้ก็มากเกินพอที่ผู้ประกอบการร้านอาหารควรให้ความสำคัญกับการออกแบบเล่มเมนู   ข้อแนะนำออกแบบเล่มเมนูให้ทำกำไร เมนูส่วนใหญ่ที่เราจะพบตามร้านอาหารจะเรียกว่าแฮนเมนู หรือ เมนูที่เป็นเล่มมีหลายหน้าให้เลือก คำแนะนำสำหรับออกแบบเล่มเมนูไล่กันทีละหน้า ดังนี้  หน้าถัดจากปก ควรเป็นหน้าStoryของร้าน บอกเล่าความเป็นมา จุดเด่น จุดน่าสนใจของร้านโดยสรุป ที่คิดว่าหากใครได้อ่านต้องประทับใจ ถัดจากหน้าStoryควรเป็นหน้าเมนูอาหารแนะนำ ซึ่งต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะเมนูแนะนำจะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจงอาหารได้ง่ายขึ้น และหน้าเมนูแนะนำยังเป็นเครื่องมือเพิ่มกำไรให้กับร้านได้โดยตรง หน้าถัดจากเมนูแนะนำ สามารถจัดตามหมวดหมู่ประเภทอาหารในร้าน เพื่อช่วยให้ลูกค้าสะดวกในการเลือก   10 กลยุทธ์ออกแบบเมนูแนะนำให้ยอดขายทะลุเป้า 1.รายการเมนูที่อยู่ในหน้าเมนูแนะนำนั้น ควรจะมีความพิเศษกว่าอาหารอื่น ๆ เช่น หน้าตาอาหาร ส่วนผสมที่ใช้ความเป็นตำนาน ขนาด/ปริมาณ หาทานไม่ได้ที่ร้านอื่น เป็นต้น และในหน้ารายการเมนูแนะนำควรมีเมนูไม่เกิน 5-10 เมนู เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น 2.ควรเป็นเมนูที่สามารถกำกับรสชาติให้คงที่ได้ ไม่ใช่เมนูแนะนำรายการนี้เพราะได้เชฟระดับคนดัง เชฟรางวัลมาเป็นผู้ปรุง วันดีคืนดีเชฟหายตัวไปเมนูแนะนำนั้นก็จะต้องหายออกไปจากรายการด้วย 3.ควรเป็นเมนูมีวัตถุดิบขายตลอดทุกฤดูกาล ไม่มีวัตถุดิบหมดในบางช่วงของปี 4.เมนูส่วนใหญ่ในหน้าแนะนำนี้ ต้องคำนึงถึงการจัดการในครัวด้วย ควรเป็นเมนูใช้เวลาทำไม่นาน เพราะหากลูกค้าสั่งพร้อม ๆ กันหลายโต๊ะอาจเกิดปัญหาออเดอร์ออกไม่ทัน ลูกค้าโวยเอาได้ 5.ควรเฉลี่ยเมนูแนะนำให้ออกจากหน้าเตาครัวให้ทั่วถึง เช่น ต้ม ผัด ทอด ย่าง ยำ ซึ่งร้านที่มีครัวขนาดใหญ่ ทั้ง 5 ประเภทอาหารนี้จะออกจากตำแหน่งหน้าเตาครัวที่แตกต่างกัน ทำให้ลดปัญหาการเกิดออเดอร์หน้าเตาใดเตาหนึ่งมากเกินไปจนทำให้อาหารล่าช้า 6.มีเมนูราคากลาง ๆ และสูงปนกัน เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น 7.ให้คำนึงถึงกำไรเป็น “บาท” ต่อจาน เพราะใช่ว่าเมนูราคาสูงจะมีกำไรสูงเสมอไป เช่นบางเมนูขาย 250 บาทกำไร 80 บาท แต่บางเมนูขาย 199 กำไร 99 บาท ดังนั้น อย่าติดกับดักราคาขาย แต่ให้มองที่กำไรกี่บาท 8.เมนูแนะนำควรมีรูปให้ครบทุกเมนู ส่วนการนำเสนอนั้น ไม่ต้องเป็นระเบียบเรียบร้อยก็ได้ ต้องการนำเสนอเมนูไหนเป็นพิเศษให้ทำรูปขนาดใหญ่กว่าเมนูอื่น และอาจจะกำกับว่า “Signature Menu” หรือเป็นข้อความที่ชวนให้อยากลอง 9.เมนูแนะนำไม่จำเป็นต้องมีแค่เมนูอาหาร ร้านคุณมีเครื่องดื่มเก๋ ๆ ประจำร้าน หรือขนมหวานสูตรพิเศษสามารถนำมาใส่ได้เช่นกัน 10.บางร้านที่เป็นร้านก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ หรืออาหารจานเดี่ยว เมนูแนะนำอาจมีน้อยมาก อาจเปลี่ยนเป็น “ชุดสุดคุ้ม” แทน เช่น ข้าวหมูกรอบ+เกี๊ยวน้ำ+น้ำสมุนไพร เพียง XXX บาท เพียงเท่านี้ก็ช่วยเพิ่มยอดขายและกำไรให้กับร้านได้แล้ว       อ่านจบแล้วอย่ารอช้า ลองเปิดหน้าเมนูของร้านสำรวจดูด่วน ๆ อย่าปล่อยให้เมนูไม่ทำเงิน เพราะลูกค้าจะตัดสินใจสั่งเมนูไหน การวางกลยุทธ์ในเล่มเมนูมีส่วนสำคัญอย่างมาก หากไม่ทำอะไรให้ดึงดูดใจร้อยทั้งร้อยลูกค้าจะเลือกสั่งแต่เมนูเดิม ๆ ด้วยความเคยชินเพราะคิดไม่ออก

สูตรอาหารเพิ่มเติม