ข้ามไปที่เนื้อหา

ภาษา

รถเข็น

Articles

สรุป 9 ร้านอาหารมาแรงในปี 2564 ที่ผู้คนเสิร์ชหามากที่สุด!

สรุป 9 ร้านอาหารมาแรงในปี 2564 ที่ผู้คนเสิร์ชหามากที่สุด!

Google ประเทศไทย ประกาศคำค้นหายอดฮิตติดอันดับ Google Trend ประจำปี 2564 โดยในหมวดร้านอาหาร มีชื่อร้านที่น่าสนใจทั้งหมด 9 ร้านด้วยกัน มีทั้งร้านดังระดับประเทศ ร้านชื่อดังประจำจังหวัด ร้านราคาหลักสิบวิวหลักล้าน หรือร้านเก่าแก่ที่กลับมาดังได้อีกครั้ง วันนี้ MHA มาชวนวิเคราะห์ปัจจัย วิเคราะห์จุดเด่น และเคล็ดลับความสำเร็จ อะไรที่ทำให้ลูกค้าเสิร์ชหาร้านอาหารทั้ง 9 ร้านนี้ ใน Google มากในที่สุด  เริ่มจากทำความรู้จักกับร้านทั้ง 9 ร้านก่อน messageImage_1641462014811.jpg 1.48 MB 1.ร้านริมเขื่อน  สมุทรสงคราม ร้านริมเขื่อน สมุทรสงคราม ร้านอาหารทะเลชื่อดังในอำเภอแม่กลอง  บรรยากาศร้านโปร่งโล่งสบาย  มีจุดเด่นอยู่ที่อาหารทะเลสด  ใหม่  เมนูเด็ดของร้านคือ ไข่ตุ๋นภูเขาไฟ ไข่ตุ๋นเนื้อฟู นุ่ม มาพร้อมกับกุ้งสด เสิร์ฟอยู่ในหม้อไฟร้อน และนอกจากนี้ยังมีอาหารทะเลสด เช่น ปูไข่ดอง น้ำพริกไข่ปู ยำไข่แมงดา หอยหลอดผัดฉ่า เป็นต้น ร้านริมเขื่อนเป็นร้านที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ทำให้มีคนมาใช้บริการกันมาก เป็นร้านที่คนมักจะแวะกันเวลาไปเที่ยวอัมพวา ชะอำ หัวหิน ปะรจวบฯ มีรีวิวจากทั้งลูกค้า และ Influencer มากมายในโซเชียล เช่น หม่อมถนัดแดก, “ยูล”จากเพจ RYUNTIME เพจร้านริมเขื่อน : ริมเขื่อน-ดั้งเดิม ภาพจาก Youtube : KRUA dot CO 2. น้ำพริกนิตยา  ร้านน้ำพริกรสเด็ด อร่อยถูกปาก อยู่คู่ครัวคนไทยมากว่าครึ่งศตวรรษ ตั้งอยู่ย่านบางลำพู น้ำพริกนิตยา มีทั้งน้ำพริกพร้อมทาน เช่น น้ำพริกกุ้งทอด น้ำพริกปลาดุกย่าง น้ำพริกนรก น้ำพริกกุ้งเสียบ ฯลฯ และพริกแกงสำหรับปรุงอาหาร เช่น พริกแกงมัสมั่น พริกแกงไตปลา พริกแกงส้ม พริกแกงเผ็ด ฯลฯ น้ำพริกที่นี่ใช้วัตถุดิบสดใหม่  รสชาติเป็นเอกลักษณ์ ทำให้มีฐานลูกค้าเก่าและใหม่มากมาย  เพจร้านน้ำพริกนิตยา : ร้านน้ำพริกนิตยา messageImage_1641461620699.jpg 2.52 MB 3.ร้านปิ่นโตนามีตาล ร้านอาหารใต้รสเด็ดในจังหวัดปทุมธานี อยู่ติดถนนใหญ่ แต่ใกล้ชิดธรรมชาติ ทางเข้าเป็นสะพานเดินทอดยาวผ่านทุ่งนาไกลสุดตา มีดงต้นตาลอยู่โดยรอบ ร้านตกแต่งด้วยซุ้มและโต๊ะที่ทำจากไม้ไผ่ มีศาลาไม้ไผ่ขนาดใหญ่สำหรับจำหน่ายอาหาร เป็นร้านที่สายถ่ายรูปต้องมาเพราะวิวหลักล้านแต่อาหารราคาหลักสิบ ถือว่าราคาถูกมาก เมื่อนึกถึงบรรยากาศบ้านทุ่งแบบโมเดิร์น เมนูเด็ดประจำร้าน ได้แก่ หมูผัดกะปิสะตอ คั่วกลิ้งสะตอ และหมูฮ้อง  เพจร้านปิ่นโตนามีตาล : ปิ่นโตนามีตาล messageImage_1641461730817.jpg 1.33 MB 4. ร้านปูเป็น ร้านนี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนที่ชื่นชอบอาหารทะเล และผู้ที่เดินทางไปพัทยาบ่อยๆ  ร้านปูเป็น คือร้านที่มีการค้นหาเป็นลำดับต้นๆ ใน Google ด้วยKeyword “ร้านอร่อยในพัทยา” จุดเด่นคือความสด เพราะวัตถุดิบรับมาจากชาวประมงโดยตรง  เช่น ปูม้า ปูทะเล กุ้งมังกร กั้งกระดาน ปลากะพง ฯลฯ ให้ลูกค้าได้เลือกแบบสดๆ ตัวเป็นๆ ก่อนนำไปปรุงเป็นอาหาร อาหารที่นี่ปรุงแบบจานต่อจาน ดังนั้นจึงรับประกันความสดได้เป็นอย่างดี เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดสูตรเฉพาะของร้าน เพจร้านปูเป็น : ปูเป็น SEAFOOD PATTAYA messageImage_1641461177952.jpg 377.33 KB 5. ร้านเจ๊ไฝ ร้านมิชลินสตาร์ระดับตำนานของไทย ตั้งอยู่ริมถนนมหาไชย ใกล้กับแยกสำราญราษฎร์ ย่านที่เรียกกันว่าประตูผี ถึงร้านเจ๊ไฝจะอยู่กลางกรุง แต่วัตถุดิบที่นำมาทำอาหารให้ลูกค้านั้น สด ใหม่ เหมือนร้านอยู่ใกล้ทะเล เมนูแนะนำ ได้แก่ ไข่เจียวปู ที่ใช้กรรเชียงปูสดๆ เป็นก้อนๆ ห่อด้วยไข่เจียวสีเหลืองทองไม่อมน้ำมัน ปูผัดผงกระหรี่ ที่ให้ปูมาอย่างไม่หวง หรือกุ้งผัดกระเทียมตัวโต ฯลฯ ร้านนี้คนทั่วไปอาจจะคิดว่าราคาแรง แต่เมื่อเทียบกับวัตถุดิบคุณภาพดีและปริมาณที่ได้ ก็ถือว่าคุ้มค่ามาก จนมีลูกค้าเข้าคิวรอกินเป็นจำนวนมากทุกวัน ต้องจองคิวกันข้ามเดือน ที่สำคัญอาหารทุกจานที่เสิร์ฟให้ลูกค้า เจ๊ไฝจะเป็นคนทำเองทั้งหมด และยังใช้เตาถ่านในการทำอาหารอยู่  เพจร้านเจ๊ไฝ : ร้านเจ๊ไฝ ประตูผี messageImage_1641461822540.jpg 1.59 MB 6. ร้าน ผ.ผึ้งทำรัง ร้านสเต็กโฮมเมด สไตล์บ้านๆ แต่รสชาติไม่บ้าน ด้วยวัตุดิบชั้นดี ที่ร้านคัดมาอย่างพิถีพิถัน เสิร์ฟมาแน่นเต็มจาน เมนูแนะนำได้แก่ สเต็กเนื้อ สเต็กหมูพอร์ช้อป และสเต็กแฮมรมควัน ยังมีเมนูทานเล่นที่รสชาติไม่ใช่เล่น ไม่ว่าจะเป็น ซุปเห็ด ผักขมอบชีส มันบด ยืนยันจากลูกค้าประจำถึงความอร่อย คุณภาพวัตถุดิบ และความมีเอกลักษณ์ของเจ้าของร้าน เพจร้านสเต็ก ผ.ผึ้งทำรัง : สเต็กผ.ผึ้งทำรัง messageImage_1641461513377.jpg 1014.75 KB 7. ร้านป้าบุญล้อม Buffet 499 โด่งดังมากับบุฟเฟ่ต์อาหารทะเล ด้วยราคา 499 และ 699 ทานได้ 3 ชั่วโมง ซึ่งหายากมากในราคาขนาดนี้ รสชาติอร่อย สด และมีเมนูให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น บะหมี่ต้มยำทะเล ปลากะพงทอดน้ำปลา กุ้งแม่น้ำเผา พิซซ่า ยำแซลม่อน และของหวานอีกหลายอย่าง ที่สำคัญคือ บุฟเฟ่กุ้งย่างไม่อั้น ทำให้ถูกใจสายกิน สายบุฟเฟ่ต์เป็นอย่างมาก เพจร้านป้าบุญล้อม : ร้านป้าบุญล้อม Buffet 499 messageImage_1641461873412.jpg 1.21 MB 8. ร้านมุมอร่อย ร้านอาหารทะเลชื่อดังของจังหวัด มี 3 สาขา ได้แก่ “สาขาโคโม่ เขาชีจรรย์” ให้บรรยากาศริมทะเลสาบ ชมวิวเขาเหมือนอยู่ในอิตาลี “สาขาศรีราชา” เป็นสาขาเก่าแก่ดั้งเดิม ริมทะเล และ “สาขาบางละมุง(นาเกลือ)” ที่เป็นร้านยอดนิยมในพัทยา มีอาหารทะเลให้เลือกนับร้อยเมนู ทั้งปลา หมึก กุ้ง ปู ต้มยำ ยำทะเล และของหวานอีกมากมาย (แนะนำเค้กลูกตาลใบเตย) เพจร้านมุมอร่อย : ร้านอาหารมุมอร่อย ศรีราชา  มุมอร่อยcomo - เขาชีจรรย์  มุมอร่อย@Pattaya. messageImage_1641462151678.jpg 629.32 KB 9. ร้านวันจันทร์  ร้านอาหารไทย ชื่อดังในจังหวัดภูเก็ต มีเมนูเด็ดสูตรดั้งเดิมเป็นซิเนเจอร์ ได้แก่ หมูฮ้อง แกงปูใบชะพลู ฯลฯ ที่สำคัญร้านได้รับตรา “บิบ กูร์มองด์” (Bib Gourmand) จากมิชลิน 4 ปีซ้อน ซึ่งการันตีว่าอาหารต้องดีและราคาเข้าถึงได้ ได้รับการการันตีโดยรีวิวจากลูกค้าในระดับคะแนนที่สูงมาก และได้รับเลือกเป็น Wongnai User Choice อีกด้วย เพจร้านวันจันทร์ : One Chun Cafe n’ Restaurant สรุป เหตุผลที่จะทำให้ลูกค้าเสิร์ชหาข้อมูลร้านทั้ง 9 ร้านมากที่สุดในปีที่ผ่านมา ดังจริง เด็ดจริง มีรางวัลการันตี ในจำนวนนี้ได้แก่ ร้านเจ๊ไฝ ที่ได้รางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว และดังขึ้นมาอีกเมื่อได้ไปออกสารคดี Street food Asia ใน Netflix และร้านวันจันทร์ One Chun Cafe n’ Restaurant ที่ได้รับตรา “บิบ กูร์มองด์” จากมิชลิน และเป็นร้านแนะนำของ วงใน user choice ด้วย ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ดังนั้น ถ้าอยากเป็นที่รู้จักต้องใส่ใจเรื่องคุณภาพบริการ และรสชาติอาหารก่อน จากนั้นจึงมาดูว่า เราจะทำให้ลูกค้าบอกต่อร้านของเราในเรื่องอะไรได้อีกบ้าง  หาที่กิน-หาที่เที่ยว พิจารณาจากหลายร้านจะพบว่าเป็นร้านที่อยู่ในสถานที่ท่องเที่ยว เช่น สมุทรสงคราม พัทยา ศรีราชาหรือเป็นทางผ่านเส้นทางท่องเที่ยว และในปีที่ผ่านมามีจังหวะการผ่อนคลายมาตรการณ์ของรัฐ ให้ประชาชนเดินทางเที่ยวข้ามจังหวัดได้ ร้านอาหารหลายร้านเลยได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นมาด้วย ซึ่งพฤติกรรมส่วนใหญ่ของนักท่องเที่ยวในการหาข้อมูลคือ “ที่ๆจะไปนั้น เที่ยวที่ไหน กินที่ไหน นอนที่ไหน อะไรเด็ดบ้าง” ดังนั้นถ้าร้านอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว แล้วอาศัยจังหวะในการทำคอนเทนต์ หรือทำโปรโมชั่นดีๆ ก็มีสิทธิ์ดังและเก็บตังค์ในช่วงนี้ได้เช่นกัน รสชาติเด็ด เมนูดัง ต้องไปโดน แทบทุกร้านที่อยู่ใน list จะมีเมนูเด็ดของร้านทั้งนั้น ชนิดที่เรียกว่าต้องไปลองชิมพิสูจน์ให้ได้ในชาตินี้ ถ้าพูดถึงชื่อร้านต้องนึกถึงเมนูนี้เป็นอันดับต้นๆ หรือกลับกัน ถ้าพูดถึงเมนูนี้ ก็จะนึกถึงร้านนี้ก่อนเป็นอันดับต้นๆ เช่นกัน ยกตัวอย่าง ไข่เจียวปูร้านเจ๊ไฝ ไข่ตุ๋นภูเขาไฟร้านริมเขื่อน แกงปูใบชะพลูร้านวันจันทร์ น้ำพริกสูตรดั้งเดิมของร้านนิตยา ฯลฯ เมนูซิกเนเจอร์ของบางร้านอาจจะมีราคาแพง แต่คุ้มราคา สมเหตุผลกับปริมาณและคุณภาพอาหาร เช่น ไข่เจียวปู ร้านเจ๊ไฝ ราคาแพง แต่ให้ปูแบบจัดเต็มลูกค้ายอมรับได้ และสั่งกันไม่ขาดสาย ดังนั้น ถ้ามั่นใจในเมนูซิกเนเจอร์ของตัวเอง ต้องเข็นมาเป็นจุดขายของร้านให้ชาวเน็ตรู้จักให้ได้ shutterstock_1873406731 (1).jpg 993.17 KB 4. มีซิกเนเจอร์ แปลก แตกต่าง ในจำนวนนี้จะเห็นได้ว่ามีร้านที่มีลักษณะเฉพาะที่น่าสนใจ เช่น ร้านปิ่นโตนามีตาล ที่จับเอาวิวทุ่งนา ดงตาล และการแต่งร้านในสไตล์ใกล้ชิดธรรมชาติ แต่ดูโมเดิร์น ขึ้นมาเป็นจุดขาย หรือ ร้านมุมอร่อย COMO ที่มีจุดขายเป็นวิวทะเลสาบและเขาชีจัน ไม่เหมือนที่อื่น5. รีวิวเพียบ หลายร้านมีคนติดตาม และคนรีวิวจำนวนไม่น้อย ในจำนวนนี้มีทั้งรีวิวจากลูกค้าที่ไปใช้บริการเอง และรีวิวจากนักรีวิวมืออาชีพ ถ้าเป็นคลิปรีวิวจะยิ่งน่าสนใจมากขึ้น และยิ่งมีรีวิวมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้นเท่านั้น นอกจากรีวิวใน Facebook แล้ว อย่าลืมนึกถึงเว็บรีวิวร้านอาหาร เช่น Wongnai, Chillpainai, Ryoiireview ฯลฯ ที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการ และเว็บเหล่านี้จะขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆเมื่อลูกค้าเสิร์ชหาชื่อร้านใน Google อีกข้อสังเกตหนึ่งคือ รีวิวจากสื่อต่างๆ เช่น รายการโทรทัศน์ เว็บไซต์สำนักข่าว เว็บPortal ยังคงมีผลในการสร้างการรู้จักและทำให้ผู้ที่สนใจ ติดตามLinkมายังเพจของร้านได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น website TrueID , MGRonline เป็นต้น6. ดราม่าพาสงสัย ในจำนวนนี้มีร้านที่ได้รับการเสิร์ชหาเป็นจำนวนมากเพราะมีกรณีดราม่าเกิดขึ้น จากความขัดแย้ง หรือความไม่เข้าใจกันระหว่างผู้ใช้บริการกับเจ้าของร้าน แล้วเกิดการถกเถียงกันในโลกโซเชียลเป็นวงกว้าง และกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีสำนักข่าวนำไปออกข่าวโทรทัศน์ ทำให้ผู้คนค้นหาร้านที่เป็นข่าวดราม่านี้ จนติดอันดับในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หากร้านสามารถรักษาเอกลักษณ์ของตัวเอง และรักษาคุณภาพการให้บริการของร้าน และสามารถแก้ไขข้อเข้าใจผิดไปพร้อมกันได้ ก็จะเป็นเรื่องดี แต่ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ก่อดราม่าเพื่อให้ร้านดัง เพราะเป็นเรื่องที่ควบคุมยากมาก หากเกิดข้อผิดพลาดจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี7. เน้นถูก เน้นคุ้ม ไม่ว่าอย่างไร คนไทยเน้นคุ้มค้าเสมออยู่แล้ว ยิ่งเป็นบุฟเฟ่ต์สายคุ้ม อิ่มพุงกาง ก็ยิ่งถูกพูดถึงในวงกว้าง กระตุ้นความอยากทดลองใช้บริการ และมักจะชวนเพื่อนฝูง หรือครอบครัวมาด้วย  แถมท้าย วิธีการหาข้อมูลบน Google Trends สำหรับร้านค้าที่ต้องการทำคอนเทนต์ให้เข้ากับกระแสหรืออยากรู้ว่าช่วงนี้ลูกค้าสนใจอะไรเป็นพิเศษจะได้รับมือได้ถูกต้อง ลองใช้ Google Trends โดยเข้าไปที่ https://trends.google.co.th/ trend.png 91.33 KB จากนั้นให้ลองเลื่อนลงมาที่ มาแรง เราจะพบว่าช่วงเวลานี้ คนในประเทศกำลังให้ความสนใจอะไรอยู่ ซึ่งเราสามารถนำมาทำเป็นคอนเทนต์ โดยปรับให้ใกล้เคียงกับร้านเราก็ได้ มาแรง.png 28.54 KB หรือ ลองพิมพ์ keyword ลงไปในช่อง ป้อนข้อความหรือหัวข้อค้นหา ยกตัวอย่างเช่น “ร้านอาหาร” เราจะพบว่า ระดับความสนใจ คำว่าร้านอาหารในช่วงนี้มีมากแค่ไหน แล้วจังหวัดไหนที่ค้นหามากที่สุด  ร้านอาหาร02.png 59.67 KB ร้านอาหาร02.png 59.67 KB ถ้าเลื่อนลงมาอีกเราจะพบหัวข้อที่เกี่ยวข้อง และคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง ในส่วนนี้เราสามารถนำ จุดที่เกี่ยวข้องกันเรา หรือ “ดาวรุ่งพุ่งแรง”  มาสร้างเป็นคอนเทนต์ของเราได้เช่นกัน

สูตรอาหารเพิ่มเติม
สรุปบทเรียนปีที่ผ่านมา พร้อมคำแนะนำผู้ประกอบการต้องรู้ เพื่อเตรียมพร้อมรับปี 2565

สรุปบทเรียนปีที่ผ่านมา พร้อมคำแนะนำผู้ประกอบการต้องรู้ เพื่อเตรียมพร้อมรับปี 2565

ปี 2564 ที่เพิ่งผ่านพ้นมา เป็นอีกปีหนึ่งที่ไม่ง่ายนักสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร ในวาระครบรอบผ่านพ้นปีเก่า และเพื่อเตรียมพร้อมรับปีใหม่ที่เพิ่งมาถึง แถมโควิด-19 ก็ยังไม่หายไปไหน เราขอชักชวนให้ผู้ประกอบการทุกร้านได้หันมาพิจารณาบทเรียนสำคัญจากปีที่ผ่านมา พร้อมฟังคำแนะนำดีๆ จาก ‘เชฟจ๊อบ-ณัฎฐินี ปลอดทอง’ ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านร้านอาหาร ผู้จัดการอาวุโส Makro Horeca Academy เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมรับปี 2565 นี้กัน! สรุปภาพรวมปี 2564 ที่ผ่านมา ปี 2564 เป็นปีที่ร้านอาหารได้รับผลกระทบที่ยาวนานมากขึ้นกว่าเมื่อปี 2563  เพราะในหลายจังหวัดมีการ Lock Down และปิดการให้บริการหน้าร้านในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้นกว่าเดิม สิ่งที่เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยในปีที่แล้ว ได้แก่… ●       สัดส่วนของการขาย Delivery มีความสำคัญขึ้นมาก ซึ่งเป็นภาพการเติบโตต่อเนื่องมาจากในปี 2563 ที่ตอนนั้นเรายังเห็นร้านอาหารบางส่วนยินดีที่จะไม่ปรับเข้าเดลิเวอรี่และอดทนรอด้วยใจหวังว่าโควิด-19 จะเป็นวิกฤตเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่เมื่อเวลาเข้าสู่เกือบ 2 ปีเต็ม จึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าในช่วง 3-5 ปีนี้ เราอาจจะยังต้องอยู่กับภาวะนี้กันต่อไป และถึงแม้ในยามที่หน้าร้านกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ แต่ยอดขายเดลิเวอรี่ของทุกๆ ร้านกลับไม่ได้หายไปเลย ทั้งนี้เพราะลูกค้าได้มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การ Work From Home หรือ Hybrid Work ซึ่งทำให้การทำงานที่บ้านนั้นเป็นวิถีปกติใหม่ New Normal ที่ยังคงอยู่ การสั่งอาหารในช่วงวันทำงานจึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าอย่างมาก ●       E-Payment กลายเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากทุกคนหลีกเลี่ยงการรับเงินสด เพราะกังวลเรื่องการแพร่กระจายของเชื้อ การชำระเงินแบบ E-Payment จึงกลายมาเป็นเรื่องปกติของร้านอาหารไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ไล่เรียงไปจนถึงร้านรถเข็น ซึ่งขั้นต่ำที่สุดก็จะต้องมี QR Payment หรือ การโอนเข้าบัญชี นี่ยังไม่รวมถึงการใช้ E-Wallet จากค่ายต่างๆ จนตอนนี้เราเริ่มพบเห็นทั้งร้านอาหารและร้านเครื่องดื่ม โดยเฉพาะร้านที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่บางร้าน เช่น ร้านคาเฟ่ ที่ไม่รับชำระด้วยเงินสดเลยก็มี ●       การขาดแคลนแรงงานร้านอาหาร ทั้งในส่วนของพนักงานเสิร์ฟ และ พนักงานครัว เนื่องจากการหยุดกิจการ และการเลิกจ้างที่ผ่านมา ทำให้แรงงานทั้งต่างด้าวและแรงงานไทยบางส่วนโยกย้ายกลับภูมิลำเนา หรือ เปลี่ยนสายงานไปแล้ว ทำให้ร้านอาหารยังประสบภาวะขาดแคลนแรงงานค่อนข้างรุนแรง อันเป็นที่มาของการปรับตัวที่ตามมาของร้านอาหารซึ่งก็คือ การปรับเมนู และบริการ เพื่อให้ใช้พนักงานน้อยลง และนำเอาเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยทดแทน เช่น การใช้ระบบ ‘Self-Ordering’ ให้ลูกค้าสั่งอาหารเอง เพื่อลดการใช้พนักงานเสิร์ฟ หรือ การใช้วัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูปพร้อมปรุง เพื่อลดขั้นตอนการทำงานภายในห้องครัว เป็นต้น E-Payment และ Self Ordering จะยิ่งกลายเป็นเรื่องปกติ แนวโน้มของปี 2022 จะเป็นอย่างไร มีอะไรที่ควรจะจับตามองบ้าง? แนวโน้มในปีนี้จะถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยหลักๆ อยู่ 4 เรื่องด้วยกัน ได้แก่  1. การเปิด-ปิดร้านอาหารตามมาตรการควบคุมโรคระบาดของรัฐหลังจากผ่านประสบการณ์มาได้ร่วม 2 ปี เชื่อมั่นว่าทุกร้านอาหารต่างก็มีความยืดหยุ่นกันมากขึ้นในการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดหรือไม่เปิดให้นั่งหน้าร้านก็ตาม โดยปัจจัยสำคัญซึ่งเป็นทางแก้สำหรับข้อนี้ คือ การศึกษาเทคนิคการเพิ่มยอดขายบนแอปฯ เดลิเวอรี่ต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อให้มีโอกาสเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นกว่าเดิม และเมนูอาหารก็ต้องเป็นไปตามพฤติกรรมของลูกค้าที่สั่งเดลิเวอรี่ด้วย จึงจะประสบความสำเร็จ 2. การปรับตัวของราคาวัตถุดิบราคาวัตถุดิบมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากวิธีการขึ้นราคาแล้ว  อาจต้องกลับมาพิจารณาถึงการคิดสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ โดยเลือกใช้วัตถุดิบที่มีราคารองลงมาเพื่อรักษาระดับต้นทุน และทำให้อาหารมีกลุ่มราคาทางเลือกที่ไม่แพงมากนัก เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสและเลือกที่มากขึ้นด้วย 3. การหดตัวของกำลังซื้อ และหนี้ครัวเรือนสำหรับร้านอาหารที่จัดอยู่ในหมวดฟุ่มเฟือย หรือ ไม่ใช่การบริโภคประจำวัน อาจจะต้องเหนื่อยกันมากขึ้น เพราะลูกค้ามีเงินอยู่ในกระเป๋ากันน้อยลง ไม่สามารถมาที่ร้านของเราได้บ่อยเหมือนเดิม ทำให้เป็นเวลาที่ต้องลองมองหาโมเดลทางธุรกิจใหม่ๆ เช่น กลุ่มอาหารสตรีทฟู้ดที่ราคาจับต้องได้ เพื่อจะทำให้เรามีโอกาสสร้างเงินสดหมุนเวียนเข้ามาในช่วงวันธรรมดาที่ลูกค้าไม่ได้มากินเพื่อสังสรรค์ เนื่องจากร้านกลุ่มนี้โดยปกติมีครัวที่ค่อนข้างใหญ่ และมีพนักงานมากอยู่แล้ว หากกลัวผลกระทบจากราคาขายที่อาจจะต่ำกว่าราคาของร้านเดิม ก็อาจเลือกเปิดแบรนด์ใหม่ในออนไลน์ก็ได้ 4. การขาดแคลนแรงงานในภาคธุรกิจร้านอาหารหากการเปิดรับแรงงานต่างชาติยังไม่เข้าสู่สถานการณ์ปกติ ร้านอาหารต้องปรับตัวกลับมาดูขั้นตอนการให้บริการของเราว่า มีส่วนไหนที่เอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย หรือลดขั้นตอนการทำงานลงได้หรือไม่ เพื่อให้สามารถลดจำนวนพนักงานลง เช่น การให้ลูกค้าสั่งและชำระเงินที่เคาน์เตอร์ เพื่อลดพนักงานรับออเดอร์และเดินบิล หรือการปรับเมนูให้ทำอาหารได้สะดวก และง่ายขึ้น หรือปรับมาใช้วัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูปเพื่อลดขั้นตอน ในปีนี้เราจะได้เห็นการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยมากขึ้น เพื่อลดขั้นตอนการทำงานและลดการจ้างงาน ผู้ประกอบการควรจะปรับตัวและเตรียมรับมืออย่างไร? เราคงไม่อาจคาดหวังให้โควิดหายไปได้ภายในปี หรือ 2 ปีนี้ ดังนั้น 2 ปีที่ผ่านมานี้  มีสิ่งที่เราสามารถตกตะกอน เพื่อนำมาเป็นแนวทางดำเนินงานร้านอาหารในอนาคตได้ในหลายๆ เรื่อง ซึ่งเรื่องหลักๆ ที่จะนำมาแชร์ และสามารถใช้ได้จริงในร้านทุกๆ ระดับเลยก็คือ 1. เน้นการขยายร้านในสเกลเล็ก  -           ในสภาวการณ์เช่นนี้สิ่งสำคัญคือการลงทุนแบบตัวเบา ลงทุนก่อสร้างน้อย ใช้แรงงานน้อย จะทำให้คืนทุนได้ไว และควรคำนึงถึงความยืดหยุ่นในกรณีที่ต้องเปิดหรือปิดด้วยเหตุจำเป็น    -           กลุ่มอาหาร ก็ควรยังต้องมุ่งเน้นอาหารที่บริโภคประจำวัน ไม่ใช่มื้อใหญ่ มื้อหรูหรา จะมีโอกาสสร้างรายได้ในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ได้ดีกว่า  2. หันมาใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งอำนวยความสะดวก ให้มากที่สุด เช่น ระบบสั่งอาหารผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ด การใช้เครื่อง POS การใช้หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร (ในร้านที่มีพื้นที่กว้าง) การใช้เนื้อสัตว์ที่หั่นตัดแต่งพร้อมใช้ การใช้วัตถุดิบแช่แข็งกึ่งสำเร็จรูป 3. ให้ความสำคัญกับข้อมูลการขายและต้นทุน การมุ่งเน้นสร้างยอดขายและควบคุมต้นทุนในเวลาเดียวกัน จะทำให้การบริหารร้านทำได้ดีขึ้น ดังนั้น การบันทึกยอดขาย และนำมาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าเพื่อสร้างโปรโมชั่นกระตุ้นการขาย รวมถึงนำมาวิเคราะห์ต้นทุนอาหารเพื่อควบคุมให้มีกำไร ย่อมจะทำให้เรายังสามารถทำกำไรได้ดีในสภาวะเช่นนี้ 4. อัพเดตต้นทุนอาหารให้เรียลไทม์อยู่เสมอ เนื่องจากราคาวัตถุดิบปรับเปลี่ยนค่อนข้างมากและบ่อย เมื่อก่อนเราอาจเคยทำต้นทุนมาตรฐานแต่ละเมนูไว้ปีละครั้ง โดยไม่เคยกลับมาอัพเดตต้นทุนวัตถุดิบเลย เราอาจพบว่าข้อมูลจริงคลาดเคลื่อนแต่ค่อนข้างน้อย ทว่าในปัจจุบันนี้ด้วยความถี่ของการอัพเดตราคาวัตถุดิบเราจึงควรต้องทำทุกเดือน เพราะหากต้นทุนอาหารมาตรฐานที่ร้านไม่เป็นปัจจุบัน ก็จะทำให้มีค่าความแตกต่างกับต้นทุนที่ใช้จริงมาก และจะไม่สามารถวางแผนควบคุมต้นทุนได้ดี เดลิเวอรี่จะยังอยู่ต่อไปอย่างแน่นอน สิ่งที่ต้องโฟกัสเอาไว้เลยมีดังนี้ สตรีทฟู้ดและอาหารอีสานยังคงตอบโจทย์เสมอ ● ประเภทอาหารต้องตอบโจทย์ อาหารสตรีทฟู้ด อาหารไทย ก๋วยเตี๋ยว  อาหารอีสาน ยังคงครองตลาด รวมถึงกาแฟและชาไข่มุก ● บริการเดลิเวอรี่ขยายออกนอกเมืองมากขึ้น การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานที่บ้าน จะทำให้ร้านค้านอกเมืองใกล้แหล่งชุมชนจะมีโอกาสมากขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับร้านใจกลางเมืองซึ่งอาจต้องเหนื่อยกันหนักขึ้น หากลูกค้าไม่กลับเข้าทำงานในสำนักงานตามปกติ ● ลูกค้าวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่มีการตัดสินใจซื้อที่ต่างกัน กล่าวคือวัยรุ่นหรือวัยทำงานมักเน้นดูโปรโมชั่น ในขณะที่วัยผู้ใหญ่ไม่ได้อ่อนไหวต่อราคามากนักแต่มองที่ความคุ้มค่า ผู้ประกอบการจึงต้องใช้ข้อมูลเข้ามาประกอบเพื่อทำโปรโมชั่นให้ตรงและโดนใจกลุ่มเป้าหมาย ● ร้านออนไลน์ตัวตนต้องชัดเจน เมนูต้องบอกตัวตนว่าชำนาญทางด้านนี้ ความหลากหลายเป็นเรื่องที่ดี แต่หากหลากหลายจนเกินไปลูกค้าก็จะไม่จดจำว่าเราเป็นใคร เพราะในหนึ่งหน้าของแอปฯ มีการแสดงผลร้านเยอะมาก บริการเดลิเวอรี่ขยายออกนอกเมืองมากขึ้น ทำให้ร้านค้านอกเมืองใกล้แหล่งชุมชนจะมีโอกาสมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อควรระวังสำหรับผู้ประกอบการที่คิดจะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง มีข้อควรทำ หรือข้อควรระวังอย่างไร “จากสภาวะรายได้และตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลง ทำให้หลายคนให้ความสนใจอยากเข้าสู่การเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหารเครื่องดื่มกันมาก แต่ก็อยากให้ลองถามใจตัวเองกันดูก่อนเป็นเช็คลิสสั้นๆ เพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนตัดสินใจ ดังต่อไปนี้ค่ะ” ●       คาดหวังกำไรจากธุรกิจเท่าไหร่ต่อเดือน (ไม่ใช่รายได้ เพราะเมื่อทราบกำไรที่คาดหวังแล้ว เราจะได้คำนวนกลับไปเป็นรายได้ของร้านได้) ●       มีเงินลงทุนก้อนแรก และเงินทุนหมุนเวียนอยู่เท่าไหร่ ●         มีความถนัดหรือชำนาญในอาหารประเภทใดบ้าง เนื่องจากยุคนี้ต้องลงทุนแบบตัวเบา เจ้าของควรมีสูตร หรือ ทำเองได้เบื้องต้น เพื่อถ่ายทอดหรือสอนให้กับพนักงาน ดีกว่าหวังจากเชฟเก่งๆ ค่าตัวแพงๆ  ●       กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นใคร สอดคล้องกับอาหารที่อยากขายหรือไม่ และมีจำนวนลูกค้าที่น่าจะเป็นลูกค้าเรามากน้อยแค่ไหน ผู้เชี่ยวชาญอย่างเชฟจ๊อบยังบอกอีกว่าทั้ง 4 ข้อดังกล่าวจะมีความสัมพันธ์กันเอง ซึ่งจะสะท้อนออกมาเป็นการคาดการณ์รายได้ และจำนวนปีที่คืนทุน ให้ผู้ที่คิดจะลงทุนลองทำเพียงเท่านี้ก่อน บางทีอาจพบว่าหากไปลงทุนทำอย่างอื่นอาจคุ้มกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีเงินลงทุนไม่มากนัก หรืออาจเป็นเงินทุนก้อนสุดท้ายที่มีอยู่ ท้ายที่สุดนี้ ในโอกาสปีใหม่ เชฟจ๊อบและ Makro Horeca Academy ก็ขอให้เพื่อนๆ ผู้ประกอบการทุกๆ ร้านยืนหยัดผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน โดยเรียนรู้จาก 2 ปีที่ผ่านมาให้มากๆ ลองเปิดใจ และเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เพื่อนำมาพัฒนาร้านของเราให้ดียิ่งขึ้น เชื่อมั่นเหลือเกินว่า ไม่ว่าจะเป็นร้านใหญ่หรือร้านเล็ก หากเรามุ่งเน้นการบริหารจัดการมากกว่ามองว่าเป็นการซื้อมาขายไปวันต่อวัน ไม่ว่าใครก็ย่อมประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้กันได้ทั้งนั้น!!

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ขาดเงินทุน อยากเปิดร้านอาหาร กู้เงินลงทุนอย่างไรให้ผ่าน?

ขาดเงินทุน อยากเปิดร้านอาหาร กู้เงินลงทุนอย่างไรให้ผ่าน?

สูตรจากเชฟมืออาชีพก็มีให้พร้อมแล้ว แต่ขาดเงินทุนเปิดร้านทำอย่างไรดี? ถ้าจะกู้เงินมาลงทุนต้องทำอะไรบ้าง? วันนี้ MHA ชวนมาทำความเข้าใจเรื่องการลงทุนกัน เพราะจะลงทุนเปิดร้านทั้งที จะต้องมีความรู้เรื่องการลงทุนธุรกิจร้านอาหารก่อน ต้องรู้ถึงขั้นกี่ปีถึงจะคืนทุนกันไปเลย จะได้คุยกับธนาคารรู้เรื่อง เข้าใจเรื่องเงินทุนก่อน โดยปกติเงินลงทุนหลักจะมาจาก 2 แหล่ง (หรือที่เราเรียกกันว่า 2 เจ้า) ได้แก่ 1.เจ้าของ  2.เจ้าหนี้ shutterstock_325416647.jpg 489.33 KB 1.เจ้าของ ในที่นี้หมายถึง เจ้าของกิจการ เจ้าของร้าน หรือหุ้นส่วนร้าน ซึ่งเป็นผู้ออกทุนทำร้านอาหาร จะอยู่ในรูปแบบบุคคลหรือนิติบุคลก็ได้ โดยทั่วไปเจ้าของมักจะใช้เงินเก็บหรือเงินสำรองในการลงทุน อย่างไรก็ดีในยุคปัจจุบัน การเอาเงินเก็บออกมาลงทุนจำนวนมากเป็นไปได้ยากมาก เพราะสถานการณ์ต่าง ๆ ยังไม่แน่นอน การมีเงินสำรองเก็บไว้ในยามฉุกเฉินเป็นเรื่องที่จำเป็น หรืออาจจะนำเงินออกมาลงทุนได้บางส่วน อีกส่วนต้องหาจากแหล่งอื่น ที่เราเรียกกันว่า เจ้าหนี้ 2.เจ้าหนี้ ในที่นี้หมายถึง แหล่งเงินที่กู้ยืมมาลงทุน โดยทั่วไปจะเป็นธนาคารหรือสถาบันการเงิน ที่ปล่อยเงินกู้สำหรับทำธุรกิจ หรือที่เรียกกันว่า “สินเชื่อธุรกิจ” โดยคิดค่าตอบแทนเป็นดอกเบี้ยรายปี ทั้งนี้ธนาคารจะปล่อยกู้หรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่นหลักทรัพย์ของผู้ยื่นกู้ ประวัติการเงิน รวมถึงแผนธุรกิจที่ผู้กู้ยื่นเสนอตอนทำเรื่องกู้ ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถกู้ผ่าน เพราะธนาคารเองต้องดูความเป็นไปได้ของธุรกิจด้วยเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดหนี้สูญ ถ้าธุรกิจเกิดไปไม่รอดหลังจากปล่อยกู้ไปแล้ว shutterstock_170427077.jpg 495.97 KB ดังนั้น สิ่งที่จะต้องคิดถ้าจะต้องกู้เงินมาลงทุนทำร้านอาหารคือ ศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจให้ดีก่อน เริ่มต้นจากศึกษาแนวคิดทางธุรกิจร้านอาหารให้ถ่องแท้ก่อน โดยเริ่มจากคำถามง่าย ๆ ดังนี้ ขายอะไร เราอาจจะมีความชอบ หรือไปกินร้านไหนแล้วเห็นลู่ทางอยากขายบ้าง แต่ต้องสำรวจก่อนว่าของที่จะขายเหมาะกับทำเลหรือไม่ มีกลุ่มลูกค้ารองรับรึเปล่า ขายให้ใคร หาให้ได้ว่าใครคือลูกค้าที่แท้จริงของร้าน หลายคนมักจะพลาด เปิดร้านเพราะเพื่อนๆหรือคนรู้จักชอบอาหารที่ทำ สุดท้ายพอเปิดร้านเลยขายได้แต่คนรู้จัก ไม่มีลูกค้าเพิ่ม จนต้องพับกิจการไป  ขายอย่างไร จะขายให้ลูกค้าในราคาเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสมกับลักษณะกลุ่มเป้าหมาย ลูกค้าจะยอมจ่ายได้เท่าไหร่สำหรับอาหารที่เราขาย ขายที่ไหน ลูกค้าจะซื้อจากช่องทางไหน ถ้าขายหน้าร้านทำเลเป็นเรื่องสำคัญ หรือถ้าเน้นขายเดลิเวอรี่ ต้องดูว่ามีกลุ่มลูกค้าให้จัดส่งแถวนี้ไม่เกิน 5 กิโลเมตรมากน้อยแค่ไหน ต้องลงทุนเช่า Cloud kitchen หรือไม่ ขายเมื่อไหร่ จะเปิดร้านเมื่อไหร่ ขายเวลาไหนบ้าง ช่วงเวลาพีคของวันคือช่วงใด และวันไหนที่จะขายดี-ไม่ดี สิ่งเหล่านี้เหมือนการทดลองทำธุรกิจบนกระดาษก่อน โดยตั้งเป็นสมมติฐาน แล้วหาข้อมูลมาสนับสนุน และลงรายละเอียดให้ชัดเจนที่สุด และจะทำให้เราได้ “แผนธุรกิจ” ของร้านออกมา ซึ่งจะบอกถึงต้นทุนที่เราจะต้องจ่าย ค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อเดือนเท่าไหร่ มีข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบคู่แข่งอย่างไรบ้าง ถ้าจะทำจริงกำลังการผลิตเราเพียงพอหรือเปล่า และกำไรประมาณการที่เราคำนวนเอาไว้คุ้มกับการทำธุรกิจหรือไม่ *ตรงนี้สำคัญ เพราะธนาคารจะพิจารณาปล่อยกู้จากข้อมูลผลกำไร ที่เขียนไว้ในแผนธุรกิจนี้ประกอบไปด้วย shutterstock_1073013353.jpg 783.24 KB กลับมาที่เรื่องเงินลงทุน อยากเปิดร้านอาหาร กู้เงินลงทุนอย่างไรให้ผ่าน ต้องศึกษา 3 เรื่องนี้เพิ่มเติม ต้องรู้ก่อนว่าจะใช้เงินทุนกับอะไรบ้าง  ในการลงทุนร้านอาหาร ไมได้มีเพียงแค่ลงทุนค่าทำร้านเท่านั้นยังมีค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่อีกมาก เช่น ค่าปรับปรุงร้าน ค่าตกแต่งสถานที่ ค่าซื้อของหรืออุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในครัว ค่าใช้จ่ายในการจัดจ้างพนักงาน ค่าโปรโมทร้าน  และจำเป็นต้องมีเงินทุนสำรองเผื่อฉุกเฉินอีกด้วย  พื้นที่ของร้านก็มีความแตกต่างด้านราคา และยังมีค่ามัดจำร้านอีกก้อนโต ค่าออกแบบโครงสร้างและตกแต่งภายใน ให้แบ่งเป็นค่าออกแบบขั้นต่ำ กับค่าออกแบบขั้นสูง ซึ่งเจ้าของร้านเองจะได้มีพื้นที่ตรงกลางให้เลือก ค่าก่อสร้างร้าน และปรับปรุงร้าน ในกรณีเซ้งร้านมาปรับปรุงใหม่ อุปกรณ์ห้องครัว เตาแก็ส เตาอบ ตู้เย็น ตู้แช่ ฯลฯ ขึ้นอยู่กับประเภทร้านที่จะทำ อุปกรณ์ในงานบริการต่างๆ เช่นลูกค้าต้องการนั่งในร้าน ขนาดร้านของเราควรเป็นเท่าไหร่ ความสามารถในการรับลูกค้า ต้องมีเก้าอี้กี่ตัว มีโต๊ะกี่ตัว ต่อขนาดของร้าน ร้านจะได้ไม่ดูโหลงเหลง หรือดูคับแคบมากจนเกินไป ค่าสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ  ป้ายต่างๆ ขนาดของป้าย และอย่าลืมคำนึงถึงภาษีป้ายด้วย เพราะถ้าป้ายยิ่งใหญ่ ภาษีก็บานตาม shutterstock_1553540318 (1).jpg 294.5 KB เงินในการจ่ายค่าวัตถุดิบในการเปิดร้าน ค่าใบอนุญาตต่างๆ เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ ค่าพนักงานก่อนเปิดร้าน เช่น การฝึกหัดพนักงาน ค่าใช้จ่ายในการจัดหาคน ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าโทรศัพท์ กล้องวงจรปิด ฯลฯ ค่าวัสดุสิ้นเปลืองต่างๆ เช่น กระดาษ ปากกา กล่องใส่อาหารหลายขนาด  ช้อน ส้อมพลาสติก หลอด ถุงพลาสติก กระดาษทิชชู่ เป็นต้น 2. ต้องรู้ก่อนว่าจะใช้เงินทุนเท่าไหร่ ให้ลองคำนวณจากเงินลงทุนที่เราต้องใช้ในการเปิดร้านทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เงินค่ามัดจำสถานที่ ค่าทำร้าน ค่าจิปาถะ รวมถึงเงินทุนหมุนเวียน ในส่วนนี้ต้องเตรียมเงินลงทุนค่าเตรียมการเปิดร้านประมาณ 60-70%  เงินทุนหมุนเวียนสำรอง 4-6 เดือน เผื่อเหตุไม่คาดฝัน ไม่มีลูกค้าเข้าร้านอย่างที่คิด จะยังมีเงินส่วนนี้ประคองธุรกิจไปได้ มีเงินจ่ายค่าวัตถุดิบ ค่าน้ำไฟ ค่าจ้างพนักงาน เพราะต้องไม่ลืมว่า การเปิดร้านใหม่ต้องใช้เวลาสักระยะ เพื่อให้ลูกค้ารู้จักร้าน ในส่วนนี้คิดเป็น 20-30% งบการตลาด มือใหม่มักจะลืมงบตัวนี้ เอาทุนไปลงกับการตกแต่งร้านเป็นส่วนมาก จนลืมไปว่าการทำให้ร้านเป็นที่รู้จักต้องใช้งบประมาณเช่นกัน เช่น ค่ายิงโฆษณา ค่าจ้างทำสื่อ จ้าง Influencer แม้แต่ป้ายโฆษณา ใบปลิว สื่อการตลาดต่างๆ ก็ต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น ส่วนนี้ให้ตั้งงบไว้ 10-20% 3. ต้องรู้ว่าจะคืนทุนเมื่อไหร่ ยกตัวอย่าง ถ้าเราใช้งบประมาณในการลงทุนทั้งหมดรวมเงินหมุนเวียน อยู่ที่ 3 ล้านบาท เราทำการสำรวจแล้วพบว่า ลูกค้าบริเวณร้านจะยอมจ่ายกับอาหารของเรา 200 บาท และมีกลุ่มเป้าหมายประมาณ 3,000 คนต่อเดือน หรือ 100 คนต่อวัน เท่ากับรายได้ต่อเดือน 600,000 บาท ถือเป็นตัวเลขคร่าวๆ ไว้ ในจำนวนนี้หักเป็นต้นทุนขายประมาณ 35% (เป็นตัวเลขมาตรฐานที่ควรควบคุมไว้ไม่ให้ต้นทุนเกินจากนี้) เท่ากับ 210,000 บาท ตามด้วยค่าเช่า ค่าจ้าง ค่าจิปาถะต่างๆ อีกประมาณ 300,000 บาท รวมแล้ว เหลือเป็นกำไรสุทธิ 90,000 บาทต่อเดือน รวมแล้วเป็นกำไรต่อปี 1,080,000 บาท ต่อปี  จากนั้นลองเข้าสูตรคำนวณหา ROI หรือ Return on Investment อัตราผลตอนแทนการลงทุน ดังนี้ ROI = (กำไรสุทธิ/เงินลงทุน) x 100  จากตัวอย่างจะพบว่า ROI = (1,080,000/3,000,000)x100 = 36% ต่อปี ซึ่งถือว่าโอเค แล้วให้คิดระยะเวลาคืนทุน โดยใช้สูตร  ระยะเวลาคืนทุน = จำนวนเงินลงทุน หาร ด้วยกำไรสุทธิ จากตัวอย่างจะพบว่า ระยะเวลาคืนทุน = 3,000,000/1,080,000 = 2.77 เดือน หรือประมาณ 2 ปี 10 เดือน ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นที่คำนวณได้นี้ ต้องกลับมามองว่า ถ้าระยะเวลาคืนทุนเท่านี้ เราพอใจหรือไม่ หรือถ้าลงทุนอย่างอื่นให้ผลตอบแทนดีกว่า ไวกว่าหรือเปล่า ต้องลองชั่งน้ำหนักดู  นอกจากนี้ถ้าคำนวณงบการเงินเป็น เราจะเห็นมูลค่าของร้านในอนาคตอีก 4-5 ปีข้างหน้า ลองดูว่ามูลค่าร้านจะเพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนหรือไม่ ซึ่งจะเป็นข้อมูลให้กับตัวเราเอง นักลงทุน และธนาคาร ในการตัดสินใจลงทุนหรือปล่อยกู้ให้ธุรกิจร้านอาหารของเรานั่นเอง แนะนำให้ลองศึกษาเพิ่มเติมได้ที่คอร์ส “การศึกษาความเป็นไปได้ธุรกิจร้านอาหาร” โดย อาจารย์เซ็ธ เศรษฐพงศ์ ผดุงพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท จีโนซิส จำกัด ที่ปรึกษาธุรกิจร้านอาหารและแฟรนไชส์  คอร์สที่จะสอนวิธีการศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจร้านอาหาร วิเคราะห์ความสามารถในการแข่งขัน วิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการตลาด ความต้องการของลูกค้า วิเคราะห์ความสามารถในการให้บริการ รวมถึงวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการเงินอย่างง่าย ๆ สำหรับผู้ประกอบมือใหม่ ที่สำคัญคอร์สนี้ ฟรี!!!  คลิก แถมท้าย สำหรับใครที่ยังไม่มีไอเดียว่าจะเปิดร้านขายอาหารอะไรดี แนะนำให้ลองศึกษาสารพัดคอร์สทำอาหารขายของ Makro HoReCa Acadamy ดูก่อน เพราะมีให้ศึกษาครบ ทั้งสูตรอาหารจากเชฟมืออาชีพ การันตีความอร่อยถูกใจลูกค้า การคำนวณต้นทุนวัตถุดิบ พร้อมแนะนำราคาขายต่อหน่วย เรียกได้ว่า ดูจบแล้วพร้อมเปิดร้านได้ทันที  ตัวอย่างคอร์ส “ข้าวเหนียวหมูทอด ไก่ทอด สูตรเงินล้าน พร้อมแจ่วปลาร้าสุดแซ่บ” โดย เชฟโอ๋ อาจารย์ญาณัช มะอาจเลิศ อาจารย์ผู้สอนโรงเรียนการอาหารไทยเอ็มเอสซี และอนุกรรมการสมาคมเชฟประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย ด้วยประสบการณ์มากกว่า 10 ปี “ไก่กรอบซอสเกาหลี” เมนูฮิตตามกระแสซีรีย์ โดย เชฟติ๊ตูม ศุภรา กิตติอุดม Celeb Chef Thailand 

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ขยายสาขาอย่างไร ให้ตอบโจทย์เดลิเวอรี่ ค่าส่งถูกลง ได้ลูกค้ามากขึ้น

ขยายสาขาอย่างไร ให้ตอบโจทย์เดลิเวอรี่ ค่าส่งถูกลง ได้ลูกค้ามากขึ้น

การขยายสาขาเป็นอีกทางที่ตอบโจทย์เดลิเวอรี่ เพราะการขยับร้านเข้าไปใกล้ลูกค้ามากขึ้นเท่าไหร่ ค่าส่งที่ลูกค้าต้องจ่ายก็จะถูกลงตามไปด้วย ช่วยกระตุ้นการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ได้เป็นอย่างมาก เป็นการขยายฐานลูกค้าของร้านให้กว้างขึ้น และเพิ่มยอดขายโดยรวมของธุรกิจ แต่...จะทำอย่างไรให้ยอดขายเดลิเวอรี่คุ้มค่ากับการขยายสาขาซึ่งต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก วันนี้ MHA มีคำตอบ songprapha.png 2.01 MB 1.      จะขายเดลิเวอรี่ ต้องเลือก Location ให้ตอบโจทย์เดลิเวอรี่ ปกติเราจะเลือกทำเลเปิดร้านใหม่ โดยพิจารณาจากจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่หมุนเวียนผ่านไปมา จำนวนผู้พักอาศัยหรือทำงานอยู่รอบบริเวณนั้น ซึ่งเรามักจะพิจารณาทำเลที่มีกลุ่มเป้าหมายหนาแน่นในระยะรัศมีไม่เกิน 0-5 กิโลเมตรจากร้าน เพราะเราขายอาหารโดยพึ่งพาการมานั่งกินที่ร้านเป็นหลัก แต่ถ้าเป้าหมายของการขยายสาขาคือต้องการเพิ่มยอดขายเดลิเวอรี่ให้สูงขึ้น ให้เราลองขยายรัศมีในการพิจารณาเลือกทำเลตั้งร้าน จากเดิมรัศมี 5 กิโลเมตร เป็น 10 กิโลเมตรรอบร้านแทน  เพราะลูกค้านิยมสั่งอาหารเดลิเวอรี่กับร้านที่อยู่ห่างออกไปไม่เกิน 0-10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะที่ค่าส่งยังไม่แพงและใช้เวลาจัดส่งไม่เกิน 30-45 นาที (สำหรับเขตกรุงเทพฯและเมืองที่การจราจรหนาแน่น) ถ้าไกลกว่านี้ลูกค้าจะจ่ายค่าส่งไม่ไหว รวมถึงไรเดอร์เองก็ไม่ปลื้มจนไม่อยากกดรับงานร้านเรา ดังนั้น การเลือกโลเคชั่นร้านจะต้องคำนึงถึงความสะดวกของไรเดอร์ที่จะเข้ามารับอาหารที่ร้านด้วย และควรหาโลเคชั่นที่สามารถกระจายสินค้าได้ง่าย ดังนี้  ·         ติดถนน จะเป็นถนนใหญ่หรือถนนเมนที่เข้าถึงง่ายก็ได้ ถ้าอยู่ในซอยต้องไม่ลึกเกินไป อยู่ใกล้หรืออยู่ปากซอยไปเลยยิ่งดี ·         มีทางเข้าออกได้หลายทาง ถ้าสามารถเชื่อมไปยังถนนหลักหลายสายได้จะดีมาก ยกตัวอย่าง ถนนสรงประภา ที่สามารถออกไปยังเส้นวิภาวดี ครอบคลุมเขตดอนเมือง อีกด้านไปรังสิต นนทบุรี และแจ้งวัฒนะได้ ทั้งลูกค้าและไรเดอร์สามารถเดินทางมาได้หลายทาง ·         มีพื้นที่ให้พักคอยและจอดมอเตอร์ไซร์ เนื่องจากเป็นยานพาหนะหลักของการส่งอาหาร ควรมีที่พอให้จอดได้ 1-5 คันพร้อมกัน และต้องมีพื้นที่นั่งคอย เพราะไม่ใช่ว่าอาหารจะสามารถออกได้เร็วทุกเมนู ต้องมีการนั่งรออย่างแน่นอน    เมื่อพิจารณาแล้วจะพบว่าโลเคชั่น “ปั๊มน้ำมัน” น่าสนใจมาก โดยเฉพาะปั๊มน้ำมันที่มีคนเข้าเยอะหรืออยู่ใกล้ชุมชน เพราะปั๊มเหล่านี้มักจะอยู่ในเส้นทางสัญจร อยู่ในจุดที่เข้าถึงง่าย มีที่จอดรถ มีห้องน้ำและร้านสะดวกซื้อ ซึ่งไรเดอร์มักจะมาแวะพักกันเสมอ              หรือถ้าจะลองหาเช่าตึกเปิดสาขาใหม่ ในแหล่งชุมชนมีลูกค้าเข้าถึงเป็นจำนวนมาก โดยเปิดแบบขายหน้าร้านเอาไว้รับลูกค้าที่อยู่ใกล้ และขายอาหารเดลิเวอรี่ไปพร้อมกันเลย ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ    mhajap.jpg 61.54 KB 2. ทำหน้าร้านให้เหมาะกับการเน้นขายเดลิเวอรี่  ร้านแบบไหนที่เหมาะกับการขายเดลิเวอรี่? จากกรณีศึกษา บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) เจ้าของร้านอาหาร ZEN AKA ตำมั่ว ลาวญวณ ซึ่งประสบปัญหาในการขายเดลิเวอรี่จากปัจจัยหลักดังนี้             1.ลักษณะของอาหารไม่เหมาะกับการขายเดลิเวอรี่ เพราะเป็นร้านที่ออกแบบมาสำหรับการทานอาหารในร้านโดยเฉพาะ ตัวอาหารจึงไม่เหมาะกับการจัดส่ง เช่น ซูชิ ของร้านZEN หรือ บุฟเฟต์ปิ้งย่างของร้านAKA ในขณะที่บรรจุภัณฑ์ของร้านก็ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อจัดส่งเช่นกัน           2.โลเคชั่นไม่เอื้ออำนวยในการขายเดลิเวอรี่ โลเคชั่นร้านทั้งหมดอยู่บนห้างสรรพสินค้า ซึ่งไรเดอร์เข้าถึงได้ยาก ที่ตั้งไม่เอื้อต่อการจัดส่ง ไหนจะแบกต้นทุนค่าเช่าสถานที่(ห้างสรรพสินค้า) และต้องเจอกับค่า GP ในการจัดส่งอีก              เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป แก้เกมด้วยการปั้นธุรกิจร้านอาหารใหม่ชื่อ “เขียง” เน้นการขายเดลิเวอรี่ โดยร้านถูกกำหนดมาตั้งแต่วันแรกแล้วว่า ยอดขาย 50% จะต้องมาจากเดลิเวอรี่ ไม่เน้นนั่งกิน โดยเลือกขายอาหารสตรีทฟู้ด ที่ใช้วัตถดิบคุณภาพดี ในราคาที่ลูกค้าเข้าถึงได้ ทำเลต้องอยู่ในจุดที่ลูกค้าเข้าถึงได้เป็นจำนวนมาก และไรเดอร์สามารถรับ-ส่งอาหารได้ง่าย             ปัจจุบัน “เขียง” ถือว่าประสบความสำเร็จมาก จนสามารถขยายสาขาได้ 85 สาขา ภายใน 2 ปี และวางแผนจะขยายให้ครบ 100 สาขาในไม่ช้า (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ “วิธีสร้างแบรนด์สตรีทฟู้ดเดลิเวอรี่ของ ‘เขียง’ ขยายสำเร็จกว่า 80 สาขา ในระยะเวลา 2 ปี” )              กลยุทธ์ที่น่าสนใจของ “เขียง” คือ ทางร้านจะเน้นพื้นที่ทำอาหารหรือครัว โดยมีโต๊ะสำหรับนั่งกินไม่มากนัก เลือกทำเลในจุดยุทธศาสตร์ เน้นตึกแถวใกล้หมู่บ้านจัดสรร ใกล้คอนวิเนียนสโตร์ หรือเช่าร้านในปั๊มน้ำมัน ซึ่งค่าเช่าถูกกว่าในห้างสรรพสินค้าหลายเท่าตัว และยังสะดวกสำหรับไรเดอร์ที่จะมารับสินค้า ช่วยให้ส่งอาหารได้ภายใน 30-45 นาที คิดค้นและผลิตซอสสูตรเฉพาะของร้าน เพื่อควบคุมรสชาติให้ใกล้เคียงกันทุกสาขา พัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับการเดลิเวอรี่ เข้าไมโครเวฟได้ เก็บความร้อนได้ดี ถือกินได้ง่าย และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม   Tip : สำหรับร้านที่จะขายเดลิเวอรี่ พื้นที่สำคัญคือครัว ต้องจัดครัวให้Flow เรียงลำดับการทำงานให้ดี ตั้งแต่กระบวนการรับออเดอร์ การเตรียมวัตถุดิบ การปรุง จนถึงการบรรจุลงบรรจุภัณฑ์ Flowของครัวสำคัญมาก จะทำอาหารส่งช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับFlowเป็นสำคัญ ลองศึกษาการปรับปรุงครัวให้เหมาะกับเดลิเวอรี่จากกรณีตัวอย่างร้าน Rhythm & Shabu กับ MHA Advice ปั้นธุรกิจสู่มืออาชีพ คลิก=> Rhythm & Shabu shutterstock_1720760002.jpg 2.91 MB 3. เช่า Cloud Kitchen เพิ่มทำเลขายเดลิเวอรี่  Cloud Kitchen คือ ครัวรวมที่เปิดให้เช่าทำอาหารขาย ลองนึกถึงฟู้ดคอร์ดหรือโรงอาหารที่มีร้านหลายร้านมาเช่าขายอาหาร แต่จะขายผ่านเดลิเวอรี่เท่านั้น โดยที่ Cloud Kitchen จะจัดเตรียมพื้นที่ครัวและสิ่งอำนวยความสะดวกที่สำคัญต่อการขายอาหารเดลิเวอรี่ไว้ให้เราแล้ว ซึ่งเหมาะมากสำหรับธุรกิจที่อยากขยายพื้นที่การขายเดลิเวอรี่ไปยังทำเลใหม่ แต่ไม่อยากทำร้านเพิ่มอีกสาขาเพราะงบประมาณจำกัด    ตัวอย่าง Cloud Kitchen และข้อมูลที่น่าสนใจ ภาพจาก https://cloudkitchenbangkok.com/ ·         Cloud Kitchen Bangkok ให้บริการ Cloud Kitchen ครบวงจร ด้วยการให้เช่าห้องครัวและอุปกรณ์ทำครัว เพียงแค่เช่าพื้นที่ก็ส่งพนักงานเข้าไปทำอาหารได้เลย มีบริการเดลิเวอรี่ในตัว โดยจัดส่งในพื้นที่สุขุมวิทและจัดส่งฟรีในระยะ 3 กิโลเมตรจากครัว และสามารถจัดส่งอาหารให้ลูกค้าในย่านนี้ในเวลา 15-20 นาที ครอบคลุมโซนเอกมัย ทองหล่อ อโศก สุขุมวิท71 ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยและสำนักงานจำนวนมาก และเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญ การเช่า Cloud Kitchen ที่นี่ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับร้านที่อยากลอง “ขยับ” เข้าไปใกล้กลุ่มลูกค้าสุขุมวิท โดยไม่ต้องใช้เงินมากนัก เพราะถ้าจะเช่าตึกเปิดร้านในย่านนี้ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก จากราคาที่ดินที่สูงลิบ ภาพจาก https://www.grabmerchantth.com/ ·         GrabKitchen คือ Cloud Kitchen ที่รวบรวมร้านอาหารยอดนิยมชั้นนำมาไว้ในที่เดียวกันและทำอาหารเพื่อจัดส่งผ่าน GrabFood โดยเฉพาะ ดังนั้น GrabKitchen จึงมีความได้เปรียบตรงที่มีฐานลูกค้าที่ใหญ่มากจากบริการเดิมที่บริษัทมีอยู่ ปัจจุบันครอบคลุมการจัดส่งในพื้นที่ ตลาดสามย่าน ทองหล่อ ลาดพร้าว ปิ่นเกล้า สาทร และนาคนิวาส โดยที่ลูกค้ามาสามารถเลือกสั่งอาหารที่เข้าร่วม GrabKitchen ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 22.00 น. ภายในรัศมีส่ง 8 กิโลเมตร ข้อดีของ GrabKitchen คือ ไม่มีการคิดค่าบริการสำหรับพื้นที่ทำครัว ซึ่งอุปกรณ์ทำครัวรวมไปถึงตู้เย็นร้านค้าจะต้องเป็นคนดูแลเอง 

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ภาษีเปิดร้านอาหาร ฉบับมือใหม่! จัดการเรื่องการเงินและการบัญชีให้เป๊ะ สรุปสั้นๆ ฉบับเข้าใจง่าย

ภาษีเปิดร้านอาหาร ฉบับมือใหม่! จัดการเรื่องการเงินและการบัญชีให้เป๊ะ สรุปสั้นๆ ฉบับเข้าใจง่าย

หลายคนที่เป็นมือใหม่เปิดร้านอาหาร อาจจะคิดถึงเรื่องระบบการทำงานร้าน การทำสูตรให้อร่อยเป๊ะ ขอให้ขายได้ขายดี ลูกค้าซื้อซ้ำก่อนเป็นพอ ให้ความสำคัญของ “เรื่องภาษี” เป็นเรื่องท้ายๆ ที่หลายคนคิดถึง  วันนี้ MHA สรุปภาษีฉบับมือใหม่เปิดร้านอาหาร ภาษีเหล่านี้คืออะไร ต้องเก็บเอกสารอะไรเป็นหลักฐานบ้าง ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่บ้าง ต้องทำบัญชีอย่างไรบ้าง ต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง ให้ผู้ประกอบการมือใหม่ไฟแรง เตรียมตัวเรื่องภาษีตั้งแต่ต้นปี จัดการเรื่องการเงินและการบัญชีให้เป๊ะ! shutterstock_1376943989.jpg 189.82 KB 1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา  ภาษีที่จัดเก็บกับบุคคลทั่วไปที่มีรายได้เป็นรายปี ดูจากรายได้ที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างปี ผู้มีรายได้มีหน้าที่ต้องแสดงรายการตามแบบแสดงรายการภาษีที่กำหนด ตามกฎหมายแล้วรายได้ที่มาจากการเปิดร้านอาหารถือเป็น เงินได้ประเภทที่ 8 ซึ่งทำให้ต้องยื่นภาษีทุกครึ่งปี โดยที่ - ครั้งที่1 ยื่นแบบภ.ง.ด.94 ภายในเดือนกรกฎาคม-กันยายน โดยคำนวนจากยอดเงินได้ในเดือนมกราคม - มิถุนายน  - ครั้งที่ 2 ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป โดยคำนวนจากยอดเงินได้ตลอดเดือนมกราคม-ธันวาคม โดยนำภาษีที่จ่ายในครั้งที่ 1 มาหักออกจากภาษีที่คำนวณจ่ายครั้งที่ 2  ถ้าเราเปิดร้านอาหารโดยที่ไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคล เราต้องเอารายได้จากการขายมาคำนวนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทุกปี ในการยื่นภาษีประเภทนี้ ต้องเตรียมหลักฐานที่มารายได้ หลักฐานค่าใช้จ่าย ได้แก่ ใบเสร็จรับเงินต่างๆ สำหรับยื่นเป็นหลักฐานในการหักลดหย่อนภาษีตามจริงด้วย หรือจะเลือกใช้การหักลดหย่อนด้วยอัตราเหมาจ่าย ไม่เกิน 60% ก็ได้ ถ้าไม่อยากยุ่งยากในการเก็บ-การยื่นเอกสารจำนวนมาก ศึกษาเพิ่มเติมเรื่องอัตราภาษีและการลดหย่อนได้ที่ => https://bit.ly/3nYxiBj 2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีนี้คือ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ และรวมถึงนิติบุคคลอื่นที่ไม่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แปลว่า ถ้าเราเปิดร้านอาหารโดยการจดทะเบียนเป็นบริษัท เป็นห้างหุ้นส่วน ห้างร่วมค้า หรือเป็นคณะบุคคล ต้องเสียภาษีตัวนี้ ต่างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตรงที่ ภาษีเงินได้นิติบุคคลจะใช้รอบระยะเวลาบัญชีในการคำนวนและกำหนดเวลาในการยื่นภาษีซึ่งจะเริ่มต้นเมื่อต้นและสิ้นสุดลงเมื่อใดก็ได้ โดยยอดภาษีจะคำนวณจาก กำไรสุทธิคูณด้วยอัตราภาษีที่กำหนด ร้านอาหารที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจะต้องยื่นแบบชำระภาษีปีละ 2 ครั้งเช่นกัน คือ  - ครั้งแรก ภ.ง.ด.51 เรียกว่าภาษีเงินได้ครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี ยื่นภายใน 2 เดือนเมื่อครบ 6 เดือนของรอบระยะเวลาบัญชี - ครั้งที่สอง ภ.ง.ด.50 เรียกว่าภาษีเงินได้สิ้นรอบระยะเวลาบัญชี ยื่นภายใน 150 วันนับตั้งแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ในการยื่นภาษีประเภทนี้ ต้องเตรียมหลักฐานค่าใช้จ่ายของบริษัท ใบภาษีหัก ณ ที่จ่าย ฯลฯ เพื่อนำมาหักลดหย่อน  ศึกษาเพิ่มเติมเรื่องอัตราภาษีและการลดหย่อนได้ที่ => https://bit.ly/35d3n1M 3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT  เป็นการเก็บภาษีจากการขายสินค้า หรือการให้บริการในแต่ละขั้นตอนการผลิต และจำหน่ายสินค้าหรือบริการ ทั้งที่ผลิตภายในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ โดยปกติและ จะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7% โดยจะบวกเพิ่มลงไปในราคาสินค้าเลย นั่นคือถ้าเราจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เราจะต้องขึ้นราคาอาหารให้ครอบคลุมภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย เพราะต้องไม่ลืมว่า เวลาที่เราซื้อวัตถุดิบ เราก็เสียภาษีมูลค่าเพิ่มให้ซัพพรายเออร์เช่นกัน shutterstock_1943040376 (1).jpg 16.56 MB ร้านอาหารที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ - เป็นผู้ประกอบกิจการที่มีรายได้เกินกว่า 1,800,000 บาท (ก่อนหักค่าใช้จ่าย) โดยต้องยื่นจดทะเบียนภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่มีรายได้เกิน - เป็นผู้ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ ต้องมีการซื้อสินค้า หรือรับบริการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น การติดตั้งเครื่องจักร ก่อสร้างอาคารสำนักงาน และการก่อสร้างโรงงาน โดยสามารถยื่นคำขอจดทะเบียนภายในกำหนด 6 เดือนก่อนวันเริ่มประกอบกิจการ หรือ - เป็นผู้ประกอบกิจการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ   ผู้ประกอบการต้องขอใบเสร็จจากซัพพรายเออร์เก็บไว้และทำรายงานภาษีซื้อ รวมถึงต้องออกใบกำกับภาษีให้ลูกค้าและทำรายงานภาษีขาย เพื่อนำมาใช้คำนวณภาษีในแต่ละเดือน เพราะต้องยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นรายเดือน โดยยื่นแบบ ภ.พ. 30 ทุกเดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ไม่ว่าจะมียอดขายหรือไม่ ศึกษารายละเอีดยเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่มได้ที่ => https://bit.ly/2MWAjTw    4. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เป็นการจัดเก็บภาษีล่วงหน้ากำหนดให้ผู้จ่ายเงินได้มีหน้าที่หักภาษีจากเงินที่จ่ายให้แก่ผู้รับทุกครั้งที่จ่าย ซึ่งการหักภาษีต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด หลังจากนั้นให้นำเงินส่งกรมสรรพากร shutterstock_538323685.jpg 265.82 KB เงินที่ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ได้แก่ ค่าเช่า ค่าจ้าง ค่าจ้างทำของ รางวัลจากการชิงโชค ค่าโฆษณา ค่าขนส่ง ค่าบริการ เงินปันผล ในกรณีที่ร้านเรามีลูกจ้าง ต้องทำการหักภาษี ณ ที่จ่าย ถ้าลูกจ้างมีรายได้เกิน 26,000 บาทต่อเดือน เพื่อนำส่งกรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ศึกษาเรื่องภาษีหัก ณ ที่จ่าย ได้ที่ => https://bit.ly/3fUp3lB  5. ภาษีป้าย เป็นภาษีที่จัดเก็บจากป้ายที่แสดงชื่อ ยี่ห้อ หรือเครื่องหมายที่ใช้ในการประกอบการค้า หรือประกอบกิจการอื่นเพื่อหารายได้ หรือ โฆษณาการค้า ตามที่เราเห็นอยู่ตามตึกสูงๆ ท้องถนนรวมถึงป้ายดิจิทัลที่สามารถเคลื่อนไหวได้ shutterstock_1770865601.jpg 238.16 KB - ลักษณะของป้ายที่ต้องเสียภาษี ได้แก่  ป้ายชื่อ ยี่ห้อ โลโก้ที่ประกอบด้วยอักษร ภาพ ไม่ว่าจะมีขนาดเท่าใดก็ตาม - ลักษณะของป้ายที่ไม่ต้องเสียภาษี ได้แก่ ป้ายที่ติดในอาคาร ป้ายที่มีล้อเลื่อน (ต้องมีการเลื่อนป้ายเข้าออก) ป้ายตามงานอีเวนท์ที่จัดเป็นครั้งคราว ป้ายของทางราชการ ป้ายของโรงเรียนทั้งรัฐและเอกชน ป้ายวัด สมาคม มูลนิธิ ป้ายที่ติดหรือแสดงไว้ที่รถยนต์ส่วนบุคคลรถจักรยานยนต์ รถบดถนนหรือรถแทรกเตอร์ ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่ยานพาหนะ โดยมีพื้นที่ไม่เกิน 500 ตร.ซม อัตราภาษีป้าย - ป้ายที่มีอักษรไทยล้วนมีข้อความที่เคลื่อนที่หรือเปลี่ยนเป็นข้อความอื่นได้ อัตราภาษีป้าย 10 บาท ต่อขนาดป้าย 500 ตร.ซม. ถ้าเป็นป้ายนอกเหนือจากนี้ให้คิดอัตราภาษีป้าย 5 บาท ต่อ 500 ตร.ซม. - ป้ายที่มีข้อความเป็นอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศ และ/หรือปนกับภาพ และ/หรือเครื่องหมายอื่น  ป้ายที่มีข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพที่เคลื่อนที่ หรือเปลี่ยนเป็นข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพอื่นได้ ให้อัตราภาษีป้าย 52 บาท ต่อ 500 ตร.ซม. นอกเหนือจากนี้ให้คิดอัตราภาษีป้าย 26 บาท ต่อ 500 ตร.ซม -ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพหรือเครื่องหมายใดๆ หรือไม่ และป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วน หรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ ป้ายที่มีข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพที่เคลื่อนที่ หรือเปลี่ยนเป็นข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพอื่นได้ อัตราภาษีป้าย 52 บาท ต่อ 500 ตร.ซม. นอกเหนือจากนี้ให้คิดอัตราภาษีป้าย 26 บาท ต่อ 500 ตร.ซม. shutterstock_1553540318 (2).jpg 294.5 KB ถ้ามีการติดตั้งป้ายใหม่หรือเปลี่ยนแปลงข้อความต้องยื่นแบบ ภ.ป. 1 ภายใน 15 วัน และยื่นเสียภาษีป้ายประจำปี ภายในเดือนมีนาคม ที่สำนักงานเขต เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ที่ป้ายนั้นติดตั้งอยู่ ศึกษาเรื่องภาษีป้ายเพิ่มเติมได้ที่ => https://bit.ly/3H1Kq0h  6. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง  เป็นภาษีที่จัดเก็บโดยท้องถิ่น โดยแบ่งประเภทที่ดินออกเป็นกลุ่ม ซึ่งร้านอาหารถือว่าเป็นที่ดินในกลุ่มพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม คือ การทำประโยชน์ด้านพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม อาคารสำนักงาน โรงแรม ร้านอาหาร และอื่น ๆ มีเพดานภาษีสูงสุดอยู่ที่ 1.2%  แต่ปัจจุบันให้คงอัตราภาษีไว้อยู่ที่ 0.3-0.7% โดยมีรายละเอียดดังนี้ - ที่ดินมูลค่า 0 – 50 ล้านบาท อัตรา 0.3% หรือล้านละ 3,000 บาท - ที่ดินมูลค่า 50 – 200 ล้านบาท อัตรา 0.4% หรือล้านละ 4,000 บาท - ที่ดินมูลค่า 200 – 1,000 ล้านบาท อัตรา 0.5% หรือล้านละ 5,000 บาท - ที่ดินมูลค่า 1,000 – 5,000 ล้านบาท อัตรา 0.6% หรือล้านละ 6,000 บาท - ที่ดินมูลค่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตรา 0.7% หรือล้านละ 7,000 บาท shutterstock_1938796495 (1).jpg 294.66 KB ถ้าเราเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ร้านอาหารตั้งอยู่เราต้องเสียภาษีตัวนี้ด้วย ซึ่งตามปกติจะมีจดหมายแจ้งประเมินราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พร้อมแจ้งให้เราไปจ่ายกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามที่ตั้งของที่ดินนั้น ศึกษาเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้ที่ => https://bit.ly/3ICRtN4  7. ภาษีศุลกากร  ถ้าร้านของเรามีการสั่งนำเข้า วัสดุ อุปกรณ์ วัตถุดิบ เครื่องจักร ที่อยู่ในรายการบัญชีภาษีนำเข้า เราต้องจ่ายภาษีศุลกากรด้วย ซึ่งอัตราภาษีของสินค้านำเข้าแต่ละประเภทไม่เท่ากัน ดังนั้นต้องศึกษาเรื่องพิธีการทางศุลกากรและพิกัดภาษีให้เข้าใจก่อนจะนำเข้าวัสดุอุปกรณ์ของร้านจากต่างประเทศ  ศึกษาเรื่องภาษีและพิกัดศุกลกากรได้ที่ => https://bit.ly/3u75xdE

สูตรอาหารเพิ่มเติม
อยากขายดี ใช้ทริคขายภาพความสุข ไม่ใช่ขายตัวสินค้า

อยากขายดี ใช้ทริคขายภาพความสุข ไม่ใช่ขายตัวสินค้า

เมื่อเราเปิดร้านอาหาร หรือขายสินค้าชิ้นใด ผู้ประกอบการมักเริ่มจาก 1) การขายตัวสินค้า (A)  2) เล่าถึงคุณสมบัติ (B) 3) เล่าถึงคุณประโยชน์ (C) 4) ปิดท้ายด้วยการเล่าถึงความสุขเมื่อลูกค้าซื้อ (D) เมื่อคนค้าขายอย่างเราคิดถึง "เงิน" เป็นตัวแปรตั้งต้น โดยใช้หลักการข้างต้นในการขายสินค้า เชื่อหรือไม่ว่าลูกค้าไม่ได้มองเช่นนั้น ลูกค้าจะมองจาก (D) > (C) > (B) > (A) คือมองภาพเห็นภาพความสุขในขณะที่ลูกค้ากำลังใช้สินค้า หรือภาพความสุขในขณะทานอาหารร้านนั้นๆ ถ้าอยากขายเก่ง ต้อง  "ขายภาพสุดท้าย" ให้เก่ง #วิธีขายภาพสุดท้ายให้เก่ง 1) ขายภาพฝัน คือการเล่าถึงความสุขของลูกค้าออกมาให้ได้ ดูว่ากลุ่มลูกค้าร้านเราเป็นใคร คิดถึงความสุขแบบใด  2) ขายความเชี่ยวชาญ มอบความรู้ให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้าเชื่อว่า เราคือตัวจริงในวงการ และต้องทำอย่างสม่ำเสมอผ่านการทำคอนเทนต์ลงช่องทางการขายของคุณ  3) ทำให้ลูกค้าเชื่อในตัวสินค้า ถือเป็นส่วนสำคัญในลำดับสุดท้าย  4) ทำการโพสขาย และปิดการขาย ยกตัวอย่างร้านอาหารที่อยากจะขาย “สูตรน้ำจิ้มซีฟู้ด” ให้กับ "ผู้ประกอบการ" สิ่งที่ผู้ประกอบการมองหาคือสูตรที่ขายได้ มีกำไร และความอร่อยเป็นส่วนสุดท้าย ถ้าร้านน้ำจิ้มซีฟู้ดขายโดยเปิดหัวว่า สูตรนี้ทำกำไรได้ 1 ล้าน พร้อมลงภาพที่ร้านว่าลูกค้ามาทานที่ร้านเยอะ เพราะติดใจในรสชาติของน้ำจิ้มซีฟู้ด (D) ก็ปิดการขายได้มากกว่าวิธีการขาย (A B C) แน่นอน  สุดท้ายนี้ ต้องเข้าใจว่าลูกค้ามีชุดความคิดอยู่ในหัว ต้องเปลี่ยนความคิดของลูกค้าให้ได้ผ่านคอนเทนต์ ทำให้ลูกค้า “ชอบ” ทำให้เราขายอะไรลูกค้าก็  “เชื่อ” และ “ซื้อ” มาเริ่มฝึกยั่วให้ลูกค้าชอบ และอยากซื้อกันเถอะ!  

สูตรอาหารเพิ่มเติม
วัตถุดิบแพง เพิ่มมูลค่าเมนูอย่างไร ให้ขายได้ราคา

วัตถุดิบแพง เพิ่มมูลค่าเมนูอย่างไร ให้ขายได้ราคา

วัตถุดิบแพงขึ้น ทำอย่างไรให้ร้านขายได้กำไร แต่เป็นราคาที่ลูกค้าพอใจ และมีกำลังซื้อ MHA ชวนหาวิธีเพิ่มมูลค่าเมนู ให้ร้านอาหารได้ไปต่อ และให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค้า เป็นที่พอใจทั้งสองฝ่าย   ออกแบบเมนู MIx & Match ให้ลูกค้ารู้สึกคุ้ม ทานได้หลากหลาย หากเหลือเศษวัตถุดิบซึ่งคุณภาพดีอย่าทิ้ง นำมาทำเมนูอื่นๆ สามารถขายได้ราคา ตั้งชื่อแปลก แหวก สะดุดตา เพิ่มมูลค่าด้วยความแตกต่าง สร้างลูกเล่นไม่เหมือนใคร บรรจุภัณฑ์ที่ดี ช่วยเพิ่มมูลค่าอาหาร การสร้างแบนรด์ผ่านสายคาดกล่องอาหาร การสร้างมาตรฐานคงที่ เป็นการเพิ่มมูลค่าร้านได้อย่างมหาศาล ออกแบบเมนู MIx & Match ให้ลูกค้ารู้สึกคุ้ม ทานได้หลากหลาย  เมื่อเนื้อหมูราคาแพง การลดปริมาณหมูลงจากเดิม อาจเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ควรทำ เพราะอาจสร้างความไม่พอใจแก่ลูกค้าที่ซื้อประจำได้ หรือแม้แต่ลูกค้าหน้าใหม่ ถ้าลูกค้าไม่รู้สึกคุ้ม อาจจะเข้าใจแต่ไม่กลับมากินอีกแน่ๆ แนะนำให้สร้างเมนูใหม่ จับคู่กับเมนูน้ำ ขนม หรือเมนูเสริมจัดเซ็ต เพื่อนำกำไรมาเฉลี่ยค่าเนื้อหมูไปในตัว เช่น เราขายข้าวหมูทอด 40 บาท อาจแจ้งลูกค้าว่ายกเลิกการขาย เปลี่ยนเป็นเมนูข้าวหมูทอด+น้ำ ในราคา 55 บาท หรือการเพิ่มทางเลือกลงไปในเมนู จากเคยข้าวหมูทอด 40 บาท เปลี่ยนเป็นข้าวหมูทอดที่มีไข่ยางมะตูม ผักสด น้ำพริกกะปิให้ลูกค้า เพิ่มราคาเป็น 60-65 บาทและการแตกไลน์เป็นเมนูใหม่ โดยมีเนื้อหมู + วัตถุดิบอื่นที่ราคาต่ำกว่า ขายราคาเดิม ก็น่าสนใจไม่น้อย เช่น ข้าวผัดโครตเทพ โดยปกติเราใส่แต่เนื้อหมู ก็เพิ่มกุนเชียง หมูยอทดแทน, ข้าวผัด 2 สหาย เป็นเนื้อหมู+เนื้อไก่, ข้าวผัดหมูพริกกระเทียม เพิ่มเบคอนและไข่ดองน้ำปลาเพื่อเพิ่มมูลค่า เศษวัตถุดิบจากการตัดแต่งอย่าทิ้ง หลังตัดแต่งวัตถุดิบให้ได้ขนาดและรูปแบบที่ต้องการแล้วหากเหลือเศษวัตถุดิบซึ่งคุณภาพดีอย่าทิ้ง นำมาทำเมนูอื่นๆ สามารถขายได้ราคาเช่น - หมูสับที่เหลือ นำมาทำขนมปังหน้าหมู, เกี้ยวซ่าหมู ฯ- การนำหัวกุ้ง หรือหางกุ้งที่เหลือจำนวนมาก อาจนำมาทำเป็นเมนูหัวกุ้งทอด เป็นอาหารทานเล่น- เศษเนื้อและกระดูก สามารถต้มเป็นซุปหรือน้ำสต๊อก หรือเปลือกกุ้ง หรือก้างปลาที่แกะแล้วต้องเสียทิ้งทุกวัน เราสามารถนำมาต้มเป็นน้ำสต็อก เพื่อใช้สำหรับทำต้มยำ ซึ่งจะช่วยชูรสอาหาร ให้อร่อยได้รสธรรมชาติได้โดยไม่ต้องใช้ผงปรุง- เมนูยอดนิยมอย่าง “ข้าวผัดสับปะรด” ที่ร้านอาหารนิยมนำเปลือกสับปะรดมาทำภาชนะเพื่อความสวยงาม แต่ส่วนเนื้อนำไปใช้ในข้าวผัดแค่เพียงเล็กน้อย ก็อาจจะต้องต่อยอดนำไปพัฒนาเมนูอื่นๆ บ้าง เช่น ผัดเปรี้ยวหวาน, แกงเหลืองสับปะรด, เค้กสับปะรด ฯ- ผลไม้ที่เหลือหรือหั่นแล้วนำไปปั่นทำสมูทตี้ ใส่สลัด ทำเป็นแยม หรือทำเป็นซอสผลไม้ อย่างเปลือกแตงโม สามารถนำมาทำผักดอง แยม หรือซัลซ่า ฝานบางๆ ผสมกับสลัดผัก- นำขนมปังที่เหลือ ไปทำ Bread Pudding เสิร์ฟพร้อมซอสผลไม้รีไซเคิล ตั้งชื่อแปลก แหวก สะดุดตา เชื่อหรือไม่ ว่าบางทีลูกค้าไม่ได้สนใจในตัววัตถุดิบเมนูหรือภาพอาหารที่สวยหรูเท่าไหร่นัก แต่ด้วยชื่อแปลก แหวกแนว สะดุดตา ก็สามารถสร้าง emotion ให้ลูกค้าอยากลิ้มลองในความแปลกก็เป็นไปได้เช่น ร้านสะดวกแดรก, ร้านนมใหญ่ มาก (ขายนม&ขนมปังปิ้ง), ร้านอย่า หา ยำ, ร้านหาตังเล่นหวย, ร้านเอ้อ=หิว, ร้านทำมาหาชง, ร้านอยากแดกก็สั่ง, ร้านครัวแล้วแต่คุณ, ร้านผัวสี่บะหมี่เสียว, กะเพราอวดรวย by เชฟขวัญ, ร้านยำเด็ด เผ็ดลืมผัว, ข้าวหมูกระเทียม เหมียมกระทู ฮู้วอร่อยทั้งหมดนี้มีอยู่จริง อย่างน้อยก็สามารถหยุดนิ้วให้ลูกค้าคลิกเข้าไปดูว่าร้านขายอะไรได้ แต่ไม่แปลกจนลูกค้าเกาหัว นึกภาพเมนูไม่ออก กลายเป็นไม่สั่งซะงั้น 

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เทคนิคจัดเก็บเนื้อสัตว์และผัก สำหรับร้านอาหาร

เทคนิคจัดเก็บเนื้อสัตว์และผัก สำหรับร้านอาหาร

ราคาวัตถุดิบพุ่ง ต้องใช้ให้คุ้มค่ากว่าเคย MHA แชร์เทคนิคจัดเก็บเนื้อสัตว์และผัก จากเชฟมืออาชีพ มีประสบการณ์ตรง สำหรับร้านอาหารทำขาย ยืดให้อายุการใช้งานประหยัดต้นทุนได้ตั้งแต่ตอนนี้ ห้ามพลาด!  ทั้งวิธีการจัดเก็บเนื้อปลา  วิธีการจัดเก็บกุ้ง ปู ปลาหมึก หอย  วิธีจัดเก็บผัก ทั้งต้นหอม ผักชี ขึ้นฉ่าย ผักสลัด เผือก รากบัว และมันฝรั่ง   วิธีการจัดเก็บสัตว์เนื้อแดง และประเภทสัตว์ปีก (ไก่)  วิธีการจัดเก็บเบคอน  และวิธีจัดเก็บวัตถุดิบ Plant-Based Food   วิธีจัดเก็บวัตถุดิบเนื้อปลา เนื้อปลา หากจัดเก็บปลาทั้งตัว ต้องเอาเครื่องในออกให้หมด แล้วนำไปล้างให้สะอาด ไม่อย่างนั้นจะมีกลิ่นคาว ก่อนจะแช่เย็นให้ซับน้ำให้พอหมาด แล้วจัดเก็บในถาดภาชนะ Stainless Steel ซึ่งจะสามารถส่งผ่านความเย็นได้ดี พร้อมใช้ถุงน้ำแข็งบรรจุซองพลาสติก Ziplock รองข้างใต้ รวมถึงวางทับด้านบน เพื่อให้อุณภูมิเย็นคงตัวโดยที่เนื้อปลาไม่สัมผัสกับน้ำแข็งที่ละลาย ซึ่งจะทำให้คุณภาพของเนื้อปลาเสียหาย ส่วนเนื้อปลา Fillet ที่หั่นเป็นชิ้นก็จัดเก็บด้วยวิธีนี้ก็ได้เช่นเดียวกัน เนื้อปลาแซลมอน ควรห่อปลาด้วยกระดาษซับอาหาร และห่อด้วยพลาสติกแร็ป เก็บไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิ 0-2°C หรือถ้าไม่มีตู้แช่เย็น ก็แนะนำให้นำปลาใส่ถุงซีลอย่างดี และวางไว้ในลังน้ำแข็ง หรือถ้ายังไม่ใช้ให้แบ่งเป็นส่วนแช่แข็งไว้แต่ถ้าต้องการบริโภคแบบ ซาชิมิ ควรซื้อแซลมอนที่เป็นเกรดสำหรับทำซาชิมิโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันพยาธิ การปนเปื้อนของเชื้อโรค และสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย วิธีจัดเก็บซีฟู้ด (กุ้ง ปู ปลาหมึก หอย)  กุ้ง เมื่อซื้อมาแล้วควรแกะเปลือก ตัดหัว ผ่าหลังนำเส้นดำออก และเก็บในถุงซิปล้อค หรือภาชนะที่มีฝาปิดสนิท นำไปใส่ตู้เย็น วางไว้ในลังน้ำแข็ง หรือเก็บไว้ในช่องแข็ง - ตัดส่วนที่แหลมคม, หนวด,หาง, ขา, ของกุ้งออก- นำกุ้งไปล้างในน้ำเย็น เสร็จแล้ววางบนกระทิชชู นำทิชชูซับน้ำออกเบาๆ- นำกุ้งใส่ลงในถุงซิปล็อค แบ่งจำนวนให้พอดีกับการใช้งานแต่ละครั้ง แช่ในกะละมังที่มีน้ำแข็ง แล้วนำไปแช่ตู้เย็น วางน้ำแข็งรอบๆ ซิปล็อค ปู คุณภาพดีที่สุดเมื่อบริโภคแบบเป็น ดังนั้นควรนำมาประกอบอาหารทันที จากนั้นจึงแกะเนื้อออกมาใส่ภาชนะถนอมอาหาร แล้วนำไปแช่เย็น 0-2 °C จะเก็บทั้งตัวก็ได้ ปลาหมึก นำมาล้าง ลอกหนัง ผ่าตาและปากออก จากนั้นหั่นเป็นชิ้น หรือจะเก็บทั้งตัวก็ได้แล้วแต่การนำไปใช้ หลังจากนั้นนำไปเก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด แช่เย็น 0-2 °C วางไว้ในลังน้ำแข็ง หรือแช่ช่องแข็ง หอย ถ้ายังมีชีวิตอยู่ สามารถแช่ตู้เย็นได้ โดยนำหอยใส่อ่างไว้วางปิดด้วยทิชชู่เปียกคลุมไว้ ก่อนนำมาประกอบอาหารให้นำหอยมาแช่ในน้ำเปล่าผสมเกลือเล็กน้อย เพื่อให้หอยคลายสิ่งสกปรกออกมา จากนั้นนำมาล้างน้ำสะอาดอีกรอบ ล้างเปลือกด้วยเนื่องจากอาจมีเศษดินโคลนติดอยู่ ก่อนนำไปประกอบอาหาร ข้อควรจำ : วัตถุดิบซีฟู้ดทุกชนิดต้องมีน้ำแข็ง วิธีจัดเก็บผัก สำหรับต้นหอม ผักชี มีเชื้อโรคเยอะ เชื้อโรคจะทำให้ผักเน่าเสียไป หลังจากซื้อมาแล้ว ให้ทำการแช่น้ำล้าง ใส่เบกกิ้งโซดา ยาฆ่าแมลง แช่ไว้ 30 นาที จากนั้นล้างให้สะอาด สะเด็ดน้ำให้แห้ง น้ำผ้ามาซับน้ำให้แห้ง จากนั้นแรปด้วยพลาสติกแรป เก็บในตู้เย็น ถ้าต้นหอม ผักชี ขึ้นฉ่าย เราซื้อมาแล้วมันเหี่ยว ไม่ต้องเด็ดทิ้ง เพียงนำไปแช่ในน้ำแข็งให้น้ำเย็น มีอุณหภูมิ 10 °C เพื่อให้ผักคืนตัวได้อย่างรวดเร็ว แช่จนเห็นว่าผักเริ่มเด้ง สดใส ให้นำมาสเด็ดน้ำ อาจวางที่ผ้าซับน้ำ จากนั้นแรปด้วยพลาสติกแรป จากนั้นเก็บในตู้เย็น ผักจะไม่เหลือง ไม่ช้ำ สำหรับผักสลัดที่เรากินกัน อย่างผักกรีนคอส เรดโอ๊ค ฟิลเลย์ ผักกาดแก้ว ผักส่วนใหญ่มีเอนไซม์ที่อยู่ในผัก เมื่อเหี่ยวสามารถคืนตัวได้ในน้ำเย็น ตามหลักร้านอาหารแล้ว จะเลี่ยงการใช้มีดเหล็กหั่นผักโดยตรง เพราะจะทำให้เอนไซม์ที่อยู่ในผักทำปฏิกิริยายากับมีดที่เป็นเหล็ก ทำให้ผักเกิดสีส้ม น้ำตาล ไม่น่ากิน หลายร้านมักใช้วิธีใช้มือฉีกผัก เสิร์ฟขึ้นจาน หรือถ้าจะใช้มีดหั่นเพื่อความรวดเร็ว อาจต้องนำผักไปล้างน้ำในทันที เพื่อให้เอนไซม์ไม่เกาะที่ตัวผัก เมื่อล้างเสร็จ 1 น้ำแล้ว ให้นำผักไปใส่ในน้ำที่ 2 ที่เป็นน้ำเย็นแช่น้ำแข็ง 10 นาที จนผักมีความกรอบ เด้ง ให้เราสะเด็ดน้ำ แล้วเก็บในทัพเพอร์แวร์ เก็บไว้ได้หลายวัน 3-4 วันก็ยังคงความกรอบและไม่เป็นสีส้มด้วย  แต่ถ้าเป็นผักสลัดที่เราซื้อเป็นหัวๆ มา ที่เราซื้อมาแล้วยังไม่ทำ ยังไม่หั่น ถ้ายังมีดินติดที่ผักอยู่หรือใบเน่า เราควรจะดึงออกไปก่อนเพื่อลดการปนเปื้อนให้น้อยที่สุด เพราะถ้าเราเก็บผักที่มีคราบหรือรอยช้ำเยอะๆ ก็จะกินใบอื่นๆ เข้าไปด้วย สำหรับเผือก รากบัว มันฝรั่ง กรณีที่ร้านซื้อมาแล้วหั่นทำเมนูเลยจะไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นร้านที่หั่นไว้แล้วเพื่อทำหัวปลาต้มเผือก หรือนำรากบัวหั่นเพื่อนำไปทำเมนูรากบัวเทมปุระ ซึ่งต้องหั่นวัตถุดิบเตรียมไว้ก่อน ถ้าเราไม่ผ่านการล้าง ผักเหล่านี้ก็จะเป็นสีส้ม และเสียเร็ว สำหรับรากบัว ให้หั่นแล้วล่างน้ำ 1 รอบ แล้วนำมาแช่ 10 นาที แล้วใส่น้ำส้มสายชูเล็กน้อยลงไปในน้ำ จากนั้นนำไปสะเด็ดน้ำ แล้วเก็บในทัพเพอร์แวร์ วิธีการจัดเก็บวัตถุดิบประเภทสัตว์เนื้อแดง และประเภทสัตว์ปีก (ไก่) สำหรับการจัดเก็บวัตถุดิบประเภทสัตว์เนื้อแดง หากต้องการแช่แข็งใช้เองในร้าน ให้ซื้อแบบแช่เย็น และต้องแช่แข็งเพียงครั้งเดียว เมื่อนำมาละลายใช้แล้ว ไม่ควรนำกลับไปแช่แข็งอีก วิธีการเก็บทั้งเนื้อทั้งก้อน ให้นำวางบนตะแกรงแล้วห่อด้วยพลาสติกห่ออาหาร ถ้าเป็นชิ้นเล็กให้ใส่ถุงซิปล็อค กดอากาศออก ปิดไม่ให้อากาศเข้า วางบนตะแกรงแล้วห่อด้วยพลาสติกห่ออาหาร จากนั้นนำไปแช่เย็นหรือแช่แข็ง สำหรับการจัดเก็บวัตถุดิบประเภทสัตว์ปีก (ไก่) วิธีเก็บไก่ครึ่งตัวให้เอาเครื่องในออกให้หมด เพราะแบคทีเรียจะทำให้ไก่เสีย หั่นไก่ครึ่งหนึ่ง ล้างนำเย็นให้สะอาดเพื่อให้ไก่ไม่เหม็น แล้วเอากระดาษทิชชูเช็ดจนแห้งไวๆ เพื่อไม่ให้อุณหภูมิของไก่ขึ้น จากนั้นนำไปวางไว้บนตะแกรง และเอาพลาสติกห่อไว้ ใส่ตู้เย็นช่องธรรมดาเตรียมพร้อมใช้งาน และเพื่อความสดและคุณภาพของวัตถุดิบ เวลาจะแช่แข็งวัตถุดิบ ควรซื้อของสดนำมาทำความสะอาด แล้วแพคแยก ไม่ควรนำวัตถุดิบที่แช่แข็งแล้วมาแช่แข็งซ้ำอีกครั้ง เกร็ดความรู้ : สำหรับแบบที่แพคขายในห้าง ที่มีการแพคแบบที่เรียกว่า แพ็คเย็น หรือ Chilled Meat หรือจะเป็นแบบ Frozen Meat ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องล้างทำความสะอาดก่อนเก็บหรือก่อนนำมาใช้ สามารถ แบ่งใส่กล่องหรือภาชนะเก็บได้เลยสำหรับเนื้อที่ซื้อจากตลาดสด ในกรณีนี้กระบวนการชำแระ การขนส่งหรือการจัดเก็บ อาจไม่ได้มีการควบคุมอุณหภูมิ ทำให้มีโอกาสเกิดการสะสมเชื้อโรคได้มากกว่าแบบแรก ดังนั้นจึงควรมีการล้างเนื้อสัตว์ทั้งชิ้น และซับให้แห้ง ก่อนจัดเก็บ และทำความสะอาดอ่างและพื้นที่บริเวณนั้นให้สะอาดอีกครั้ง วิธีจัดเก็บเบคอน  ปกติเบคอน จะบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นสุญญากาศ ซึ่งสามารถเก็บได้ในช่องเย็นธรรมดา ประมาณ 2 สัปดาห์ หรือในช่องแข็งประมาณ 8 เดือน แต่เมื่อแกะใช้แล้วควรจะเก็บในภาชนะที่ปิดฝามิดชิด หรือ ถุงซิปล้อค และควรใช้ให้หมดภายใน 1 อาทิตย์ วิธีจัดเก็บวัตถุดิบ Plant-Based Food โปรตีนทางเลือกมีหลายประเภท ทำมาจากวัตถุดิบที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น ถั่ว เห็ด สาหร่าย ข้าวโอ๊ต หรือ อัลมอนด์ นำมาพัฒนารสชาติ ให้เหมือนเนื้อสัตว์ อายุของวัตถุดิบประเภทนี้ เก็บได้ประมาณ 10 วันแต่เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ควรนำมาเก็บในถุงหรือกล่องที่ปิดมิดชิดและควรบริโภคภายใน 3 วัน ถ้าเก็บในช่องแข็งสามารถเก็บได้ ประมาณ 3 เดือน ที่อุณหภูมิ –18 °C

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เปิดร้าน 3 ปลาแกะ กับเทคนิคแกะปลาขั้นเทพ

เปิดร้าน 3 ปลาแกะ กับเทคนิคแกะปลาขั้นเทพ

ข้าวปลาแกะ เทรนด์ฮิตขายดี  อย่างร้านต้นตำรับชื่อดัง ขายได้วันละเป็นแสน ผู้ประกอบการมือใหม่ หรือผู้ที่อยากมีเมนูเสริม เพิ่มรายได้ที่ร้าน ห้ามพลาด! เรียนรู้เทคนิคแกะปลาขั้นเทพตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ ทานได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาแกะเองทั้งปลาทู ปลาสลิด และปลานิลต้องแกะและแกะแบบไม่ให้เหลือก้าง ตอบโจทย์ Pain Point ลูกค้า สร้างรายได้แน่นอน เทคนิคแกะปลาทู 1. นำช้อนเคาะครีบช่วงหน้าท้อง และครีบหลังปลาทู ช่วยให้เนื้อปลาร่อนออกจากก้างได้ง่ายขึ้น2. ดึงครีบหน้าท้อง และครีบหลังของปลาทูออก ทำให้ก้างขนาดเล็กที่อยู่บริเวณลำตัวไม่หลุดไปกับเนื้อปลาส่วนใหญ่3. ดึงก้างส่วนหัวและกลางลำตัวออกSource : https://bit.ly/3HxxX4I เทคนิคแกะปลาสลิด 1.ใช้มีดปลายแหลม เลาะจากหัวไปจนถึงก้างใหญ่กลางตัวปลาครึ่งตัว โดยทำทั้ง 2 ด้านเหมือนกัน2. พลิกปลาอีกด้าน ตัดครีบและหางปลาออก3. เอาก้างตรงกลางออก จะได้เนื้อปลาเต็มๆทริค : ต้องทำการบั้งปลาก่อนทอด เพื่อให้ปลาสุกง่าย และเป็นรอยสวย และไม่ควรทอดปลาให้แห้งมาก เพราะจะทำให้เนื้อปลาแห้งติดก้างจนแกะไม่ออกSource : https://bit.ly/3Gr60tW เทคนิคแกะปลานิล 1.นำปลาวางบนเขียง ใช้ปลายมีดเลาะตรงบริเวณบนตัวปลาไปจนถึงหาง ทำทั้งสองข้าง2.ดึงครีบปลาออก3.ใช้มือแกะเนื้อปลาตามรอยบ่างทริค : ถ้าเป็นปลานิลตัวใหญ่ ให้แบ่งปลาทีละส่วน แกะตามชิ้นที่บั้งไว้ได้ 2- 3 ชิ้น และต้องทำการบั้งปลาก่อนทอด เพื่อให้ปลาสุกง่ายและแกะง่ายขึ้นSource : https://bit.ly/3oqQp7q

สูตรอาหารเพิ่มเติม
5 ไอเดีย โปรฯ วาเลนไทน์ เจาะกลุ่มคู่รักและลูกค้ายังโสด

5 ไอเดีย โปรฯ วาเลนไทน์ เจาะกลุ่มคู่รักและลูกค้ายังโสด

รวมไอเดียโปรโมชั่นวาเลนไทน์ ร้านอาหารเตรียมตัวให้พร้อม ร้านคาเฟ่จัดโปรฯ ให้ไวที่ไม่ได้มีแค่คู่รัก แต่ต้องครอบคลุมคนทุกกลุ่ม คนโสดก็เข้าร้านได้ จัดโปรโมชั่นให้อย่างเท่าเทียม ลูกค้าแฮปปี้ ไม่รู้สึกถูกละเลยร้านก็พลอยได้กำไรเพิ่มขึ้นในเทศกาลแห่งความรักนี้ 273409799_1011045706287105_117686382141401058_n.jpg 169.72 KB โปรฯ 1 แถม 1 ซื้อจานหลัก แถมจานหลัก ตอบโจทย์ลูกค้ามาเป็นคู่เช่น สั่งสปาเก็ตตี้กุ้ง 2 จาน ได้ในราคา 1 จาน หรือถ้าอยากสร้างทางเลือก ให้ลอง List เมนูที่มีราคาใกล้เคียงกันออกมาสัก 4-5 เมนู เพื่อให้เลือกก็ได้ เช่น ลูกค้าสามารถเลือกเมนูโปรโมชั่น 1 แถม 1 ได้จากเมนูหลัก 4 อย่าง ได้แก่ สปาเก็ตตี้กุ้งผัดฉ่า สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมากุ้ง สปาเก็ตตี้คาโบน่าร่าแฮม ลาซานญ่าแฮม โปรโมชั่นนี้จะเหมาะมากสำหรับร้านอาหารจานเดียว คำนวณต้นทุนง่าย เป็นร้านที่มีลูกค้าหมุนเวียนบ่อยTip : โปรโมชั่นนี้ต้องคำนวณให้ดีสักหน่อย เพราะเป็นการลดราคาอาหารลง 50% ซึ่งถ้าเราคุมต้นทุนอาหารให้อยู่ที่ไม่เกิน 35% เราจะยังมีกำไรอยู่ 15% โดยประมาณ ดังนั้น โปรโมชั่นนี้จะต้องสร้างยอดขายให้มากและหาทางลดต้นทุนอาหารลงให้ได้อีก 273411680_1011045676287108_5477719893832556059_n.jpg 401.43 KB ซื้อจานหลัก แถมจานเสริม ในราคาที่ไม่แพง และเข้ากับอาหารจานหลักถ้าบางคู่ไม่ได้อยากกินอาหารเมนูเดียวกัน ลองเพิ่มโปร 1 แถม 1 ซื้อจานหลังแถมจานเสริม ลองจัดโปรแถมอาหารที่ไม่แพง และไปกันได้กับอาหารจานหลักที่ต้องการจะขาย เช่น สั่งสเต็กจานหลัก แถมสลัดผักหรือมันบดอบชีส เฉพาะวันวาเลนไทน์ หรือถ้าจะสร้างทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น ให้ลองกำหนดจานหลักที่ราคาใกล้เคียงกันมาก่อน 4-5 เมนู แล้วค่อยกำหนดจานเสริมที่ไม่แพงนักให้เลือกอีกสัก 4-5 เมนู เช่นกันTip : โปรนี่จะลดต้นทุนในการทำโปรโมชั่นได้มากกว่า โปร 1 แถม 1 ตามปกติ แต่ยังต้องคำนวณต้นทุนและเน้นยอดขายจำนวนมากเช่นกัน และโปรจานหลักแถมจานเสริมนี้ไม่ได้ดึงดูดเฉพาะคู่รักเท่านั้น ลูกค้าที่มาเดี่ยวก็สามารถร่วมโปรนี้ได้ ไม่ว่าจะมาเดี่ยว รึมาคู่ก็เลือกโปรนี้ได้เหมือนกัน 273578680_1011045686287107_2692396431141523371_n.jpg 443.02 KB โปรฯ คู่รักจัดเป็นเซ็ทใหญ่ อาหารชุดสำหรับ 2 คนขึ้นไปมีทั้งจานหลัก เมนูเสริม ของหวาน พร้อมด้วยเครื่องดื่มไปเลย ยิ่งถ้าเป็นร้านที่ไม่ใช่อาหารจานเดียว เป็นร้านอาหารแนวนั่งทานแบบไม่รีบร้อน เหมาะสำหรับฉลองในวาระพิเศษ ลองจัดชุดอาหารให้หลากหลาย ปิดท้ายด้วยไอศรีมหรือขนมหวาน สำหรับ 2 ที โดยคิดราคาพิเศษลดลงจากเดิม 10-15 % จะสร้างความน่าสนใจได้มากขึ้นTip : คู่รักมีแนวโน้มที่จะสั่งอาหารเป็นชุดกินมากกว่าคนโสด ลองตั้งชื่อเมนูให้เข้ากับเทศกาล หรือเพิ่มความพิเศษเช่นเครื่องดื่มเฉพาะวันวาเลนไทน์ หรือของหวานเฉพาะเทศกาลก็ได้ 273464569_1011045666287109_2035325069041553214_n.jpg 255.83 KB โปรฯ เอาใจคนโสด ให้ลูกค้ากลุ่มนี้เข้ามาร้านเราในวันเวาเลนไทน์เพราะลูกค้าคนโสดหลายคนจะรู้สึกถูกมองข้ามไปในวันวาเลนไทน์ เพราะสารพัดร้านค้าจะจัดโปรโมชั่นสำหรับคู่รัก เน้นคนมาเป็นคู่กันไปซะหมด ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงมักไม่ค่อยออกมาร้านอาหารในวันวาเลนไทน์ ลองปรับวิธีคิดในการทำโปรโมชั่นดู บอกลูกค้าคนโสดว่าอย่าไปเศร้า อย่าเหงา มาร้านเรา ลดไปเลย 10 % เพราะถึงแม้จะเป็นวันวาเลนไทน์ ลูกค้าทุกคนก็สำคัญสำหรับเราเสมอ 273430772_1011045726287103_8381482879721698374_n.jpg 361.21 KB แจกดอกไม้หรือขนมให้ลูกค้า แทนความรักและความขอบคุณถ้าไม่มีงบมากพอจะทำโปรโมชั่นแรงๆ ลองแจกดอกไม้หรือขนมสำหรับลูกค้าที่มาวันนี้ แทนความรักและความขอบคุณ จากร้านถึงลูกค้าที่มาใช้บริการทุกท่าน นอกจากจะมีโปรลดราคาอาหารแล้ว การแจกดอกไม้หรือแถมขนมสักชิ้น อาจไม่ใช่การกระตุ้นยอดขายได้ดีนัก แต่ก็ช่วยสร้างสีสันให้กับร้าน และสามารถช่วยเพิ่มยอด like ยอด share เพจของร้านได้ดี สำหรับขนมลองเลือกเป็นไอศกรีมสัก 1 ถ้วย ช็อคโกแลตสักแท่ง หรือถ้าจะทำขนมเป็นของแจกก็จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจของร้านขึ้นไปอีกอย่าลืม! “คู่รัก” ไม่จำเป็นต้องเป็นชายกับหญิงเท่านั้น คู่รักชาย-ชาย หญิง-หญิง หรือ LGBTQ สามารถเปิดเผยตัวได้แล้วในปัจจุบัน จุดนี้ถ้าเราเอาทำความเข้าใจ เปิดกว้าง ยอมรับความหลากหลายทางเพศ เราจะจัดโปรโมชั่นวันวาเลนไทน์โดยได้กลุ่มลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น เริ่มจากประกาศจุดยืนของร้านในโซเชียลก่อน “โปรโมชั่นวาเลนไทน์สำหรับคู่รักทุกคู่ จะชาย-ชาย หญิง-หญิง หรือ ชาย-หญิง” “โปรโมชั่นสำหรับทุกความรัก ไม่จำกัดรูปแบบ”Tip : อย่าลืมประกาศโปรโมชั่นวาเลนไทน์ในสื่อโซเชียลของร้านล่วงหน้าสัก 1-2 สัปดาห์ ประกาศโปรในเดลิเวอรี่แอป และทำป้ายติดหน้าร้าน

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ย้อนรอยปัญหาจากผู้ประกอบการ MHA Advise พร้อมทางแก้ปรับใช้ได้จริง

ย้อนรอยปัญหาจากผู้ประกอบการ MHA Advise พร้อมทางแก้ปรับใช้ได้จริง

เจ้าของร้านอาหารรู้ว่าการเปิดร้าน ย่อมตามมาด้วยปัญหาจุกจิกมากมายทั้งปัญหาเรื่องรสชาติไม่นิ่ง ปัญหาพนักงาน การจัดการในครัว การตลาด การ ยิง Ads อย่างหลายร้านหันมาเปิดแบบ Home Delivery ทำคนเดียวไม่ทัน ก็เกิดปัญหา หรือกังวลว่า ลูกค้าที่ใช้โครงการภาครัฐ ถ้าโครงการหมด ควรมีกลยุทธ์ใดที่จะทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ยังอยู่กับเราต่อทำอย่างไรให้ลูกค้าไม่ต้องนั่งรอคิวนาน หมดใจไม่ทานร้านเราไปซะก่อน ปัญหาเหล่านี้ “รุ่นพี่” เจอมาแล้ว! ชวนย้อนรอยปัญหาที่เกิดขึ้นจริง จากร้านผู้ประกอบการ MHA Advise  ร้าน แซ่บตามสั่ง ณ ปั้ม ปตท. บางขุนเทียน  ร้าน ล้านเรื่องลาว ร้อยเรื่องเหล้า  ร้าน Rhythm & Shabu โดยมีผู้เชี่ยวชาญ เดินทางไปช่วยวิเคราะห์ปัญหา และแก้ไขกันถึงร้าน เพื่อเป็นประโยชน์ให้ผู้ประกอบการท่านอื่นๆ ได้นำมาปรับใช้กันครับ 274372720_1018973758827633_739371082338191490_n.jpg 426.93 KB คุณอิศราภา นาคศุภมิตร เจ้าของร้านแซ่บตามสั่ง มองเห็นทำเลทอง เหมาะกับการเปิดร้าน ไม่รอช้า คว้าโอกาสนี้เปิดร้านอาหารซะเลย! แต่ด้วยประสบการณ์น้อย ทำให้พบเจอปัญหามากมาย ดังนี้ปัญหาที่เกิดขึ้น1) ขาดการแนะนำเมนูอาหาร ส่งผลให้ได้กำไรได้น้อยกว่าที่คิด2) เชฟไม่อยู่ แม่ครัวทำแทน ทำให้รสชาติอาหารไม่นิ่ง ลูกค้าคอมเพลน3) กำไรเหวี่ยงในแต่ละเดือนวิธีแก้ปัญหา1) ทำ SOP มาตรฐานบริการหน้าร้าน สอนพนักงานให้รู้จักการแนะนำเมนูอาหาร และ SOP Check List การเปิด-ปิดร้าน2) กำหนดสเปควัตถุดิบหรือยี่ห้อที่ใช้เป็นประจำ และทำ SOP สูตรอาหาร เพื่อควบคุมรสชาติอาหารให้ได้มาตรฐาน3) แนะนำวิธีหาต้นทุนที่แท้จริง แก้ปัญหากำไรเหวี่ยงรับชม MHA Advise ร้านแซ่บตามสั่ง คลิปเต็มได้ที่ : https://youtu.be/ozpPE8GKQlY 274345921_1018973755494300_5460062044468540851_n.jpg 507.89 KB คุณพิมพ์ปพิชญ์ ถิรโรจนกุล เจ้าของร้าน ล้านเรื่องราว ร้านอาหารอีสานสุดแซ่บ อร่อยจัดจ้าน ถูกจริตลูกค้า ที่ขายดิบขายดี มีทั้งโซนนั่งในร้าน และโซนนั่งทานนอกร้าน ชมบรรยากาศสุดชิว เรียกได้ว่าถ้าลูกค้าท่านใดได้มาลิ้มลอง ต้องมาซ้ำแน่นอน!ครบเครื่องขนาดนี้ จะมีปัญหาอะไรที่เราไม่รู้บ้าง ลองมาดูกัน#ปัญหาที่เกิดขึ้น1) ปริมาณอาหารให้ลูกค้าเยอะเกินราคา แต่ไม่กล้าลดปริมาณ เพราะกลัวเสียลูกค้าประจำ เมื่อลูกค้ากินไม่หมด ลูกค้าห่อกลับบ้าน เพิ่มต้นทุนค่าแพ็คเกจจิ้ง2) พนักงานไม่ใช่คนทำครัวมาก่อน ส่งผลให้ทำอาหารไม่คงที่ ไม่สามารถพลิกแพลงได้3) ห้องครัวใหญ่ ใช้งานได้ไม่เต็มที่ เกิด Traffic เวลาคนสั่งอาหารจานเดียวเยอะๆ ไม่ทัน4) ขาด Teamwork ของพนักงานในร้าน เนื่องจากไม่มีระบบการทำงานที่ชัดเจน#วิธีแก้ปัญหา1) ปรับปริมาณอาหารลง หรือเพิ่มทางเลือก size ขนาดเล็กปรับราคาลง และขนาดใหญ่ขายราคาเดิม2) Training พนักงาน โดยการทำ SOP แบบเขียนสูตรอาหาร และแบบ VDO และหมั่น Retrainingสอนพนักงานซ้ำอย่างสม่ำเสมอ3) ปรับเปลี่ยน station บางอย่างภายในครัว เช่น เปลี่ยนพื้นที่ข้างล่างเคาน์เตอร์ครัวเป็นตัวเย็น เพื่อทำงานสะดวกขึ้น หรือการย้ายเครื่องปรุงให้ตักสะดวก4) แนะนำให้วางระบบพนักงานร้าน เพื่อให้ลูกน้องแต่ละคนรู้หน้าที่ และพูดคุยปรับ Mindset ในการทำงานร่วมกันรับชม MHA Advise ร้านล้านเรื่องราว คลิปเต็มได้ที่ : https://youtu.be/twK_Xon99eA 274345103_1018973725494303_7864920344059788142_n.jpg 512.49 KB คุณภานุมาศ ธาราศักดิ์ เจ้าของร้าน Rhythm & Shabu  เปลี่ยนจากการขายแบบมีหน้าร้าน มีพื้นที่ให้ลูกค้านั่งทาน เป็น Home Delivery ลุยเดี่ยว ขายคนเดียว! ไม่มีพนักงานช่วยเหมือนอย่างเคยข้อดีของการเปิดแบบ Home Delivery คือช่วยลดต้นทุนหลายส่วน และผู้บริโภคยุคนี้ นิยมสั่งอาหาร Delivery มากขึ้น เราลองมาดูฝั่งผู้ประกอบการกันบ้าง ว่ามีปัญหาอย่างไร และมีวิธีแก้อย่างไร#ปัญหาที่เกิดขึ้น1) ทำคนเดียวหัวหมุน ลูกค้าและไรเดอร์ได้รับอาหารช้าลง เพราะจัดโฟลว์ไม่ถูกและขาดประสบการณ์การจัดการในครัวบ้าน2) ยิง Ads แบบไม่มีความรู้ ไม่มีเครื่องมือวัดผล ว่าลูกค้าที่เข้ามา มาจาก Promotion ใด3) ลูกค้า 50% ที่เข้ามาเป็นลูกค้าที่ใช้โครงการภาครัฐ ถ้าโครงการหมด เราควรมีกลยุทธ์ใดที่จะทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ยังอยู่กับเราต่อ#วิธีแก้ปัญหา1) แก้ปัญหาในครัว ทำอุปกรณ์ทุกอย่างให้อยู่ใกล้มือเรา จัดวางครัวใหม่ เรียงตามลำดับการทำงาน มีส่วนเตรียมวัตถุดิบอาหาร, ส่วนทำอาหาร และส่วนแพ็คอาหารส่งลูกค้าแบ่งของสต๊อกเก็บในตู้เย็น ส่วนของเตรียมที่จะขายแช่ในช่องฟรีซตู้เย็นเตรียมซอสใส่ตู้เย็น เพื่อคงรสชาติ แล้วเราจะทำงานได้สะดวกมากขึ้น2) ใส่ Promotion Code ใน Ads เพื่อดูจำนวนลูกค้าที่ใช้ code ในการสั่งอาหาร3) เมื่อโครงการใกล้จะหมด เราอาจจะขยายต่อโปรโมชั่นของเราเอง และเมื่อหมดโครงการภาครัฐ จะทำให้เราเห็นกลุ่มลูกค้าที่แท้จริงของเรามากขึ้นรับชม MHA Advise ร้าน Rhythm & Shabu คลิปเต็มได้ที่ : https://youtu.be/s54xero95-M 

สูตรอาหารเพิ่มเติม
รวมสิทธิพิเศษจากพาร์ทเนอร์ เฉพาะสมาชิก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี!

รวมสิทธิพิเศษจากพาร์ทเนอร์ เฉพาะสมาชิก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี!

แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี เอาใจสมาชิก มอบสิทธิพิเศษสุดคุ้มจากพาร์ทเนอร์ชื่อดัง! เฉพาะลูกค้าสมาชิกแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี รับสิทธิพิเศษฟรี ส่วนลดมากมาย ช่วยดันให้ธุรกิจร้านอาหารเฮงๆ ปังๆ สมาชิกท่านใดที่กำลังมองหาบริการในการสร้างร้านอาหารของท่าน เชิญมาทางนี้ รวมส่วนลดและโปรโมชันพิเศษจากพาร์ทเนอร์ เพียงลูกค้าสมาชิกแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี แอดไลน์มาที่ @makro-mha พร้อมแจ้งเลขบัตรสมาชิกของท่าน รับทันทีโค้ดส่วนลดจากพาร์ทเนอร์สุดคุ้ม! 1.โค้ดส่วนลดจาก Fastwork แหล่งรวมฟรีแลนซ์มืออาชีพ รับส่วนลด10% ลดสูงสุด 2,000 บาท สำหรับงานขั้นต่ำ 3,000 บาทเท่านั้น  กรอกโค้ดได้ที่  https://fastwork.co/ เงื่อนไข - ส่วนลด 10% สำหรับงานขั้นต่ำ 3,000 บาทเท่านั้น - ลดสูงสุด 2,000 บาท - ไม่สามารถใช้ส่วนลดนี้ร่วมกับส่วนลดอื่นๆ ได้ - สามารถใช้ส่วนลดนี้ตั้งแต่วันนี้ - 30 มิถุนายน 2565 เท่านั้น - บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า - ส่วนลดใช้ได้สำหรับลูกค้าใหม่ ในการจ้างงานครั้งแรก - คูปองใช้ได้ 1 ครั้ง 2. โค้ดส่วนลดจาก Dezpax แพ็คเก็จจิ้งใส่อาหาร  ·         โค้ดส่วนลดมูลค่า  300 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท ขึ้นไป  ·         โค้ดส่วนลดมูลค่า 2,000 บาท เมื่อสั่งซื้อครบ 20,000 บาท ขึ้นไป * ผ่อน 0% ได้ 3 เดือน    กรอกโค้ดเมื่อสั่งซื้อสินค้าได้ที่  http://bitly.ws/oAZ3 3.ส่วนลดจาก Achii Studio บริการถ่ายภาพอาหารมืออาชีพ ลดสูงสุด 2,500 บาท เพียงแจ้งว่ามาจาก MHA เมื่อใช้บริการผ่าน Line ID @achiistudio https://bit.ly/3teNZdH 4. โค้ดส่วนจาก Design365 บริการด้านงานออกแบบดีไซน์ มูลค่า 500 บาท สำหรับงานออกแบบเท่านั้น  เพียงแจ้งโค้ดเมื่อใช้บริการผ่าน Line ID @design365days  https://bit.ly/3hkkdyN 5. ส่วนลด10% และ Package ยิงแอด จาก Fastwork บริการด้านการตลาดออนไลน์  เริ่มต้นเพียง 2,500 บาท เท่านั้น เพียงแจ้งว่ามาจาก MHA เมื่อใช้บริการผ่าน Line ID @fastket   https://bit.ly/3vu0jtv ลูกค้าสมาชิกแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี เพียงแอดไลน์ @mako-mha พร้อมแจ้งเลขบัตรสมาชิก รับทันที! โค้ดส่วนลดจากพาร์ทเนอร์  (ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 2565 เท่านั้น)

สูตรอาหารเพิ่มเติม
แชร์ไอเดียออกแบบโต๊ะเล็ก วางอาหารได้เยอะ

แชร์ไอเดียออกแบบโต๊ะเล็ก วางอาหารได้เยอะ

แชร์ไอเดียออกแบบโต๊ะเล็ก วางอาหารได้เยอะ แชร์ไอเดียออกแบบโต๊ะเล็ก แต่วางอาหารได้เพียบ ประหยัดพื้นที่ในร้าน แถมสะดวกเงินผู้ประกอบการ พร้อมเทคนิคนำเทคโนโลยี มาประยุกต์ใช้ในการบริการลูกค้าได้เร็วทันใจ สามารถนำพื้นที่ที่เหลือ เป็นพื้นที่ใช้สอยอื่นๆ ได้ เช่น พื้นที่สต็อกสินค้า  พื้นที่ทำครัว ฯ  จากร้าน JiangHu Hotpot ชื่อดัง 1) สั่งอาหารผ่านโทรศัพท์มือถือได้ ด้วยการทำ QR Code ให้ลูกค้าสแกนเลือกเมนู สามารถประหยัดงบในส่วนของพนักงานบริการได้ในระดับนึงอีกด้วย 2) ลูกค้าแต่ละท่านมีเตาส่วนตัว ทั้งเตาแบบแยกหม้อต้ม และเตาย่างได้ ตอบโจทย์เรื่องความสะอาดในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี 3) สำหรับร้านบุฟเฟ่ต์ สามารถหยิบอาหารจากสายพาน แก้ปัญหาความวุ่นวายในร้าน 4) บางเมนู ลูกค้าสามารถรอรับอาหารที่โต๊ะ ไม่ต้องใช้พนักงานเสิร์ฟ โดยร้าน JiangHu Hotpot จะเดลิเวอรี่อาหารบางเมนูที่ไม่จำเป็นต้องใช้พนักงาน ผ่านสายพานรถไฟที่มีความเร็วสูง 5) ชั้นวางอาหารบนโต๊ะ ช่วยประหยัดพื้นที่ แลดูเป็นระเบียบมากขึ้น อย่างร้าน JiangHu Hotpot ทำชั้นวางอาหารเป็นสแตนเลส 2 ชั้น ถือเป็นไอเดียที่ดีทีเดียว และการจัดการวางในลักษณะนี้ ช่วยให้อาหารดูเต็มโต๊ะ ถ่ายรูปสวย น่าอวดลงโซเชียลอีกด้วย  Credit : https://youtu.be/KWQOpC5f9OU

สูตรอาหารเพิ่มเติม
รวมไอเดียร้านน็อคดาวน์ เปิดง่าย ทุนน้อย สร้างได้เร็ว!

รวมไอเดียร้านน็อคดาวน์ เปิดง่าย ทุนน้อย สร้างได้เร็ว!

รวมไอเดียร้านน็อคดาวน์ เปิดง่าย ทุนน้อย สร้างได้เร็ว! ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน หลายคนอยากเปิดร้านอาหาร สร้างอาชีพ สร้างรายได้ แต่จะลงทุนเช่าตึก เช่าบ้าน ตกแต่งเป็นร้าน ก็อาจจะมีความเสี่ยงขอแนะนำ #ร้านอาหารและคาเฟ่น็อคดาวน์ เป็นอีกทางเลือกในการเปิดร้านอาหาร ทำได้เร็ว ทำได้เลย ร้านเล็ก-ร้านใหญ่ก็ทำได้ แต่งสวยได้ ย้ายที่ก็ทำได้ร้านค้าน็อคดาวน์ คืออะไร?เป็นร้านค้าสำเร็จรูปที่เหมาะกับการทำธุรกิจขนาดเล็ก หรือขนาดกลาง ที่ต้องการความรวดเร็วในการก่อสร้าง ตกแต่ง และติดตั้ง ร้านน็อคดาวน์ทำจากวัสดุที่สามารถถอดประกอบได้ง่าย ใช้เวลาในการสร้างไม่เกิน 1-2 วัน หรือถ้ามีขนาดเล็กสามารถยกร้านสำเร็จรูปมาติดตั้งได้เลยทันที และง่ายต่อการถอดโครงสร้างและย้ายไปประกอบที่ตั้งร้านใหม่ทั้งหมดนี้จึงทำให้ร้านน็อคดาวน์เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ไม่อยากเช่าตึกเพื่อเปิดร้านใหม่ แถมยังสามารถเริ่มขายได้เร็ว ทำกำไรได้เร็ว และร้านค้าน็อคดาวน์ถือว่าราคาไม่สูง มีตั้งแต่ราคาหลักหมื่นถึงหลักแสน สามารถตกแต่งร้านได้ตามความต้องการ และมีแบบให้เลือกหลายแบบ ตามลักษณะสินค้าและบริการที่ต้องการร้านค้าน็อคดาวน์สามารถขายอาหารได้หลายประเภท ขึ้นอยู่กับว่าร้านรูปแบบไหนเหมาะกับอาหาร โลเคชั่น และลูกค้าประเภทไหนมากที่สุด ลองมาดูตัวอย่างร้านน็อคดาวน์กันสักหน่อย และดูว่าร้านแบบนี้เหมาะจะขายอาหารประเภทไหน 276029641_1034127477312261_6477378297445561124_n.jpg 587.77 KB 276225842_1034128197312189_1367731042357141399_n.jpg 33.52 KB ร้านน็อคดาวน์แบบเบสิค  เป็นตู้เปิดสองด้าน เหมาะกับการขายอาหารฟาสต์ฟู้ด เช่น ขายเบอร์เกอร์ ของทอด ร้านน้ำ ร้านกาแฟ ร้านขนม เป็นต้น ทั้งสามด้านของตู้มีเคาน์เตอร์เล็กๆ สำหรับวางของโชว์สินค้า และเป็นจุดรับสินค้า รอบร้านจะมีพื้นที่บนตู้ที่สามารถติดตั้งป้ายหน้าร้านได้ถึงสามด้านทั้งด้านล่างและด้านบนร้านน็อคดาวน์ก็สามารถตกแต่งให้สวยงามได้ อยู่ที่การเลือกใช้ดีไซน์ แบบร้านในรูปตัวอย่างก็ดูเก๋เลยทีเดียว และสามารถเพิ่มเก้าอี้ให้ลูกค้านั่งกินบริเวณเคาน์เตอร์ได้ด้วย 276035683_1034127523978923_4231134185206770354_n.jpg 417.12 KB เหมาะกับการตั้งร้านกลางแจ้งเพราะมีหลังคาแข็งแรง อีกแบบที่เหมาะกับการตั้งร้านกลางแจ้งเพราะมีหลังคากันแดดกันฝนได้แบบจริงจัง  จะทาสีเรียบๆ หรือเล่นสีให้ดูสดใจ วางตามแหล่งท่องเที่ยวก็สะดุดตาดี ใช้พื้นที่ไม่มากนัก เหมาะกับการเปิดร้านขายหมูปิ้ง ขนมปังปิ้ง ขายผลไม้สด หรือจะขายเครื่องดื่มต่างๆ 276107489_1034127493978926_8793697329928476655_n.jpg 654.04 KB ร้านน็อคดาวน์สามารถสร้างโดยคล่อมต้นไม้  ร้านค้าน็อคดาวน์สามารถปรับเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมได้ ตามภาพนี้ร้านน็อคดาวน์สามารถสร้างโดยคล่อมต้นไม้ ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ มีระเบียงและกันสาด สามารถตกแต่งร้านให้มีมุมเล็กๆ น่ารักๆ เพื่อให้ลูกค้าสามารถนั่งพักผ่อน และยังเป็นจุดถ่ายรูปสวยๆ ได้อีกด้วย ร้านแบบนี้สามารถติดแอร์ได้ สามารถขายได้ตั้งแต่กาแฟ ชา หรือขนมเบเกอรี่ที่ต้องใช้ตู้แช่ในการขาย 276070278_1034127497312259_508932896501743581_n.jpg 403.38 KB 275997863_1034128283978847_2991552747671818284_n.jpg 74.93 KB ร้านขนาดใหญ่ลูกค้านั่งทานในร้านได้ หรือถ้าอยากได้ร้านขนาดใหญ่อยู่กลางแจ้ง และมีงบมากพอ ก็สามารถออกแบบตกแต่งเป็นร้านขึ้นมาใหม่แบบสวยงามไปเลยก็ได้ เหมาะสำหรับการทำคาเฟ่ มีที่สำหรับให้นั่งกินในร้านได้ มีเคาน์เตอร์บาร์เหมาะกับการขายของหวาน กาแฟ ชา ฯลฯ และยังมีพื้นที่หน้าร้าน ที่สามารถตกแต่งเป็นพื้นที่นั่งชิลได้อีกเช่นกัน 276116780_1034127520645590_8432603425988043531_n.jpg 344.67 KB 276146757_1034128330645509_2106923415041246261_n.jpg 129.59 KB 276139515_1034128300645512_4190337325328914217_n.jpg 66.56 KB มี 2 ชั้น ใช้งานได้เต็มที่ สำหรับคนที่มีงบปานกลางถึงสูง จะลองดูแบบสองชั้นก็มีเช่นกันโดยชั้นที่ 1 สามารถทำเป็นครัว และเคาน์เตอร์บาร์ได้เต็มพื้นที่ส่วนชั้นที่ 2 สามารถทำเป็นที่นั่งกินได้เช่นกันเหมาะสำหรับติดตั้งไว้ที่ตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีวิวสวยๆ ร้านนี้เหมาะกับการที่จะทำร้านอาหารจานเดียว เบอเกอร์ เค้ก หรือจะทำเป็นคาเฟ่ ร้านกาแฟ ก็เก๋ดี 276079883_1034138507311158_8330815583305997536_n.jpg 98.13 KB จะเห็นได้ว่า ร้านน็อคดาวน์ตอบโจทย์เรื่องคนอยากมีร้านแต่งบน้อยได้มากเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ ทั้งนี้ต้องเลือกที่ตั้งในทำเลที่เหมาะสม มีระบบไฟฟ้า น้ำ และการระบายของเสียให้ดี ร้านก็จะอยู่ทำกำไรให้เราไปได้นานๆและถ้าจะคิดเผื่อเดลิเวอรี่ ร้านแบบที่มีที่นั่งพักก็จะเหมาะมาก เพราะมีระเบียงและกันสาดเป็นพื้นที่ L โซน มีม้านั่งสำหรับลูกค้าและไรเดอร์ได้นั่งพักขณะรอรับอาหารสำหรับใครที่ตั้งใจแล้ว อยากลงมือ พร้อมเปิดร้านทันที ลองหาสูตรจากเชฟมืออาชีพได้ที่ MHA Startup สูตรลับฉบับเปิดร้าน รับรองขายได้แน่นอน คลิกเลย => https://bit.ly/3tXDsEjขอบคุณภาพจากhttps://www.pinterest.com/www.thaimobilecontainer.comhttps://www.pinterest.com/, www.thaimobilecontainer.com

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เปิดร้านอาหารญี่ปุ่น ฉบับมือใหม่ ต้องเริ่มยังไง มาดูกัน

เปิดร้านอาหารญี่ปุ่น ฉบับมือใหม่ ต้องเริ่มยังไง มาดูกัน

เปิดร้านอาหารญี่ปุ่น ฉบับมือใหม่ ต้องเริ่มยังไง มาดูกัน ร้านอาหารญี่ปุ่นยังมีโอกาสทางธุรกิจสูง  เพราะคนไทยนิยมกินเป็นอันดับต้นๆ  ถึงแม้คู่แข่งเยอะ แต่ก็มีโอกาสทำกำไรได้ถ้าวางแผนธุรกิจให้ดี  อยากจะเปิดขายอาหารญี่ปุ่นต้องเริ่มยังไง มาดูกัน! 277104473_1035765503815125_2148862762428110955_n.jpg 471.53 KB 1.วิเคราะห์ทำเล กำหนดกลุ่มเป้าหมาย  ทำเลยังเป็นเรื่องสำคัญเสมอสำหรับร้านอาหาร ไม่ว่าจะขายหน้าร้านหรือออนไลน์ สำหรับกลุ่มเป้าหมายของร้านคือคนที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น โดยมากจะเป็นกลุ่มคนชั้นกลาง พนักงานออฟฟิศ นักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงานรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไปดังนั้นถ้าทำเลในการขายอยู่ใกล้แหล่งคนทำงาน สถานศึกษา หรือคอนโดมิเนียม ก็จะมีโอกาสขายได้สูง โดยปกติมักจะมีห้างสรรพสินค้า หรือคอมมูนิตี้มอลเปิดอยู่ใกล้ๆแหล่งนี้ ซึ่งถ้ามีงบประมาณมากหน่อยการเช่าร้านในคอมมูนิตี้มอลก็เป็นตัวเลือกที่น่าลงทุน แต่ถ้างบประมาณไม่มากลองหาเช่าตึก หรือลงทุนฟู้ดทรัคก็ได้เช่นกันMHA ช่วยให้เจ้าของร้านอาหาร วิเคราะห์ทำเลทำเงิน เรียกลูกค้าได้ตรงจุดในหลักสูตรออนไลน์ฟรี เปิดร้านให้รวย ด้วยทำเลดีเรียนรู้ประเภทของทำเลร้านอาหาร, ปัจจัยในการวิเคราะห์เพื่อเลือกทำเลร้านอาหาร, และตัวอย่างการหาทำเลในร้านอาหารรูปแบบต่างๆโปรดลงชื่อเข้าใช้มุมขวาบนก่อนเริ่มเรียน  >> https://bit.ly/3ojrxPP 277097361_1035765520481790_4290421698131524003_n.jpg 410.06 KB 2. ทดลองเขียนธุรกิจบนกระดาษ วิเคราะห์โอกาสการลงทุน และระยะเวลาคืนทุน ลองเขียนแผนธุรกิจร้านออกมาก่อน เป็นการทดลองทำธุรกิจบนกระดาษเพื่อดูว่าร้านนี้ยังน่าลงทุนหรือไม่ โดยเริ่มจากคำนวณต้นทุนทั้งหมดของร้าน และประมาณการยอดขายต่อเดือนจากการสำรวจกลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะเข้ามาใช้บริการคูณกับจำนวนเงินที่กลุ่มเป้าหมายยอมจ่ายต่อครั้ง ก็จะได้กำไรประมาณการออกมา จากนั้นลองหาระยะเวลาคืนทุนได้จากสูตร  *ระยะเวลาคืนทุน = จำนวนเงินลงทุนหารด้วยกำไรสุทธิ เมื่อได้ทั้งหมดนี้ออกมา ให้ลองดูว่าในระยะเวลากว่าจะคืนทุนนี้ เรามีทุนหมุนเวียนพอหรือไม่ และพอใจกับผลตอบแทนหรือเปล่าซึ่งสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้จาก หลักสูตรออนไลน์ฟรี “การศึกษาความเป็นไปได้ธุรกิจร้านอาหาร”โปรดลงชื่อเข้าใช้มุมขวาบนก่อนเริ่มเรียน  >> https://bit.ly/3icpxVp 277078233_1035765550481787_8447468203607104576_n.jpg 313.08 KB 3. คำนวณหา ROI (อัตราผลตอบแทนการลงทุน)  หถ้าอยากจะให้ชัวร์ ลองคำนวณหา “อัตราผลตอบแทนการลงทุน” (ROI-Return on Investment) ซึ่งคำนวณได้จากสูตร  *ROI = (กำไรสุทธิ/เงินลงทุน) x 100ซึ่งถ้ามีอัตราการตอบแทนที่ดีแปลว่าร้านนี้น่าลงทุนถ้ามีธุรกิจหรือการลงทุนอื่นเข้ามาเปรียบเทียบจะยิ่งเห็นได้ชัดเช่น ร้านนี้ลงทุนทุกอย่างไปทั้งหมดรวมค่าดำเนินการต่อปีเป็นเงิน 3 ล้านบาทได้กำไรต่อปีรวมแล้ว  1,080,000 บาทดังนั้นอัตราผลตอบแทนต่อปีจะอยู่ที่ ROI =(1,080,000/3,000,000)x100 = 36%ซึ่งเป็นอัตราที่ดีสำหรับร้านอาหาร ลองศึกษาเรื่องการวิเคราะห์โอกาสการลงทุนและการคำนวณอัตราผลตอบแทนเพิ่มเติมได้ที่  >> https://bit.ly/3t0ROo7 277076698_1035765533815122_7648661429298262261_n.jpg 401.08 KB 4 รู้เรื่องวัตถุดิบ แหล่งที่มา และวิธีจัดการ  วัตถุดิบอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเน้นความสด โดยเฉพาะปลาและอาหารทะเลดิบ ดังนั้นต้องรู้ว่าลักษณะวัตถุดิบที่สดนั้นเป็นอย่างไร วัตถุดิบแบบไหนถึงเรียกว่าคุณภาพดีและราคาสมเหตุผล ลองมองหาซัพพลายเออร์สำหรับสั่งซื้อวัตถุดิบ 1-2 เจ้า แล้วลองเปรียบเทียบกันดูก่อนจะสั่งซื้อก็ได้ นอกจากนี้ยังต้องมีวิธีการจัดการวัตถุดิบที่ถูกต้องด้วย เช่นการแล่ปลา การหุงข้าวญี่ปุ่น รวมถึงการจัดเก็บวัตถุดิบแต่ละชนิด ที่ต้องสั่งมาสต๊อคไว้เพื่อไม่ให้ของขาดเวลาต้องการใช้ แล้วลองศึกษาเพิ่มเติมเรื่อง Yield  ของวัตถุดิบ >> https://bit.ly/36pFkN  เพื่อคำนวณว่าวัตถุดิบแต่ละอย่างใช้ได้จริงปริมาณเท่าไหร่ต่อราคาที่ซื้อมา เพื่อเอาไปคำนวณเป็นต้นทุนอาหารแต่ละเมนูอีกทีนอกจากเรียนรู้เรื่องการคำนวณต้นทุนแบบ Yield แล้ว การคำนวณหาต้นทุนอาหารต่อจานก็เป็นเรื่องสำคัญ สามารถเรียนรู้ได้ในหลักสูตรออนไลน์ฟรี! เทคนิคการตั้งราคาอาหารแบบมืออาชีพโปรดลงชื่อเข้าใช้มุมขวาบนก่อนเริ่มเรียน  >> https://bit.ly/35ZKsbN 277076698_1035765533815122_7648661429298262261_n.jpg 401.08 KB 5. เซ็ตระบบครัวของร้าน เพื่อควบคุมต้นทุนไม่ให้สูง  เซ็ตระบบครัวของร้านให้ดี จะครัวเล็กหรือใหญ่สำคัญคือต้อง Flow เน้นการจัดวางแต่ละสเตชั่นไม่ให้สับสน เวลาทำงานในครัว ไม่หันรีหันขวาง กลับไปมา หรือเดินชนกันจนของเสียหาย ต้องเซ็ตขั้นตอนในการทำงานให้มีมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงมีสูตรมาตรฐานของอาหารแต่ละเมนูกำหนดเอาไว้ให้พ่อครัวทำ ยกตัวอย่าง ขั้นตอนในการทำข้าวด้ง ต้องมีขั้นตอนอย่างไร ชั่งตวงวัดวัตถุดิบก่อนปรุง จัดจานต้องทำอะไรบ้าง จำไว้ว่าขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ดีจะช่วยลดความสูญเสีย และควบคุมต้นทุนได้ง่ายแนะนำหลักสูตรการออกแบบครัว เพื่อการใช้งานอย่างมืออาชีพซึ่งจะสอนรูปแบบครัวมาตรฐานของร้าน การจัดการพื้นที่ในครัว แม้มีงบน้อยก็ไม่หวั่น รวมถึงหลักในการเลือกอุปกรณ์ครัวขั้นพื้นฐานโปรดลงชื่อเข้าใช้มุมขวาบนก่อนเริ่มเรียน >> https://bit.ly/3thRgdn 275538758_1036307550427587_4048035692245950415_n.jpg 384.42 KB 6. มีจุดขายให้ลูกค้าจดจำ การตลาดแม่นยำตรงกลุ่มเป้าหมาย  อย่าลืมว่าถึงแม้ร้านอาหารญี่ปุ่นจะยังมีโอกาสทางธุรกิจสูง แต่ผู้เล่นในธุรกิจนี้ก็มีไม่น้อย ทั้งเจ้าใหญ่ในตลาดและร้านเล็กๆทั้งหลาย การจะอยู่รอดและมีกำไร ต้องสร้างจุดขายที่มีความโดดเด่นจากคู่แข่งให้ได้ หรือที่เรียกกันว่า Unique Selling Point อาจจะหาเมนูชูโรง เล่นกับราคา เน้นบรรยากาศ หรืออะไรก็ตามที่คู่แข่งยังไม่ได้จับจุดนั้นมาเล่น และตรงใจกับลูกค้า และต้องทำการโฆษณาร้านผ่านสื่อต่างๆ ให้มาก ทั้งโซเชียลหรือจะสื่อใบปลิวก็ยังดึงดูดคนในบริเวณนั้นได้ดี เริ่มง่ายๆด้วยการถ่ายรูป วิดีโอทำคอนเทนต์ ลองหัดยิงโฆษณา หรือถ้าจะจ้างนักรีวิวมาช่วยรีวิวร้านก็จะช่วยได้มากเรียนรู้เครื่องมือทางและช่องทางโปรโมทร้านอาหารผ่านออนไลน์ ในหลักสูตรออนไลน์ฟรี!  “โปรโมทร้านอาหารใน Online ให้ยอดขายพุ่งขึ้น 10 เท่า”โปรดลงชื่อเข้าใช้มุมขวาบนก่อนเริ่มเรียน >> https://bit.ly/3F6myYE สำหรับท่านใดที่อยากเปิดร้านซูชิ ขอแนะนำหลักสูตรซูชิเงินล้าน คอร์สออนไลน์ฟรี  โดยเชฟบุญธรรม ภาคโพธิ์ เชฟกระทะเหล็กอาหารญี่ปุ่นแห่งประเทศไทย ช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร ออกแบบและสร้างสรรค์เมนูซูชิ วัตถุดิบอย่างเดียว ทำได้หลายเมนู อร่อย คุ้มค่า รวมถึงการสาธิตเมนูพื้นฐาน ที่ร้านซูชิทุกร้านต้องมี โปรดลงชื่อเข้าใช้มุมขวาบนก่อนเริ่มเรียน >> https://bit.ly/3FBuzok

สูตรอาหารเพิ่มเติม
แจกฟรี! ไฟล์บันทึกยอดขาย รายวัน-รายเดือน วิเคราะห์ปัญหาร้าน เพิ่มยอดได้ตรงเป้า!

แจกฟรี! ไฟล์บันทึกยอดขาย รายวัน-รายเดือน วิเคราะห์ปัญหาร้าน เพิ่มยอดได้ตรงเป้า!

ทำไมต้องบันทึกยอดขาย? เพราะการบันทึกยอดขายแต่ละวัน จะทำให้คุณมองเห็นภาพรวมทั้งรายเดือน และรายปี  นอกจากจะทำให้คุณมองเห็นปัญหา และสามารถสร้าง “เป้ายอดขาย” บนฐานข้อมูลที่คุณมี  ยิ่งระบบร้านเป๊ะมากเท่าไหร่ เป้ายอดขายก็อยู่ไม่ไกลเกินฝัน ถ้าใช้ความรู้สึกวัด ไม่มีการเก็บข้อมูลอย่างเป็นรูปธรรม สุดท้ายก็จะรู้แค่ภาพรวมๆ แก้ปัญหาร้านได้ไม่ตรงจุด  แจกฟรี! ไฟล์บันทึกยอดขาย เพื่อการวิเคราะห์และวางแผนเพิ่มยอดแบบตรงเป้า! คลิกลงชื่อเข้าใช้มุมขวาบน เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ >> https://bit.ly/3JO66y8 พร้อมอ่านวิธีการบันทึกยอดขายในอัลบั้ม - ช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร - ตั้งงบประมาณยอดขายเป็น  - สร้างตารางบันทึกยอดขายต่อเดือนได้ด้วยตัวเอง - วิเคราะห์เพื่อสร้างกลยุทธ์ในการเพิ่มยอดขายต่อหัว และเพิ่มจำนวนลูกค้า - รู้วิธีเพิ่มช่องทางการจำหน่าย และปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มยอดขายให้ใกล้เคียง  หรือตรงกับงบประมาณที่เราตั้งไว้ 277587654_1041516006573408_7312279269545697866_n.jpg 509.3 KB แจกไฟล์ตารางคาดการณ์ยอดขายต่อเดือน และวิธีตั้งงบประมาณยอดขายต่อเดือน การคาดการณ์ยอดขายต่อเดือน   เพื่อวิเคราะห์ว่า เราอยากลงทุนในร้านนี้อยู่หรือไม่ โดยเริ่มตั้งแต่การสร้างคอนเซปร้าน ตั้งเป้ายอดขายที่ไม่สูงเกินไป เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้นได้ โดยวิเคราะห์ทีละขั้นตอน เพื่อนำมาวิเคราะห์เป้าหมายต่อเดือน ทำให้เราทราบว่า เราได้ยอดขายเท่านี้ ต้นทุนเท่าไหร่ เหลือกำไรเท่าไหร่ ลงทุนครั้งนี้ คุ้มหรือไม่?โดยตัวเลขเหล่านี้ มาจากการสำรวจตลาด สำรวจคู่แข่ง และสำรวจการใช้เงินของลูกค้าอยากจ่ายเท่าไหร่ เพื่อตั้งเป้าหมายว่าต้องสร้างยอดขายเท่าไหร่ เพื่อให้พนักงานดูว่า ต่อวันควรทำรายได้ สร้างยอดขายเท่าไหร่ วิธีตั้งงบประมาณยอดขายต่อเดือน  คอลัมน์ที่ 1 – วันและจำนวนวัน : นอกจากวัน จ.-อา. แล้ว ควรมีช่องใส่วันหยุดนักขัตฤกษ์ เพราะอาจจะขายดีกว่าวันปกติ เพื่อให้การตั้งงบประมาณยอดขายง่ายขึ้นคอลัมน์ที่ 2 – จำนวนลูกค้า แยกเป็นมื้อกลางวัน มื้อเย็น และ Delivery อาจมาจากการสำรวจร้านอาหารทั่วไปคอลัมน์ที่ 3 – ยอดขายเฉลี่ยต่อหัว ในมื้อกลางวัน มื้อเย็น และ Delivery อาจประมาณตัวเลขไว้โดยดูราคาอาหารที่เราจะขายเป็นหลักคอลัมน์ที่ 4 – ใส่รายได้มื้อกลางวัน มื้อเย็น และ Deliveryสูตร : มื้อกลางวัน(จำนวนลูกค้าที่คาดหวัง) x ยอดขายเฉลี่ยต่อหัว = รายได้มื้อกลางวัน คอลัมน์ที่ 5 – รายได้ต่อวันสูตร : นำมื้อกลางวัน+มื้อเย็น+Delivery = รายได้รายวันคอลัมน์ที่ 6 – รายได้ต่อเดือนสูตร : นำรายได้รายวัน x จำนวน (เช่น วันจันทร์) ทั้งเดือน = ประมาณการรายได้ (ทุกวันจันทร์รวมกัน)ดาวน์โหลดไฟล์ฟรี ได้ที่คอร์ส สูตรสำเร็จวิเคราะห์ยอดขาย ให้ได้กำไรกว่าที่คิดบทที่ 1 การตั้งงบประมาณยอดขายต่อเดือน : https://bit.ly/3JO66y8 277661951_1041516009906741_7708646870803733806_n.jpg 559.36 KB แจกไฟล์ตารางบันทึกยอดขายรายวันและวิธีการสร้างตารางบันทึกยอดขาย วิธีการสร้างตารางบันทึกยอดขายด้วยตัวเอง เพื่อวิเคราะห์ยอดขาย และกำหนดกลยุทธ์ในการเพิ่มยอดขายคอลัมน์ที่ 1 – วันและจำนวนวัน : นอกจากวัน จ.-อา. แล้ว ควรมีช่องใส่วันหยุดนักขัตฤกษ์ เพราะอาจจะขายดีกว่าวันปกติ เพื่อให้การตั้งงบประมาณยอดขายง่ายขึ้นช่องสีชมพูคอลัมน์ที่ 2 – งบประมาณ : โดยนำงบประมาณคาดการณ์ยอดขายต่อเดือน(จากตารางแรก)มากรอกและคอลัมน์ยอดขายจริง : โดยนำยอดขายทั้งวันมากรอกคอลัมน์ที่ 3 – ส่วนต่าง : เพื่อดูส่วนต่างว่างบประมาณที่ตั้งไว้ ต่างจากยอดขายจริงเท่าไหร่ช่องสีเขียวคอลัมน์ที่ 4 – ยอดสะสม : มีทั้งยอดสะสมงบประมาณ และยอดขายที่เกิดขึ้นจริงสูตรการหางบประมาณสะสม : งบประมาณวันที่ 1 + วันที่ 2 = งบประมาณสะสม 2 วันคอลัมน์ที่ 5 – ส่วนต่างสะสม : เพื่อเปรียบเทียบว่ายอดขายจริง กับยอดขายที่ตั้งใจไว้ใกล้เคีบงกันหรือไม่เราต้องปรับกลยุทธ์อะไรบ้าง เพื่อให้ได้ยอดขายที่ตั้งใจไว้ช่องสีฟ้าคอลัมน์ที่ 6 – รายได้ : มีทั้งรายได้อาหาร, เครื่องดื่ม, Delivery/Onlineเพื่อให้ทราบว่ารายได้ส่วนใหญ่มาจากช่องทางใด ช่วยให้ปรับกลยุทธ์สอดคล้องกับความต้องการลูกค้ามากขึ้นช่องสีเหลืองคอลัมน์ที่ 7 – T/C (Total Covers) คือจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการต่อวัน โดยให้พนักงานจดบันทึกลูกค้าที่มาใช้บริการตามจำนวนจริงคอลัมน์ที่ 8 A/C (Average Check per Head) คือยอดขายเฉลี่ยต่อหัวที่ลูกค้าใช้จ่ายในร้านเราต่อคน โดยเอาจำนวน T/C หาร ยอดขายจริงที่ขายได้ในวันนั้นๆและต้องนำยอดขายจริง ลบกับยอดขาย Delivery/Online เพื่อให้ได้ยอดขายจริง หารกับจำวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า  ลูกค้าที่สั่งผ่านช่องทาง Delivery/Online นำไปทานกี่คน เพื่อให้ได้ข้อมูล A/C (ยอดขายเฉลี่ยต่อหัวที่ลูกค้าใช้จ่ายในร้านเราต่อคน) ที่แท้จริงคอลัมน์ที่ 9 – หมายเหตุ : สามารถใส่ข้อมูลได้ทั้งแง่ดีและแง่เสีย ช่วยให้เรารู้เหตุผลของยอดขายในวันนั้นๆดาวน์โหลดไฟล์ฟรี ได้ที่คอร์ส สูตรสำเร็จวิเคราะห์ยอดขาย ให้ได้กำไรกว่าที่คิดบทที่ 2 การวิเคราะห์ยอดขาย เพื่อกำหนดกลยุทธ์ในการเพิ่มยอดขาย : https://bit.ly/3JO66y8 277673196_1041962173195458_2443636481787890769_n.jpg 360.19 KB ขอแนะนำหลักสูตรออนไลน์ฟรี   สูตรสำเร็จวิเคราะห์ยอดขายให้ได้กำไรกว่าที่คิด พาผู้ประกอบการร้านอาหารวิเคราะห์ยอดขาย พร้อมเพิ่มกลยุทธ์แบบมืออาชีพ - เรียนรู้การตั้งงบประมาณยอดขาย โดยในคอร์สเรียนจะจำลองร้านอาหารให้คุณเข้าใจง่ายมากขึ้น- การสร้างตารางบันทึกยอดขายต่อเดือน- วิเคราะห์เพื่อสร้างกลยุทธ์ในการเพิ่มยอดขายต่อหัว- การเพิ่มจำนวนลูกค้า- การเพิ่มช่องทางการจำหน่ายวิธีปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มยอดขายให้ใกล้เคียง หรือตรงกับงบประมาณที่เราตั้งไว้ เพียงลงชื่อเข้าใช้มุมขวาบน ก็สามารถเรียนฟรีได้ทันที!  >> https://bit.ly/3JO66y8สอนโดย คุณมธุรส วงศ์ประดู่Director, PRCM Thailand และ อดีต Operation Director แบรนด์ดังระดับอินเตอร์

สูตรอาหารเพิ่มเติม
อาหารแต่ละประเภท ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิเท่าไหร่

อาหารแต่ละประเภท ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิเท่าไหร่

อาหารแต่ละประเภท เหมาะที่จะเก็บไว้ในอุณหภูมิเท่าไรบ้าง? เก็บถูกที่ ยืดอายุวัตถุดิบได้มากกว่า แถมสะอาด ปลอดภัย ป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้ ให้ลูกค้าของเราได้ทานอาหารที่มีคุณภาพ ดีต่อสุขภาพกันเถอะ องศาที่อาหารปลอดภัยสำหรับอาหาร อาหารปรุงสุก 72°C-82°Cควรเก็บอาหารที่อุณหภูมิ 60°C (140°F) หรือร้อนกว่า เหมาะสมสำหรับการปรุงอาหารชนิดต่างๆ โดยการปรุงเนื้อสัตว์ต่างชนิดกัน ก็มีอุณหภูมิที่ควรจะต้องทำให้เนื้อประเภทนั้นสุก โดยไม่ก่อให้เกิดแบคทีเรียแตกต่างกันไปโซนอันตราย คือ ช่วง 4 ºC ถึง 60 ºC เพราะเป็นช่วงอุณหภูมิที่แบคทีเรียสามารถเติบโตได้เร็ว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ โดยส่วนมากจะเกิดจากการปรุงอาหารไม่สุกดี หรือการวางอาหารที่ปรุงสุกแล้วทิ้งไว้จนอุณหภูมิลดลง อย่างเมนูที่มีการตั้งโชว์ในร้านการควบคุมอุณหภูมิ ไม่ให้อาหารเป็นโซนอันตราย- ต้องมีเครื่องวัดอุณหภูมิ (เทอร์โมมิเตอร์) สำหรับอาหาร เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิของอาหาร ซึ่งจะมีความแม่นยำ +/- 1ºC เครื่องวัดอุณหภูมิจะต้องมีก้านยาวไว้สำหรับวัดอุณหภูมิภายใน ของอาหารได้ จะต้องทำความสะอาค และผ่านการฆ่าเชื้อก่อนใช้ทุกครั้ง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากอาหารชนิดหนึ่งไปสู่- เชื้อแบคทีเรียจะไม่เจริญเติบโตในอาหารแช่แข็ง การแช่แข็งไม่ได้ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่ออาหารละลาย ข้อแนะนำของผู้ผลิตบนฉลากอาหารเป็นแนวทางที่ดี ว่าควรเก็บอาหารไว้อย่างไร การเก็บอาหารในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 4°C หรือเย็นกว่า ซึ่งจะเป็นการแช่เย็นวัตถุดิบที่เป็นของสด เช่น เนื้อสัตว์, นม, ไข่ เป็นต้น  - สำหรับเนื้อสัตว์ ถ้าต้องการเก็บไว้เป็นเวลานานๆ ควรมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่า -18 องศาเซลเซียส- อาหารทะเล ควรเก็บไว้ในช่วงอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 0°C และ -18°C - ผักสดและผลไม้ เก็บไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิระหว่าง 4°C – 10°C ไม่ควรแช่ผักและผลไม้ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่านี้ เพราะจะทำให้วิตามินและแร่ธาตุลดลงได้ และผลไม้บางชนิดก็ไม่เหมาะกับการแช่เย็น เพราะความเย็นอาจทำให้เนื้อผลไม้ช้ำและเสียรสชาติได้ ⚠️ อาหารแช่เย็นที่อาจเป็นอันตราย ㆍ หมั่นเฝ้าตรวจอุณหภูมิของห้องเย็นและตู้เย็นของท่านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า มีการเก็บอาหารไว้ที่อุณหภูมิ ระหว่าง 0°C  และ 5°C ㆍ บันทึกการตรวจเช็คอุณหภูมิ ลงวันที่ และเวลาที่ตรวจ และอุณหภูมิที่วัดได้ สุ่มตรวจรายการอาหารเพื่อให้มั่นใจว่าอาหารแช่เย็นอยู่ที่อุณหภูมิ 5°C  หรือต่ำกว่า และอาหารแช่แข็งได้ถูกแช่จนแข็งㆍ อย่าวางอาหารที่อาจเป็นอันตรายไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้แช่เย็นไว้ ปิดฝาหรือปิดประตูตู้ตั้งโชว์อาหารเมื่อไม่ใช้ เพื่อรักษาอุณหภูมิ ⚠️ อาหารร้อนที่อาจเป็นอันตราย ㆍ หมั่นเฝ้าตรวจอุณหภูมิของตู้ตั้งโชว์ของร้อน เตาอบสำหรับใส่ของร้อน หรือเบนมารี (เคาเตอร์อุ่นอาหารไฟฟ้า) ของท่านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่ามีการเก็บอาหารไว้ที่อุณหภูมิ 60°C  หรือสูงกว่าㆍบันทึกการตรวจวัดอุณหภูมิเหล่านี้ㆍหมั่นคนอาหารที่เป็นของเหลว เพื่อให้มั่นใจว่ามีอุณหภูมิสม่ำเสมอ ทั้งภาชนะปิดฝาอาหารที่นำไปเสิร์ฟในบุฟเฟ่ต์เพื่อรักษาอุณหภูมิㆍอุ่นอาหารให้มีอุณหภูมิ 60 °C  หรือสูงกว่านั้น ก่อนจะวางในตู้ตั้งโชว์ของร้อนSource : https://bit.ly/36FwcoO, https://bit.ly/3uLm2v0, https://bit.ly/3IL0Bz7 เรียนรู้เทคนิคการจัดเก็บวัตถุดิบอย่างมืออาชีพ  จากเชฟวิลเมนต์ ลีออง สอนวิธีการเก็บวัตถุดิบแต่ละประเภทที่ถูกต้อง และคงคุณภาพวัตถุดิบให้สดใหม่อยู่เสมอ! ในคอร์สออนไลน์ฟรี คลิกลงชื่อเข้าใช้มุมขวาบนก่อนเริ่มเรียน >> http://bit.ly/2NItNgL

สูตรอาหารเพิ่มเติม
แม่ซอสสูตรมาตรฐาน คุมรสชาติให้เป๊ะ สะดวก ง่าย ประหยัดเวลาผู้ประกอบการ

แม่ซอสสูตรมาตรฐาน คุมรสชาติให้เป๊ะ สะดวก ง่าย ประหยัดเวลาผู้ประกอบการ

ยากกว่าการหาพ่อครัวแม่ครัว คือการปรุงรสชาติอาหารให้อร่อยเหมือนกันทุกจาน ไม่มีผิดเพี้ยน อร่อยไม่มีเปลี่ยน ลูกค้ามากินซ้ำ แนะนำ #แม่ซอส ช่วยได้! แม่ซอสสูตรมาตรฐาน  คือซอสต้นแบบของร้าน ด้วยการทำน้ำเครื่องปรุง ที่ผ่านการชั่งตวงวัตถุดิบต่างๆ เอาไว้เป็นสูตรเดียวกัน สำหรับการประกอบแต่ละเมนู โดยสามารถทำได้ทุกเมนู ไม่ว่าจะต้ม ผัด แกง ช่วยลดเวลาในการปรุงอาหาร ลูกค้าก็ไม่ต้องรอนาน ราชาติได้มาตรฐาน ดีต่อการขยายสาขา และคุมต้นทุนได้ เทคนิคทำสูตรมาตรฐานต้ม ผัด แกง ยำ ✅ ต้ม สูตรมาตรฐานสำหรับน้ำต้มยำน้ำใส และต้มเล้ง ใช้อัตราส่วน 1:1 คือ น้ำปลา 1 ส่วน กับน้ำมะนาว 1 ส่วน✅ น้ำยำ ต้องมีความเปรี้ยว เค็ม และหวานตาม เคล็ดลับคือ ต้องควบคุมความเปรี้ยว มะนาวแต่ละฤดูกาลจะให้รสต่างกัน ฤดูร้อนน้ำจะน้อย เปรี้ยวจัด และราคาแพง ส่วนฤดูฝนน้ำเยอะ เปรี้ยวไม่จัด และราคาถูก ✅ แกง ทำได้ทุกประเภทแกงเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นแกงเผ็ด พะแนง ฉู่ฉี่ กระทั่งมัสมั่น เนื้อสัตว์ควรปรุงรสด้วยน้ำปลาหรือซีอิ๊วก่อน จากนั้นจึงใส่ซอสแกง ซึ่งต้องทิ้งเวลาให้น้ำแกงซึมเข้าเนื้อ✅ ผัด  สามารถทำซอสผัดได้หลากหลาย เช่น ซอสผัดไทย ยังทำเมนูไข่ลูกเขย กุ้งซอสมะขาม ปลาสามรส ปลาราดพริก กระทั่งแกงส้มได้อีกด้วย แบบสำเร็จพร้อมปรุงก็ทำได้เช่นกัน  ข้อควรระวังในการทำน้ำเครื่องปรุงและแม่ซอส  1. ความเค็ม ควรลดลง 15%  เช่นการทำซอสผัดกะเพรา ปกติ 1 สูตรจะใส่น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ ถ้า 10 สูตรคูณ 10 (20 ช้อนโต๊ะ) ได้ แต่ไม่ให้ใส่ทั้งหมด ควรลดความเค็มลง 15%2.  อุณหภูมิในเรื่องของการทำซอส หากเปิดไฟแรงเกินไปจะทำให้ซอสเค็มขึ้น ข้อควรระวังในการนำสูตรมาตรฐานมาใช้ 1. พ่อครัวแม่ครัวต้องชิมก่อนว่ารสชาติเป็นแบบไหน และนำไปปรุงอาหารใดได้บ้าง นอกจากนั้นต้องเข้าใจว่าสูตรมาตรฐาน ทำให้น้ำมันหอมระเหยหายไป ฉะนั้นต้องเพิ่มเติม อย่างเช่นน้ำยำ กลิ่นน้ำมันหอมระเหยของมะนาวอาจจะหายไป แต่บีบมะนาวแค่เสี้ยวเดียวก็เป็นอันใช้ได้แล้ว2. สูตรมาตรฐานต้องทำอาหารได้หลากหลาย ถ้า 1 ขวดนั้นทำอาหารได้เมนูเดียวก็ไม่ใช่แล้ว ต้องทำเมนูได้หลากหลาย เช่น 1 Product : 10 Recipe ทำได้วาไรตี้ เป็นต้น3. พ่อครัวแม่ครัวต้องต้องมีประสบการณ์และรู้จักการใช้ซอสให้เป็น เพื่อนำซอสมาใช้ประโยชน์ได้สูงสุด สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน คือการกำหนดสเปกวัตถุดิบหรือยี่ห้อที่ใช้เป็นประจำ  เพราะแต่ละยี่ห้อให้รสชาติไม่เหมือนกัน เปลี่ยนยี่ห้อก็เปลี่ยนรสชาติ ควรมียี่ห้อที่ใช้ประจำยึดเป็นหลัก แต่ต้องไม่ยึดว่าถ้าไม่มียี่ห้อนี้ทำไม่ได้ ควรรู้จักแหล่งวัตถุดิบที่รสชาติใกล้เคียงกันเสมอใครที่เป็นมือใหม่เรื่องแม่ซอส ขอแนะนำ หลักสูตรอาหารตามสั่งกับแม่ซอส สูตรลับฉบับมือออาชีพ #คอร์สออนไลน์ฟรี โดยมีเชฟดิว พร้อมสอนวิธีการทำสูตรแม่ซอสอเนกประสงค์  ซอสกะเพรา และซอสสามรส พร้อมสูตรและวิธีทำเมนูตามสั่ง ที่ร้านอาหารต้องมี >> https://bit.ly/3C8D48k

สูตรอาหารเพิ่มเติม
3 เคล็ดลับเพิ่มยอดขายต่อโต๊ะ เปลี่ยนพนักงานเสิร์ฟเป็นนักเชียร์ขายมือทอง

3 เคล็ดลับเพิ่มยอดขายต่อโต๊ะ เปลี่ยนพนักงานเสิร์ฟเป็นนักเชียร์ขายมือทอง

เปลี่ยนพนักงานจากคนยื่นเมนูกับรับออเดอร์เฉยๆ มาเป็นนักเชียร์ขายมือทองกัน! กับ 3เทคนิคการเพิ่มยอดขายต่อโต๊ะแบบง่ายๆ โดยไม่ค่อยมีใครนึกถึงมากนัก เจ้าของร้านต้องสร้างแรงจูงใจและเทรนพนักงานให้ดี จะช่วยกระตุ้นยอดขายและสร้างกำไรได้มากขึ้น 1. ไม่เสิร์ฟหรือนำเสนอเมนูน้ำเปล่าให้กับลูกค้า  เพราะน้ำเปล่ากำไรน้อย ต้องเทรนพนักงานห้ามถามลูกค้าว่า “รับน้ำดื่มอะไร” หรือ “รับเครื่องดื่มอะไร” เพราะถ้าได้ยินแบบนี้ลูกค้ามักจะเลือกน้ำเปล่าก่อนเสมอ ต้องฝึกพนักงานทุกคนเวลารับออเดอร์ให้นำเสนอไปเลยว่าร้านเรามีน้ำอะไร โอเลี้ยง ชาดำเย็น ลำไย หรือน้ำดื่มสมุนไพรอะไรก็ตาม  ถ้ามีเครื่องดื่มที่เป็นเมนูเด็ดประจำร้าน เมนูเครื่องดื่มประจำฤดูกาล และคำนวณแล้วว่าได้กำไรดี ให้นำเสนอไปเลย เช่น น้ำมะยงชิดปั่น เฉพาะช่วงมีนาคม-เมษายน น้ำกระเจี๊ยบ-พุทราจีน แก้ร้อนใน  ฯลฯ อย่าเพิ่งกลัวว่าลูกค้าจะรำคาญเพราะว่าบางทีลูกค้าก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะทานน้ำอะไร และลูกค้าหลายคนก็อยากได้ยินจากปากพนักงานมากกว่านึกเอาเองอ่านเมนูเอง ลองทำใบเมนูน้ำแยกออกมาต่างหากก็จะช่วยได้อีก จะให้ดีติดรูปเครื่องดื่มบนฝาผนังไปเลยช่วยกระตุ้นการสั่งได้ดีTips : แต่ถ้าเชียร์ขายไปแล้วสักสองรอบ ลูกค้ายังปฏิเสธและยืนยันว่าจะสั่งน้ำเปล่า ก็อย่าเซ้าซี้มาก จะทำให้ลูกค้าหงุดหงิดได้ การเสนอขายต้องจริงใจ อยากให้ลูกค้าได้ลองเครื่องดื่มดีๆ ที่ร้านเรามี 2. เสนอขายเมนูอื่นเพิ่มเติมถ้ายังสามารถเพิ่มได้ ต้องฝึกให้พนักงานวิเคราะห์ว่าบนโต๊ะนั้นควรมีกี่เมนู เพื่อที่จะได้สังเกตดูว่าลูกค้าสั่งครบเต็มแม็กแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เข้าสู่ปฏิบัติการเชียร์ขายเพิ่ม ทีนี้ต้องดูว่าลูกค้าสั่งเมนูอะไรมาบ้าง ไม่ว่าร้านแนวไหนก็สามารถเมนูเพิ่มเติม เมนูเคียงจาน เมนูเข้ากัน ได้ทั้งนั้น- ยกตัวอย่างร้านสเต็ก ถ้าลูกค้าสั่งสเต็กเป็นจากหลักแล้ว เราสามารถเชียร์ขาย สลัดผัก มันบดอบชีส หรือซุปครีม เพื่อทานคู่กันไปกับสเต็กก็ยังได้- ร้านข้าวแกงก็เชียร์ขายเพิ่มได้เช่นกัน ลูกค้าอาจจะสั่งกับข้าวราดสองอย่างแล้ว แต่เรายังเชียร์ขายซุปร้อนๆ ไว้ทานคู่กับข้าวสวยซดคล่องคอ เพิ่มเป็นถ้วยเล็กได้อีกถ้วย- ร้านอาหารทะเล ลูกค้าอาจจะเริ่มด้วยการสั่งปลาทอด กับข้าวผัดปู เราควรเชียร์ขายเมนูน้ำแกง จะเป็นแกงจืด ต้มยำ หรือโป๊ะแตก อาจจะเชียร์ผัดผักเพิ่มอีกเมนู ก็จะเข้าชุดกันพอดีTip : แต่การจะเชียร์ขายแบบไม่น่าเกลียดนั้น ต้องไม่เชียร์แบบยัดเยียด พิจารณาซะก่อนว่าจำนวนเมนูกับจำนวนลูกค้าพอดีกันมั้ย ถ้าลูกค้ามาน้อยไม่ต้องเชียร์เยอะนัก เอาที่กะว่าทานกันหมดพอดี เจ้าของร้านควรจัดชุด จับคู่เมนูอาหารที่เข้ากันไว้เป็นลิสต์ แล้วเทรนพนักงานให้รู้จักสังเกตและพิจารณาลูกค้าแต่ละโต๊ะให้ดี 3. เพิ่มยอดขายด้วยของหวาน   เจ้าของร้านลองฝึกพนักงานให้คอยจับสังเกตเวลาลูกค้าทานอาหารคาวเสร็จแล้ว อาจจะปล่อยให้ลูกค้านั่งคุยกันสักครู่ พอดูว่าไม่ขัดจังหวะ ให้ลองเข้าไปเสนอเมนูของหวาน จะเริ่มจากการถามนำก่อนก็ได้ ว่าอาหารที่สั่งได้ครบแล้วหรือไม่ จากนั้นก็นำเสนอของหวานเมนูเด็ดประจำร้านไปเลย “สนใจรับของหวานเพิ่มมั้ยครับ วันนี้เรามีลอดช่องสิงคโปร์สูตรเด็ดประจำร้าน......” ให้รายละเอียดเพิ่มด้วยจะยิ่งดึงดูดถ้าร้านไหนไม่มีของหวาน ให้ลองคิดเมนูของหวานมาขาย จะเป็นไอศกรีม หรือขนมหวานแบบไทย เช่น กล้วยบวดชี น้ำแข็งไสรวมมิตร ลอดช่อง ทับทิมกรอบ บัวลอย ฯลฯ ก็ดึงดูดใจลูกค้าดี เทคนิคนี้ใช้ได้ทุกร้าน ร้านข้าวแกงก็ทำได้ ร้านอาหารตามสั่งก็ทำได้ ลองทำใบเมนูของหวานแยกออกมา หรือติดภาพของหวานบนผนัง ให้ดูน่ากินก็จะกระตุ้นยอดขายได้เหมือนเครื่องดื่มเช่นกันTip : การเข้าไปเสนอขาย ต้องดูจังหวะให้ดี ถ้าลูกค้ากำลังคุยติดพัน อย่าเพิ่งขัดจังหวะหรือถ้ายังไม่เสร็จจากของคาวก็อย่าเพิ่งเสนอขาย

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ร้านเราควรมีพนักงานกี่คน?

ร้านเราควรมีพนักงานกี่คน?

ร้านเราควรมีพนักงานกี่คน ที่มีอยู่ตอนนี้ น้อยไปหรือมากไปไม่ว่าร้านไหนก็อยากให้มีพนักงานมาบริการลูกค้าแบบไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ถ้าจ้างพนักงานมากเกินไปก็ขาดทุน จ้างน้อยเกินไปก็บริการได้ไม่ดีจนลูกค้าเมิน⚠️ จำนวนพนักงานไม่ใช่ดูแค่เรื่องเงินว่ามีเงินจ้างเท่าไหร่ แต่ต้องดูปัจจัยอื่นอีกเพียบ มาเรียนรู้ #ปัจจัยในการจัดหาพนักงานให้เหมาะสมกับร้าน จะได้ไม่เกิดปัญหาเรื่องคน จนส่งผลเสียไปถึงยอดขายของร้าน 1. รูปแบบธุรกิจของร้านอาหารและเครื่องดื่ม  ต้องเข้าใจก่อนว่าเราเป็นร้านประเภทไหน ถ้าเป็น Full Service หรือ Table Service บริการถึงโต๊ะ จะต้องมีพนักงานมากหน่อย เพราะต้องมีพนักงานรับออเดอร์หรือเสิร์ฟลูกค้าให้ถึงโต๊ะ และจำนวนพนักงานครัวต้องพอเพียงในการทำอาหารให้ทันตามลูกค้าสั่ง- ถ้าเป็น Self Service สั่งอาหารรับอาหารที่เคาเตอร์ เราก็สามารถใช้คนที่หน้าร้านน้อยลงได้ และเพิ่มคนทำครัวในช่วงเวลาที่เร่งด่วน - สำหรับร้านบุฟเฟ่ต์ต้องเพิ่มพนักงานส่วนหน้าให้เยอะเพราะต้องเก็บโต๊ะเก็บจานให้ไว แล้วลดจำนวนพนักงานเตรียมการในครัวลง  2. ตำแหน่งงานตามลักษณะของรูปแบบร้าน  เราต้องกำหนดว่าตำแหน่งงานหรือสเตชั่นในร้านแต่ละจุดต้องมีคนทำงานกี่คน เช่น ในครัวจะต้องมีพนักงานเตรียมวัตถุดิบมั้ย หรือมีพนักงานต้ม พนักงานยำ พนักงานทอด แยกออกไปเลย แล้วค่อยอบรมพนักงานแต่ละคนให้ทำหน้าที่ได้มากกว่าหนึ่งสเตชั่น ส่วนการจะใช้พนักงานแต่ละตำแหน่งจำนวนกี่คนขึ้นอยู่กับรูปแบบของร้านและค่าใช้จ่ายแรงงาน เช่น ร้านอาหารตามสั่งขนาดเล็ก 5 โต๊ะ ควรมีพนักงานเสิร์ฟและรับออเดอร์ 1 คน ต้องมีคนเตรียมวัตถุดิบรอปรุง 1 คน และมีคนทำอาหาร 1 คน ซึ่งคนเตรียมวัตถุดิบสามารถช่วยทำอาหารได้เมื่อเวลาเร่งรีบ 3. ค่าใช้จ่ายแรงงาน ต้องคำนวณตามประเภทร้านและโครงสร้างต้นทุน  โดยทั่วไปร้านอาหารจะมีโรงสร้างต้นทุนอยู่ 3 ส่วน ได้แก่ ต้นทุนสินค้า ค่าเช่า และค่าแรง ถ้าเรามีค่าใช้จ่ายตัวใดตัวหนึ่งสูงเกินไปจะทำให้กำไรลดลง โครงสร้างต้นทุนร้านแต่ละประเภทไม่เหมือนกัน ถ้าร้านบุฟเฟต์ต้นทุนค่าแรงไม่ควรเกิน 25% แต่ถ้าเป็นร้าน Full Service หรือ Table Service ค่าใช้จ่ายแรงงานไม่ควรเกิน 15% และ Self Service ไม่ควรเกิน 12% ลองคำนวนดูจากสูตร  => ยอดขายต่อเดือน X เปอร์เซ็นต์ค่าแรงพนักงาน = เงินเดือนพนักงาน แล้วลองเฉลี่ยดูว่าค่าแรงต่อหัวเท่าไหร่ และเราจะจ้างได้กี่คนตามโครงสร้างนี้ สามารถจ้างพนักงานน้อยได้มั้ย คำตอบคือได้ แต่ต้องไม่กระทบกับการทำงาน ต้องไม่ทำให้มาตรฐานการบริการลดลง เช่น ร้านข้าวแกง เป็นร้านแบบ Self Service ถ้าพนักงานไม่เพียงพอ ส่งมอบอาหารให้ไม่ทัน ลูกค้าจะออกันอยู่ด้านหน้า เกิดคอขวด ลูกค้าที่รอนานอาจจะเปลี่ยนใจไปกินร้านอื่น หรือไม่กลับมาใช้บริการอีก ในทางกลับกันถ้ามีพนักงานมากเกินไป ค่าใช้จ่ายจะมากขึ้นกำไรก็จะลดลงอีก 4. การคำนวณจำนวนพนักงาน  ตัวอย่างการคำนวณพนักงานบริการหน้าร้าน ถ้าเป็นร้าน Full Service ร้านหนึ่งมี 50 ที่นั่ง หนึ่งโต๊ะเท่ากัน 4 ที่นั่ง จะได้โต๊ะประมาณ 12 โต๊ะ ถ้าเราดูแล้วว่าพนักงานเราหนึ่งคนสามารถรับออเดอร์ ดูแลเติมน้ำ เสิร์ฟ เช็คออเดอร์ จัดการปัญหาของลูกค้าได้ 4 โต๊ะดังนั้นเราควรจ้างพนักงานเสิร์ฟ 3 คน และควรมีแคชเชียร์ 1 คน ต้องมีผู้จัดการหรือผู้บริหารมาคอยผลัดจากเรามั้ย ถ้ามีก็เพิ่มอีก 1 คน หลายคนพอคำนวนได้แล้วมักจะลืมไปว่าพนักงานจะต้องมีวันหยุดอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ ถ้าพนักงานเสิร์ฟหยุด 1 คน วันนั้นจะเหลือพนักงานเสิร์ฟแค่ 2 คน ดังนั้นเราต้องเพิ่มพนักงานเผื่อวันหยุด 1 คน ดังนั้น เราจำเป็นต้องจ้างพนักงานทั้งหมด 4 คน แล้ววันที่ทุกคนเข้ามาทำงานพร้อมกันจะมี 4 วัน ซึ่งเราต้องเลือกให้ตรงกับวันที่มียอดขายเยอะที่สุดเพราะการบริหารคนเท่ากับการบริหารธุรกิจ ถ้าบริหารคนได้ดีธุรกิจก็จะดีไปด้วย! มาเรียนรู้การบริหารพนักงานแบบมืออาชีพ กับ คอร์สออนไลน์ “การบริหารจัดการคนในธุรกิจร้านอาหาร”  โดย อ.พีรพัฒน์ กองทอง ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เรียนฟรี!!! คลิกเลย >> https://bit.ly/3NdDHDO (ลงชื่อเข้าใช้มุมบนขวาก่อนเข้าสู่บทเรียน)

สูตรอาหารเพิ่มเติม
5 ข้อควรระวังในการทำธุรกิจแฟรนไชส์

5 ข้อควรระวังในการทำธุรกิจแฟรนไชส์

อยากลงทุนเปิดร้าน มีเจ้าของกิจการ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร กลัวพลาด กลัวเจ๊ง “ธุรกิจแฟรนไชส์” เป็นอีกหนึ่งรูปแบบการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะมีสูตร มีระบบให้พร้อม ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก หรือทดลองรสชาติ ดูตลาดลูกค้า ลดโอกาสการเสี่ยง  คิดว่าถ้าเราทำเหมือนเจ้าหลักเป๊ะ กำไรจะหนีไปไหน?  MHA เตือน! 5 ข้อควรระวัง ในการทำธุรกิจแฟรนไชส์ อาจมีช่องโหว่ ที่คุณไม่รู้ หรือมองข้ามไป คลิกอ่านได้ในอัลบั้ม เพิ่มโอกาสแห่งความสำเร็จได้มากขึ้น! 1650862843627.png 2.48 MB 1. วิเคราะห์โอกาสทางธุรกิจ คุ้มค่าหรือไม่ ก่อนตัดสินใจลงทุน  เพื่อไม่ให้คุณคัดเลือกแฟรนไชส์ผิด เพราะการซื้อแฟรนไชส์ คือการลงทุนซื้อแบรนด์ของคนอื่นมาทำ ดังนั้นจึงต้องคำนึงถึงปัจจัยในการลงทุนหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น ชื่อเสียงของแบรนด์ ความง่ายยากซับซ้อนของการปฏิบัติงาน ระบบสนับสนุนจากเจ้าของแฟรนไชส์ ต้องคิดไปถึงทำเลที่จะทำร้านว่าเหมาะกับร้านอาหารที่จะลงทุนหรือไม่ ค่าลิขสิทธิ์ค่าใช้จ่ายต่อเดือนเหมาะสมกับสิ่งที่ได้รับรึเปล่า และจะใช้เวลาคืนทุนนานเท่าไหร่ ซึ่งทั้งหมดนี้เราเรียกกันว่า #การวิเคราะห์โอกาสทางธุรกิจ เพื่อจะหาคำตอบว่า การลงทุนครั้งนี้คุ้มค่าหรือไม่?  แฟรนไชส์ที่ดีจะช่วยเราคิดเรื่องนี้ เพราะถือว่าเราเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจที่พร้อมจะเติบโตขยายสาขาไปด้วยกัน ไม่ใช่ขายแฟรนไชส์เพื่อหวังกำไรจากเราอย่างเดียว ขายครั้งเดียวและจบกัน 1650862843485.png 1.83 MB 2. ระวังคู่มือปฏิบัติงานและสัญญาแฟรนไชส์ไม่ชัดเจน-มีความซับซ้อน  ให้มองว่าแฟรนไชส์ คือการขยายสาขาของแบรนด์ โดยที่เราเป็นคนบริหารสาขา ลูกค้ามาใช้บริการเพราะติดใจอาหารและบริการของแบรนด์นี้ ดังนั้นแต่ละสาขาต้องมีมาตรฐานเดียวกัน ปกติแฟรนไชส์มักจะมีการเทรนเจ้าของและพนักงานให้ก่อนจะทำการขายจริง และจะมีคู่มือปฏิบัติงานที่จะบอกรายละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติงานในส่วนต่างๆของร้าน สูตรอาหาร ฯลฯ โดยผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์จะต้องทำความเข้าใจและปฏิบัติตามให้ถูกต้อง ถ้าคู่มือเข้าใจยาก ไม่มีการอบรมก่อนเริ่มธุรกิจ ก็ยากจะรักษาคุณภาพได้ตามที่แบรนด์กำหนด  รวมถึงสัญญาแฟรนไชส์ที่ไม่ชัดเจน ไม่ได้ระบุชัดว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เช่น ปรับสูตรอาหารได้หรือไม่ เปลี่ยนการตกแต่งร้านได้หรือไม่ ฯลฯ ทั้งหมดนี้จะทำให้การปฏิบัติงานยากขึ้น ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้เมื่อเกิดข้อสงสัย ดังนั้นถ้าตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ต้องศึกษาคู่มือและสัญญาให้ละเอียดก่อน ถ้าไม่แน่ใจอะไรให้ซักถาม messageImage_1650600716679.jpg 532.71 KB 3. ทำเลไม่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย  แบรนด์ดังแค่ไหน #ถ้าทำเลไม่ใช่ก็ขายยาก กรณีตัวอย่าง แฟรนไชส์อาหารญี่ปุ่นเจ้าหนึ่ง ขายซูชิคำละ 15-35 บาท สาขา A เปิดในปั๊มน้ำมันใกล้กับโรงพยาบาลเอกชน สถานศึกษา แหล่งธุรกิจ คอนโด และหมู่บ้านจัดสรร มีลูกค้าหมุนเวียนเข้าออกตลอดเวลา สาขานี้สามารถทำรายได้ต่อเดือนได้หลักแสน ในขณะที่อีกสาขาหนึ่ง เปิดใกล้กับตลาดสดย่านปริมณฑล เป็นย่านโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ได้อยู่ใกล้แหล่งทำงานอื่น ไม่มีสถานศึกษาอยู่ใกล้ และยังมีคู่แข่งเป็นซูชิราคาถูกในตลาดหลายเจ้าที่ตอบโจทย์ผู้ที่สัญจรแถวนี้มากกว่า สาขานี้จึงทำนี้ยอดขายได้เพียงหลักหมื่นต่อเดือนเท่านั้น เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายแล้วแทบไม่มีกำไรเลย จากกรณีตัวอย่างจะเห็นว่า ทำเลเป็นสิ่งสำคัญ ปกติเจ้าของแฟรนไชส์จะช่วยเราวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการขายตามทำเลที่เราตั้งใจจะเปิด ว่ามีโอกาสในการขายได้มากน้อยขนาดไหน อย่างไรก็ตามเราเองต้องสามารถวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ให้ได้ด้วยเช่นกัน edit1650946117214.png 2.92 MB 4. ไม่เก็บค่า Royalty ต้นทุนต่ำแต่ความเสี่ยงก็สูง Royalty fee คือค่าตอบแทนที่เจ้าของแฟรนไชส์เรียกเก็บอย่างต่อเนื่องจากผู้ซื้อแฟรนไชส์ โดยคิดจากยอดขาย โดยทั่วไปมักจะเรียกเก็บเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายแต่ละเดือน ซึ่งถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่งของผู้ซื้อแฟรนไชส์ค่า Royalty fee นี้ถือเป็นรายได้ของเจ้าของแฟรนไชส์ ซึ่งโดยทั่วไปจะนำไปสนับสนุนแบรนด์และสาขาต่างๆอีกทีหนึ่ง เช่น ค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณาแบรนด์ ค่าใช้จ่ายในการบริหาร ค่าการตลาด(บางเจ้าอาจเก็บแยกออกมาต่างหาก) ฯลฯ เจ้าของแฟรนไชส์หลายเจ้าไม่เก็บค่า Royalty fee เพื่อทำให้คนซื้อรู้สึกว่าต้นทุนต่ำลง และดึงดูดให้คนมาซื้อแฟรนไชส์มากขึ้นแต่ต้องไม่ลืมว่าเมื่อเจ้าของแฟรนไชส์ไม่มีรายได้ต่อเดือนในการเอาไปบริหารการตลาดของแบรนด์แล้ว ภาระความเสี่ยงทั้งหมดจึงตกอยู่ที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์เท่านั้น โดยเฉพาะแฟรนไชส์บางเจ้าที่จ่ายค่าแรกเข้าครั้งเดียวแล้วจบ ซึ่งหลังจากนั้นจะไม่ค่อยมีการซัพพอร์ตจากแบรนด์เท่าไหร่ เพราะถือว่าขายขาดไปแล้ว  messageImage_1650600727342.jpg 547.27 KB 5. ขาดความพร้อม ทั้งแผนสนับสนุน และแผนการตลาดในระยะยาว อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้น ธุรกิจแฟรนไชส์ที่ดี คือการเป็นหุ้นส่วนธุรกิจระหว่างเจ้าของและคนซื้อแฟรนไชส์ ต้องเข้าใจว่าเจ้าของแฟรนไชส์เองต้องผ่านการลองผิดลองถูก ทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จมาแล้วในระดับหนึ่ง จึงอยากต่อยอดธุรกิจตัวเอง ในขณะที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ก็อยากเข้ามาลงทุนในธุรกิจโดยยอมเอาเงินมาลงทุนเสี่ยงโดยไม่มีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจนั้นดีเท่าเจ้าของแฟรนไชส์ ดังนั้นเจ้าของแฟรนไชส์จะต้องเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจให้กับผู้ซื้อด้วย คอยสนับสนุนการทำงานของผู้ซื้อแฟรนไชส์ทุกด้าน โดยเฉพาะต้องช่วยวางแผนการตลาดในกับร้าน เพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างกำไรให้กับผู้ลงทุนซื้อแฟรนไชส์ ถ้าเจ้าของแฟรนไชส์ไม่มีระบบซัพพอร์ทที่ดี ไม่มีแผนการตลาดที่มองถึงความมั่นคงในอนาคตของผู้ร่วมลงทุน ก็ถือว่าไม่มีความพร้อมในการทำแฟรนไชส์แต่เดี๋ยวก่อน! จะเปิดร้านอาหารด้วยโมเดลไหนก็แล้วแต่ ต้องรู้ด้วยว่าจะคืนทุนเมื่อไหร่ นอกจากจะศึกษาแฟรนไชส์แต่ละตัวแล้ว ต้องหัดวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางธุรกิจให้เป็นด้วย ที่สำคัญคือต้องวิเคราะห์เองให้เป็น! อ่านข้อมูลให้ขาด มาเรียนรู้เจาะลึกไปกับคอร์ส #การศึกษาความเป็นไปได้ธุรกิจร้านอาหาร โดย อาจารย์เซ็ธ ที่ปรึกษาธุรกิจร้านอาหารและแฟรนไชส์ คอร์สที่จะสอนการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ หาจุดคุ้มทุน วิเคราะห์การตลาด และการเขียนแผนธุรกิจ ฟรี! คลิกเลย => https://bit.ly/3xRoPpi (ลงชื่อเข้าใช้ มุมบนขวาก่อนเข้าสู่บทเรียน)

สูตรอาหารเพิ่มเติม
รวมไอเดีย 8 เมนูข้าวหน้า น่าขาย ทำเงิน

รวมไอเดีย 8 เมนูข้าวหน้า น่าขาย ทำเงิน

ชวนขายเมนู “ข้าวหน้า” ไม่ได้มีแค่ข้าวหน้าสไตล์ญี่ปุ่น  แต่รวมมาให้ ทั้งข้าวหน้าแบบไทยและเกาหลี! สูตรเด็ดจากเชฟมืออาชีพ ทำขายเปิดร้านก็ดี หรือมีร้านอยู่แล้วเพิ่มเป็นเมนูเสริมที่ร้านก็เวิร์ค  แถมเดลิเวอรี่ได้อีกด้วย พร้อมแล้ว มาดูสูตรและวิธีทำทั้ง 8 เมนูกันเลย messageImage_1651813919250.jpg 710.93 KB ชวนขายเมนูแซ่บ ซี้ด ถูกปากคนไทย อย่างเมนูข้าวหน้าไก่ย่างข้าวคั่ว น้ำจิ้มแจ่ว หอมกลิ่นข้าวคั่ว เพิ่มความอร่อยลงตัวยิ่งขึ้น  คลิกดูวิธีทำแบบคลิป >> https://bit.ly/3LSM7iLส่วนประกอบ สำหรับหมักไก่  สะโพกไก่  1000 กรัม ซอสหมัก  60 กรัม น้ำจิ้มแจ่ว ตราเอโร่ 50 กรัม ข้าวคั่ว 40 กรัม ข้าวหอมมะลิใหม่ 100% ตราฉัตร     1800 กรัม น้ำจิ้มแจ่วตราเอโร่  300 กรัม ข้าวคั่ว 30 กรัม ผักชีใบเลื่อย 30 กรัม แตงกวา 100 กรัม มะเขือเทศท้อ 100 กรัม ผักกาดหอม 50 กรัม  วิธีทำ1. นำสะโพกไก่มาหมักกับซอสหมัก น้ำจิ้มแจ่ว และ ข้าวคั่ว พักไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 30 นาที2. นำไก่หมักเข้าอบที่อุณหภูมิ 170oC ประมาณ 20 นาที หรือจนสุกและมีสีน้ำตาลสวย เอาออกจากเตาอบพักไว้ 5-10 นาที ก่อนหั่นเสิร์ฟ3. ตักข้าวใส่จาน (ประมาณ 180 กรัม) จากนั้นวางผักสลัด แตงกวา และมะเขือเทศข้างจานให้สวยงาม4. หั่นไก่ย่างข้าวคั่ว (ประมาณ 80 กรัม) วางลงบนผักสลัด เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว ที่โรยหน้าด้วยข้าวคั่วและผักชีใบเลื่อย messageImage_1651813948919.jpg 573.43 KB ชวนขายเมนูแซ่บ ซี้ด ถูกปากคนไทย อย่างเมนูข้าวหน้าไก่ย่างข้าวคั่ว น้ำจิ้มแจ่ว หอมกลิ่นข้าวคั่ว เพิ่มความอร่อยลงตัวยิ่งขึ้น  คลิกดูวิธีทำแบบคลิป >> https://bit.ly/3LSM7iLส่วนประกอบ สำหรับหมักไก่  สะโพกไก่  1000 กรัม ซอสหมัก  60 กรัม น้ำจิ้มแจ่ว ตราเอโร่ 50 กรัม ข้าวคั่ว 40 กรัม ข้าวหอมมะลิใหม่ 100% ตราฉัตร     1800 กรัม น้ำจิ้มแจ่วตราเอโร่  300 กรัม ข้าวคั่ว 30 กรัม ผักชีใบเลื่อย 30 กรัม แตงกวา 100 กรัม มะเขือเทศท้อ 100 กรัม ผักกาดหอม 50 กรัม วิธีทำ1.นำคอหมูมาหมักกับซอสหมัก พักไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 30 นาที2. นำคอหมูหมักเข้าอบที่อุณหภูมิ 170oC ประมาณ 25 นาที หรือจนสุกและมีสีน้ำตาลสวย เอาออกจากเตาอบพักไว้ 5-10 นาที ก่อนหั่นเสิร์ฟ3. ทำน้ำยำ โดยผสมน้ำจิ้มซีฟู้ด ซอสผัดไทย และน้ำมะนาว ผสมให้เข้ากัน ใส่ภาชนะเตรียม4. ตักข้าวใส่จาน (ประมาณ 180 กรัม) จากนั้นวางผักสลัด แตงกวา และมะเขือเทศข้างจานให้สวยงาม5. ให้หั่นคอหมู (ประมาณ 50 กรัม) ต่อ 1 จาน ใส่ลงในอ่างผสม พร้อมหอมใหญ่, มะเขือเทศ อย่างละ 10 กรัม พริกจินดาซอย, ขึ้นช่าย, ต้นหอม อย่างละ 5 กรัม กับน้ำยำ (ประมาณ 65 กรัม) คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นตักวางลงบนผักสลัด พร้อมเสิร์ฟ messageImage_1651814273484.jpg 443.71 KB อยากเปิดร้านขายข้าวหน้าเป็ด ต้องเซฟสูตรนี้ เพราะเชฟแชร์สูตรเด็ด พร้อมเคล็ดลับในการทำให้เป็ดนุ่ม หนังกรอบ หอมอร่อย ลูกค้าทานแล้วฟินแน่นอน คลิกดูวิธีทำแบบคลิป >> https://bit.ly/3sksUPlส่วนประกอบ ข้าวหุงสุก 200 กรัม เนื้อเป็ด 60 กรัม น้ำราดเป็ด 80 กรัม ผักกวางตุ้ง 30 กรัม เซพแพ็ค ขิงดอง 3 รส 1700 กรัม 10 กรัม ผักชี 1 กรัม น้ำจิ้ม 20 กรัม สามารถดูสูตรการทำเป็ดย่าง 1 ตัว (19 เสิร์ฟ), น้ำราดเป็ด(6 เสิร์ฟ) และน้ำจิ้ม(27 เสิร์ฟ) ได้ที่ >> https://bit.ly/3sksUPl วิธีทำ1. ทำความสะอาดเป็ดทั้งด้านนอกและด้านใน จากนั้นซับให้แห้ง2. ตั้งหม้อสำหรับน้ำราดขึ้นสีเป็ด ผสมทุกอน่างลงไปเมื่อน้ำเดือด นำเป็ดที่ซับแห้งแล้วมาราดน้ำ ราดซ้ำๆจนทั่วทั้งตัว3. ใช้เครื่องผสมอาหารปั่นส่วนผสมหมักเป็ดทุกอย่างให้เข้ากัน จากนั้นนำไปทาด้านในตัวเป็ดให้ทั่ว ใช้ไม้กัดบริเวณตูดให้ติดกันเพื่อไม่ให้น้ำในตัวเป็ดไหลออกมาขณะที่ย่าง4. จากนั้นนำเป็ดมาแขวนเพื่อตากให้หนังแห้ง ควรตากในที่ที่อากาศถ่ายเทหรือใช้พัดลมเป็นตัวช่วยให้หนังแห้งเร็วยิ่งขึ้น ใช้เวลาประมาณ 2 -3 ชั่วโมง หรือจนกว่าหนังจะแห้ง5. ตั้งเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศา นำเป็ดเข้าไปอบใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง6. เมื่อย่างเป็ดย่างได้ครบตามเวลาที่กำหนดแล้วให้เก็บน้ำด้านในตัวเป็ดย่างถ่ายลงภาชนะเก็บไว้7. ตั้งหม้อสำหรับทำน้ำราดเป็ดใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงไปรอจนเดือด แล้วจึงใส่แป้งมันที่ละลายน้ำลงไป ควรเทลงช้าๆและหมั่นคนอยู่เสมอเพื่อไม่ให้จับตัวเป็นก้อน8. ทำน้ำจิ้มเป็ดโดยผสมเครื่องปรุงทุกอย่างให้เข้ากัน ตั้งไฟให้น้ำตาลละลาย จากนั้นใส่หั่วพริกหยวกตามแนวขวาง สามารถจัดเสิร์ฟได้ทันที9. จัดเสิร์ฟข้าวหน้าเป็ดย่างราดน้ำเป็ดย่าง มีขิงดองเป็นเครื่องเคียง โรยหน้าด้วยผักชี และเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม ข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่น.jpeg 1009.45 KB สาวกข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่น ห้ามพลาด! เชฟเบนซ์แชร์เคล็ดลับเนื้อนุ่มระดับพรีเมี่ยม โปะบนข้าวร้อนๆ พร้อมไข่ ท็อปปิ้งหน้าล้น ถ่ายรูปสวยๆ ถูกใจลูกค้าแน่นอน คลิกดูวิธีทำแบบคลิป >> https://bit.ly/3FAFNdLส่วนประกอบ ใบพายวัวสไลซ์ PRIME MEAT 120 กรัม ไข่ไก่ 1 ฟอง เกลือ เล็กน้อย พริกไทย เล็กน้อย หอมหัวใหญ่ 25 กรัม กระเทียม 10 กรัม ขิง 12 กรัม ซอสโชยุ ตราเอโร่ 30 กรัม น้ำสต็อกไก่ 350 กรัม มิริน 25 กรัม Aro น้ำซุปปลาแห้งเข้มข้น 4 กรัม ต้นหอม 5 กรัม น้ำตาลทราย 4 กรัม น้ำมันพืช 20 กรัม ข้าวญี่ปุ่นหุงสุก 175 กรัม สาหร่ายโนริตัดเส้น 5 กรัม ขิงดองเส้นสีแดง 15 กรัม วิธีทำ1.ตั้งน้ำให้เดือด จากนั้นใส่เกลือเล็กน้อยเสร็จแล้วปิดไฟ นำไข่ไก่ใส่ลงในหม้อจับเวลา 6 นาที2. นำไข่ไก่มาแช่น้ำเย็นทันที ตอกไข่ไก่รอไว้พร้อมเสิร์ฟนำเนื้อ PRIME MEAT มาปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยเล็กน้อย3.ใส่น้ำมันลงในกระทะ ผัดเนื้อและหอมใหญ่ให้สุก4.ใส่กระเทียมสับและขิงลงไป ผัดให้เข้ากัน จากนั้นใส่มิรินและน้ำสต็อคไก่ลงไปต้มจนเดือดจากนั้นใส่ซอสโชยุลงไป5. ใส่น้ำซุปปลาแห้งและน้ำตาลทรายคนให้เข้ากัน ต้มให้ส่วนผสมทุกอย่างงวดได้ที่จากนั้นโรยต้นหอม ปิดไฟยกลงตักข้าวใส่จาน วางเนื้อผัดซอสลงบนข้าว ตกแต่งด้วยขิงดองและสาหร่ายโนริตัดเส้น messageImage_1651813975990.jpg 690.36 KB มองหาเมนูญี่ปุ่นเดลิเวอรี่ทำง่าย ขายได้ราคา แนะนำ #ข้าวหน้าสันคอย่างยากินิขุ เมนูข้าวด้งหน้าสันคอหมูย่าง หอม อร่อย ละมุนลิ้น คลิกดูวิธีทำแบบคลิป >> https://bit.ly/382FCeUส่วนประกอบ สันคอหมูสไลด์ 100 กรัม ซอสยากินิขุ 20 กรัม เกลือ ปรุงรส พริกไทย ปรุงรส ซอสหอยนางรม 20 กรัม น้ำซุป 50 กรัม ต้นหอมญี่ปุ่น 20 กรัม น้ำมัน 20 กรัม ไข่แดงดองซีอิ๊ว 1 ฟอง ต้นหอมซอย 3 กรัม งาขาวคั่ว 2 กรัม น้ำจิ้ม ซอสยากินิขุ 20 กรัม กระเทียม 5 พริกจินดาแดง 5 น้ำมันงา 20 กรัม ข้าวตักเสิร์ฟ 200 กรัม หุงข้าว ข้าวญี่ปุ่น 350 กรัม น้ำ 425 กรัม ขิง 5 กรัม วิธีทำ1. นำสันคอมาหมักกับ เกลือและพริกไทย พักไว้2. นำไข่แดงมาดองในซีอิ้ว พักไว้3. ใส่น้ำมัน 10 g ในกระทะ นำหมูลงไปจี่ให้สุก จากนั้น ใส่ต้นหอมญี่ปุ่น ผัดจนขึ้นสี เติมซอสและน้ำซุป ผัดให้เข้ากัน4. หุงข้าวโดยล้างข้าวให้สะอาด นำข้าวมาแช่น้ำ 30 นาที จนะเป็นสีขาวขุ่น จากนั้นนำมาหุงพร้อมกับขิงฝาน5. เมื่อข้าวสุกตักใส่ถ้วย ใส่หมูที่ผัดไว้เรียงลงบนข้าว วางไข่แดงดองซีอิ้ว โรยงาและต้นหอมซอย เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม ยากินิขุ ที่ทำโดยนำส่วนผสมทุกอย่างมาผสมรวมกัน new messageImage_1651819308987.jpg 635.51 KB #ข้าวหน้าAngusBeef ซอสมิโสะ ทำง่าย ขายดี เดลิเวอรี่สะดวก จุดเด่นอยู่ที่เนื้อคุณภาพ นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย เนื้อนุ่ม อร่อย ฟินขั้นสุด! คลิกดูวิธีทำแบบคลิป >> https://bit.ly/3shsitSส่วนประกอบ Prime Meat พื้นท้องวัว แองกัสสโลซ์แช่แข็ง 250 กรัม เกลือ เล็กน้อย พริกไทย เล็กน้อย น้ำมัน 2 ช้อนชา กระเทียมสับ 10 กรัม พริกขี้หนูสับ 8 กรัม ขิงสับ 5 กรัม มิโสะ 50 กรัม น้ำซุป 150 กรัม มิริน 15 กรัม ซีอิ๊วขาว 5 กรัม น้ำมันงา 1.5 ช้อนชา พริกไทย 1/4 ช้อนชา น้ำตาลทราย 20 กรัม งาขาว เล็กน้อย ต้นหอมซอย เล็กน้อย แครอท 50 กรัม บ๊อกฉ่อย 50 กรัม ซอสหอยนางรม 10 กรัม น้ำมันงา 5 กรัม มะเขือม่วง 50 กรัม มะเขือม่วง 50 กรัม เกลือ เล็กน้อย พริกไทย เล็กน้อย น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ1.ปรุงรสเนื้อแองกัสด้วยเกลือและพริกไทย ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใช้ไฟแรง ย่างเนื้อให้ด้านนอกเป็นสีน้ำตาลแต่ข้างในยังไม่สุก2.เริ่มทำซอส โดยการใส่กระเทียมสับลงในกระทะผัดให้หอมใส่พริกขี้หนูสับผัดให้เข้ากันใส่มิโสะและน้ำซุปลงไป3.ปรุงรสด้วยมิริน ซีอิ๊วขาว น้ำมันงา พริกไทย น้ำตาลทราย ผัดส่วนผสมให้เข้ากัน4.นำผักมาลวก ตั้งน้ำให้เดือดใส่เกลือลงไปเล็กน้อยใส่แครอท บ๊อกฉ่อย ลวกพอผักเปลี่ยนสีนำมาแช่ในน้ำแข็ง5.ตั้งกระทะใส่น้ำมัน นำผักที่ลวกไว้มาผัด ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ใช้ไฟแรงในการผัด6.หั่นครึ่งมะเขือม่วงและปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ตั้งกระทะใส่น้ำมัน นำไปย่างจนสุก7.ตักข้าวใส่ชามวางผักไว้บนข้าว วางเนื้อไว้บนข้าวราดด้วยซอสมิโสะโรยหน้าด้วยงาขาวและต้นหอมซอย messageImage_1651814007764.jpg 738.47 KB เชฟเฟิร์ส แชร์สูตรเมนูยอดฮิตติดตลาด #ข้าวหน้าไก่ผัดขิง ด้วยการนำไก่นุ่มๆ คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงรสผัดขิงซอยให้เข้ากันเป็นอันเสร็จ คลิกดูวิธีทำแบบคลิป >> https://bit.ly/3L39ntvส่วนประกอบ ส่วนผสมไก่หมัก สันในไก่ 250 กรัม ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา พริกไทยป่น ¼ ช้อนชา แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ ข้าวหน้าไก่ผัดขิง น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ รากผักชี 2 ราก กระเทียมจีน 4 กลีบ เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วดำหวาน 1 ช้อนชา น้ำมันงา 2 ช้อนชา ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 1 ช้อนโต๊ะ น้ำสต็อค ½ ถ้วย แป้งท้าว 2 ช้อนโต๊ะ แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ เต้าเจี้ยวเม็ด 2 ช้อนโต๊ะ หอมใหญ่หั่น 60 กรัม เห็ดหูหนู 60 กรัม ขิงซอย 80 กรัม ต้นหอมซอย 1 ต้น ข้าวหอมปทุมธานี ตราฉัตร หุงสุก 250 กรัม ต้นหอม (ตกแต่ง) เล็กน้อย กุนเชียงทอด/ไข่ต้ม ตามชอบ วิธีทำ1. หั่นสันในไก่เป็นชิ้นพอดีคำ2. หมักไก่ด้วย ซีอิ๊วขาว พริกไทยป่น แป้งข้าวโพด น้ำเปล่า หมัก 10 นาที3. ตั้งกระทะผัดใส่น้ำมันพืช ใส่รากผักชี กระเทียมจีน ผัดพอหอม ใส่ไก่ที่หมักลงไปผัด4.ตามด้วยเหล้าจีน ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำหวาน น้ำมันงา ซอยหอยนางรม น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี น้ำสต็อค5. เมื่อไก่เริ่มสุกใส่เต้าเจี้ยวเม็ด หอมใหญ่หั่น เห็ดหูหนู ขิงซอย6. ผสมแป้งท้าว และแป้งมันในน้ำคนให้ละลาย ใส่ตามลงไป ผัดให้เข้ากัน7. จัดเสิร์ฟลงจานโรยต้นหอม พร้อมทานคู่กับข้าวหอมปทุมธานี ตราฉัตร หุงสุก กุนเชียงทอดและไข่ต้ม messageImage_1651814018554.jpg 454.61 KB ข้าวหน้าหมูบุลโกกิ เมนูอาหารเกาหลี ไม่ยากอย่างที่คิด! เชฟป้อเผยสูตรเด็ด เคล็บลับความอร่อย ทั้งตัวซอส เนื้อหมูสไลด์ และผักหลากหลายชนิด เครื่องแน่นเต็มถ้วย สีสันน่าทาน งานนี้มีท้องร้อง!คลิกดูวิธีทำแบบคลิป >> https://bit.ly/3JlJANmส่วนประกอบ ข้าวญี่ปุ่นหุงสุก 200 กรัม น้ำมันถั่วเหลือง 10 ซีซี หมูสามชั้นสไลซ์บางเกรดชาบู 1.5 มม. Aro 100 กรัม หอมหัวใหญ่ 40 กรัม แครอท 20 กรัม ซอสหมักหมูเกาหลีบุลโกกิ 50 กรัม ต้นหอมซอย 2 กรัม งาขาวคั่ว 1 กรัม วิธีทำ1. ใส่น้ำมันลงกระทะผัดเนื้อสัตว์กับผักจนสุก2. ใส่ซอสลงไป ผัดให้เข้ากัน3. เสิร์ฟลงบนข้าว โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย งาขาว

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เทคนิคทอด ให้กรอบน่าทาน

เทคนิคทอด ให้กรอบน่าทาน

เทคนิค "ทอด" ให้กรอบ น่าทาน 1. ใช้น้ำมันปาล์มในการทอด เพราะมีคุณสมบัติทนความร้อนสูง น้ำมันไม่ดำง่าย จะได้ของทอดสีสวย2. น้ำมันต้องร้อน ทำให้ผิวอาหารภายนอกสุกก่อน น้ำมันไม่ได้ซึมเข้าไปในเนื้ออาหาร ทำให้อาหารไม่อมน้ำมัน3. ไม่ควรทอดของครั้งละเยอะๆ เกินไป เพราะทำให้อุณหภูมิน้ำมันลดลง จะอมน้ำมัน และสุกไม่ทั่วถึง4. ขณะทอดไม่พลิกไปมา ให้ทอดสุกเป็นด้านๆ เพื่อให้ผิวสัมผัสกรอบดีกว่า5. วิธีสังเกตว่าอาหารที่เราทอดสุกแล้ว ดูจากฟองอากาศที่เกาะอยู่รอบๆ อาหารจะหมดไป เพราะน้ำที่อยู่ในเนื้ออาหารแห้งลง และอาหารจะลอยขึ้นบนผิวน้ำมัน แต่หากทอดนานไปก็จะยิ่งอมน้ำมัน6. เมื่อทอดของทอดเสร็จ วางของทอดทิ้งไว้บนตระแกรงหรือกระดาษทิชชูสำหรับทำอาหารให้สะเด็ดน้ำมันไม่งันน้ำมันจะกองที่ก้นทำให้ อาหารแฉะ7. สามารถเลือกเกล็ดขนมปังที่เหมาะกับอาหารชนิดนั้นๆ เพื่อให้อาหารน่าทานมากขึ้นซื้อวัตถุดิบได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก : www.makroclick.com/th messageImage_1653030810713.jpg 713.54 KB เกล็ดขนมปังแบบป่น เกล็ดขนมปังลักษณะนี้คุ้นเคยกันดี ให้สีสวย กรอบนาน เหมาะกับหลากหลายเมนูเช่น หมูทงคัตสึ ไก่หรือปลาชุบเกล็ดขนมปังทอด เกล็ดขนมปังส้มอังเคิลบาร์นส์ จะเป็นเกล็ดขนาดใหญ่ เกาะกับเนื้อได้ง่ายไม่เป็นผง เมื่อทอดแล้วให้สีส้มสวย กรอบนาน อร่อย ไม่อบน้ำมัน และมีความปลอดภัย  สามารถเลือกซื้อ เกล็ดขนมปังส้ม อังเคิลบาร์นส์ ได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก : www.makroclick.com/th messageImage_1653030804921.jpg 525.69 KB เกล็ดขนมปังแบบลูกเต๋า เกล็ดขนมปังจะมีลักษณะเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม ทอดง่าย เกาะกับอาหารได้ดี ให้ความกรุบกรอบเพิ่มมากขึ้น กินเพลิน คุ้นตากับขนมยอดฮิตจากเกาหลีอย่างคอร์นด็อก หรือแบบไทยๆ เช่น ทอดมันกุ้งระเบิด เกล็ดขนมปังลูกเต๋า อังเคิลบาร์นส์ กรอบ อร่อย ไม่อบน้ำมัน ไม่มีการใส่วัตถุกันเสีย กระบวนการผลิตก็อยู่ภายใต้มาตรฐาน GMP และ HACCP อีกด้วยสามารถเลือกซื้อ เกล็ดขนมปังลูกเต๋า อังเคิลบาร์นส์ ได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก : www.makroclick.com/th messageImage_1652439196369.jpg 587.88 KB เกล็ดขนมปังอะคาดามะ เกล็ดขนมปังจะมีลักษณะเป็นแผ่นกลมๆ คล้ายคอนเฟลก ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับอาหาร เกล็ดขนมปังอะเคดามะ #อังเคิลบาร์น ให้ความกรอบอร่อย แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร นิยมนำมาทำเมนู กุ้งอะคาดามะ สามารถเลือกซื้อ เกล็ดขนมปังอะเคดามะ อังเคิลบาร์น ได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก : www.makroclick.com/th

สูตรอาหารเพิ่มเติม
7 เครื่องปรุงเกาหลี ใช้ทำเมนูอะไร?

7 เครื่องปรุงเกาหลี ใช้ทำเมนูอะไร?

สายเกาหลีห้ามพลาด  มาทำความรู้จักกับเครื่องปรุงอาหารเกาหลีกัน มาดู 7 เครื่องปรุงเกาหลีที่ต้องต้องมีติดครัว ใช้ทำเมนูอะไรได้บ้าง เลือกใช้ให้เป็น จะได้เข้าถึงรสชาติแบบเกาหลีแท้ๆ โกชูจัง ซอสพริกเกาหลี จากพริกเกาหลี แป้งข้าวเหนียว ผงถั่วเหลืองหมัก เกลือ มอลต์ และน้ำ หมักไว้เป็นเวลา 6 เดือน – 1 ปี จนได้โกชูจังเนื้อสีแดงสีแดง หยาบ ข้นหนืด รสเค็มและเผ็ด คนเกาหลีมองว่าโกชูจังเป็นเหมือนผงชูรส กินกับอะไรก็อร่อย ใช้ทำอาหารได้สารพัดเมนูตั้งแต่ผมูผัดซอส ซุปกิมจิ ข้าวผัด ต๊อกป๊อกกี ข้าวยำเกาหลี คันจัง ซีอิ้วเกาหลี ทำจากถั่วเหลือง เป็นของเหลว สีน้ำตาลเข้ม มี 3 แบบ แบบที่ 1 กุกคันจัง รสชาติเค็ม สีอ่อนกว่าจินคันจัง เหมาะใช้ปรุงรสน้ำซุป น้ำแกงแบบที่ 2 ชินคันจัง รสชาติเค็มปานกลาง กลมกล่อม เค็มออกหวาน ให้ปรุงอาหารได้ทุกชนิด ผัดผัก แบบที่ 3 ยังโฉ๋คันจัง รสชาติเค็มน้อย เหมาะสำหรับทำซอส น้ำจิ้ม ยำ เมนูดองซีอิ้ว ชุนจัง ซอสเต้าเจี้ยวดำ ทำจากถั่วเหลืองหมัก แป้งสาลี สีคาราเมล (ให้สีดำ) เกลือ ไวน์ ใช้เพียง 1 ช้อน ร่วมกับส่วนผสมอื่น ใช้ทำเมนูสุดฮิตอย่างจาจังมยอนหรือบะหมี่ซอสดำ ซัมจัง น้ำจิ้มพริกเกาหลี ปกติทำจาก โกชูจังกับเทวนจังโดยเพิ่มกระเทียม น้ำตาลหรือน้ำผึ้ง น้ำมันงา งาขาวคั่ว และต้นหอมซอยลงไป แต่มีขายแบบสำเร็จรูปด้วยไม่ต้องปรุงเอง ซัมจังให้รสเผ็ดเค็ม สีน้ำตาลแดง ใช้เป็นเครื่องจิ้ม ไว้จิ้มกับเนื้อย่าง ผักสด ทเวนจัง หรือเดนจัง เต้าเจี้ยวเกาหลี ทำจากถั่วเหลืองกับข้าวบาร์เล คล้ายกับมิโซะ รสเค็ม เนื้อหยาบ ในเกาหลีเทวนจังมีหลายสูตร แล้วแต่ผู้ผลิตจะปรุงรสมา เช่น สูตรสำหรับอาหารทะเล รสเนื้อ รสเผ็ด ฯลฯ ทเวนจัง ใช้ทำซุปเต้าเจี้ยวและซุปต่างๆ แอ็กจ๊อด หรือแอกชอน น้ำปลาเกาหลี สีน้ำตาลทองใส รสเค็ม ถ้าหมักจากปลากระตักเรียกว่า กานารี รสชาติเข้ม กลิ่นหอม รสชาติใกล้เคียงน้ำปลาไทย เหมาะสำหรับใช้ทำกิมจิ อีกสูตรหนึ่งทำจากปลาแองโชวีเรียกว่า มยอลชี ซึ่งรสชาติอ่อนกว่า ใช้ปรุงอาหารทั่วไป  โคชูการุ พริกป่นเกาหลี ทำจากพริกสดตากแห้งบด มีสีแดงสด แต่รสชาติอ่อน เผ็ดน้อยกว่าพริกป่นไทย มีทั้งแบบหยาบและแบบละเอียด นิยมใส่ในอาหารเกาหลีหลายเมนู แบบหยาบใช้ทำกิมจิและใส่ในซุปเผ็ด ส่วนแบบละเอียดรสอ่อนกว่า ไว้ช่วยให้สี และทำซุปกิมจิ ซื้อวัตถุดิบได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก  : https://makro.co.th/3wiLtEQ messageImage_1651572658972.jpg 471.82 KB โกชูจังมีหลายแบรนด์ จะเลือกแบบไหนดี? โดยทั่วไปโกชูจังแต่ละแบรนด์จะรสชาติคล้ายกัน เพราะส่วนผสมหลักเหมือนกัน สามารถใช้แทนกันได้ จะต่างกันเล็กน้อยตามสูตรของแต่ละแบรนด์ หรือบางแบรนด์จะมีสูตรเผ็ดมาก-เผ็ดน้อยแยกออกมา แต่ที่มีขายในแมคโครจะมีด้วยกัน 4 แบรนด์ ได้แก่ChungJungOne ชองจองวอน โกชูจัง เป็นผลิตภัณฑ์ในเครือ #DAESANG Group หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่เครื่องปรุงเกาหลี มีตัวแทนจำหน่ายหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ชองจองวอนโกชูจัง มีรสชาติที่มาตรฐาน รสเผ็ด เนื้อเนียนสวย เหมาะสำหรับทำอาหารเกาหลีทุกประเภท ที่สำคัญมีให้เลือกซื้อถึง 3 ขนาด คือ ชองจองวอนโกชูจัง ขนาด 1 และ 3 กิโลกรัม ที่เหมาะสำหรับใช้ทำอาหารในครัวเรือน ชองจองวอนโกชูจังโกลด์ ขนาด 14 กิโลกรัม สำหรับร้านอาหารเกาหลี ดูรายละเอียด หรือสั่งซื้อได้ที่ Makro Click => https://makro.co.th/3wiLtEQ messageImage_1651572724710.jpg 487.19 KB SAJO ซาโจ เฮพโย โกชูจัง นำเข้าจากเกาหลี ชูสโลแกนอร่อยเหมือนออกจากห้องเครื่อง เหมาะสำหรับน้ำจิ้มบาร์บีคิว ผัก ใช้ทำบิบิมบับ ต็อกป็อกกี หมูผัดเกาหลี อาหารทะเล มีทั้งสูตรปกติและสูตรเผ็ด ดูรายละเอียด หรือสั่งซื้อได้ที่ Makro Click => https://makro.co.th/3wiLtEQSEMPIO เซมเพียว โกชูจัง อีกหนึ่งแบรนด์จากเกาหลีที่มีประวัติยาวนาน มีผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงในเครือเป็นจำนวนมาก เซมเพียวโกชูจัง ให้รสชาติกลมกล่อม เผ็ดกำลังดี สีสวย เนื้อเนียน สำหรับโกชูจังที่ขายในไทยมีให้เลือก 2 ขนาด คือ #เซมเพียวโกชูจังฮอทเปปเปอร์เพสท์ ขนาด 500 กรัม และขนาด 1 กิโลกรัม ใช้ได้ทั้งครัวเรือนและร้านอาหาร ดูรายละเอียด หรือสั่งซื้อได้ที่ Makro Click => https://makro.co.th/3wiLtEQCJ แฮชานเดิล โกชูจัง นำเข้าจากเกาหลี รสชาติเผ็ดกำลังดี ออกเค็ม สีแดงสวย เนื้อเนียน ใช้ทำอาหารได้หลายอย่าง หรือทำน้ำจิ้มหมูย่างก็ได้ ดูรายละเอียด หรือสั่งซื้อได้ที่ Makro Click => https://makro.co.th/3wiLtEQ messageImage_1651572673477.jpg 383.58 KB คันจัง หรือซีอิ้วเกาหลี มีแนะนำด้วยกัน 3 แบรนด์คือChungJungOne ชองจองวอน ซอสถั่วเหลืองเกาหลีจากแบรนด์ #DAESANG รสชาติกลมกล่อม รสไม่จัดเท่าซอสถั่วเหลืองของไทย มีกลิ่นอายความเป็นเกาหลี ให้รสชาติเค็มอ่อน เหมาะสำหรับทำน้ำจิ้ม หรือหมักดอง ใช้ทำ ปู กุ้ง หรือแซลมอนดองซีอิ้ว ดูรายละเอียด หรือสั่งซื้อได้ที่ Makro Click => https://makro.co.th/3wiLtEQSEMPIO เซมเพียว ซอสถั่วเหลือง จินเอส ใช้ทำอาหารประเภทผัดผักต่างๆ หรือใช้ปรุงรสอาหารได้แทบทุกชนิด สีเข้ม รสกลมกล่อม มีความเค็มและมีรสหวานเล็กน้อย รสชาติไม่เปลี่ยนแม้ผ่านความร้อน เป็นซอสยอดนิยมของครัวเรือนเกาหลี ดูรายละเอียด ปริมาณ ราคา หรือสั่งซื้อได้ที่ Makro Click =>https://makro.co.th/3wiLtEQ messageImage_1651572691898.jpg 342.74 KB SAJO ซอสถั่วเหลืองคุณภาพดี มีให้เลือก 2 ชนิดซาโจ ซอสถั่วเหลืองสำหรับทำซุป ดูรายละเอียด หรือสั่งซื้อได้ที่ Makro Click => https://makro.co.th/3wiLtEQซาโจ ซอสถั่วเหลืองเกาหลี ดูรายละเอียด หรือสั่งซื้อได้ที่ Makro Click => https://makro.co.th/3wiLtEQ final.png 2.06 MB สำหรับชุนจังหรือเต้าเจี้ยวดำ สำหรับทำจาจังมยอน ขอแนะนำเป็น #ChungJungOne ชองจองวอน ซอสเต้าเจี้ยวดำ สไตล์จีน จากแบรนด์ #DAESANG ตัวซอสค่อนข้างเหนียวข้น สีดำสนิท รสชาติเค็มพอดี สามารถใช้ผัดกับผัก ทำเป็นเครื่องจิ้ม หรือทานคู่กับบะหมี่ ดูรายละเอียด หรือสั่งซื้อได้ที่ Makro Click => https://makro.co.th/3wiLtEQ messageImage_1651725743972.jpg 357.07 KB ถ้าจะทำเมนูน้ำซุป จะขาดตัวนี้ไม่ได้ ทเวนจัง หรือ เดนจัง เต้าเจี้ยวเกาหลี นอกจากนี้ยังใช้ทำน้ำจิ้มหรือปรุงอาหารอื่นได้อีก ที่นิยมใช้ในไทย ได้แก่ #ChungJungOne ชองจองวอน เต้าเจี้ยวเดนจัง จาก DAESANG ดูรายละเอียด หรือสั่งซื้อได้ที่ Makro Click => https://makro.co.th/3wiLtEQ messageImage_1651725722023.jpg 496.38 KB เครื่องปรุงตัวต่อมาที่ต้องมีคือ ซัมจัง น้ำจิ้มพริกเกาหลี ร้านปิ้งย่างขาดไม่ได้ ใช้จิ้มผักและเนื้อย่าง ซัมจังที่นิยมใช้กันในไทย คือ ChungJungOne ชองจองวอน ซัมจัง น้ำจิ้มพริกเกาหลี จากแบรนด์ DAESANG และ SAJO ซาโจ เฮพโย ซัมจัง ซอสเต้าเจี้ยวปรุงรส ดูรายละเอียด หรือสั่งซื้อได้ที่ Makro Click => https://makro.co.th/3wiLtEQ messageImage_1651572752031.jpg 332.52 KB ตัวสุดท้ายที่ควรมีคือ แอ็กจ๊อด หรือ แอกชอน น้ำปลาเกาหลี แนะนำให้เลือกเป็นซอสปลาแองโชวี รสชาติไม่จัด อร่อย มีโปรตีนและคุณค่าทางอาหาร กลิ่นไม่ฉุนเท่าน้ำปลาไทย แบรนด์แนะนำคือ ChungJungOne ชองจองวอน ซอสปลาแอนโชวีของ DAESANG ใช้ปรุงอาหารได้หลายเมนู และใช้ทำกิมจิ ดูรายละเอียด หรือสั่งซื้อได้ที่ Makro Click => https://makro.co.th/3wiLtEQ

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เช็คลิสต์ 10 สูตรอาหารเกาหลี ต้องมีติดร้าน

เช็คลิสต์ 10 สูตรอาหารเกาหลี ต้องมีติดร้าน

อาหารเกาหลี ถือเป็นกระแสหลักในไทย ไม่ใช่เพียงเทรนด์ที่เกิดขึ้นสั้นๆ สามารถนำมาทำธุรกิจร้านอาหาร สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ สำหรับใครที่กำลังมองเห็นโอกาส อยากเปิดร้านอาหารเกาหลี MHA แนะนำ 10 สูตรอาหารเกาหลียอดนิยม ต้องมีติดร้าน สูตรเด็ดจากเชฟมืออาชีพ  รับรองว่ารสชาติถูกปากคนไทยแน่นอน messageImage_1651229774285.jpg 570.32 KB บิบิมบับ หรือ ข้าวยำเกาหลี เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ โรยหน้าด้วยผักที่ผัดและปรุงรสแล้ว, น้ำพริก, เต้าเจี้ยว นอกจากนี้ยังนิยมใส่ไข่ดิบ ไข่ดาว หรือไข่ลวก และเนื้อสัตว์ที่หั่นบาง ๆ เช่นกัน คลุกส่วนผสมต่าง ๆ ให้เข้ากันดีก่อนทาน ถือว่าเป็นอาหารที่มีความสมดุลและมีสารอาหารครบถ้วนส่วนประกอบ1. ข้าวญี่ปุ่นตราเอโร่ (หุงสุก) 400  กรัม2. ซุกกินีหั่นเส้น   100  กรัม3. แครอทหั่นเส้น                        80 กรัม4. เห็ดหูหนูหั่นเส้น 40 กรัม5. เห็ดนางรมหลวงหั่นเส้น 30 กรัม6. ถั่วงอกหัวโต 60 กรัม7. ผักปวยเล้งหั่นท่อน 60 กรัม8. ไข่ดาว 1 ฟอง9. เกลือป่น สำหรับปรุงรส10. น้ำมันงา ตราเอโร่ สำหรับปรุงรสส่วนผสม : ซอสบิบิมบับ1. ซอสโกชูจัง ตราชองจองวอน 6 ช้อนชา2. คอร์นไซรัป ตราชองจองวอน 4 ช้อนชา3. น้ำมันงา ตราเอโร่ 2 ช้อนชาวิธีทำ1. ปรุงรสผักแต่ละชนิดด้วยเกลือและน้ำมันงา นำไปผัดให้สุกและหอม ยกขึ้นพักไว้2. ผสมส่วนผสม ซอสบิบิมบับให้เข้ากัน แยกใส่ถ้วยไว้3. นำชามหินไปตั้งไฟจนร้อน จากนั้นตักข้าวใส่ชาม4. วางผักต่างๆ ลงบนข้าวให้มีสีสันสวยงาม5. วางไข่ดาวลงตรงกลาง6. สุดท้ายราดน้ำมันงาและซอสบิบิมบับลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากันก่อนรับประทานซื้อวัตถุดิบได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก : ซอสพริกเกาหลี (โกชูจัง), ชองจองวอนน้ำมันงาธรรมชาติ >> https://makro.co.th/3wma50s messageImage_1651228660826.jpg 757.62 KB หม้อไฟเกาหลีรวมมิตร หรือบูเดจิเก เป็นเมนูที่โดดเด่นในเรื่องของวัตถุดิบหลากหลาย  และรสชาติน้ำซุปอร่อยๆ ซดสุดฟิน ผู้ประกอบการสามารถนำวัตถุดิบมาจัดเซ็ตพร้อมหม้อ เสิร์ฟความอร่อยถึงบ้านลูกค้ากันเลยสำหรับ 4 เสิร์ฟ ส่วนประกอบ (น้ำสต็อค) เห็ดหอมดอกใหญ่ ตราเอโร่ (แช่น้ำ) 3 ดอก น้ำ                        8 ถ้วยตวง ผงปลาแอนโชวี่  1 ช้อนชา เกลือ    1 ช้อนชา สาหร่ายคอมบุ   6 นิ้ว หมูสามชั้นหั่น 2 ซม. 100 กรัม ส่วนประกอบ (ซอส) กระเทียมสับ  20 กรัม (6 กลีบใหญ่) ซอสโกชูจัง 40 กรัม พริกเกาหลีป่นหยาบ 30 กรัม ซอสถั่วเหลืองเกาหลี 15 กรัม น้ำตาลทราย 15 กรัม น้ำส้มสายชูแอ็ปเปิ้ล 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ ส่วนประกอบ (ใส่ในหม้อไฟ)1.กะหล่ำปลีหั่นท่อน 150 กรัม2.หอมหัวใหญ่หั่นชิ้นหนา 100 กรัม3.ต้นหอมญี่ปุ่นหั่นท่อน 2 ซม.     50 กรัม4.กิมจิผักกาดขาว สับหยาบๆ 100 กรัม5.ไส้กรอกสไลซ์เฉียง 30 กรัม6.เบคอนหั่นท่อน 2 ซม. 30 กรัม7. แฮมแผ่นหั่นท่อน 2 ซม. 30 กรัม8. เต้าหู้โมเมน หั่นเต๋า 1 นิ้ว 100 กรัม9. แป้งต็อกกุก 100 กรัม10. ถั่วขาวกระป๋อง 100 กรัม11. ราเม็งเกาหลี 1 ก้อน12. วุ้นเส้นเกาหลี (แช่น้ำแล้วนาน 30 นาที) 50 กรัม13. พริกชี้ฟ้าแดงและเขียว หั่นเฉียง อย่างละ 1 เม็ด14. ชีสแผ่น 2 แผ่น15. น้ำสต็อค 4 ถ้วยตวง16. หมูสามชั้น (จากน้ำสต็อค) ใส่ทั้งหมดวิธีทำ1.ใส่ส่วนผสมทั้งหมดของน้ำสต็อคลงไปในหม้อ ต้มนาน 30 นาที ยกขึ้นพักไว้2.เรียงกะหล่ำปลี หอมหัวใหญ่ ต้นหอมญี่ปุ่น ลงในหม้อไฟฟ้า3.วางกิมจิลงไปตรงกลาง4.ผสมส่วนผสมของซอสให้เข้ากัน วางลงไปตรงกลางด้านบนกิมจิ5. เรียงหมูสามชั้น ไส้กรอก แฮม เบคอน แป้งต็อกกุก เต้าหู้ ถั่วขาว มาม่าเกาหลี วุ้นเส้นเกาหลี ชีสแผ่น และพริกชี้ฟ้าลงไป6.เทน้ำสต็อคปริมาณ 4 ถ้วยตวงลงไป7.ปิดฝา ต้มนานประมาณ 8-10 นาที จนเส้นราเม็งและแป้งต็อคสุกซื้อวัตถุดิบได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก :  แดซัง โกชูจัง ซอสพริกเกาหลี , พริกเกาหลี แบบป่นละเอียด >> https://makro.co.th/3yOTrZ0 messageImage_1651229785349.jpg 646.16 KB ซุปกิมจิ รสชาติเข้มข้น เปรี้ยวหวานกำลังดี หอมอร่อยจนหยุดทานไม่ได้เลยทีเดียวส่วนประกอบ สำหรับ 3 เสิร์ฟ1.กิมจิผักกาดขาว     300 กรัม2.หมูสามชั้นสไลซ์ตราเอโร่  300 กรัม3.ต้นหอมญี่ปุ่นหั่นเฉียง 100 กรัม4.หอมหัวใหญ่สไลซ์ 120 กรัม5.เกลือ 1 ช้อนชา6.น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา7.พริกเกาหลีป่นหยาบ 3 ช้อนชา8.ซอสพริกโกชูจัง 1 ช้อนโต๊ะ9.น้ำมันงา 1 ช้อนชา10.ผงปรุงรสปลาแอนโชวี่ 2 ช้อนชา11.น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง12.เต้าหู้โมเมน 200 กรัมวิธีทำ1.ใส่ส่วนผสมทั้งหมด ยกเว้นเต้าหู้โมเมนลงไปในหม้อ ต้มนาน 30 นาที2.ใส่เต้าหู้โมเมนลงไป ต้มต่ออีก 5นาทีซื้อวัตถุดิบได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก :  แดซัง โกชูจัง ซอสพริกเกาหลี, พริกเกาหลี แบบป่นหยาบ >> https://makro.co.th/3licUcY messageImage_1652341725872.jpg 548.65 KB ต๊อกป๊อกกิชีส เมนูฮิตติดลมบนทั้งร้านอาหารไทยและเกาหลี สามารถทานเล่นหรือทานเป็นอาหารว่างก็ได้ แถมมีชีสเพิ่มความฟินไปอีกขั้น! ส่วนประกอบสำหรับ 3 เสิร์ฟ1. น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง2. สาหร่ายคอมบุ 4-5 แผ่น3. ต๊อกป๊อกกิ ตราชองกา 360 กรัม4. ซอสโกชูจัง ตราชองจองวอน 120 กรัม5. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ6. พริกป่นเกาหลีแบบป่นละเอียด ตราชองจองวอน 1 ช้อนโต๊ะ7. ผงปรุงรสปลาแอนโชวี่ 1 ช้อนชา8. เต้าหู้ปลาตราเอโร่ 200 กรัม9. มอสซาเรลล่าชีสผสมเชดด้าชีส ตราเอโร่ 30 กรัมวิธีทำ1. ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นใส่ต็อกป๊อกกิที่ล้างน้ำแล้วและเครื่องปรุงรสลงไป ต้มนาน 10 นาที2. ใส่เต้าหู้ปลาลงไป ต้มนาน 5 นาที จนต๊อกป๊อกกีนิ่ม3. ตักใส่จาน จากนั้นโรยชีสด้านบนนำเข้าไมโครเวฟนาน 30 วินาที จนชีสละลาย พร้อมเสิร์ฟซื้อวัตถุดิบได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก : แดซัง โกชูจัง ซอสพริกเกาหลี, Chongga แป้งต๊อกป็อกกิแท่งใหญ่ >> https://makro.co.th/3yHMwBc messageImage_1652341708160.jpg 718.72 KB ไก่เผ็ดชีสกระทะร้อน ด้วยรสชาติเผ็ดซี้ด พร้อมชีสเยิ้มๆ เอาใจลูกค้าสายเกาหลี ทำขาย Delivery ได้ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดทำกินก็ฟิน ทำขายก็รวย!ส่วนประกอบสำหรับ 4 เสิร์ฟ1.สะโพกไก่หั่นชิ้น 20 กรัม 500 กรัม2.ซอสดัคคาลบิ ปริมาณตามสูตร3.กะหล่ำปลีหั่นสี่เหลี่ยม 150 กรัม4.ต้นหอมญี่ปุ่นหั่นท่อน 100 กรัม5.มันหวานญี่ปุ่นหั่นแผ่นสี่เหลี่ยม 100 กรัม6.ใบงาหั่นท่อน 5 ใบ7.พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉียง 20 กรัม8.พริกชี้ฟ้าเขียวหั่นเฉียง 20 กรัม9.แป้งต็อกกุก 150 กรัม10มอสซาเรลล่าชีสผสมเชดด้าชีส ตราเอโร่ 150 กรัม11.ผักสลัดไฮโดรโปรนิค ตามชอบ12.กิมจิขาวผักกาดขาว ตามชอบส่วนผสมซอสดัคคาลบิ1.ซอสถั่วเหลืองเกาหลี 50 กรัม2.ซอสโกชูจัง 1 ช้อนโต๊ะ3.คอร์นไซรัปเกาหลี 30 กรัม4.น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ5.พริกป่นเกาหลีแบบหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ6.กระเทียมจีนสับ 1 ช้อนชา7.พริกขี้หนูสวนสีเขียวสับ 1 ช้อนชา8.น้ำมันงา 2 ช้อนชา9.งาขาวคั่ว 1 ช้อนชาวิธีทำ1. ผสมซอสดัคคาลบิ จากนั้นนำมาหมักไก่ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง2. ต้มแป้งต็อกกุกในน้ำเดือดนาน 5 นาทีจนสุก พักไว้3. นำไก่ที่หมักไว้ใส่กระทะร้อน มันหวาน กะหล่ำปลี ต้นหอม ใบงา พริก แป้งต็อกกุก ผัดให้สุก จากนั้นใส่ชีสลงไปจนละลาย4. จัดเสิร์ฟคู่กับผักสลัดและกิมจิซื้อวัตถุดิบได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก : แดซัง โกชูจัง ซอสพริกเกาหลี, พริกเกาหลี แบบป่นหยาบ >> https://makro.co.th/3yHGQab messageImage_1651229808860.jpg 688.27 KB จับเมนูไก่ทอดเกาหลี เพิ่มยอดขาย ด้วยซอสเกาหลีสุดฮิต อร่อยแบบต้นฉบับแน่นอนส่วนประกอบ สำหรับ 3 เสิร์ฟ1.ปีกกลางไก่แช่แข็งตราเอโร่  500 กรัม2.ปีกบนไก่แช่แข็งตราเอโร่      500 กรัม3.เกลือ       1 ช้อนชา4.แป้งมันฝรั่ง ตราโปรชิโย           8 ช้อนโต๊ะ5.น้ำเปล่า                                 4 ช้อนโต๊ะ6.น้ำมันพืช              สำหรับทอดไก่7.งาขาวคั่วส่วนประกอบ ซอสบอนชอน1.น้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ2.ซอสโกชูจัง 1 ช้อนโต๊ะ3.ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ4.สาเกตราเอโร่ 1/3 ถ้วยตวง5.มิรินตราเอโร่ 1/3 ถ้วยตวง6.กระเทียมจีนฝน 3 กลีบ7.ขิงฝน 1 ช้อนชา8.น้ำมันงา ตราเอโร่ 1 ช้อนโต๊ะ9.น้ำเชื่อมข้าวโพด 4 ช้อนโต๊ะ10.ซอสพริกแบบเผ็ดมาก 3 ช้อนโต๊ะ11.พริกเกาหลีแบบป่นละเอียด 3 ช้อนโต๊ะส่วนประกอบ ซอสทาร์ทาร์1.ไข่ไก่ต้ม หั่นเต๋า 2 ฟอง2.มายองเนส ตราเอโร่ 50 กรัม3. พริกไทยดำบดหยาบปรุงรสตามใจชอบวิธีทำ1.คลุกไก่กับเกลือให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นนาน 2 ชั่วโมง เพื่อให้รสชาติเข้าเนื้อ2.คลุกแป้งมันฝรั่ง, น้ำ และปีกไก่ให้เข้ากัน3.นำไปทอดในน้ำมันอุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียสนาน 10 นาที ยกขึ้นมาพักไว้นาน 5-10 นาที4.จากนั้นนำไปทอดในน้ำมันอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสนาน 10 นาที จนไก่กรอบเป็นสีเหลืองทองสวย5.ทำซอสบอนชอน โดยผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน6.คลุกไก่ทอดกับซอสให้เข้ากัน7.ตักใส่จาน โรยงาขาวให้ทั่ว8.รับประทานคู่กับซอสทาร์ทาร์ (การทำซอสทาร์ทาร์ : ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน)ซื้อวัตถุดิบได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก :  แดซัง โกชูจัง ซอสพริกเกาหลี, แคปไซซินสไปซี่ซอส(ซอสพริก) >> https://makro.co.th/3yDTfMp messageImage_1651229836548.jpg 386.43 KB ลองดัดแปลงจากเมนูข้าวผัดธรรมดา สร้างสรรค์เป็นเมนูข้าวผัดกิมจิ ทำง่าย เพิ่มเมนูให้กับร้านของคุณได้อีกด้วยส่วนประกอบน้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะกิมจิผักกาดขาวสับหยาบ 100 กรัมหอมหัวใหญ๋หั่นเต๋า 40 กรัมแฮมแผ่นหั่น 40 กรัมข้าวญี่ปุ่นหุงสุก 200 กรัมซอสโกชูจัง 20 กรัมน้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะพริกเกาหลีแบบป่นละเอียด 1 ช้อนชางาขาวคั่วเล็กน้อยไข่ดาว 1 ฟองต้นหอม 1 ต้นสาหร่ายทอดปรุงรสตัดชิ้นเล็กสำหรับตกแต่งวิธีทำ1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช นำกิมจิลงไปผัดประมาณ 30 วินาที2. ใส่หอมใหญ่หั่นเต๋าผัดให้เข้ากัน3. ใส่่แฮมแผ่นหั่นลงไปผัดให้เข้ากัน4. ใส่ข้าวญี่ปุ่นหุงสุกผัดให้เข้ากัน5. ใส่ซอสโกชูจัง พริกป่นเกาหลีแบบละเอียด น้ำมันงา แล้วผัดให้เข้ากัน6. ทอดไข่ดาว ตั้งกระทะเทฟล่อนเช็ดน้ำมันเล็กน้อย วางพิมพ์ทอดไข่ดาว5. จัดข้าวผัดกิมจิลงจาน วางท็อปด้วยไข่ดาว สาหร่ายทอดปรุงรสตัดชิ้นเล็ก โรยงาขาวคั่ว พร้อมเสิร์ฟซื้อวัตถุดิบได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก : แดซัง โกชูจัง ซอสพริกเกาหลี, จินมี่ กิมจิผักกาดขาว >> https://makro.co.th/39TsitB messageImage_1652341712403.jpg 514.16 KB ผัดวุ้นเส้นสไตล์เกาหลี หรือจับแช สามารถทานเป็นเครื่องเคียง อาหารจานหลัก รสชาติเข้มข้น เส้นเหนียวนุ่มและมีความกรอบกว่าวุ้นเส้นบ้านเราส่วนประกอบ สำหรับ 3 เสิร์ฟ1.วุ้นเส้นเกาหลีแห้ง ตราชองจองวอน 200 กรัม2. น้ำมันพืช สำหรับผัด3. เนื้อหมูหั่นเส้น 60 กรัม4. แครอทหั่นเส้น 30 กรัม5. ซุกกินีหั่นเส้น 30 กรัม6. เห็ดหูหนูหั่นเส้น 30 กรัม7. เห็ดหอมหั่นเส้น 30 กรัม8. ผักปวยเล้ง 30 กรัม9. ไข่ไก่ 1 ฟองส่วนผสมซอสผัด1. ซอสถั่วเหลืองเกาหลี ตราชองจองวอน 4 ช้อนโต๊ะ2. พริกไทยดำบดหยาบ เล็กน้อย3. กระเทียมสับ 1 ช้อนชา4. น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ6. เกลือป่น เล็กน้อย7. น้ำมันงาตราเอโร่ 1 ช้อนโต๊ะวิธีทำ1. แช่วุ้นเส้นในน้ำนาน 30 นาที2. ต้มวุ้นเส้นที่แช่น้ำแล้ว ในน้ำเดือดนาน 10 นาที สะเด็ดน้ำและพักไว้3. แยกไข่แดงกับไข่ขาวออกจากกัน จากนั้นนำมาเจียวในกระทะเทฟลอนโดยไม่ใช้น้ำมัน4. หั่นไข่ขาวและไข่แดงให้เป็นเส้น5. นำซอสถั่วเหลืองเกาหลี 1/3 ส่วนมาหมักกับเนื้อที่เตรียมไว้6. ผัดเนื้อหมูในกระทะที่มีมีน้ำมันให้เข้ากัน ตามด้วยผักทั้งหมดลงไปผัดจนสุก7. ใส่วุ้นเส้นและซอสลงไป ผัดให้สุก8. ตกแต่งด้วยไข่เจียวสองสีซื้อวัตถุดิบได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก : แดซัง วุ้นเส้นเกาหลี, แดซัง ซอสถั่วเหลืองเกาหลี >>https://makro.co.th/3Ml9npW messageImage_1652341721552.jpg 469.18 KB บะหมี่ดำจาจังมยอน บะหมี่ราดด้วยซอสสีน้ำตาลเข้ม ก่อนทานให้คลุกเส้นกับซอสเข้าด้วยกัน อร่อยลงตัวสุดๆส่วนประกอบ สำหรับ 2 เสิร์ฟน้ำมันพืช  2 ช้อนโต๊ะกระเทียมสับ 1 ช้อนชาเนื้อหมูหั่น 50 กรัมหอมหัวใหญ่หั่นเต๋า 1/2 หัวมันฝรั่งหั่นเต๋า 100 กรัมฟักทองหั่นเต๋า 100 กรัมกุ้งแช่แข็งตราเอโร่ 40 กรัมปลาหมึกหั่นแว่น 40 กรัมเห็ดหอมสไลซ์ 40 กรัมเห็ดแชมปิยองสไลซ์ 4 ดอกซอสเต้าเจี้ยวดำชุนจัง 50 กรัมน้ำเปล่า 2 ถ้วยตวงผงปรุงรสปลาแอนโชวี่ 1 ช้อนชาน้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะแป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะเส้นราเม็งแช่แข็งตราเอโร่ 2 ก้อนหัวไชเท้าดอง+แตงกวาสำหรับตกแต่งวิธีทำ1.ใส่น้ำมันลงในกระทะ ใส่กระเทียมสับลงไป ตามด้วยเนื้อหมู2.จากนั้นใส่มันฝรั่ง หอมใหญ่ ฟักทองลงไป ผัดให้สุก3.ใส่อาหารทะเลและเห็ดลงไป ผัดให้สุก4,ใส่ซอสชุนจังลงไป ตั้งไฟแรงผัดให้เข้ากัน5.ใส่น้ำเปล่า ผงปรุงรส น้ำตาลทรายแดงและแป้งมันลงไป เพื่อให้ซอสมีความเหนียว6.ต้มเส้นราเม็งในน้ำเดือดนาน 1 นาที สะเด็ดน้ำ วางเส้นลงในจาน7.ราดซอสลงบนเส้นราเม็ง ตกแต่งด้วยหัวไชเท้าดองและแตงกวาหั่นเส้นซื้อวัตถุดิบได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก :  ซอสเต้าเจี้ยวดำ สไตล์จีน,ชองจองวอน ผงซอสจาจังสำเร็จรูป >> https://makro.co.th/3yGRtdj messageImage_1652341717420.jpg 515.18 KB คิมบับ หรือข้าวปั้นห่อสาหร่ายสไตล์เกาหลี เมนูรองท้องสุดฮิต  สุตรนี้เครื่องแน่น น่าทานสุดๆ ทำได้ 5 แท่ง (40 คำ)ส่วนผสมข้าวธัญพืช1. ข้าวญี่ปุ่น ตราเอโร่  450 กรัม (3 ถ้วยตวง)2. ข้าวบาร์เล่ย์ ตราเอโร่     50  กรัม3. น้ำเปล่า    600 กรัมส่วนผสมข้าวคิมบับ1. ข้าวธัญพืชหุงสุก 1.3 กิโลกรัม2. งาขาวคั่ว    2 ช้อนโต๊ะ3. เกลือ    1  ช้อนโต๊ะ4. น้ำมันงา ตราเอโร่    4 ช้อนโต๊ะ5. ผงปลาแห้ง (ดาชิ)    1  ช้อนโต๊ะส่วนผสมไส้1. ไข่ม้วนตราเอโร่          125 กรัม (แท่งยาว 5 แท่ง)2. ปูอัดตราเอโร่ 170 กรัม (10 แท่ง)3. แตงกวาญี่ปุ่น 120 กรัม (5 แท่ง)4. สาหร่ายห่อข้าว      5 แผ่น* เสิร์ฟพร้อมกิมจิผักกาดขาว สำหรับเป็นเครื่องเคียงวิธีทำ1. คลุกข้าว งาขาวคั่ว เกลือและน้ำมันงาให้เข้ากัน2.หงายสาหร่ายด้านขรุขระขึ้นด้านบน ด้านเรียบอยู่ล่าง วางสาหร่ายลงบนเสื่อ ให้ชิดขอบด้านล่าง3.เกลี่ยข้าวปริมาณ 250 กรัม ลงบนสาหร่ายให้ทั่ว เว้นขอบด้านบนไว้ 2 ซม.4.วางไข่ม้วน แตงกวา ปูอัด ลงตรงกลางข้าว กดลงบนข้าวเล็กน้อย5.กดใส้ให้อยู่ตรงกลาง จากนั้นม้วนให้สาหร่ายปิดขอบ6.ใช้เสื่อกดเบาๆ จัดรูปร่างให้เป็นทรงกลม7.หั่น 8 ชิ้น/แท่ง (ถ้ามีดเปื้อนข้าว ให้เช็ดมีดด้วยผ้าเปียก)ซื้อวัตถุดิบได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก :  ดงวอน ริชแฮม แฮมกระป๋อง, บันดารัน สาหร่ายห่อข้าวเกรด A >>  https://makro.co.th/3sGis4P

สูตรอาหารเพิ่มเติม
รายละเอียดโปรโมชั่นแม็คโครสร้างอาชีพ สตรีทฟู้ดหลักร้อยสู่มืออาชีพหลักล้าน สินค้าไอเดียเมนูสร้างอาชีพ

รายละเอียดโปรโมชั่นแม็คโครสร้างอาชีพ สตรีทฟู้ดหลักร้อยสู่มืออาชีพหลักล้าน สินค้าไอเดียเมนูสร้างอาชีพ

เมื่อซื้อสินค้าในหมวดชุดไอเดียธุรกิจครบ 1,500 บาท รับฟรีคูปองส่วนลด 120 บาท เพื่อใช้เป็นส่วนลดในการซื้อครั้งต่อไป ระยะเวลาโปรโมชั่น : 1 -28 มิ.ย. 65เงื่อนไขการใช้คูปองส่วนลดเงินสด มูลค่า 120 บาท  1. แสดง “บาร์โค้ดส่วนลด” ที่ระบุบนคูปอง พร้อมบัตรสมาชิกแม็คโคร ที่จุดบริการชำระเงิน ก่อนการชำระเงินค่าสินค้า 2. ระยะเวลาการใช้คูปองส่วนลด: สามารถใช้ได้ตามเงื่อนไขที่ระบุบนคูปองส่วนลด เท่านั้น 3. จำกัดสิทธิ์การใช้คูปองส่วนลด: 1 สิทธิ์(ครั้ง) / 1 ส่วนลด (ใบ) / 1ใบเสร็จ / 1 หมายเลขสมาชิก /ช่วงเวลาส่งเสริมการขาย (ไม่สามารถแบ่งใช้หรือนำมาใช้ซ้ำได้อีก) 4. ส่วนลดมูลค่าตามที่ระบุ ใช้ได้ที่แม็คโครทุกสาขาเท่านั้น เมื่อซื้อสินค้าครบตามเงื่อนไขที่กำหนด (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และใช้เป็นส่วนลดเมื่อซื้อสินค้าแผนกใดก็ได้ ยกเว้นสินค้าประเภทบุหรี่ สุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นมผงเด็กแรกเกิด นมผงเด็กสูตรต่อเนื่อง กลุ่มยาและเวชภัณฑ์ การซื้อสินค้าแบบเหมา หรือ Credit Sales และบัตรกำนัล (คูปองส่วนลดไม่สามารถใช้ซื้อสินค้าผ่านแม็คโครคลิกได้) 5. คูปองส่วนลดต้องมีตราประทับสาขา ลายเซ็นของผู้มีอำนาจอนุมัติ (optional) พร้อมหมายเลขสมาชิกลูกค้าระบุบนคูปองส่วนลด 6. คูปองส่วนลดไม่สามารถแลกทอนเป็นเงินสดได้ และไม่สามารถโอน เปลี่ยน หรือให้สิทธิ์กับผู้อื่นได้ 7. คูปองส่วนลดไม่สามารถใช้ร่วมกับคูปองส่วนลด หรือส่วนลดอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ได้ 8. กรณีการสั่งซื้อมีการยกเลิก จะไม่สามารถขอคืนส่วนลดได้ และกรณีลูกค้าขอคืนเงิน (Refund) บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนส่วนลดในทุกกรณี  9. กรณีลูกค้าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ไมคืนส่วนลดหรือคืนเงินในทุกกรณี 10. บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) จะไม่รับผิดชอบต่อการสูญหาย และความเสียหายของคูปองส่วนลดไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น 11.บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ขอสงวนสิทธิ์ไม่รับคูปองที่ชำรุด ทำซ้ำ หรือไม่สมบูรณ์ 12. บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในทุกกรณี โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด แม็คโครสาขาที่ร่วมรายการโปรโมชั่น ภาคกลาง  1.     แม็คโคร สาขาลาดพร้าว 2.     แม็คโคร สาขาแจ้งวัฒนะ3.     แม็คโคร สาขาศรีนครินทร์4.     แม็คโคร สาขาบางบอน5.     แม็คโคร สาขารังสิต6.     แม็คโคร สาขานครสวรรค์7.     แม็คโคร สาขาจรัญสนิทวงศ์ 8.     แม็คโคร สาขาสาทร9.     แม็คโคร สาขานครปฐม 10.   แม็คโคร สาขาสามเสน 11.   แม็คโคร สาขาสุพรรณบุรี 12.   แม็คโคร สาขาสระบุรี 13.   แม็คโคร สาขารามอินทรา 14.   แม็คโคร สาขาลพบุรี 15.   แม็คโคร สาขาอยุธยา 16.   แม็คโคร สาขาคลองหลวง 17.   แม็คโคร สาขาบางพลี 18.   แม็คโคร สาขาศาลายา 19.   แม็คโคร สาขาสมุทรสาคร 20.   แม็คโคร สาขานครนายก 21.   แม็คโคร สาขานครอินทร์ 22.   แม็คโคร สาขาหนองจอก 23.   แม็คโคร สาขาเพชรเกษม 24.   แม็คโคร สาขาสิงห์บุรี 25.   แม็คโคร สาขาบางบัวทอง 26.   แม็คโคร สาขาพิจิตร 27.   แม็คโคร สาขาปทุมธานี 28.   แม็คโคร สาขาถนนจันทน์ 29.   แม็คโคร สาขาประดิษฐ์มนูญูธรรม ภาคตะวันออก  1.      แม็คโคร สาขาชลบุรี 2.      แม็คโคร สาขาระยอง 3.      แม็คโคร สาขาจันทบุรี 4.      แม็คโคร สาขาสระแก้ว 5.      แม็คโคร สาขาฉะเชิงเทรา 6.      แม็คโคร สาขาพัทยา 7.      แม็คโคร สาขาตราด 8.      แม็คโคร สาขากบินทร์บุรี 9.      แม็คโคร สาขาบ่อวิน 10.    แม็คโคร สาขาสัตหีบ

สูตรอาหารเพิ่มเติม
4 เคล็ดลับคุมต้นทุนร้านน้ำปั่น ไม่อยากขาดทุนต้องรู้ พร้อมแนะนำไอเท็มเด็ด

4 เคล็ดลับคุมต้นทุนร้านน้ำปั่น ไม่อยากขาดทุนต้องรู้ พร้อมแนะนำไอเท็มเด็ด

ฤดูร้อนมาแล้ว ร้านน้ำปั่นเริ่มขายดี โดยเฉพาะสมูตตี้ผลไม้เนื้อเนียนนุ่ม ช่วงเวลากอบโกยแบบนี้ ถ้าควบคุมต้นทุนให้ดี จะมีกำไรมากขึ้น มาดูวิธีคุมต้นทุนสำหรับร้านน้ำปั่น  และการบริหารจัดการวัตถุดิบ พร้อมแนะนำไอเท็มเด็ดฉบับมืออาชีพ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเมนูน้ำปั่นของร้าน  คลิกดูไอเท็มเด็ด เราแนะนำ ทำกำไรเข้าร้าน 1649403054244.png 964.5 KB 1. เช็ควัตถุดิบทั้งตอนซื้อหรือตรวจรับให้ดี อย่าให้มีเน่าเสียหรือขนาดไม่ได้มาตรฐาน และเก็บให้ถูกวิธี บางร้านใช้ผลไม้สดเพราะราคาถูก แต่ลืมไปว่าผลไม้สดที่ซื้อมาไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมด ต้องเอามาปอกเปลือกตัดแต่งส่วนที่ใช้ไม่ได้ออกก่อน ซึ่งส่วนที่ต้องทิ้งก็เป็นต้นทุนเช่นกัน ถ้าตัดแต่งไม่ดีก็จะเหลือที่ใช้ได้น้อยมากดังนั้นการใช้ผลไม้แช่แข็งที่ตัดแต่งมาแล้วก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สามารถใช้ได้ทันทีและใช้ได้ทั้งหมด ซึ่งถ้าเทียบปริมาณแล้วอาจจะถูกกว่าใช้ผลไม้สดก็ได้ อย่าลืมสำรวจดูด้วยว่าเมนูไหนที่ขายไม่ค่อยได้หรือนานๆ จะขายได้ทีให้ตัดออกไปเลย จะได้ไม่ต้องสั่งวัตถุดิบมาเกินจำเป็น ช่วยประหยัดต้นทุนได้2. ควบคุมการผลิตและสร้างสูตรมาตรฐาน ช่วยลดการสูญเสีย อย่างการถามลูกค้าให้แน่นอนว่าสั่งเมนูอะไร ใส่หรือไม่ใส่วัตถุดิบอะไร และสร้างสูตรมาตรฐานให้กับเมนู วัตถุดิบที่จะปั่นให้ใช้การชั่งและตวง ฝึกให้เป็นนิสัย เพราะการกะปริมาณอาจทำให้ใส่วัตถุดิบน้อยเกินไปจนต้องปั่นเพิ่ม หรือมากเกินไปจนต้องเททิ้งเสียของ ช่วยให้คำนวณการใช้วัตถุดิบได้อย่างแม่นยำ ส่งผลต่อการสต็อกและการสั่งวัตถุดิบในครั้งต่อไป3. สร้างเมนูใหม่จากวัตถุดิบเดิมที่มีอยู่ เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า เป็นวิธีระบายวัตถุดิบที่เก็บไว้นานแล้วได้ดี แต่ไม่ใช่การเอาวัตถุดิบที่เริ่มเสียแล้วมาทำ ต้องใช้วัตถุดิบที่ยังดีอยู่เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น เมนูสมูตตี้มะม่วง ใช้มะม่วงสุกในการปั่น ถ้ามะม่วงเหลือเยอะ อาจเพิ่มเมนูมะม่วงโยเกิร์ต หรือเพิ่มท้อปปิ้งมะม่วงก็ดูเข้ากันได้กับหลายเมนู เป็นต้น4. ใช้น้ำผลไม้เข้มข้นแบบผสมเนื้อ เพื่อลดปริมาณผลไม้จริงลง ประหยัดกว่า เป็นการใช้ส่วนผสมอื่นแทนวัตถุดิบที่แพง เพราะผลไม้จะมีฤดูกาลออกผลผลิตต่างกัน ช่วงไหนออกเยอะราคาจะถูก แต่ถ้าอยู่นอกฤดูราคาก็จะแพง ทำให้ราคาผลไม้สดขึ้นลงไม่แน่นอน ยกตัวอย่างในช่วงที่ผ่านมา มะนาวแพง ส่งผลต่อร้านอาหารเป็นอย่างมาก หลายร้านหันมาใช้ผงมะนาวแทนเพราะใกล้เคียงกับมะนาวจริงในราคาที่ถูกกว่าสำหรับผลไม้คงไม่สามารถใช้น้ำผลไม้แต่งกลิ่นสังเคราะห์แทนผลไม้จริงได้ทั้งหมด เพราะไม่ให้กลิ่น รสชาติ และเนื้อสัมผัสที่น่ากินเท่าผลไม้จริง แต่ปัจจุบันมีน้ำผลไม้เข้มข้นแบบผสมเนื้อ ที่สามารถใช้ร่วมกับเนื้อผลไม้ในการปั่น เพื่อลดปริมาณผลไม้จริงลง และให้รสสัมผัสใกล้เคียงกับสมูตตี้จากผลไม้ล้วนอย่างมาก 1649402989090.png 2.47 MB แนะนำไอเท็มเด็ดตัวช่วยสำหรับร้านน้ำปั่นมืออาชีพ มีเอาไว้ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มมูลค่าเมนูสมูตตี้ ไอเท็มแรกคือ ผงปั่นสมูตตี้ (Smoothie Powder) เพราะประเทศไทยอากาศร้อน เมนูปั่นน้ำแข็งจึงละลายไว ส่วนผสมจึงละลายและแยกตัวเป็นชั้นได้ง่าย ผงปั่นสมูตตี้จะช่วยให้น้ำแข็งและไซรัปผสานเข้ากันได้ดีขึ้น ให้เนื้อสัมผัสเนียนนุ่มน่ากิน และช่วยให้น้ำแข็งละลายช้าลงสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยลองใช้ผงปั่นสมูตตี้ แนะนำให้ลอง ลองบีชผงปั่นสมูตตี้” ที่ช่วยให้เครื่องดื่มเนียน วาว ไม่แยกชั้น ละลายช้า ไม่มีกลิ่น และไม่รบกวนรสชาติเครื่องดื่ม ใช้ง่าย เพียงเติมลงไปในสมูตตี้ตอนปั่น ครึ่งถึง 1 ช้อนโต๊ะ ต่อเครื่องดื่มแก้ว 16 ออนซ์ สำหรับเครื่องดื่มปั่นที่ไม่มีส่วนผสมของนม เช่น ผลไม้ปั่น เครื่องดื่มเกล็ดหิมะ และกรานิต้า ลองบีชผงปั่นสมูตตี้หนึ่งซอง ปั่นสมูตตี้ได้40 – 80 แก้ว คำนวณแล้วเพิ่มต้นทุนต่อแก้วประมาณ 1 บาท ถือว่าคุ้มราคามาก คลิกดูรายละเอียดเรื่องราคาและหาซื้อได้ที่ Makro หรือสั่งออนไลน์ได้เลย 1649402989362.png 3.7 MB อีกไอเท็มที่ร้านน้ำปั่นต้องมี คือ ไซรัปเข้มข้นผสมเนื้อผลไม้ หรือที่เรียกว่า เพียวเร่ (Puree) ไซรัป เพียวเร่จะมีเนื้อผลไม้ผสมอยู่ในน้ำเชื่อมไซรัปตั้งแต่ 15% ขึ้นไป ช่วยเพิ่มรสชาติของเมนูเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของเนื้อ นิยมนำมาทำเมนูน้ำปั่น สมูตตี้ สามารถใช้ปั่นแทนผลไม้สดได้ หรือใช้เพียวเร่ร่วมกับผลไม้สดจะช่วยลดการใช้ผลไม้สดไปได้ 30% ไม่ต้องเติมน้ำเชื่อมเพิ่ม ให้รสชาติใกล้เคียงกับสมูตตี้แบบใส่ผลไม้สด ในราคาต้นทุนต่อแก้วที่ถูกลง และยังเก็บรักษาได้ง่าย เก็บไว้ได้นานกว่าผลไม้สด ทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้นได้ไซรัปเพียวเร่ตัวแรกที่จะแนะนำ คือ เพียวโตะ ไซรัปเข้มข้นผสมเนื้อผลไม้ ที่คัดสรรวัตถุดิบอย่างดีมาทำเพียวเร่ สามารถทำได้หลากหลายเมนู ทั้งเครื่องดื่ม และ ของหวาน ใช้สำหรับ ราดเป็นท็อปปิ้งบนขนม ราดบนไอศครีม บิงซู เค้ก และสามารถใช้แทนผลไม้สดได้ในเมนูน้ำปั่นหรือสมูตตี้เพียวโตะ ไซรัป จัดเป็นเพียวเร่คุณภาพดี ที่ราคาจับต้องได้ มีทั้งหมด 6 รสชาติ ได้แก่ สตรอว์เบอร์รี่ แอปเปิ้ล พีช มะม่วง ลิ้นจี่ และบลูเบอรี่ ช่วยลดต้นทุนการใช้ผลไม้จริง เพิ่มมูลค่าของเมนูน้ำปั่น เหมาะสำหรับมืออาชีพ เช่นร้านน้ำปั่น ร้านไอศกรีม และคาเฟ่ คลิกดูรายละเอียดเรื่องราคาและหาซื้อได้ที่ Makro หรือสั่งออนไลน์ได้เลย 1649402989189.png 2.68 MB ไซรัปตัวถัดมา คือ โมนิน ฟรุ๊ตเบสเพรพเพอเรชั่น (Fruit based preparation) หรือน้ำผลไม้เข้มข้นผสมเนื้อ แบรนด์ดังจากฝรั่งเศส มีด้วยกัน 3 รส ได้แก่ โมนินน้ำสตรอว์เบอร์รี่ผสมเนื้อ โมนินน้ำมะม่วงผสมเนื้อ โมนินน้ำเสาวรสผสมเนื้อ มีส่วนผสมของเนื้อผลไม้ตั้งแต่ 14-36% สามารถใช้ปั่นสมูตตี้แทนผลไม้ได้ หรือใช้ตกแต่งหน้าขนม ราดบนไอศกรีม บิงซู เค้กก็ได้เช่นกัน  คลิกดูรายละเอียดเรื่องราคาและหาซื้อได้ที่ Makro หรือสั่งออนไลน์ได้เลย 1649402989206.png 2.78 MB ไซรัปตัวถัดมาคือ ลองบีช ฟรุ๊ตเบสเพรพเพอเรชั่น (Fruit based preparation) ไซรัปผลไม้เข้มข้นผสมเนื้อ มีด้วยกัน 2 รส ได้แก่ ลองบีซมิกซ์เบอรี่ผสมเนื้อ และลองบีซสตรอว์เบอร์รี่ผสมเนื้อ สำหรับทำเมนูสมูตตี้และแต่งหน้าขนมโดยเฉพาะ มีส่วนผสมของเนื้อผลไม้ 20% ให้รสชาติกลมกล่อมลงตัวมาก  คลิกดูรายละเอียดเรื่องราคาและหาซื้อได้ที่ Makro หรือสั่งออนไลน์ได้เลย

สูตรอาหารเพิ่มเติม
6 เคล็ดลับปั่นสมูทตี้อร่อย ไม่ละลายเร็ว ร้อนนี้ขายดีแน่!

6 เคล็ดลับปั่นสมูทตี้อร่อย ไม่ละลายเร็ว ร้อนนี้ขายดีแน่!

ร้อนนี้ ต้องมีเมนูสมูทตี้ติดร้าน! เครื่องดื่มยอดนิยมของคนไทย เพราะตอบโจทย์อากาศบ้านเราสุดๆ  เพิ่มความสดชื่น แถมดับกระหายคลายร้อนได้เป็นอย่างดี อร่อยอิ่มท้อง แคลอรี่ต่ำ วันนี้ MHA แชร์เคล็ดลับปั่นสมูทตี้อย่างไรให้อร่อย ไม่ละลายเร็ว  ทำอย่างไรให้สมูทตี้เนื้อไม่เหลว น่าดื่ม   การเลือกใช้น้ำแข็ง เทคนิคการใช้ผงสมูทตี้ เทคนิคการเลือกเครื่องปั่น  และเทคนิคการสร้างรสชาติแปลกใหม่ พร้อมแนะนำผลไม้แช่แข็ง รับรองว่าร้อนนี้ ขายดีแน่  messageImage_1649684220757.jpg 502.63 KB เคล็ดลับปั่นสมูทตี้ให้อร่อย 1. วัตถุดิบต้องเย็น ความเย็นจะช่วยให้สมูทตี้ละลายช้า ลองเปลี่ยนจากผลไม้สดแช่เย็น เป็นผลไม้แช่แข็งจะช่วยรักษาอุณหภูมิได้ นอกจากนี้ผลไม้สดบางชนิดถ้าสุกเกินไปจะมีความนิ่ม หรือกลิ่นไม่ดี ทำให้สมูทตี้เนื้อเหลวเกินไปและไม่น่ากิน ส่วนผสมอื่นถ้าแช่เย็นได้ให้แช่เย็นไว้ก่อนจะเอาออกมาปั่น ถ้าแช่ไม่ได้ให้เก็บไว้ในที่ไม่โดนแดด ถ้าเป็นเมนูเฟรปเป้ เช่นกาแฟใส่นม ชานม ที่ต้องชงเครื่องดื่มจากน้ำร้อนก่อน ตอนชงให้คนเร็วๆ เวลาปั่นให้ใส่น้ำแข็งลงไปครึ่งหนึ่งก่อน จากนั้นค่อยเพิ่มน้ำแข็งที่เหลือตามลงไปปั่น หรือจะชงชานมแล้วแช่เย็นไว้ก่อนเมื่อถึงเวลาค่อยนำออกมาปั่น จะช่วยรักษาความเย็นของเฟรปเป้ได้เช่นกัน2. เครื่องปั่น ต้องใช้เครื่องปั่นที่มีกำลังสูง เพื่อให้น้ำแข็งละเอียดไว ยิ่งใช้เวลาปั่นนานน้ำแข็งจะละลายมากขึ้น สมูทตี้จะยิ่งละลายเร็ว ควรใช้เครื่องปั่นที่มีกำลังตั้งแต่ 300 วัตต์ขึ้นไป หรือเลือกใช้เครื่องปั่นแบบใหญ่สำหรับปั่นสมูทตี้ไปเลย เพราะเป็นเครื่องปั่นที่ออกแบบโถปั่นและใบมีดมาสำหรับปั่นน้ำแข็งโดยเฉพาะ ถึงราคาจะแพงสักหน่อย แต่สามารถปั่นได้เนียนละเอียด ปั่นไว และปั่นได้ทีละหลายแก้ว3. ใช้ไซรัปเข้มข้นเพื่อลดปริมาณการใส่ของเหลว ทำให้น้ำปั่นไม่เหลวเกินไป ปกติสมูทตี้จะใส่ผลไม้ น้ำ และน้ำเชื่อม หลายร้านมักจะผสมน้ำเชื่อมเอง บางครั้งก็เข้มข้นไม่มากพอ ดังนั้นการเปลี่ยนมาใช้ไซรัปสำเร็จรูปจะช่วยลดปริมาณของเหลวได้ ไซรัสมีหลายรสชาติให้เลือกใช้ช่วยเพิ่มความเข้มข้นให้กับสมูทตี้ ถ้าเป็นไซรัปที่ผสมเนื้อผลไม้ด้วยจะทำให้ลดการใช้ของเหลว และลดปริมาณผลไม้ไปได้อีก4. การตวงน้ำแข็ง ให้ตวงน้ำแข็งพูนแก้ว หรือ หนึ่งแก้วครึ่ง จะได้สมูทตี้เต็มแก้วพอดี เพราะน้ำแข็งส่วนหนึ่งจะละลายไปทำให้เนื้อสมูทตี้เหลว ดังนั้นต้องตวงน้ำแข็งเผื่อละลายด้วย น้ำแข็งที่เลือกใช้ใช้น้ำแข็งหลอดเล็กหรือน้ำแข็งบดหยาบ เพราะปั่นบดละเอียดได้ง่าย ยิ่งใช้เวลาปั่นน้อยยิ่งละลายน้อย5. ลองหาผงสมูทตี้มาใช้ ผงสมูทตี้มีส่วนผสมที่ช่วยให้น้ำผลไม้ ไซรัป ผสมเข้ากับน้ำแข็งได้ง่ายขึ้น ปกติผงสมูทตี้จะใช้เพียงครึ่งถึงหนึ่งช้อนโต๊ะ ต่อการปั่นสมูทตี้หนึ่งแก้ว เนื้อสมูทตี้ที่ได้จะมีลักษณะเนียน ละลายช้า ไม่แยกตัวเป็นชั้นง่าย6. เคล็ดลับในการปั่นสมูทตี้ให้อร่อยอีกอย่างคือ ลองเอาผลไม้ตั้งแต่สองชนิดขึ้นไปมาปั่นผสมกัน จะได้สมูทตี้ที่ให้รสชาติแปลกไปอีกหลายแบบ เช่น สมูทตี้มะม่วงที่เราสามารถเพิ่มความเปรี้ยวโดยใส่กีวีเพิ่มเข้าไปได้ หรือจะเพิ่มสีสันของสมูทตี้ด้วยการปั่นผลไม้ต่างสีแล้วนำมาเทสลับเป็นชั้นไล่สีในแก้วอีกที นอกจากจะได้รสชาติของผลไม้รวม ยังได้สีสันที่น่ากินขึ้นมาอีกเช่น สมูทตี้สามชั้น ม่วง แดง เขียว ที่ได้สีม่วงจากการปั่นบูลเบอรี่กับโยเกิร์ต สีแดงจากการปั่นสตรอว์เบอร์รี่ และสีเขียวจากการปั่นกีวี หรือบลูเบอรี่กับมะม่วง ให้สีสองชั้นคือม่วงกับเหลือง ฯลฯ การปั่นสมูทตี้แบบสลับสีต้องใช้ความไวในการปั่น เพราะต้องสลับปั่นหลายหน ต้องระวังไม่ให้ละลายไว ดังนั้นแนะนำให้ใช้ผลไม้แช่แข็งเพื่อช่วยรักษาความเย็นของสมูทตี้แต่ละชั้น messageImage_1649760779216.jpg 511.17 KB สำหรับร้านน้ำปั่นมืออาชีพ แนะนำให้ใช้ผลไม้แช่แข็งเอโร่ ทำจากผลไม้แท้หลากชนิด ที่ให้รสและกลิ่นแบบธรรมชาติ เลือกคัดฤดูกาลที่ให้ผลผลิตดีที่สุด นำเมล็ดออก ตัดแต่งและแช่แข็งทันทีเพื่อรักษาคุณภาพ สามารถใช้ได้ทันทีเมื่อแกะถุง เหมาะสำหรับทำขนมและสมูทตี้ผลไม้ ช่วยให้สมูทตี้ไม่ละลายเร็วผลไม้แช่แข็งเอโร่ มีให้เลือกใช้ได้ตามสีและรสชาติที่ต้องการดังนี้ สีเขียว : แนะนำให้ใช้ เอโร่อโวคาโดแช่แข็ง สีของเนื้อมีสีเขียวเข้ม เนียนละเอียดเหนียวไม่มีเส้นใย เมล็ดมีขนาดเล็ก ให้รสชาติมัน สีเหลือง : เอโร่แอปริคอตแช่แข็ง เนื้อสุกจะมีสีเหลือง เนื้อแห้งแน่น และมีเมล็ดสีน้ำตาลอยู่ในผล ให้รสเปรี้ยวและหอม หรือใช้ เอโร่พีชสดแช่แข็ง ผลไม้อวบอ้วน สีส้มอมชมพูน่ากิน มีรสหวานฉ่ำ มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ เป็นผลไม้ฤดูร้อน ต้องเลือกฤดูเก็บให้ดี ถึงจะให้รสชาติและสารอาหารมากที่สุด คลิกดูรายละเอียดและซื้อสินค้าได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก messageImage_1649760785271.jpg 571.77 KB สีส้ม : เอโร่เนื้อส้มแมนดารินแช่แข็ง ส้มสีสด ปอกเปลือกพร้อมนำไปประกอบอาหาร รสหวานอมเปรี้ยว สีม่วง : เอโร่บลูเบอร์รีแช่แข็ง ลูกกลมเล็กสีน้ำเงินเข้มจนถึงสีดำ ปลายผลมีวงแหวนคล้ายรูปมงกุฎ สีสวยรสหวานกำลังพอดี สดฉ่ำ ได้รับฉายาว่าเป็น ราชาแห่งผลไม้ เพราะอุดมด้วยแร่ธาตุวิตามิน และเอโร่มิกซ์เบอรี่แช่แข็ง ประกอบไปด้วยแบล็คเบอร์รี แครนเบอร์รี แบล็คเคอร์แรนต์ ราสเบอร์รี และบลูเบอร์รี อุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ รสชาติออกเปรี้ยว สีชมพู : เอโร่ผลไม้เบอร์รีรวมแช่แข็ง ผลสีแดงเข้มและมีรูปร่างเป็นรูปกรวย ผิวเป็นประกาย รสชาติหวานและเปรี้ยว เป็นผลไม้ที่นิยมสั่งเป็นสมูทตี้อันดับต้นๆและ เอโร่ราสเบอร์รี่แช่แข็ง ผลไม้สีแดงอมชมพูขนาดเล็ก มีขนนุ่มที่เปลือกเล็กน้อย รสเปรี้ยว คลิกดูรายละเอียดและซื้อสินค้าได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก messageImage_1649760793691.jpg 579.52 KB สีชมพู : เอโร่สตรอเบอร์รีแช่แข็ง ผลสีแดงเข้มและมีรูปร่างเป็นรูปกรวย ผิวเป็นประกาย รสชาติหวานและเปรี้ยว เป็นผลไม้ที่นิยมสั่งเป็นสมูทตี้อันดับต้นๆ และเอโร่ราสเบอร์รีแช่แข็ง ผลไม้สีแดงอมชมพูขนาดเล็ก มีขนนุ่มที่เปลือกเล็กน้อย รสเปรี้ยว คลิกดูรายละเอียดและซื้อสินค้าได้ที่แม็คโคร หรือแม็คโครคลิก

สูตรอาหารเพิ่มเติม
6 โมเดลเปิดร้านอาหาร ปรับตามสถานการณ์ ลงทุนน้อย

6 โมเดลเปิดร้านอาหาร ปรับตามสถานการณ์ ลงทุนน้อย

สถานการณ์โควิดและปัญหาเศรษฐกิจยังไม่แน่นอนแบบนี้ จะลงทุนทำธุรกิจร้านอาหารใหญ่โต ก็ดูจะเสี่ยงเกินไป ลองมาดู #6โมเดลธุรกิจร้านอาหาร ที่ยังมีโอกาสเติบโตในยุคนี้ ที่สำคัญลงทุนไม่มาก และสามารถปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ได้อย่างคล่องตัว Ghost Kitchen เป็นร้านอาหารแบบไม่ขายหน้าร้าน มีแต่ครัวสำหรับทำอาหาร และขายผ่านเดลิเวอรีเท่านั้น Ghost Kitchen อาจจะใช้ครัวในบ้าน ในคอนโด หรือแม้แต่พอพักในการทำอาหารขายก็ได้ ข้อได้เปรียบคือ ปรับวิธีการดำเนินงานได้ง่าย เพราะไม่ต้องดูแลหน้าร้าน ไม่ต้องเช่าตึกทำร้านอาหาร ไม่ต้องใช้พนักงานจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้ Ghost Kitchen ใช้เงินในการลงทุนต่ำ และเริ่มต้นธุรกิจได้ง่าย Cloud Kitchen เป็นร้านแบบไม่มีหน้าร้านและไม่มีครัวของตัวเอง แต่ใช้วิธีเช่าครัวกลางจากผู้ให้บริการ Cloud Kitchen แล้วทำอาหารขายผ่านเดลิเวอรีเช่นกัน โมเดลนี้นอกจากจะไม่ต้องเช่าตึกแล้ว Cloud Kitchen หลายแห่งจะจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นสำหรับธุรกิจร้านอาหารไว้ให้แล้ว เช่น ครัว อุปกรณ์ทำครัว บริการเดลิเวอรีในพื้นที่ และแหล่งวัตถุดิบที่เข้าถึงง่าย เหมาะสำหรับร้านที่อยากสร้างธุรกิจเดลิเวอรีในย่านดัง แต่ไม่มีเงินเช่าตึกทำร้านได้เพราะราคาแพงเกินไป (ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก) Kiosk เป็นรูปแบบร้านขายอาหารขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นซุ้มหรือบูธชั่วคราวที่สามารถยกไปตั้งในพื้นที่ขายได้อย่างสะดวก เรามักจะเห็น Kiosk (คีออส) ตามพื้นที่ขายในห้างสรรพสินค้าหรือแหล่งชุมชนต่างๆ เช่น ร้านชานม ร้านซูชิ ร้านขนม ฯลฯ ร้านแบบ Kiosk ยังคงได้เปรียบตรงที่ไม่ต้องลงทุนเช่าตึกทำร้าน สามารถออกแบบ สร้าง และติดตั้งได้ไว ทำให้พร้อมขายได้เร็ว ใช้ทุนไม่มากในการออกแบบสร้าง ย้ายที่ตั้งง่ายเมื่อจำเป็นต้องย้าย Food truck ลงทุนเพิ่มมาอีกหน่อยลองเช่าซื้อรถพร้อมตกแต่งให้สามารถทำอาหารขายได้ แล้วขับไปจอดขายในทำเลที่มีคนพลุกพล่านและมีโอกาสในการขาย เมื่อพูดถึงเรื่องเช่าซื้อรถ ดูแล้วเหมือนลงทุนสูง (ราคาฟู้ดทรัคประมาณ 5 แสน – 1 ล้านบาท เช่าซื้อ 5 ปี ค่าผ่อนตกประมาณเดือนละหมื่นกว่าบาทขึ้นไป) แต่ก็ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการซื้อตึกทำร้านอาหาร หรือแม้แต่การเช่าตึกเป็นรายเดือน แถมยังได้เป็นเจ้าของรถได้อีกเมื่อผ่อนครบ  หรือสามารถขายฟู้ดทรัคต่อให้คนอื่นได้หากมีเหตุจำเป็นต้องเลิกกิจการ ฟู้ดทรัคช่วยแก้ข้อเสียเรื่องทำเลของร้านอาหารได้ด้วย เพราะสามารถย้ายโลเคชั่นในการขายได้ (ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก) Meal Kits จะเรียกว่าอาหารพร้อมปรุงก็ว่าได้ Meal Kits คือการจัดวัตถุดิบส่งให้กับลูกค้าพร้อมสูตรอาหารเพื่อให้ลูกค้าไปทำอาหารเองที่บ้าน กลุ่มลูกค้าหลักคือคนเมืองที่ใส่ใจกับการกินมากขึ้น และสนใจทำอาหารเองแบบง่ายๆ ไม่เยอะมาก ไม่ต้องซื้อวัตถุดิบเยอะ เพื่อจะทำอาหารแค่เสิร์ฟเดียว ข้อดีของ Meal Kits คือลูกค้าได้สนุกกับการทำอาหารเองตามสูตร ไม่ต้องออกไปซื้อวัตถุดิบเอง  ในช่วงโควิดยังระบาด สำหรับผู้ที่สนใจทำธุรกิจ Meal Kits ถ้ามีสูตรอาหารเด็ดอยู่แล้ว ลองจัดชุดวัตถุดิบขายพร้อมแนบสูตรวิธีทำไปพร้อมกันด้วย หรือจะทำเป็นส่วนผสมสำเร็จ เช่น ซอสผัด น้ำยำ ฯลฯ เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้สะดวกขึ้นก็ได้ Meal Kits มีข้อได้เปรียบคือไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน และตอบสนองไลฟ์สไตล์คนเมืองในยุค New Normal ได้ดี (ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก)  Meal Box อาหารกล่อง ลองทำข้าวกล่องขายแบบเดลิเวอรีไปเลย ใช้วิธีการผูกปิ่นโตกับลูกค้าประจำก็น่าสนใจ Meal Box ยังสามารถปรับเป็นบริการจัดเลี้ยง สำหรับงานประชุม สัมมนา หรือกิจกรรมต่างๆของหน่วยงาน ห้างร้าน ข้อได้เปรียบของ Meal Box คือลงทุนไม่มาก และไม่ต้องมีหน้าร้านก็ได้ ใช้วิธีการโพสต์ขายออนไลน์ และจัดส่งแบบเดลิเวอรีให้กับลูกค้า สามารถควบคุมต้นทุนและวัตถุดิบได้ง่าย เพราะลูกค้ามักจะสั่งล่วงหน้า หรือถ้าจะจัดเป็นเมนูประจำในแต่ละวันก็จะช่วยบริหารวัตถุดิบและต้นทุนได้ดี  แต่ไม่ว่าจะโมเดลไหน ขึ้นชื่อว่าธุรกิจสิ่งแรกที่ต้องทำคือหาความเป็นไปได้ของธุรกิจนั้นๆก่อน จะได้ทำธุรกิจร้านอาหารได้อย่างไม่พลาด มาเรียนรู้ไปกับคอร์สการศึกษาความเป็นไปได้ธุรกิจร้านอาหาร โดย อาจารย์เซ็ธ เศรษฐพงศ์ ผดุงพิสุทธิ์ ที่ปรึกษาธุรกิจร้านอาหารและแฟรนไชส์ คอร์สที่จะสอนการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ หาจุดคุ้มทุน วิเคราะห์การตลาด และการเขียนแผนธุรกิจฟรี 

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เช็คก่อนเจ๊ง ปัญหาที่ร้านอาหารต้องเจอ

เช็คก่อนเจ๊ง ปัญหาที่ร้านอาหารต้องเจอ

ปิดร้านอาหารทั้งที อย่ามองแต่ด้านสวยงาม ต้องคิดวางแผนรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย MHA ได้รวบรวมประเด็นปัญหาที่ร้านอาหารมักจะต้องเจอ พร้อมวิธีรับมือแก้ไขแบบมืออาชีพ โดยเหล่ากูรูจาก MHA เจ้าของร้านมือใหม่หรือมือเก่ารีบมาเช็คกันก่อน ห้ามพลาดถ้าไม่อยากเจ๊ง!1. ปัญหาพนักงานในร้าน เริ่มตั้งแต่ จำนวนพนักงานไม่สมดุลย์กับงาน จ้างพนักงานมากไปจนคนล้นงาน จ้างน้อยไปจนทำงานไม่ทัน ไม่อบรมพนักงานให้ดีก่อนเริ่มทำงาน ไม่มีคู่มือปฏิบัติการให้ศึกษา ทำให้พนักงานแต่ละคนทำงานไม่ได้ตามมาตรฐาน ทำงานผิดขั้นตอน และไม่มีวิธีจูงใจพนักงานให้อยากพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้น คลิกศึกษาเรื่องบริหารพนักงานร้านอาหาร2. รสชาติอาหารไม่นิ่งแม้แม่ครัวคนเดิมก็ตาม ที่ร้านมีสูตรอาหารแต่ละเมนูที่เป็นมาตรฐานหรือยัง เราจะพึ่งพาการชิมจากแม่ครัวเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะประสาทรับรสสามารถผิดเพี้ยนได้ตามวัยและสุขภาพ ลองเขียนสูตรของแต่ละเมนูออกมา แล้วเปลี่ยนมาใช้การชั่ง-ตวง วัตถุดิบกับเครื่องปรุง แทนการกะประมาณเอาแบบเดิม ซึ่งจะช่วยรองรับการเปลี่ยนแม่ครัวได้ด้วย คลิกศึกษาเรื่องการสร้างสูตรมาตรฐานอาหาร3. จุดขายเหมือนเจ้าอื่นที่ขายมานาน ก่อนจะเปิดร้านได้สำรวจหรือยังว่าบริเวณโดยรอบมีคู่แข่งหลักอยู่กี่ร้าน และแต่ละร้านมีจุดขายอะไร แล้วร้านเราหละ? ถ้าร้านเราไม่มีจุดขาย ลูกค้าจะไม่จดจำ ถ้าจุดขายซ้ำกับเจ้าเดิม ลูกค้าก็ไม่เลือกที่จะลองร้านใหม่อยู่ดี การสร้างจุดขายของร้านจะต้องโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ (Unique Selling Point) ไม่เหมือนกใคร โดนใจลูกค้า และต้องสื่อสารไปยังลูกค้าได้อย่างชัดเจน คลิกศึกษาด้านการสร้างคอนเซ็ปร้านให้โดดเด่น4. เพจร้างขาดการทำการตลาด ร้านดีแต่ถ้าไม่ทำโฆษณาก็ขายยาก แพลตฟอร์มฟรีสำหรับทำการตลาดมีหลายแฟลตฟอร์ม โดยเฉพาะเพจเฟสบุ๊ค (Facebook Page) ร้านไหนยังไม่มีเพจ รีบสร้างเลย หรือร้านไหนมีเพจแล้วแต่ปล่อยร้างไม่โพสต์อะไรมานาน กลุ่มเป้าหมายจะมองเห็นน้อยลง ต้องหมั่นสร้างคอนเทนต์ลงเพจจะเป็นรูปหรือวิดีโอก็ได้ ลองทำโปรโมชั่นกดแชร์ กดไลค์ เช็คอิน แลกเมนูพิเศษหรือส่วนลดดูก็ได้จะช่วยกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายอยากลองใช้บริการได้ดี อย่าลืมศึกษาเรื่องการยิงแอดเฟสบุ๊ค เพื่อเพิ่มจำนวนการมองเห็นของลูกค้าให้มากขึ้น  คลิกศึกษาเรื่องการทำการตลาดและการสร้างคอนเทนต์ร้านอาหาร5. ละเลยเรื่องการบริหารจัดการร้าน ปรับความเข้าใจซะใหม่ก่อน เจ้าของร้านอาหารไม่ใช่ดูแลแค่เรื่องทำอาหารเท่านั้น แต่ต้องดูแลเรื่องการบริหารจัดการร้านทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการบริหารวัตถุดิบ ดูแลสต็อค บริหารพนักงาน วางแผนงบประมาณ วางแผนการตลาด และทำบัญชี ทั้งหมดนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าของร้านอาหาร เพราะถือเป็นธุรกิจที่ต้องบริหารจัดการแบบมืออาชีพเหมือนธุรกิจอื่นๆ คลิกศึกษาเรื่องการจัดการร้านอาหาร6. FoodCost พุ่งสูง จุดตายของร้านส่วนใหญ่ คือต้นทุนอาหารแพงโดยไม่จำเป็น และไม่สามารถขายราคาสูงได้ตามที่ต้องการ ต้นทุนอาหารที่แพงเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น งบตกแต่งร้านที่มากเกินไป ราคาวัตถุดิบสูงแต่ไม่สามารถหาทางออกได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าวัตถุดิบที่ซื้อมาเก็บไว้แต่ไม่ได้ใช้จนต้องทิ้ง วิธีแก้ไขคือต้องบริหารจัดการวัตถุดิบและเมนูอาหารให้ดีขึ้น คลิกศึกษาเรื่อง Zero Food Waste7. ลูกค้าคอมเพลน เรื่องที่ลูกค้ามักจะคอมเพลน ได้แก่ อาหารเสิร์ฟผิด เสิร์ฟช้า ทำผิดออเดอร์ ซึ่งต้องมาดูว่าเกิดจากอะไรกันแน่ และหาทางแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีก เช่น -เสิร์ฟช้า เพราะอาหารออกช้า ลองดูว่าการวางผังครัวทำให้การทำอาหารช้าลงหรือไม่ -ทำผิดออเดอร์ เช็คจากใบรับเมนูเขียนถูกต้องหรือไม่ การจัดวางใบรับเมนูในครัวเรียงลำดับ จัดวางดีและเห็นได้ง่ายหรือไม่ ฯลฯการโดนลูกค้าคอมเพลนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าโดนคอมเพลนเรื่องเดิมๆ หลายรอบโดยไม่ได้แก้ไข ลูกค้าจะไม่กลับใช้บริการอีก หรือถ้าลูกค้าคอมเพลนผ่านสื่อโซเชียล ต้องรีบจัดการ ด้วยการอธิบาย ทำความเข้าใจ ขอโทษพร้อมแก้ไข และชี้แจงลงในสื่อโซเชียลเช่นกัน คลิกศึกษาเรื่องการจัดการกับการคอมเพลนเรื่องต่างๆ8. เจ้าของร้านมีประสบการณ์ไม่มากพอ หรือขาดความรู้ เจ้าของร้านหลายคนทีเดียวที่เริ่มต้นจากการชอบทำอาหาร แต่ความชอบอย่างเดียวไม่สามารถบริหารร้านให้ไปรอดได้ ต้องมีทักษะด้านการบริหารจัดการธุรกิจสารพัดด้านถึงจะประสบความสำเร็จ ดังนั้นความรู้ด้านธุรกิจร้านอาหารจึงสำคัญมากลองหาโอกาสเรียนรู้ก่อนเปิดร้าน และหมั่นหาความรู้เพิ่มเติมเสมอถึงจะเปิดร้านแล้วก็ตาม เจ้าของร้านมือใหม่และมือเก่าแนะนำให้ศึกษาเรื่องธุรกิจร้านอาหารแบบมืออาชีพได้ที่เว็บ Makro Horeca Academy เว็บรวมความรู้และคอร์สอบรม สำหรับธุรกิจร้านอาหารฟรี!

สูตรอาหารเพิ่มเติม
สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก MHA กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่ม รับฟรีสมาร์ทโฟน 5G

สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก MHA กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่ม รับฟรีสมาร์ทโฟน 5G

รับฟรี!! สมาร์ทโฟน 5G เพียงสมัครแพ็กเกจรายเดือนกับ True เริ่มต้นเพียง 499 บาท สัญญา 15 เดือน เมื่อสมัครแพ็กเกจรายเดือน 499 บาท กับ True สัญญา 15 เดือน รับโทรศัพท์ TCL 20R 5G รองรับเครือข่ายทรู มูฟ เอช เท่านั้น เมื่อสมัครแพ็กเกจรายเดือน 599 บาท กับ True สัญญา 15 เดือน รับโทรศัพท์ Nokia G50 5G ลูกค้าสมาชิกแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี เฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่ม ทัก Facebook หรือ Line MHA เพื่อขอรับสิทธิและให้แอดมินตรวจสอบสิทธิพิเศษนี้ ตรวจสอบพร้อมรับสิทธิ์ได้ที่  FB Inbox: แม็คโครโฮเรก้าอคาเดมี  LINE: @makro-mha  ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 พ.ค. 65 นี้เท่านั้น! วิธีการร่วมสนุกกิจกรรม 1. ลูกค้าสมาชิกแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี เฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีหมายเลยสมาชิกของแม็คโครลงท้ายด้วย 3XX เป็นต้น ทักมาขอรับสิทธิ์ ผ่านทาง Facebook แม็คโครโฮเรก้าอคาเดมี หรือ Line @makro-mha  2. เมื่อแอดมินตรวจสอบแล้วว่าลูกค้าเป็นสมาชิกแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่ม แอดมินจะส่งโค้ด 8 หลัก ให้ลูกค้ามาแสดงเพื่อรับเครื่องฟรีพร้อมทำสัญญาตามเงื่อนไขที่  True Center ในแม็คโครที่เข้าร่วมทั้งหมด 51 สาขา เงื่อนไขการเข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมนี้ จัดทำขึ้นเพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิกแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี เฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น โดยผู้ร่วมกิจกรรมต้องเป็นสมาชิกแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ที่มีหมายเลยสมาชิกของแม็คโครลงท้ายด้วย 3XX เป็นต้น  กิจกรรมนี้จัดขึ้นระหว่างวันนี้ ถึง 31 พ.ค. 2565 จำกัดสิทธิ์การร่วมกิจกรรม 500 สิทธิ์แรก เท่านั้น ผู้ร่วมกิจกรรมมีสิทธิ์รับรางวัลสูงสุดเพียง 1 สิทธิ์ / 1 หมายเลขสมาชิก สิทธิพิเศษนี้นี้ไม่สามารถแลก ทอน หรือเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ ลูกค้านำโค้ดไปแลกรับโทรศัพท์เครื่อข่าย True ได้เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ ดังนี้ TCL 20R 5G และ Nokia G50 5G โดยเงื่อนไขและข้อตกลงเป็นไปตามบริษัทฯกำหนด ลูกค้านำโค้ดมาแลกโทรศัพท์ได้ที่ True Center ในแม็คโคร สาขาที่ร่วมแคมเปญ รวมทั้งหมด 51 สาขา ดังนี้ สาขาลาดพร้าว, สาขาบางพลี, สาขารังสิต, สาขาคลองหลวง, สาขาปทุมธานี, สาขาสามเสน, สาขาสมุทรสาคร, สาขาอยุธยา, สาขาหนองจอก, สาขาแจ้งวัฒนะ, สาขาบางบัวทอง, สาขาศรีนครินทร์, สาขาสาทร, สาขาจรัญสนิทวงศ์, สาขาสระบุรี, สาขาบึงกาฬ, สาขาอาดรธานี, สาขาอุบลราชธานี, สาขาเลย, สาขาหนองคาย, สาขาชุมแพ, สาขาบุรีรัมย์, สาขาสกลนคร, สาขามุกดาหาร, สาขานครพนม, สาขากาฬสินธุ์, สาขาร้อยเอ็ด, สาขาสุรินทร์, สาขามหาสารคาม, สาขาขอนแก่น, สาขาปากช่อง, สาขาศรีสะเกษ, สาขาวารินชำราบ, สาขาเพชรเกษม, สาขาหนองบัวลำภู, สาขาชัยภูมิ, สาขานครราชสีมา, สาขายโสธร, สาขานครปฐม, สาขารามอินทรา, สาขาบางบอน, สาขานครสวรรค์, สาขาระยอง, สาขาราชบุรี, สาขาพิษณุโลก, สาขาทุ่งสง, สาขาหาดใหญ่, สาขาสุราษฎร์ธานี, สาขาเชียงใหม่, สาขาชลบุรี เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทฯกำหนด รายละเอียดและเงื่อนไขเป็นข้อกำหนดของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)  ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆในการใช้บริการผลิตภัณฑ์ของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)

สูตรอาหารเพิ่มเติม
5 ไอเดียออกแบบร้านอาหารยังไง ให้สะกดสายตา เรียกลูกค้ารัว ๆ

5 ไอเดียออกแบบร้านอาหารยังไง ให้สะกดสายตา เรียกลูกค้ารัว ๆ

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบการทานอาหารนอกบ้าน แถมยังมีความฝันว่าสักวันหนึ่งอยากเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง ที่ถอดแบบออกมาจากจินตนาการยังไงยังงั้น แต่ก่อนสิ่งที่คุณวาดฝันเหล่านั้นออกมาได้ตามต้องการ สิ่งที่ขาดไม่ได้และควรมีนั่นก็คือไอเดียการออกแบบร้านอาหารที่สวยโดนใจ มาพร้อมกับการเรียกลูกค้าเข้าร้านไปในตัวด้วย วันนี้เราจึงได้หยิบเราไอเดียที่น่าสนใจ ในการออกแบบร้านอาหารที่มาแรงในปี 2022 -2023 มาให้ได้ลองศึกษากันดูค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปดูพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า ว่าจะออกแบบร้านอาหารให้สะดุดสายตาได้อย่างไร ออกแบบร้านอาหาร ให้ลูกค้าสามารถมองเห็นการปรุงอาหาร  การออกแบบร้านอาหารแบบนี้กำลังมาแรง และเป็นกระแสนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลที่ชวนให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการปรุงอาหาร มีโอกาสได้มองเห็นขั้นตอนการปรุง กรรมวิธีการทำอาหาร พร้อมทั้งชมความพิถีพิถันของพ่อครัว ซึ่งการออกแบบร้านอาหารแนวนี้คุณสามารถผสมผสานเข้าได้หลากสไตล์หลายแนว เพียงแค่ออกแบบให้สัดส่วนของการนั่งทานอาหารของลูกค้า ใกล้ชิดกับส่วนการปรุงอาหาร โดยเลือกเพียงเมนูพิเศษของทางร้าน หรือ สร้างสรรค์โชว์การปรุงอาหารที่ทำให้ลูกค้าประทับใจ ส่วนในด้านการออกแบบร้านอาหารควรเน้นไปที่เคาน์เตอร์ และ ที่นั่งทานอาหารของลูกค้า โดยการเพิ่มความน่าสนใจเพื่อดึงดูดสายตาทั้งของลูกค้าภายในร้านรวมถึงผู้คนที่เดินผ่านไปมาหน้าร้านด้วย ออกแบบร้านอาหาร ด้วยมุมถ่ายรูปที่เป็น Gimmick ของร้าน  หนึ่งในการออกแบบร้านอาหาร และ คาเฟ่ ในยุคนี้ คงหนีไม่พ้นการสร้าง Gimmick ให้ร้านมีความน่าสนใจ ด้วยการเพิ่มมุมถ่ายรูปให้เป็นเอกลักษณ์ของร้านโดยเฉพาะ เนื่องจากปัจจุบันความนิยมในการถ่ายรูปลงโพสต์ลงสื่อโซเชียล เป็นอีกหนึ่งไลฟ์สไตล์ของคนทุกวัยก็ว่าได้ ดังนั้นหากคุณนำไอเดียนี้มาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบร้านอาหารแล้วล่ะก็ รับรองเลยว่าสามารถสะกดสายตาเรียกลูกค้าได้ง่าย ๆ ทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์อย่างแน่นอน โดยเลือกแนวการออกแบบให้โดดเด่นเข้ากับสไตล์ของร้านคุณ ไอเดียการสร้าง Gimmick  - มุมหน้าต่างถ่ายรูปวิวทิวทัศน์- มุมหน้าร้าน ป้ายโลโก้ ทางเข้า หรือ จุดรับอาหาร- เฟอร์นิเจอร์ หรือ การออกแบบภายใน ที่สร้างความแปลกใหม่ สร้างสรรค์ ไม่ซ้ำใคร เช่น กระจก โคมไฟ บันได หน้าต่าง ประตู โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ- การตกแต่งด้วยวัสดุโชว์พื้นผิว โชว์จุดเด่นของวัสดุ ออกแบบร้านอาหาร ให้เปิดโล่ง ให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง  แนวการออกแบบร้านอาหารที่ดูปลอดโปร่ง เปิดโล่ง ให้ความรู้สึกถึงความสบายไม่อึดอัด ในขณะเดียวกันยังส่งผลให้ระยะสายตาของผู้คนภายนอก ได้สามารถมองเข้ามาภายในร้านได้อย่างสะดวก ถือเป็นหนึ่งในการออกแบบร้านอาหารที่เรียกลูกค้าได้ดีไปในตัว ลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัด คือ การออกแบบให้เพดานสูง ประตู-หน้าต่างมีความกว้างขวาง เน้นการเปิดโล่ง ตัวอย่างการออกแบบสไตล์เปิดโล่ง Loft Style : เพดานสูง โชว์โครงสร้าง เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว เน้นใช้แสงธรรมชาติ Modern Style : สบายตา เรียบง่าย ไม่มีลวดลาย เน้นเฟอร์นิเจอร์เท่าที่จำเป็น ใช้โทนสีขาว เทา ครีม เป็นหลัก Coastal Style : การตกแต่งแบบชายทะเล ให้ความสดชื่น ผ่อนคลาย ใช้โทนสี ขาว ฟ้า น้ำเงิน และสีไม้ Oriental Style : สะท้อนศิลปะตะวันออก เฟอร์นิเจอร์ท้องถิ่น เน้นวัสดุตามวัฒนธรรมท้องถิ่น โทนสีธรรมชาติ เช่น น้ำตาล เขียว ฟ้า  ออกแบบร้านอาหาร ให้ตอบโจทย์จาก COVID-19  ในปีที่ผ่านมานี้หลายธุรกิจต้องปรับตัวให้เข้ากับการระบาดของ COVID-19 ทำให้การออกแบบร้านอาหารปัจจุบันต้องตอบโจทย์นี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยการเน้นออกแบบให้ที่นั่งทานอาหารมีการเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม ซึ่งคุณสามารถประยุกต์ดีไซน์โซนที่นั่งให้มีความสวยงามควบคู่ไปด้วยได้ เช่น ออกแบบโซนที่นั่งสำหรับการนั่งทานคนเดียว ทานเป็นคู่ หรือทานเป็นกลุ่ม เพื่อเป็นตัวเลือกที่หลากหลายมากกว่าการนั่งทานอาหารทั่วไปที่เราคุ้นเคย เป็นต้น ออกแบบร้านอาหาร ให้ลูกค้าได้ประสบการณ์การทานอาหารที่หลากหลาย การออกแบบร้านอาหารที่น่าสนใจกว่าความสวยงาม คือการมอบประสบการณ์การทานอาหารให้กับลูกค้าที่เป็นมากกว่าร้านอาหาร ในนี้เราแนะนำให้คุณเพิ่มไอเดียความแปลกใหม่ของบรรยากาศร้านอาหาร หรือเรียกง่าย ๆ คือการเพิ่มสัมผัสทั้ง 5 เข้าไป เพื่อให้การทานอาหารได้อรรถรสมากขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้คุณสามารถเลือกนำมาประยุกต์ใช้ได้ตามความเหมาะสมของสไตล์ร้านได้ เช่น การเลือกใช้เสียงน้ำตกสร้างบรรยากาศการพักผ่อนระหว่างการทานอาหาร การใช้กลิ่นอโรม่าสร้างความผ่อนคลาย คล้ายได้ทานอาหารท่ามกลางสวนดอกไม้ หรือแม้กระทั่งการจัดภูมิทัศน์ให้ลูกค้าได้ทอดสายตาไปกับบรรยากาศธรรมชาติระหว่างการทานอาหาร เป็นต้น  ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของไอเดียการออกแบบร้านอาหาร ที่จะช่วยให้คุณเรียกลูกค้าและสะกดสายตาได้มากยิ่งขึ้น เชื่อว่าถ้าคุณลองนำไปประยุกต์ใช้จะสามารถออกแบบได้สวยงามไม่ซ้ำใครอย่างแน่นอน หาใครกำลังมองหานักออกแบบร้านอาหารมืออาชีพ สามารถเข้าไปดูได้ที่ Fastwork.co แหล่งรวมฟรีแลนซ์รับออกแบบร้านอาหารผู้เชี่ยวชาญ ที่พร้อมช่วยคุณ

สูตรอาหารเพิ่มเติม
อยากได้ลูกค้าละแวกร้าน แชร์วิธียิงแอดเฟซบุ๊กแม่นๆ กวาดลูกค้า เพิ่มยอดขายในพื้นที่

อยากได้ลูกค้าละแวกร้าน แชร์วิธียิงแอดเฟซบุ๊กแม่นๆ กวาดลูกค้า เพิ่มยอดขายในพื้นที่

เปิดร้านใหม่หรือเปิดร้านมาสักพักแล้ว แต่ลูกค้าหน้าร้านยังน้อย ลูกค้าเดลิเวอรี่ก็ยังไม่มาก หรือเพราะจะยังไม่มีใครรู้จัก? วันนี้ MHA จะมาแนะนำการยิงแอด Facebook โดยโฟกัสไปที่ลูกค้าระแวกร้านกันดีกว่า ด้วยเทคนิคการยิงแอดแบบ Reach หรือการยิงโฆษณาที่เน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง shutterstock_1814061017_optimized.jpg 81.02 KB ทำไมต้องยิงแอดแบบ reach  เพราะการยิงแอดแบบ reach จะเพิ่มจำนวนคนเห็นโฆษณาได้มากที่สุด เป็นการยิงแอดที่สามารถตั้งความถี่ในการมองเห็นของกลุ่มเป้าหมายได้ และค่าโฆษณาไม่แพงเมื่อเทียบกับโฆษณาแบบอื่น ลองนึกถึงการแจกใบปลิวเพื่อโปรโมทร้าน ตามปกติเราจะแจกใบปลิวในระยะรัศมีที่ลูกค้าสามารถเดินทางไปที่ร้านได้สะดวกหรือสามารถสั่งเดลิเวอรี่ได้ไม่ไกลนัก  การยิงแอด Reach ก็เช่นกัน เป็นการโฆษณาที่ไม่ได้เน้นการขาย แต่เน้นการสร้าง Awareness(การรับรู้) ให้กลุ่มลูกค้ารู้จักร้านของเราก่อน ยังไม่เน้นการทำโปรโมชั่นและสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น ดังนั้นการยิงแอดแบบ reach จึงเหมาะสำหรับร้านอาหารเปิดใหม่ หรือยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก create.png 48.19 KB reach.png 50.4 KB วิธีการยิงแอดแบบ Reach  เข้าไปที่ Ad manager ของเพจร้าน กด Create เพื่อสร้างโฆษณา  ในหน้าต่างเลือก Objective จะเห็น Reach ให้เลือก จากนั้นกด Continue จะเข้าสู้หน้าการสร้างโฆษณาต่อไป 1628860631013.jpg 80.09 KB ตั้งชื่อ Campaign โฆษณา จากนั้นให้มาดู Budget(งบประมาณ) โดยสามารถเลือกได้ว่าจะตั้งงบประมาณเป็นรายวัน(Daily budget) หรือ ระยะยาว (Lifetime Budget) แล้วกำหนดงบประมาณคร่าวๆไว้ (*ในเบื้องต้นแนะนำให้ลองยิงแอดแบบรายวันดูก่อนสัก 7 วันเพื่อดูผลที่ได้) จากนั้นกด Next  2.jpg 41.02 KB ตั้งชื่อ Ad set จากนั้นตั้งวันเริ่มและสิ้นสุด Ad (แนะนำให้ลองตั้งค่ายิงแอดสัก 7 วันก่อนเพื่อดูผล) lo.png 123.16 KB ในช่อง Audience ถ้ายังไม่เคยสร้างลูกค้าเอาไว้ ให้ลองสร้างใหม่ได้ โดยกำหนด location ด้วยการปักหมุดให้ตรงกับร้านของเรามากที่สุด เช่น ร้านอยู่ในซอยอะไรให้ search ชื่อซอยนั้น แล้วขยับให้ตรงกับร้านมากที่สุด ก่อนจะ Drop pin เพื่อปักหมุดร้าน สำหรับการปักหมุดร้านให้ตรงจุดมากที่สุดลองศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ => https://bit.ly/2WBkLJh  เมื่อปักหมุดร้านได้แล้ว เราจะเห็นการตั้งค่ารัศมีรอบร้าน ให้ตั้งค่าเป็น 5 Km จากหมุด สาเหตุที่ตั้งค่าเป็น 5 กิโลเมตร เพราะเป็นระยะทางที่เหมาะสมในการเดินทางมาซื้อหรือมากินที่ร้าน ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 30 นาที โดยเฉพาะในกรุงเทพหรือเมืองใหญ่ ที่การจราจรติดขัด ถ้าระยะทางไกลมากลูกค้าจะไม่อยากเดินทางมา รวมถึงการจัดส่งอาหารเดลิเวอรี่จากร้านไปยังลูกค้าระยะไม่เกิน 5 กิโลเมตร จะใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีเช่นกัน ซึ่งค่าจัดส่งไม่แพง ดังนั้นลูกค้าในรัศมี 5 กิโลเมตร จึงเป็นลูกค้าที่มีโอกาสในการซื้อมากที่สุด  age.png 22.27 KB ปักหมุดแล้ว อย่าลืมตั้งค่า อายุ เพศ และลักษณะต่างๆ ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของร้านที่กำหนดไว้ สำหรับในส่วนของ Detail อื่น สามารถข้ามไปโดยให้ Facebook เลือกให้โดยอัตโนมัติก็ได้ ตั้ง Language เป็น Thai และ English เพราะคนส่วนใหญ่ในประเทศไทย ใช้ Facebook เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ placement.png 32.65 KB Placement หรือตำแหน่งที่โฆษณาจะไปวาง ให้เลือก Automatic ไว้ก็ได้ ในส่วนนี้ Facebook จะช่วยจัดการเรื่องการวางโฆษณาให้เราเอง freq.png 25.38 KB  จากนั้นลองเลื่อนลงมาด้านล่างสุด ที่ Show More Option คลิกเข้าไปจะเป็น Frequency Cap หรือความถี่ในการมองเห็นโฆษณาของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งปกติจะตั้งไว้ที่ 1 ครั้งต่อ 7 วัน ลองตั้ง 1-2 ครั้งต่อ 7 วัน ก่อนก็ได้ จากนั้นคลิก Next ad.name.png 19.38 KB ตั้งชื่อ Ad name เวลาที่เราติดตามผลจะได้รู้ว่าโฆษณาตัวไหนกำลังทำงานอยู่ หรือจบแล้ว  adsetup1.png 63.82 KB ในกรณีที่มีโพสต์ที่น่าสนใจในเพจอยู่ก่อนแล้ว ในส่วนของ Ad Setup ให้คลิก Use existing post  แล้วจึงไปคลิก Select Post ใน Ad creative เพื่อเลือกโพสต์เก่ามาทำการยิงแอดได้เลย โดยให้เลือกโพสต์ที่มีภาพเมนูอาหารที่สวยงามน่ากิน หรือโพสต์อัลบั้มภาพแนะนำเมนูในร้านที่น่าสนใจ หรือมี Engage มากที่สุดในเพจ ควรมี Key Word ที่น่าสนใจ บอกถึงร้าน ที่ตั้งร้าน จุดเด่น หรืออะไรที่ดึงดูดสายตาลูกค้าให้ได้มากที่สุด เมื่ออยู่บน Feed adsetup2.png 29.81 KB หรือถ้าจะสร้างโพสต์ใหม่ ในส่วน  Ad Setup ให้เลือก Create Ad แทน จากนั้นค่อยเลือกรูปภาพหรือคลิปในเพจมาสร้างโพสต์เพื่อยิงแอด  แนะนำ : ก่อนสร้างโพสต์ยิงแอดให้ลองศึกษาการทำAd Facebook ให้ขายดี ได้ที่ => https://bit.ly/3lj3HCh  placement.check.png 310.99 KB ลองเช็คดู Placement ที่อยู่ด้านข้าง ซึ่งจะเป็นตัวอย่างโฆษณาของเราที่จะขึ้นในหน้า Facebook ของกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในรัศมีที่กำหนดแล้วมีลักษณะตรงกับคุณสมบัติที่เราตั้งค่าไว้ จากนั้นให้กด Publish เพื่อเริ่ม run โฆษณาได้เลย    เมื่อทำการยิงแอดไปแล้ว อย่าลืมเข้ามาเช็คยอด reach หลังจากยิงโฆษณาไปแล้วสัก 1-2 วัน เพื่อดูผลที่ได้จากการยิงแอด  และเมื่อยอด reach เป็นที่น่าพอใจแล้วให้ทำการปิดโฆษณา เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ย้ำอีกรอบ : การยิงแอดแบบ reach นั้นเน้นการมองเห็นโพสต์ของเราบนหน้า feed ของกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก ดังนั้นการวัดผลจะดูกันที่ยอด Reach เมื่อหมดระยะเวลาโฆษณาที่ตั้งเอาไว้ การยิงแอดแบบนี้ไม่ได้มุ่งหวังในการสร้างยอดขายโดยตรง ดังนั้นหลังจากยิง reach ไปแล้ว ควรจูงใจลูกค้าให้อยากใช้บริการด้วยการทำโปรโมทชั่นต่างๆให้น่าสนใจ และลองทำ Content แนะนำร้านอย่างสม่ำเสมอ

สูตรอาหารเพิ่มเติม
รวมไอเท็มของไหว้ เสริมมงคลตรุษจีน ค้าขายปังรับปีมังกรที่ Makro

รวมไอเท็มของไหว้ เสริมมงคลตรุษจีน ค้าขายปังรับปีมังกรที่ Makro

“ตรุษจีน” เทศการเฉลิมฉลอง ต้องมีของไหว้เสริมมงคล เพื่อให้กิจการรุ่งเรือง ค้าขายปัง รวมถึงการซื้อของขวัญให้ลูกค้าต้องมีผลไม้พรีเมียม สื่อความหมายดี สุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ เฮงตลอดปี รับตรุษจีน ซื้อได้ที่แม็คโคร  หรือช้อปออนไลน์ผ่าน makropro https://axtra.makro.co.th/MHA-CNY ครบ คุ้ม จบที่แม็คโคร ของไหว้มงคลซาแซ / โหงวแซ สำหรับของไหว้มงคล ที่ต้องมีในเทศกาลตรุษจีน มักจะใช้ “ซาแซ” หมายถึงเนื้อสัตว์ 3 ชนิด ได้แก่ หมู, ไก่, และเป็ด“โหงวแซ” หมายถึงเนื้อสัตว์ 5 ชนิด โดยเพิ่มตับและปลา รวมเป็น 5 ชนิด โดยความหมายของเนื้อสัตว์มีดังนี้ เฮง เฮง เฮง ชุดเป็ดพะโล้ พร้อมเครื่องในครบชุดไหว้แช่แข็ง 1.85 กก. โดยเป็ด สื่อถึงความบริสุทธิ์ ความสะอาด ความมั่งคั่ง และเก่งรอบด้าน เฮง เฮง เฮง ไก่ต้ม พร้อมเครื่องในครบชุดไหว้แช่แข็ง 1.35 กก. โดยไก่ สื่อถึงความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ซีพี ขาหมูพะโล้แช่แข็ง (ขาหลัง) 3 กก. โดยขาหมู สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ เหลือกินเหลือใช้ เฮง เฮง เฮง ปลากะพงทองนึ่งแช่แข็ง 500 ก. โดยปลา พ้องกับวลีมงคล “อู่ ฮื้อ อู่ ชื้ง” แปลว่า เหลือกินเหลือใช้ มีเงินทองเหลือเฟือ เอโร่ โกล์ด ซาลาเปาไส้หมูสับ 6 ชิ้น x 1  เอโร่ โกล์ด ซาลาเปาไส้หมูแดง 6 ชิ้น x 1 โดยซาลาเปา สื่อถึงการห่อโชคลาภ ห่อเงิน ห่อทอง โดยแต้มจุดสีแดงไว้บนซาลาเปาเพราะเป็นสีมงคล ช็อปได้ที่แม็คโครทุกสาขา หรือแม็คโครโปร : https://axtra.makro.co.th/MHA-CNY ของไหว้มงคลซาก้วย / โหงวก้วย ผลไม้ ถือเป็นของไหว้มงคลที่ต้องมีในวันตรุษจีน นิยมจัดชุดผลไม้ทีล้วนแต่มีความหมายมงคล 2 แบบดังนี้- ซาก้วย คือชุดผลไม้ 3 อย่าง- โหงวก้วย คือชุดผลไม้ 5 อย่างแนะนำผลไม้มงคล สดใหม่ ความหมายดี ส้มเยลลี่ ส้มพรีเมียมนำเข้า หวานฉ่ำ น้ำเยอะ เนื้อแน่นเหมือนเยลลี่ สามารถใช้ช้อนตักทานได้ ส้มปาปากัน ส้มพรีเมียมนำเข้า หวานอมเปรี้ยว อร่อย สัมผัสเกล็ดส้มเต็ม ๆ คำ โดย “ส้ม” ก็เป็นสีมงคลของชาวจีนเช่นกัน ด้วยความที่เปลือกคล้ายสีทอง สื่อถึงเงินและทอง ให้ผู้รับพบแต่สิ่งที่ดี หากสนใจซื้อส้มไหว้ในวันตรุษจีน สามารถวางฐานส้มเป็น 3 ลูกตามภาพ ให้มีลักษณะคล้ายภูเขาทองได้เลย องุ่นแดงไร้เมล็ด สื่อถึงความเจริญรุ่งเรือง ความสุขสมบูรณ์ กล้วยหอม สื่อถึงความสุขสมบูรณ์ของครอบครัว ลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง ช็อปได้ที่แม็คโครทุกสาขา หรือแม็คโครโปร : https://axtra.makro.co.th/MHA-CNY ผลไม้พรีเมียมมงคลมอบให้ลูกค้าช่วงตรุษจีน ทานได้ทุกวัย ใครทานก็เฮง ต้อง #ผลไม้พรีเมียมมงคล จัดในกล่องสวยงาม ส่งต่อความหมายดี ๆ ผ่านผลไม้เฮลตี้ ดีต่อสุขภาพแถมดีต่อใจในช่วงตรุษจีน แอปเปิ้ลอักษรมงคล สื่อถึงการอวยพรในเรื่องของสุขภาพแข็งแรง อายุยืนนาน มาพร้อมอักษรจีนมงคล ความหมายดี เข้ากับช่วงเทษกาลตรุษจีนสุด ๆ รวมถึงสีแดงของแอปเปิ้ลยังเป็นสีมงคลของคนจีนอีกด้วย สาลี่หิมะพรีเมียม และ สาลี่ทองพรีเมียม สื่อถึงโชคลาภพ และความมั่งคั่ง ร่ำรวย เงินทองไหลมาเทมา เสมือนสีเปลือกของสาลี่ที่มีสีเหลืองทอง อีกทั้งยังเป็นผลไม้คลายร้อน ทานแล้วสดชื่นสุด ๆ สด สะอาด ปลอดภัย มั่นใจคุณภาพ ช็อปได้ที่แม็คโครทุกสาขา หรือแม็คโครโปร : https://axtra.makro.co.th/MHA-CNY ใครได้รับก็ประทับใจ กับขนมเปี๊ยะ สื่อถึงความสามัคคี มีความเมตตาจิตหวังดีต่อกัน ยิ่งให้กันในวันมงคล หรือวันตรุษจีน ถือเป็นขนมสื่อถึงความสุขใจ ขอแนะนำขนมเปี๊ยะARO และเปี๊ยะสวรรค์ ขนมเปี๊ยะไส้ทะลัก ไส้แน่น แป้งบาง รสชาติหวานน้อย ทานเพลิน หอมอร่อยเต็มคำ มีให้เลือกหลากหลายรสชาติดังนี้ เปี๊ยะสวรรค์ หมูแดงไข่เค็ม 600 ก. เปี๊ยะสวรรค์ คูโรบูตะไข่เค็ม 600 ก. เปี๊ยะสวรรค์ ทุเรียนไข่เค็ม 600 ก. ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วหวาน ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วเค็ม เอโร่ ขนมเปี๊ยะไส้หมูแดง เอโร่ ขนมเปี๊ยะฝอยทอง เอโร่ ขนมเปี๊ยะไข่เค็มลาวา ช็อปได้ที่แม็คโครทุกสาขา ใกล้บ้านคุณ

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เปิดร้านอาหาร เริ่มต้นส่งภาษีอย่างไร

เปิดร้านอาหาร เริ่มต้นส่งภาษีอย่างไร

เรื่องบัญชี ภาษี เหมือนเป็นยาขมของบรรดาผู้ประกอบการ เพราะมีไม่น้อยที่คิดว่ามันคือเรื่องยากในการจัดการ แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่เลี่ยงไม่ได้ และหนึ่งในคำถามยอดฮิตของคนทำร้านอาหาร ก็คือเรื่องของบัญชีภาษีนี่แหละ คนทำร้านอาหารจะต้องเสียภาษีอะไรบ้าง เสียอย่างไร เป็นเรื่องที่ซีเรียสจนหลายคนขอข้ามไปก่อน สุดท้ายโดนค่าปรับภาษีย้อนหลังหนักกว่ายอดภาษีที่ต้องจ่ายแต่แรกเสียอีก ดังนั้นเรื่องนี้สำคัญและถ้าใส่ใจสักหน่อยก็จะพบว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร ถ้าอยากรู้ว่าทำร้านอาหารต้องเสียภาษีอะไรบ้าง บทความนี้สรุปมาให้ครบ  ภาษีมูลค่าเพิ่มเรื่องที่คุ้นเคยกันดี ภาษีศุลกากรบางที่อาจลืมคิดไป ภาษี หัก ณ ที่จ่าย ค่าเช่า ค่าแรงงานก็ต้องเสียภาษี ภาษีป้าย ภาษีที่ดิน หรือภาษีโรงเรือนเดิม ภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมเมื่อไหร่จึงจะจด “ภาษี” เป็นเรื่องปลายทาง ต้นทางสำคัญคือ “บัญชี” ภาษีอะไรบ้างที่ผู้ประกอบการต้องเสีย           มาเริ่มกันที่ประเภทของแต่ละภาษีที่ต้องเสีย เอาตั้งแต่เริ่มต้นทำร้านกันเลย ว่าการทำร้านอาหารตั้งเริ่มแรกคิดจนกระทั้งเปิดให้บริการ มีภาษีกี่รายการที่เกี่ยวข้อง ภาษีมูลค่าเพิ่มเรื่องที่คุ้นเคยกันดี           ภาษีตัวแรกคุ้นเคยกันดี เพราะทุกคนต้องเสียกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการแบบบุคคลธรรมดา หรือแบบนิติบุคคล แต่เริ่มต้นจ่ายเงินออกไปไม่ว่าจะเป็นรายการอะไร เช่น ซื้อของทำร้าน ซื้อของเข้าร้าน ผู้ประกอบการต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราร้อยละ 7 จากผู้ขายโดยตรง ยกเว้นสินค้าเกษตร และวัตถุดิบในการทำอาหาร ไม่เสียค่าภาษี ซึ่งผู้ประกอบการก็ต้องขอใบเสร็จเก็บไว้ เพื่อนำมาใช้คำนวณภาษีในแต่ละเดือน และทำรายงานภาษีซื้อ ตัวนี้ไม่มีอะไรมากเพราะทุกคนรู้จักกันอยู่แล้ว แต่ที่ขอฝากไว้ก็คือ การซื้อใด ๆ สำคัญเลย อย่าลืมขอใบเสร็จและเก็บใบเสร็จมาลงบัญชี ภาษีศุลกากรบางที่อาจลืมคิดไป           ทำร้านอาหารต้องเสียภาษีศุลกากรด้วยรึ? อย่าเพิ่งงง สำหรับกรณีที่เราต้องสั่งนำเข้าวัสดุ อุปกรณ์ วัตถุดิบที่อยู่ในรายการบัญชีภาษีนำเข้า เราก็ต้องจ่าย ส่วนจะจ่ายอัตราเท่าไหร่ ต้องตรวจสอบกับทางศุลกากรเรื่องพิกัดภาษีเพราะแต่ละประเภทสินค้าก็มีอัตราต่างกันไป ภาษี หัก ณ ที่จ่าย ค่าเช่า ค่าแรงงานก็ต้องเสียภาษี           ภาษีอีกหนึ่งรายการที่ต้องเจอกันแน่ ๆ ก็คือ “ภาษีหัก ณที่จ่าย” ซึ่งอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายมีอยู่หลายอัตรา ดังนี้ 1% ค่าขนส่ง 2% ค่าโฆษณา 3% ค่าจ้าง, บริการ 5% ค่าเช่า 10% เงินปันผล 15% โอนเงินต่างประเทศ ซึ่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายเป็นการหักจากยอดก่อน Vat. ส่วนใหญ่แล้วเราจะคุ้นเคยกันที่อัตรา 3% คือค่าจ้าง, บริการ กับ 5% คือค่าเช่า ถ้าไม่จ่ายต้องระวังโทษปรับต่อรายการสูงสุดถึง 2,000 บาท และถ้าเรามีลูกจ้างอัตราเงินเดือนแต่ละเดือนเฉลี่ยจ่ายเกิน 26,000 บาท ก็ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายนำส่งสรรพากร แต่ถ้าเงินเดือนจ่ายรวมไม่เกิน 26,000 บาท ต่อเดือน ส่วนนี้ก็ได้รับการยกเว้น และอย่าลืมค่าเช่าร้านก็มีภาษีต้องจ่ายหัก ณ ที่จ่ายตามที่บอกในอัตรา 5% ภาษีป้าย           เป็นอีกหนึ่งเรื่องถ้าไม่รู้มีสิทธิ์โดนภาษีอ่วมแน่ ๆ สำหรับเรื่องของป้ายร้าน หลายคนอาจเจอกับตัวเองว่า ทำไมร้านเราโดนภาษีป้ายในอันตราที่แพงกว่าร้านข้าง ๆ ทั้ง ๆ ที่ขนาดป้ายร้านข้าง ๆ ก็ใหญ่กว่าอลังกว่า ก็ให้กลับไปดูว่าป้ายร้านเราเป็นภาษาอะไร ถ้าเล่นเป็นภาษาต่างชาติล้วน ๆ รับรองว่าจ่ายภาษีอ่วมแน่นอน เพราะกฎหมายเขากำหนดไว้ว่า  ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน ให้คิดอัตรา 3 บาทต่อ 500 ตารางเซ็นติเมตร ป้ายที่มีอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศหรือปนกับภาพ และหรือเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซ็นติเมตร ป้ายที่ไม่มีอักษรภาษาไทยไม่ว่าจะมีภาพหรือเครื่องหมายใด ๆ หรือไม่, ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้อักษรต่างประเทศ ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ทั้งนี้ ป้ายที่เมื่อคำนวณพื้นที่แล้วมีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้ายละ 200 บาทให้เสียภาษีป้ายละ 200 บาท โปรดทราบและกลับไปดูป้ายของร้านตัวเองในทันทีก็จะรู้คำตอบว่า จะต้องเสียภาษีป้ายที่เท่าไหร่ หรือจะต้องแก้ไขอย่างไรเพื่อให้เสียภาษีน้อยลง ภาษีที่ดิน หรือภาษีโรงเรือนเดิม เป็นภาษีตัวใหม่ที่เพิ่งประกาศใช้ในปีนี้เอง ภาษีตัวนี้เป็นในส่วนของที่ดินที่เราเช่าทำร้าน เจ้าของที่ดินมักต้องผลักภาระส่วนนี้มาให้ผู้เช่ารับผิดชอบ แต่ประเด็นคือภาษีตัวนี้ยังเป็นอะไรที่ซับซ้อนและยังมีความไม่แน่นอนของอัตราการเสียภาษี ดังนั้นข้อแนะนำสำหรับภาษีตัวนี้คือ ใจเย็น ๆ เดาแค่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงในปี พ.ศ. 2563 ให้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับภาษีตัวนี้อย่างใกล้ชิดว่า ในที่สุดเมื่อถึงเดือนสุดท้ายที่กฎหมายกำหนดให้ต้องชำระภาษี ยังจะมีการเสียอยู่ หรือ เลื่อนออกไป หรือ มีการลดอัตราภาษีหรือไม่ นี่ยังไม่เริ่มเปิดขายมีรายได้เข้ามาเลยก็มีรายการภาษีหลายหลายการให้ต้องเสีย และเมื่อเราเริ่มเปิดทำการขายมีรายได้ก็จะมีรายการภาษีเข้ามาเกี่ยวข้องอีก แบ่งเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กับ ภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะต้องยื่นแบบชำระภาษีปีละ 2 ครั้ง คือ ยื่นครั้งที่1 ภ.ง.ด.94 ยื่นในเดือนกันยายนสำหรับเงินได้เดือนมกราคม - มิถุนายน ครั้งที่ 2 ยื่นตามแบบ ภ.ง.ด.90 ในเดือนมีนาคมของปีถัดไป สำหรับเงินได้ในเดือนมกราคม-ธันวาคม โดยนำภาษีที่จ่ายในครั้งที่ 1 มาหักออกจากภาษีที่คำนวณจ่ายครั้งที่ 2 สำหรับภาษีเงินได้นิติบุคคล ผู้ประกอบการที่ต้องเสียภาษีเงินได้รายการนี้ต้องยื่นแบบชำระภาษีปีละ 2 ครั้งเช่นกันคือ ครั้งแรก ภ.ง.ด.51 เรียกว่าภาษีเงินได้ครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี ยื่นภายใน 2 เดือนเมื่อครบ 6 เดือนของรอบระยะเวลาบัญชี ครั้งที่สอง ภ.ง.ด.50 เรียกว่าภาษีเงินได้สิ้นรอบระยะเวลาบัญชี ยื่นภายใน 150 วันนับตั้งแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมเมื่อไหร่จึงจะจด           ภาษีตัวนี้หลายคนถามอยู่บ่อย ๆ ว่าต้องจดหรือไม่ ส่วนนี้ต้องดูที่ยอดขายของร้านว่าในแต่ละปีมีรายได้หรือยอดขาย (ไม่เกี่ยวกับกำไร) เกิน 1.8 ล้านบาทหรือไม่ ถ้ามั่นใจว่าไม่เกินแน่ ๆ ส่วนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องจด แต่ถ้าเมื่อไหร่ยอดขายถึง 1.8 ล้านบาท ผู้ประกอบการมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ก็อย่าลืมคิดในส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มใส่เข้าไปในการคำนวณราคาขายไว้ด้วย ซึ่งในเรื่องของภาษีแนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมการยืนภาษีแต่ละแบบจากกรมสรรพากรโดยตรง และปัจจุบันทางกรรมสรรพากรเปิดให้เรายื่นเสียภาษีผ่านระบบออนไลน์ที่จ่ายสะดวกสบาย รายละเอียดต่าง ๆ ดูได้จากเว็บไซต์กรมสรรพากร คลิก“ภาษี” เป็นเรื่องปลายทาง ต้นทางสำคัญคือ “บัญชี”          ภาษีเป็นเรื่องของหน้าที่ที่เราเลี่ยงไม่ได้ แต่ส่วนสำคัญที่มีผลโดยตรงต่อการเสียภาษีจะเสียมาก เสียน้อย เสียผิด เสียถูก มาจากส่วนนี้นั่นคือ “การทำบัญชี” โดยเฉพาะการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายกรอกข้อมูลลงสมุดหรือตารางบัญชี เพื่อรู้ที่มาของรายรับ และที่ไปของรายจ่าย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษีแต่ละรายการ ซึ่งส่วนนี้สำคัญมาก ๆ และหลายคนมองว่าเป็นเรื่องยาก ทั้งที่จริงมันมีวิธีทำง่าย ๆ แต่ถ้าจะให้เขียนอธิบายก็จะยาวไปและอาจจะไม่เข้าใจเท่ากับให้ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีมาแนะนำโดยตรงดีกว่า จะบอกว่าถ้าใครกลัวเรื่องบัญชี โอกาสเจ็บตัวจากการทำธุรกิจมีสูงมาก คลิกอ่านบทความอื่นได้ที่นี่ กฎหมายร้านอาหาร ที่ผู้ประกอบการควรรู้ และไม่ควรมองข้าม!  อาหารเสิร์ฟช้า ออเดอร์ผิด ลูกค้าตำหนิ! ต้องรีบแก้ทั้งหน้าร้านและในครัว “Meal Kits” ช่องทางสร้างรายได้ใหม่ของร้านอาหาร  เปิดร้านวันนี้กี่เดือนคืนทุน ข้อมูลที่ผู้ประกอบการต้องรู้ !  รู้ก่อนพลาด ! เตรียมให้พร้อม ก่อนเปิดขายแฮลกอฮอล์ในร้านอาหาร  คลิกอ่านบทความน่ารู้ จากแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี  มือใหม่เปิดร้านอาหาร การจัดการร้านอาหาร การตลาดเพื่อธุรกิจร้านอาหาร บทสัมภาษณ์ร้านอาหาร ฉลาดซื้อ ฉลาดใช้ ในการเลือกวัตถุดิบและอุปกรณ์ สูตรอาหาร

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ร้านในเมืองท่องเที่ยว ลูกค้าต่างชาติหาย สร้างฐานลูกค้าคนไทยใหม่ อย่างไรดี?

ร้านในเมืองท่องเที่ยว ลูกค้าต่างชาติหาย สร้างฐานลูกค้าคนไทยใหม่ อย่างไรดี?

ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี เป็นอันดับ 1 จาก 184 ประเทศทั่วโลก แต่ประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบทำให้เศรษฐกิจในประเทศชะงักตัวลง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่เป็นธุรกิจที่สร้างเม็ดเงินไหลเวียน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยในอับดับต้น ๆ เพราะนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ก็มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ในประเทศของตนเอง และรัฐบาลไทยเองก็ยังไม่ปลดล็อคการเข้าประเทศเพื่อการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติเหมือนเช่นสภาวะปกติ แน่นอนว่าธุรกิจการท่องเที่ยวย่อมโดนกระทบต่อวิกฤติการณ์นี้โดยตรง รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ร้านอาหาร ร้านของฝากในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ยิ่งเมืองที่อาศัยรายได้หลักจากนักท่องเที่ยวด้วยแล้วนั้น ผลกระทบย่อมมากกว่าเมืองอื่น ทางออกหนึ่งของธุรกิจร้านอาหารในเมืองท่องเที่ยวคือการขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยกลับมาให้ความสนใจกับกลุ่มลูกค้าคนไทยให้มากขึ้น เพราะจากการสำรวจพบว่า กลุ่มลูกค้าคนไทยยังมีศักยภาพในการท่องเที่ยวและใช้จ่ายอยู่ ประกอบกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศของภาครัฐที่ออกมาก็พอจะกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวไทยได้พอสมควรเลยทีเดียว การเริ่มต้นใหม่กับกลุ่มลูกค้าใหม่ อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ส่วนจะเริ่มต้นอย่างไรนั้น MHA มีข้อแนะนำดังนี้  1.เริ่มต้นจากปรับท่าทีและทัศนคติของตนเองก่อน ด้วยความที่ร้านมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมานาน ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าเราจะคุ้นชินกับอุปนิสัย และการใช้บริการของนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่าคนไทย จนหลายครั้ง บางร้านมีท่าทีละเลยการให้บริการนักท่องเที่ยวชาวไทยไปเลยก็มี จากการสำรวจความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวชาวไทย พบหลายคนมีประสบการณ์ที่ไม่ดีในการรับบริการ อันเนื่องมาจากทางร้านเห็นความสำคัญของลูกค้าชาวไทยน้อยกว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งทำให้เกิดการบอกต่อในกลุ่มลูกค้าคนไทยและจะนำไปสู่การไม่ใช้บริการในที่สุด ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดอันดับแรก หากทางร้านมีท่าทีและทัศนคติดังกล่าวข้างต้น เราขอแนะนำให้ปรับความคิดโดยด่วน และหันกลับมาให้ความสำคัญและจริงใจในการให้บริการกับลูกค้าคนไทยให้มากขึ้น เพราะลูกค้าคนไทยก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยประคองให้ธุรกิจร้านอาหารของเราไปรอดได้ในสภาวะวิกฤติเช่นนี้  2.เริ่มทำการสำรวจ ว่าใครคือลูกค้าใหม่ของเรา ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า  นักท่องเที่ยวของแต่ละสถานที่ท่องเที่ยวนั้นมีลักษณะไม่เหมือนกันโดยจำแนกตามคุณลักษณะของสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่ง ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มนักท่องเที่ยวชายทะเลหัวหิน มักจะเป็นกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย หรือวัยทำงานตอนต้น และครอบครัวเล็ก ๆ จากกรุงเทพฯ เนื่องจากเดินทางไม่ไกลนัก กลุ่มนี้มีกำลังซื้อค่อนข้างมาก ใช้จ่ายไปกับอาหารและเครื่องดื่มเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเทียบกับ กลุ่มนักท่องเที่ยวชายทะเลบางแสน ที่เน้นการท่องเที่ยวแบบเป็นครอบครัว และมีข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่ายมากกว่า ส่วนการจะได้มาซึ่งข้อมูลว่าใครเป็นลูกค้าใหม่ของเรานั้น ไม่จำเป็นต้องทำวิจัยการตลาดแบบถูกต้องตามหลักวิชาการ แต่เราสามารถสอบถามได้จากนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการตลาดท่องเที่ยวจากอินเตอร์เน็ต หรือใช้วิธีการสังเกตสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ก่อนจะนำมาวิเคราะห์และกำหนดกลุ่มเป้าหมายของร้าน  3. วิเคราะห์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยพิจารณา ปัจจัยด้านรสนิยมการกิน รสชาติ ความสามารถในการใช้จ่าย โปรโมชั่นที่อยากได้ รวมถึงช่องทางที่จะสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าดังกล่าวนี้ จริงอยู่ร้านอาหารแต่ละร้านอาจจะมีสไตล์อาหารเป็นของตนเอง โดยเฉพาะร้านอาหารที่เน้นนักท่องเที่ยวต่างชาติ มักทำอาหารเพื่อตอบสนองรสนิยมของชาวต่างชาติเป็นหลัก    แต่อย่างไรก็ตามเมื่อต้องขยายฐานลูกค้าใหม่ คงต้องทำการปรับเปลี่ยนเมนู หรือลองเคาะออกมาว่าเมนูใดที่จะถูกใจนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่นี้ แต่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสไตล์การทำอาหารของร้านใหม่ทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น ร้านสเต็ก สไตล์อเมริกัน สามารถเพิ่มเมนู สเต็กรสชาติแบบไทย ๆ หรือเพิ่มเมนูรสจัดเข้ามาบ้างก็ได้ นอกจากนั้น การทำราคาให้เหมาะกับคนไทย หรือแม้แต่การจัดชุดเมนูโปรโมชั่น ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะต้องไม่ลืมว่านักท่องเที่ยวชาวไทยในยุคโควิด-19 นี้ จะพิจารณาเลือกร้านอาหารจากความคุ้มค่าและราคามากขึ้นกว่าภาวะปกตินั่นเอง 4. มองกลุ่มลูกค้าอื่น นอกจากกลุ่มนักท่องเที่ยว กลุ่มพนักงานบริษัท ห้างร้าน หรือผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงกับร้านของเรา ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน อาจเริ่มจากการปรับเมนูให้เหมาะกับวิถีชีวิตของคนเหล่านั้น    ยกตัวอย่าง ร้านอาหารที่เน้นการสั่งอาหารเป็นชุดใหญ่ อาจเพิ่มเมนูอาหารจานเดียวขึ้นมา หรืออาจจะต้องปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดให้ตรงกับการใช้ชีวิตของกลุ่มเป้าหมายใหม่ด้วย เช่น เพิ่มการขายรอบเช้า โดยมีเมนูอาหารเช้าทานง่าย ใช้เวลาไม่นานในการทาน ซึ่งเหมาะกับคนทำงานออฟฟิศ อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมการโปรโมทร้าน โดยเริ่มจากเครื่องมือง่ายๆ เช่นใบปลิว หรือป้ายหน้าร้าน ที่จะทำหน้าที่ให้ข้อมูลกับกลุ่มลูกค้าได้ และขยับขยายไปสู่บริการเดลิเวอรี่ ถึงที่พักหรือที่ทำงานด้วยก็ได้ สามารถเรียนรู้การโปรโมทร้านออนไลน์ ให้ยอดขายพุ่ง 10 เท่า ฟรี! คลิก 5. ทำให้ร้านเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นไปอีก ด้วยการใช้สื่อโซเชียลต่าง ๆ เช่น ทำเพจของร้านใน Facebook โดยสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจลูกค้าคนไทยมากขึ้น ลงรูปถ่าย คลิปวิดีโอ ที่เกี่ยวกับร้าน เช่น การรีวิวเป็นภาษาไทย การนำเสนอจุดเด่นของร้าน จุดถ่ายรูปที่ควรมาเช็คอิน หรืออาหารที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน ในหลายๆ เมนู บรรยากาศการตกแต่งร้าน และหากสามารถนำเสนอจุดเด่นที่สุดของร้านที่ไม่มีใครเหมือนได้ ก็จะเพิ่มความน่าสนใจได้ไม่น้อย เช่น เป็นร้านอาหารที่มีวิวริมแม่น้ำที่สวยมาก หรือมีบริเวณสระน้ำซึ่งสามารถจัดปาร์ตี้ได้  ฯลฯ ซึ่งในส่วนนี้อาจมองดูแล้วว่ายาก เพราะเราไม่ได้มีทักษะในการผลิตคอนเทนต์แบบมืออาชีพ แต่ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาไปมากแล้ว แทบทุกคนจะมีสมาร์ทโฟนที่สามารถถ่ายทั้งภาพและวิดีโอได้ แถมยังมีแอปช่วยแต่งภาพและตัดต่อมากมาย ทั้งฟรีและเสียเงินซื้อ ทำให้ไม่ต้องใช้ทักษะมากนักในการผลิตคอนเทนต์ ที่เหลือก็เพียงเล่าเรื่องของร้าน เมนูอาหาร และบรรยากาศในร้าน นอกจากนี้ในเพจจะต้องมีแผนที่ร้าน เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ หรือ ID Line ของร้าน เพื่อความสะดวกในการสอบถาม สั่งอาหารหรือจองโต๊ะ และสุดท้ายเพื่อเป็นการเพิ่มยอดขาย ลองตบท้ายด้วยโปรโมชั่นมอบส่วนลดพิเศษ สำหรับผู้ที่ กด Like หรือ Share เพจของทางร้าน ก็เป็นไอเดียหนึ่งที่ได้ผลดี  6. ทำให้อาหารสามารถเดินทางไกลได้ ถ้าอาหารแต่ละเมนูสามารถเดินทางได้ไกลกว่าเดิม นั่นหมายถึงกลุ่มลูกค้าจะขยายกว้างขึ้นกว่าเดิมด้วย และเพิ่มโอกาสขายให้มากขึ้นอีกเช่นกัน ซึ่งเราสามารถทำได้ด้วยการ เพิ่มบรรจุภัณฑ์ หรือปรับปรุงวิธีการบรรจุอาหารที่จะช่วยให้อาหารคงความสดได้นานขึ้น ไม่เสียหายโดยง่ายในระหว่างการจัดส่ง และเมื่อรวมเข้ากับระบบขนส่งสินค้าที่พัฒนาขึ้นมากในปัจจุบัน ทำให้โอกาสในการขายอาหารของร้านที่อยู่ตามเมืองท่องเที่ยวขยายกว้างขึ้นไปอีก ทางร้านอาจต้องพัฒนาเมนูขึ้นมาใหม่เลย โดยเน้นเมนูที่สามารถเก็บไว้ได้นาน และสามารถส่งทางไปรษณีย์หรือบริการขนส่งได้โดยไม่เสียหาย เช่น น้ำพริกคั่วต่าง ๆ  ปลาทูต้มเค็ม ผักดอง เป็นต้น และต้องไม่ลืมโปรโมทเมนูเหล่านี้ลงในสื่อต่าง ๆ ของร้านด้วยเช่นกัน ยังมีอีกหลายเคล็ดลับที่จะช่วยประคองธุรกิจร้านอาหารในเมืองท่องเที่ยวให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ สุดท้ายนี้ทาง MHA ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกร้านในเมืองท่องเที่ยว ไม่ว่าจะอย่างไรเราจะจับมือก้าวพ้นวิกฤติไปด้วยกัน

สูตรอาหารเพิ่มเติม
อยากให้ร้านมีรีวิวเยอะ ๆ ทำอย่างไรดี?

อยากให้ร้านมีรีวิวเยอะ ๆ ทำอย่างไรดี?

ในยุคที่การโปรโมทร้านผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค กลายเป็นปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจร้านอาหาร นอกจากการซื้อโฆษณาใน Facebook เพื่อโปรโมทร้านแล้ว การรีวิวร้านก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน เพราะในปัจจุบันนี้ คะแนนรีวิวจากผู้ใช้งานจริง มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น คะแนนรีวิวใน Page Facebook คะแนนรีวิวจากผู้ที่สั่งซื้อสินค้าจากแอปช้อปปิ้งชื่อดัง คะแนนรีวิวใน Google เป็นต้น นอกจากคะแนนรีวิวแล้ว  คอนเทนต์รีวิวที่ให้รายละเอียดเจาะลึกในแต่ละร้านก็สำคัญไม่แพ้กัน  เราจะเห็นได้จากการเกิดขึ้นอย่างมากมายของเพจรีวิวต่าง ๆ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละเพจจะมีรูปแบบลีลาการรีวิวแตกต่างกันไป และต้องยอมรับว่ามีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายไม่แพ้กับการรีวิวจากลูกค้าจริงเช่นกัน วันนี้ MHA จึงมีเคล็ดลับในการทำให้ร้านของเรามี รีวิวเยอะๆ มาบอกกัน โดยจะให้ความสำคัญกับทั้งรีวิวจากลูกค้า และรีวิวจากเพจรีวิวต่าง ๆ รวมถึงกลยุทธและข้อพึงปฏิบัติ ดังต่อไปนี้  1.ร้านอาหารจะต้องสวย! สวยในที่นี้ไม่ได้หมายถึง ร้านจะต้องหรูหรา ดูแพง ตกแต่งด้วยของมีราคาสูง แต่หมายถึง การจัดร้านให้ดูสวยงาม สะอาดตา มีแนวคิดในการตกแต่งชัดเจน ซึ่งไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงเลย เพราะต้องไม่ลืมว่าการรีวิวร้านอาหารนั้นสิ่งที่สำคัญคือ “ภาพ” ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือวิดีโอก็ตาม ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า คอนเทนต์รีวิวนั้น จะต้องมีภาพหรือวิดีโอที่ดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นกลุ่มเป้าหมายถึงจะอ่านเนื้อหาที่รีวิวไว้ ดังนั้นภาพร้านที่สวยงามจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากในคอนเทนต์รีวิว วิธีทำให้ร้านดูสวยนั้น นอกจากการตกแต่งร้านตามแนวที่เหมาะสมแล้ว อาจเพิ่มบริเวณที่เป็นแลนด์มาร์ค หรือจุดถ่ายรูปประจำร้าน ที่ทุกคนเข้าใจว่าจะต้องมาถ่ายรูปเพื่อยืนยันว่ามาร้านนี้จริงเช่น เก้าอี้ม้านั่ง ที่กันพื้นที่และตกแต่งเป็นบริเวณถ่ายภาพโดยเฉพาะ หรือโซฟาหน้าร้านที่นำมาสคอตของร้านมาวางไว้เพื่อถ่ายรูปร่วมกันโดยด้านหลังเป็นป้ายชื่อร้าน หรือการประดับตกแต่งด้วยต้นไม้ก็เป็นไอเดียที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งนี้เราขอเสนอให้ทางร้านลองสำรวจร้านอาหารที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกันว่ามีแนวทางในการตกแต่งร้านอย่างไร แล้วเลือกใช้การตกแต่งที่แตกต่างออกไปเพื่อสร้างจุดเด่นของร้าน TIP: ความโดดเด่นสวยงามสามารถสร้างขึ้นได้ ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพง บางครั้งการจัดร้านให้เป็นระเบียบ ดูสะอาด และมีมุมถ่ายรูปที่น่าสนใจมีชื่อร้านเพื่อให้ถ่ายรูปร้านแล้วรู้ว่ามาที่ร้านนี้ ก็เพียงพอแล้ว  2.ควรมีอาหารจานเด็ดของร้าน เมนูแนะนำ หรือที่เรียกว่า Signature Menu ถ้าเป็นเมนูที่ร้านอื่นไม่มีจะดีมาก เพราะในมุมมอง ของคนรีวิวแล้วนั้น  การที่ร้านอาหารมีจุดเด่นที่ชัดเจนจะทำให้นักรีวิวหรือลูกค้าสามารถโฟกัสที่จุดเด่นของร้านได้ทันที เมื่อเทียบกับร้านอาหารที่ไม่มีอาหารจานเด็ดแล้วพบว่า ลูกค้าหรือนักรีวิวจะต้องใช้เวลานานในการหาจุดเด่นของอาหารในร้านที่แตกต่างจากร้านอื่น หรือต้องสั่งเมนูอาหารมากินเป็นจำนวนมาก กว่าจะพบเมนูที่เป็นจานเด็ดของร้านที่สามารถแนะนำให้คนอ่านรีวิวมาลองชิมได้ และแน่นอนว่าร้านอาหารที่ไม่มีเมนูแนะนำ ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นร้านที่ไม่น่ารีวิวสักเท่าไหร่ เพราะคนรีวิวก็ไม่กล้าที่จะคอนเฟิร์มชวนคนอื่น ๆ ให้มาที่ร้าน แนะนำว่าควรเลือกเมนูแนะนำ หรือมี Signature Menu จะทำให้ร้านดูน่าเชื่อถือขึ้น อย่างไรก็ตามเราต้องมั่นใจว่า อาหารจานเด็ดของร้าน จะต้องมีความเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นรสชาติที่ไม่เหมือนใคร มีประวัติความเป็นมาของเมนูที่ยาวนาน หรือเป็นเมนูที่คิดค้นขึ้นใหม่ไม่เคยมีมาก่อน อาจยกประเด็นชูประเด็นอาหารจานเด็ดจากวัตถุดิบตามฤดูกาล ในหนึ่งปีจะมีเพียงช่วงเดียวเท่านั้น ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าอยากมาทดลองทานอาหารที่ร้าน และอยากรีวิวร้านมากขึ้นหลังจากได้ลองชิมอาหารจานเด็ดของร้านอีกด้วย TIP: อาหารจานเด็ดต้องเด็ดจริง! ความเป็นเอกลักษณ์ของร้านจะสร้างการจดจำได้ และง่ายสำหรับการกำหนดทิศทางในการรีวิวร้านของลูกค้า หรือเพจรีวิวต่าง ๆ ลองนึกดูว่าถ้าเป็นเราเข้าไปในร้านอาหารร้านนึก แต่ไม่มีเมนูแนะนำ ไม่มี Signature Menu ไม่มีการแนะนำใด ๆ เลยจากร้านคงจะเลือกรีวิวเฉพาะเมนูที่ชอบส่วนตัว ซึ่งอาจจะไม่ใช้เมนูที่ร้านอยากแนะนำก็ได้ 3.รีวิวเยอะ ๆ ดึงดูดลูกค้าเข้าร้านได้มากกว่า ร้านอาหารหลายร้านมักจะให้ความสำคัญกับ คะแนนรีวิวและการรีวิวจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจริงเป็นหลัก เพราะดูน่าเชื่อถือในสายตาผู้บริโภคมากกว่าให้เพจรีวิวทำรีวิวร้านให้ แต่ในทางกลับกันต้องไม่ลืมว่าเพจรีวิวที่มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมากนั้นสามารถเพิ่มอัตราการเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นถ้ารีวิวจากลูกค้าจริงมีน้อย ลองติดต่อหาเพจรีวิว ให้มาทำรีวิวที่ร้านเราก็ได้ ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นเพจใหญ่ติดระดับท็อป 10 ที่มีผู้ติดตามหลักล้านคนขึ้นไป หรือ Influencer ระดับผู้ติดตามแสนคน เพราะเพจชื่อดังนั้นถึงแม้จะช่วยสร้างความรู้จักให้กับร้านได้เป็นอย่างดี แต่ค่าจ้างในการรีวิวก็แพงมากเช่นกัน ในขณะที่เพจรีวิวขนาดเล็ก หรือที่เรียกว่า Micro Influence, Nano Influence นั้นมีราคาไม่แพงมาก เพราะต้องการสร้างคอนเทนต์เพื่อให้เพจของตนเองมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เป็นการเพิ่มยอดไลค์และยอดการมีส่วนร่วมให้กับเพจของเค้าเองอีกด้วย เราอาจเสนอเมนูอาหารฟรี โดยเฉพาะเมนูที่เราอยากให้ทำรีวิว เพื่อเป็นการตอบแทนเพจรีวิวก็ได้ win win ด้วยกันทั้งคู่ หรือบางเพจอาจมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย เช่น ค่าเดินทาง หรือค่ารีวิวที่ราคาล้อไปกับจำนวนผู้ติดตาม และที่สำคัญเมื่อเพจต่าง ๆ ได้ลง Post รีวิวร้านเราแล้วควรแชร์ Post เหล่านั้นกลับมาที่หน้าเพจของร้านเราด้วย เพื่อเป็นการรวบรวมรีวิวไว้ในเพจของร้าน เมื่อมีคนเข้ามาในเพจของร้านก็เจอกับรีวิวทั้งหมด เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและคอนเฟิร์มว่าอร่อยจริง! อย่าลืมขอบคุณเพจที่มารีวิวด้วยหล่ะ แต่หากทางร้านไม่มีข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่าย ขอแนะนำให้ติดต่อเพจรีวิวใหญ่ ๆ ไปเลยก็ได้ เพราะนอกจากจะเป็นที่สนใจของลูกเพจจำนวนมากแล้ว ยังเป็นช่วยดึงดูเพจรีวิวขนาดเล็กและลูกค้าให้เข้าร้านได้เป็นอย่างดี TIP:ควรมองว่าการรีวิวของเพจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ คือการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ควรตกลงกันในจุดที่ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย   4.ประกาศร้านให้โลกรู้ ใน Google my Business เคยไหมที่ Search ชื่อร้านอาหาร หรือสถานที่ต่าง ๆ จะขึ้น Location, รูป, รีวิว ร้านและสถานที่นั้น ขึ้นมาเป็น Link แรก นั่นคือบริการจาก Google ชื่อว่า Google my Business ซึ่งร้านเราเองก็  ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจมาก เพราะสามารถเชื่อมโยงทั้งกระบวนการการตัดสินใจซื้อและพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าไว้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาชื่อร้านอาหารใน Google Search ระบบจะส่งข้อมูลร้านค้าที่ได้ลงทะเบียนไว้กับ Google my Business พร้อมคะแนนรีวิวจากลูกค้าที่เคยใช้บริการด้วย ซึ่งเมื่อเชื่อมโยงกับระบบ Location ในโทรศัพท์มือถือ Google จะสามารถแจ้งพิกัดและเส้นทางไปยังร้านอาหารที่ค้นหาได้ทันที ส่วนจะทำอย่างไรให้ลูกค้าลงคะแนนรีวิว หรือเขียนรีวิวลง Google ได้นั้น เราอาจเสนอโปรโมชั่น ส่วนลด หรือเมนูพิเศษ แลกกับการรีวิว เช่น เมื่อรับออเดอร์แล้วพนักงานหรือเจ้าของร้านแนะนำโปรโมชั่นว่าเมื่อลูกค้ารีวิวให้กับทางร้านแล้ว ทางร้านจะแถมขนมหวานหรือเครื่องดื่ม เมื่อทำ Google my Business แล้วเจ้าของร้านควรตรวจสอบข้อมูลร้านให้ถูกต้องและ Update อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น วันเวลาเปิด-ปิดร้าน รูปเมนูใหม่ โปรโมชั่นใหม่ เพราะหากขึ้นเป็น Link แรกจากการ Search แล้วแต่กลับกลายเป็นว่าข้อมูลผิด โปรโมชั่นเก่า ก็อาจทำให้เสียโอกาสไปได้ ทั้งนี้ข้อเสนอดังกล่าวอาจจะช่วยให้ลูกค้าอยากกดคะแนนรีวิวหรืออยากเขียนรีวิวให้กับทางร้านมากขึ้นก็จริง แต่ต้องไม่ลืมว่าคะแนนรีวิวจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของร้านโดยรวม ซึ่งเราต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ไม่แพ้กัน TIP:Google my Business ยังสามารถทำอะไรได้อีกเยอะ สามารถศึกษาได้ที่นี่ คลิก  5.จัดโปรโมชั่นให้ลูกค้า Check in เพิ่มยอดขายที่ร้านได้ เมื่อลูกค้ากด Check in กด Like และ Share เพจของทางร้าน ใน Facebook ของลูกค้าเอง ซึ่งจุดนี้ถือเป็นกลยุทธ์แบบบอกต่อ หรือปากต่อปากแบบหนึ่ง ลองนึกถึงการที่เราไปกินอาหารที่ร้านหนึ่งแล้วรู้สึกชอบ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของอาหาร การบริการ การตกแต่งร้าน หรือบรรยากาศในร้านก็ตาม เรามักจะชักชวนญาติสนิทมิตรสหายมากินอาหารที่ร้านนั้นด้วย โดยกล่าวชวนและยืนยันว่าร้านนี้ดีจริงนั่นเอง  ซึ่งการ Check in และ Share เพจของร้าน จะให้ผลใกล้เคียงกัน ช่วยทำให้เพื่อนของลูกค้ามองเห็นร้านของเราไปด้วย เมื่อประกอบกับรูปภาพเมนูเด็ด รูปร้านที่สวยงาม และการรีวิวแม้จะเพียงสั้น ๆ ของลูกค้า ก็สามารถทำให้เพื่อนหรือผู้ติดตามใน Facebook คล้อยตาม เกิดความเชื่อมั่นในบริการ และนำไปสู่การทดลองใช้บริการในที่สุด TIP: เมื่อเราสร้างความประทับใจกับลูกค้า ด้วยบริการอันดีเยี่ยมของทางร้านในด้านต่าง ๆ ลูกค้าจะถ่ายทอดความดีเยี่ยมนั้นไปยังคนรอบข้างด้วย ซึ่งช่วยกระตุ้นการตัดสินใจในใช้บริการร้านอาหารของเราได้ ยังมีอีกหลายเคล็ดลับที่จะทำให้ร้านคุณได้รีวิวมากขึ้น แต่ต้องไม่ลืมว่า รสชาติของอาหาร คุณภาพของวัตถุดิบ และการบริการที่ดี ยังคงเป็นหัวใจสำคัญเสมอในธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งลูกค้าจะสะท้อนสิ่งเหล่านี้ออกมาในรูปแบบของคะแนนรีวิวและการรีวิวร้านนั่นเอง สุดท้ายนี้ MHA ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกร้านอาหารให้มียอดรีวิวและคะแนนรีวิวที่ดีไปด้วยกัน และอย่าลืมติดตามเคล็ดลับในการทำธุรกิจร้านอาหารได้ในตอนต่อไป เครดิตรูปภาพ :  Google my Business เรียนรู้เรื่องการตลาดสำหรับร้านอาหารเพิ่มเติมได้ที่ คออร์สเรียนออนไลน์ โปรโมทร้านอาหารในออนไลน์ ให้ยอดขายพุ่งขึ้น 10 เท่า คออร์สเรียนออนไลน์ สร้างสรรค์ภาพเมนูอาหารอย่างมืออาชีพด้วยมือถือ บทสัมภาษณ์ Tips การตลาดออนไลน์ร้านอาหารในยุค New Normal โดย Digital Tips บทความเรื่องการตลาดสำหรับร้านอาหารทั้งหมด จาก MHA

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ประโยชน์จากการจัดการ Food Waste ในร้านอาหาร

ประโยชน์จากการจัดการ Food Waste ในร้านอาหาร

ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจร้านอาหารนั้นถือเป็นธุรกิจที่สร้างขยะอาหาร (Food waste) ในแต่ละปีเป็นปริมาณมหาศาล ซึ่งจากข้อมูลของ The Waste and Resource Action Programme พบว่า 45% ของ Food waste เกิดระหว่างการปรุงอาหารและ 21% เกิดจากการเน่าเสียก่อนการบริโภคของลูกค้า มีเพียง 34% เท่านั้นที่เกิดจากการทานเหลือของผู้บริโภค แต่เจ้าของร้านหลายคนกลับไม่ค่อยเห็นความสำคัญบริหารจัดการของวัตถุดิบที่เสีย (Food waste) เพราะคิดว่ายังไงก็เอามาเสิร์ฟให้ลูกค้าไม่ได้อยู่แล้ว เช่น วัตถุดิบที่ถูกตัดแต่ง(Trim) วัตถุดิบที่หมดอายุระหว่างการจัดเก็บ(Spoilage) หรือวัตถุดิบที่ตกหล่นระหว่างการปรุง โดยกลับลืมไปว่าวัตถุดิบที่คุณเห็นไม่มีค่านั้นคุณต้องใช้เงินไปแลกมันมา ซึ่งถ้าคุณสามารถทำให้วัตถุดิบคุณสูญเสียน้อยลงนั่นหมายถึงโอกาสในการทำกำไรของร้านคุณก็จะมากขึ้น สมมุติง่ายๆ ถ้าคุณเห็นเหรียญบาทตกอยู่ที่พื้นห้องครัวคุณจะก้มลงไปเก็บหรือจะเดินผ่านไปเฉย ๆ แน่นอนทุกคนคงก้มลงไปเก็บเพราะต่อให้จะเป็นเงินแค่บาทเดียวแต่มันก็คือเงิน แล้วทำไมเวลามันอยู่ในรูปของวัตถุดิบเช่น เนื้อ ผัก ข้าว ที่เสียตกอยู่ตามพื้นหรือในตู้เย็นคุณกลับไม่รู้สึกเสียดายเท่ากับเวลาคุณเห็นเป็นตัวเงิน และในยุคที่การจะเพิ่มยอดขายในแต่ละบาทเป็นเรื่องที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ การจัดการวัตถุดิบ (Inventory Management) อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดการสูญเสีย (Waste) ที่น้อยที่สุด จึงไม่ใช่แค่เป็นทางเลือกแต่เป็นสิ่งที่ร้านอาหารจำเป็นต้องโฟกัสและให้ความสำคัญ ซึ่งโดยปกติกำไรสุทธิของร้านอาหารจะอยู่ที่ประมาณ 10%-15% หากคุณขายได้ 1 แสนบาทเท่ากับคุณจะมีกำไรที่ประมาณ 1-1.5 หมื่นบาท แต่หากคุณสามารถประหยัดต้นทุนได้ 1 หมื่นบาท คุณจะได้กำไร 1 หมื่นบาทเหมือนกัน นั่นหมายถึงว่า คุณต้องใช้พลังในการเพิ่มยอดขายมากกว่าการประหยัดต้นทุนถึงเกือบ 10 เท่าด้วยกัน ซึ่งเรื่องนี้กลับเป็นเรื่องที่เจ้าของร้านไม่ได้ให้ความสำคัญ มัวแต่ไปสนใจถึงการ ยิงแอด ทำโปรโมชั่นต่าง ๆ ซึ่งประโยชน์ที่ร้านอาหารจะได้จากการบริหารจัดการ Food waste นั้นสามารถสรุปได้ดังนี้  1. เพิ่มความสะอาดให้กับร้าน ร้านที่มีการบริหารจัดการวัตถุดิบ ย่อมมีความสะอาดและเป็นระเบียบกว่าร้านที่ไม่เคยทำเลยแน่นอน เพราะเท่ากับร้านจะต้องมีการวางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบ ต้องนับสต๊อกอยู่ตลอดเวลา มีการนำวัตถุดิบตัดแต่งไปปรุงอาหารจานใหม่ หรือมีการระวังในการจัดเก็บไม่ให้วัตถุดิบเกิดการช้ำหรือถูกกระแทกจนใช้ไม่ได้ และทำให้ลดโอกาสที่เกิดการสั่งสมสิ่งสกปรกอันเป็นที่มาของสัตว์ต่าง ๆ 2. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับร้าน หากคุณสามารถจัดการวัตถุดิบคุณได้ ไปจนถึงไม่มีวัตถุดิบที่สูญเสียเลยหรือที่เรียกว่า Zero waste นอกจากประโยชน์ที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว คุณยังสามารถนำเรื่องนี้มาเป็นจุดขายให้กับร้านคุณได้ เพราะในทุกวันนี้นอกจากรสชาติอาหารแล้ว ผู้บริโภคในปัจจุบันยังให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมต่อสังคมด้วย ซึ่งเค้าคงอยากอุดหนุนร้านที่มีจิตสำนึกต่อสังคมมากกว่าร้านที่ใช้วัตถุดิบอย่างทิ้งขว้างแน่นอน   อย่างร้านอาหารไทย Bo.lan มีระบบการจัดการ Food Waste ที่ส่วนใหญ่เป็นเศษอาหารและวัตถุดิบนานาชนิดให้ไม่เหลือทิ้ง ด้วยแนวทางที่เรียกว่า Upcycled Food Waste สามารถฟังบทสัมภาษณ์ได้ทาง YouTube และติดตามได้ที่ Facebook : Bo.lan 3. ช่วยลดต้นทุนร้าน แน่นอนว่าการที่คุณจะสามารถลด Food waste ได้นั้นต้องเริ่มจากการวางแผนการสั่งวัตถุดิบที่สอดคล้องกับการใช้งานก่อน ยิ่งคุณวางแผนการจัดการวัตถุดิบให้เกิดประสิทธิภาพได้มากเท่าไหร่ ก็จะทำให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายด้านวัตถุดิบ (Cost of good sold) ได้มากขึ้น เพราะเป็นการลดโอกาสที่วัตถุดิบจะถูกใช้ไม่หมดจากการสั่งที่มากเกินไป รวมถึงอาจช่วยในเรื่องของต้นทุนพนักงาน (Labour cost) จากการที่พนักงานในครัวไม่ต้องเสียเวลาเตรียมวัตถุดิบที่มากเกินความจำเป็นเช่นกัน 4. ช่วยให้กำไรร้านมากขึ้น นอกจากการวางแผนวัตถุดิบจะช่วยให้คุณประหยัดต้นทุนวัตถุดิบแล้ว คุณสามารถนำวัตถุดิบที่ถูกตัดแต่ง (Trim) หรือส่วนที่ไม่ต้องการ (Leftover food) เช่น ผักผลไม้ที่มีรูปร่างไม่สวยหรือ เศษของเนื้อหมูจากเครื่องสไลด์ มาปรุงเป็นอาหารจานใหม่ได้ อย่างในภาพ คือการนำเศษเนื้อหมูมาทำเป็น Bolognese Sauce ทานคู่กับสปาเก็ตตี้หรือนำมาทำ แฮมเบิร์ก แฮมเบอร์เกอร์แบบญี่ปุ่นแสนอร่อย ก็จะสามารถลดวัตถุดิบสูญเสีย (Food waste) ลงไปได้เช่นกัน และยังเพิ่มโอกาสทำกำไรของร้านได้มากขึ้นอีกทางด้วย 3. ลดภาระในการบริหารจัดการ การวางแผนจัดการวัตถุดิบจะช่วยให้พนักงานในครัวคุณทำงานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องมีอะไรที่ไม่จำเป็นมาเกะกะการทำงาน หรือการที่คุณจัดระเบียบในตู้เย็นอย่างเป็นระบบโดยการกำหนดว่าวัตถุดิบชนิดไหนอยู่ตรงไหน ก็จะทำให้ไม่ต้องมาคอยหาวัตถุดิบต่าง ๆ ว่าอยู่ตรงไหน และลดโอกาสที่วัตถุดิบถูกอัดทับกันอันส่งผลให้คุณภาพวัตถุดิบลดลง สุดท้ายการจัดการ Food waste ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั้นไม่ใช่หน้าที่ของพนักงานในครัวเพียงอย่างเดียวแต่ยังรวมไปถึงพนักงานทุกคนในร้านและตัวเจ้าของร้านเองด้วย และที่สำคัญไม่ใช่การทำเพียงแค่ครั้งเดียวแต่ต้องมีการวางแผนและควบคุมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งกับต่อร้านของคุณและลูกค้า สามารถติดตาม  Zero Food Waste Program ลดต้นทุน เพิ่มกำไร เปิดสูตรลับลดขยะอาหารผ่านทาง Facebook : แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี และเว็บไซต์  เพื่อเพิ่ม Know-how เพิ่มไอเดีย เพื่อให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร นำไปพัฒนาธุรกิจให้แข็งแกร่งและสามารถ ‘อยู่รอด’ ได้ในสถานการณ์ปัจจุบันได้ และเรียนรู้วิธีลดขยะอาหารซึ่งจะช่วยลดต้นทุน สร้างกำไรให้มากขึ้น กับคอนเทนต์ออนไลน์เกี่ยวกับขยะอาหาร และวิธีการจัดการลดขยะอาหาร คลิกอ่านบทความน่ารู้ จากแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี มือใหม่เปิดร้านอาหาร การจัดการร้านอาหาร  การตลาดเพื่อธุรกิจร้านอาหาร  บทสัมภาษณ์ร้านอาหาร  ฉลาดซื้อ ฉลาดใช้ ในการเลือกวัตถุดิบและอุปกรณ์ สูตรอาหาร

สูตรอาหารเพิ่มเติม
พลิกตำรารับสถานการณ์ฉุกเฉินด้วยอาหาร Frozen ส่งทั่วไทยที่สร้างรายได้หลักแสน

พลิกตำรารับสถานการณ์ฉุกเฉินด้วยอาหาร Frozen ส่งทั่วไทยที่สร้างรายได้หลักแสน

พลิกวิกฤติเป็นโอกาส จากสแตนอะโลนสู่ผู้ผลิตอาหารแช่แข็ง ภาพจาก : https://pantip.com/topic/32930013 หลายคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงของ เครซี่-บี สเต็กเฮ้าส์ สวนผึ้ง by Chef OTTo หรืออาจเคยได้มีโอกาสไปลิ้มรสชาติถึงสวนผึ้ง เมืองท่องเที่ยวสำคัญของ จ.ราชบุรีมาแล้ว ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดจนต้องมีมาตรการล็อกดาวน์เมื่อต้นปีที่แล้ว ร้านของเชฟอ๊อตโตแห่งนี้ก็หนีไม่พ้นผลกระทบเช่นเดียวกัน รวมทั้งการระบาดระลอกใหม่ช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปี 2564 นี้ด้วย ซึ่งที่ตั้งร้านอยู่ในเขตควมคุบพิเศษ (จ.ราชบุรรีเป็น 1 ใน 28 จังหวัดพื้นที่สีแดง) ซึ่งสิ่งที่เชฟอ๊อตโตปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ฉุนเฉินนี้น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง                 ย้อนกลับไปในการระบาดของโควิด-19 ระลอกแรก ผลจากการล็อกดาวน์ทำให้ร้านอาหารต้องปรับตัวกันขนานใหญ่ โดยต้องบริการแบบ Take Away หรือเดลิเวอรี่ในละแวกร้านรัศมี 5-10 กม. แต่ด้วยความที่เครซี่-บี สเต็กเฮ้าส์ สวนผึ้ง by Chef OTTo อยู่ในพื้นที่ต่างอำเภอ ห่างจากตัวจังหวัดกว่า 60 กม. รวมทั้งลูกค้ากว่า 95% ของร้านคือนักท่องเที่ยวต่างถิ่น ไม่ว่าจะเป็น กรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ หรือกระทั่งแม่ฮ่องสอน ทำให้จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของ เครซี่-บี สเต็กเฮ้าส์ สวนผึ้ง by Chef OTTo                 “ตอนนั้นมีการล็อกดาวน์เป็นช่วงที่พ้นเทศกาลปีใหม่มา จึงเลยช่วงพีกของสวนผึ้งคือช่วงหน้าหนาว สวนผึ้งประกาศปิดเมืองก่อนที่อื่น เพราะว่าต้องสกัดไม่ให้การระบาดแพร่เข้ามาเลย ร้านของผมเปิดแค่ 2 วันคือเสาร์-อาทิตย์ ผมเลยหยุดพัก 1 อาทิตย์เพื่อคิดว่าจะทำอย่างไรดี” เชฟอ๊อตโตเล่าถึงช่วงล็อกดาวน์เมื่อปีก่อน                 เมื่อผ่านไป 1 อาทิตย์สิ่งที่เชฟดีกรีแชมป์ Top Chef Thailand คิดโอกาสใหม่ท่ามกลางวิกฤติได้คือ การครีเอทเมนูเป็น ‘อาหารแช่แข็ง’ ที่จะสามารถเสิร์ฟถึงมือลูกค้าได้ทั่วประเทศ โดยนำเอาประสบการณ์จากที่เคยทำงานร้านอาหารไทยในญี่ปุ่น ซึ่งทำอาหารแช่แข็งส่งทั่วแดนปลาดิบ จึงรู้ว่าต้องมีระบบการทำงาน การจัดการอย่างไร เพื่อจะให้รสชาติอาหารส่งถึงลูกค้าแล้วคุณภาพยังคงเดิม ประกอบที่ร้านก็มีความพร้อมด้วยเครื่องไม้เครื่องมือ ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง Vacuum และตู้ฟรีซ                 “นิยามอาหารแช่แข็งของผมคือ ทานที่ร้านกับที่บ้านต้องเหมือนกัน ลูกค้าส่วนมากเคยมาทานที่ร้านและรู้รสชาติมาก่อน ถ้าทำแล้วไม่เหมือนกับที่ร้านก็อาจจะรู้สึกไม่ดี ฉะนั้นผมจึงต้องคิดอย่างเป็นขั้นเป็นตอนมากกว่าปกติ เป็นอาหารแช่แข็ง ตอนทำส่งไปต้องปรุงประมาณไหน เพื่อให้เวฟแล้วต้องพอดี ฟรีซแล้วจะเป็นอย่างไร และจะบอกขั้นตอนให้ลูกค้าทุกคน ตั้งแต่ก่อนเวฟ การอุ่นอาหารต้องปรับอุณหภูมิเท่าไร เวลากี่นาที หรือถ้าอยากจะให้อร่อยขึ้นต้องทำอย่างไร” เมนูอาหารแช่แข็ง 12 รายการจาก เครซี่-บี สเต็กเฮ้าส์ สวนผึ้ง by Chef OTTo ค่อนข้างได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี วัดได้จากยอดขายในช่วงล็อกดาวน์ระยะ 1 เดือน ทะลุเกิน 1 แสนบาท                 และเมื่อต้องเผชิญกับการระบาดระลอกใหม่ แม้ว่าสถานการณ์มีความแตกต่างกัน ซึ่งร้านอาหารสามารถเปิดขายได้ โดยต้องมีมาตรการป้องกันอย่างรัดกุม ถึงอย่างนั้นยอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังสวนผึ้งลดน้อยลง ทำให้ร้านสเต็กของเชฟอ๊อตโตมีลูกค้าลดลงตาม จึงได้นำเมนูอาหารแช่แข็งมาเสิร์ฟอีกครั้ง โดยยังคงได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม จนต้องปิดรับออเดอร์ของเดือนมกราคมในช่วงกลางเดือน และเปิดรับอีกครั้งต้นเดือนกุมภาพันธ์ เทคนิคการปรุงเมนูสเต็กไก่ดูโอ้ ซิกเนเจอร์เคร์ซี-บี                 เมนูสเต็กไก่ดูโอ้ถือเป็นซิกเนเจอร์และยังเป็นเมนูอาหารแช่แข็งระดับขายดีของ เครซี่-บี สเต็กเฮ้าส์ สวนผึ้ง by Chef OTTo ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะเป็นความต่างที่ลงตัว สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเมนูที่มีรสสัมผัสหลากหลาย เช่น เชฟอ๊อตโตที่ชอบทำอาหารที่มีรสสัมผัสของเนื้อที่ซับซ้อนใน 1 คำ ใน 1 จาน ซึ่งเมนูนี้เกิดจากแนวคิดที่ต้องการรังสรรค์ให้ไก่และหมูเสิร์ฟในจานเดียวกัน มีความแตกต่างทั้งเนื้อสัมผัสและรสสัมผัส ซึ่งทำให้มีความท้าทายในการทำ เพราะอุณภูมิของเนื้อสัตว์ในการประกอบเมนูนั้นไม่เท่ากัน แต่ปรุงแล้วต้องออกมารสสัมผัสเหมือนกัน วิธีการทำสเต็กไก่ดูโอ้ สำหรับเมนูอาหารแช่แข็งนั้นมีเทคนิคที่แตกต่างจากการเสิร์ฟที่ร้านอยู่บ้าง                 โดยนำ ไก่ ไปซูวีด้วยอุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อให้เนื้อมีความฉ่ำ จากนั้นนำมาย่างกับเตาไฟให้เกิดสีและกลิ่นหอม ทั้งยังเป็นการล็อกความชุ่มฉ่ำของตัวเนื้อ ซึ่งปกติหากเสิร์ฟที่ร้านจะใช้วิธีย่างเตาไฟ ทั้งนี้หากใช้วิธีอบนั้นสัมผัสจะแห้งกว่า จึงไม่เหมาะกับการทำอาหารแช่แข็ง                 ส่วน หมู ย่างบนเตาไฟให้มีระดับความสุกอยู่ที่ 80% เนื่องจากต้องเผื่อสำหรับนำไปอุ่นด้วยไมโครเวฟหรือเตาอบต่อไป ซึ่งจะทำให้มีความสุก 100% พอดี สำหรับเครื่องเคียง เมนูสเต็กของร้านจะเสิร์ฟเห็ดผัดเสมอ เพราะมีความอูมามิทำให้ชูรสชาติของอาหารจานหลักให้อร่อยมากขึ้น นอกจากนี้ยังใช้มะเขือเทศราชินีอบให้มีสีสันและปรุงรสชาติ แทนมะเขือเทศใหญ่กริลล์ เพื่อไม่ให้มะเขือเทศเละจนเกินไปเมื่อนำไปแช่แข็ง เคล็ดลับสำคัญอย่างประการคือ การแพ็คด้วยการ Vacuum โดยจะต้องแพ็คขณะที่อาหารยังร้อนๆ อยู่ เพื่อคงความชุ่มฉ่ำ ซึ่งเมื่อนำไปอุ่นจะทำให้ได้รสสัมผัสราวกับออกจากห้องครัวนั่นเอง จากนั้นพักให้อุณหภูมิลดลงแล้วจึงนำเข้าเครื่องแช่แข็งต่อไป                นอกจากนี้ เชฟอ๊อตโตยังได้แบ่งปันเทคนิคการทำเมนูสปาเกตตี้แบบแช่แข็ง ซึ่งหัวใจอยู่ที่ความสุกของเส้น                 โดยต้องทำให้เส้นมีความสุก ประมาณ 70% (น้อยกว่าอัลเดนเต้ ที่สุกระดับ 80%) จะทำให้มีความเหนียวหนึบ และไม่เละ อีกทั้งในการแพ็คต้องปิดห่อให้สนิท เพื่อหากมีน้ำแข็งเล็ดรอดเกาะตัวเส้นแล้ว จะส่งผลให้เส้นอืด ทำอย่างไรให้อาหารยังเหมือนเดิมจนถึงมือลูกค้าเคล็ดลับสำคัญอย่างประการคือ การแพ็คด้วยการ Vacuum โดยจะต้องแพ็คขณะที่อาหารยังร้อนๆ อยู่ เพื่อคงความชุ่มฉ่ำ ซึ่งเมื่อนำไปอุ่นจะทำให้ได้รสสัมผัสราวกับออกจากห้องครัวนั่นเอง จากนั้นพักให้อุณหภูมิลดลงแล้วจึงนำเข้าเครื่องแช่แข็งต่อไป                 นอกจากนี้ เชฟอ๊อตโตยังได้แบ่งปันเทคนิคการทำเมนูสปาเกตตี้แบบแช่แข็ง ซึ่งหัวใจอยู่ที่ความสุกของเส้น                 โดยต้องทำให้เส้นมีความสุก ประมาณ 70% (น้อยกว่าอัลเดนเต้ ที่สุกระดับ 80%) จะทำให้มีความเหนียวหนึบ และไม่เละ อีกทั้งในการแพ็คต้องปิดห่อให้สนิท เพื่อหากมีน้ำแข็งเล็ดรอดเกาะตัวเส้นแล้ว จะส่งผลให้เส้นอืด ทำอย่างไรให้อาหารยังเหมือนเดิมจนถึงมือลูกค้า                 รสชาติและสัมผัสของอาหารคือสิ่งสำคัญในการรังสรรค์ทุกเมนู ยิ่งเป็นอาหารแช่แข็งยิ่งต้องคิดอย่างรอบคอบ เพื่อทำให้คงคุณภาพตั้งแต่ออกจากครัวถึงมือลูกค้า โดยเมนูแช่แข็งของ เครซี่-บี สเต็กเฮ้าส์ สวนผึ้ง by Chef OTTo มีสิ่งที่เชฟอ๊อตโตให้เน้นเป็นสำคัญดังนี้ อุณหภูมิ อาหารแช่แข็งต้องมีการนำไปอุ่นอีกรอบหนึ่งก่อนรับประทานเสมอ ดังนั้นควรเลือกระดับความสุกของวัตถุดิบให้พอดี ไม่เช่นนั้นอาหารจะ Over Cook เช่น หากทำสุกเท่ากับเสิร์ฟในร้าน เมื่อลูกค้านำไปอุ่นด้วยไมโครเวฟที่บ้าน จากเนื้อไก่หรือเนื้อหมูที่มีความชุ่มฉ่ำ ก็จะแข็งกระด้าง จึงต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ให้ดี                 การวางแผนสต็อกเมนูอาหารแช่แข็ง เครซี่-บี สเต็กเฮ้าส์ สวนผึ้ง by Chef OTTo จะเปิดออเดอร์อาหารแช่แข็งล่วงหน้า และทำตามจำนวนที่สั่งไว้เท่านั้น ทำอาทิตย์ต่ออาทิตย์  โดยจะรับออเดอร์วันอังคาร-วันศุกร์  และจัดส่งทุกวันอังคาร (ในสัปดาห์ถัดไป) จึงสามารถวางแผนการเก็บรักษาอาหาร ยังทราบถึงปริมาณวัตถุดิบที่ต้องใช้                 แนะนำวิธีการอุ่นอาหารให้ลูกค้าเสมอ เชฟอ๊อตโตเป็นผู้ลงมือรังสรรค์เมนูอาหารแช่แข็งอย่างความละเมียดละไมด้วยตัวเองทุกห่อ ไม่เพียงเท่านั้นลูกค้าทุกคนยังจะได้รับคำแนะนำเทคนิคการนำอุ่นอาหาร โดยเมื่อนำอาหารออกจากตู้เย็น ให้พักไว้ในอุณหภูมิห้องก่อน 5-10 นาที จากนั้นนำเข้าเตาไมโครเวฟหรือเตาอบ อุ่นด้วยการเลือกใช้ความร้อนระดับกลาง หรือ 700 w. ราว 2-3 นาที ทั้งนี้ หลังอุ่นเสร็จแล้ว หากนำไปนาบด้วยกระทะร้อนๆ หรือหม้อทอดไร้น้ำมันเพิ่ม ก็จะช่วยให้ได้เท็กเจอร์ กลิ่นและรสชาติมากขึ้นอีกด้วย สรุปหัวใจสำคัญในการทำอาหารแช่แข็ง                 1. วัตถุดิบต้องสดใหม่ เนื่องจากอาหารแช่แข็งต้องทำไปอุ่นอีกรอบหนึ่งก่อนรับประทาน ฉะนั้นหากวัตถุดิบไม่สดใหม่ เมื่อนำไปอุ่นอีกครั้งจะทำให้กลิ่นไม่พึงประสงค์จะส่งออกมาเด่นชัดมากขึ้น                 2. ความสะอาด วัตถุดิบต้องไม่มีสิ่งเจือปน ขั้นตอนในการบรรจุต้องสะอาด เพราะอาหารแช่แข็งต้องใช้ระยะเวลาในการจัดเก็บและการขนส่ง ก่อนที่ลูกค้าจะนำไปรับประทาน ฉะนั้นหากมีสิ่งเจือปน อาจทำให้เกิดการเพาะเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อต่างๆ ได้                 3. อุณภูมิต้องได้ นอกจากจะคำนวนอุณภูมิในการรังสรรค์เมนูต่างๆ แล้ว การเก็บรักษาอาหารก็เป็นเรื่องสำคัญ เมื่อทำการแพ็คอาหารแล้ว ก่อนจะนำไปแช่แข็งควรทิ้งให้อุณหภูมิอาหารลดลงก่อน ซึ่งจะช่วยให้อาหารแข็งตัวในเวลาไม่นาน นอกจากนั้นควรเว้นระยะห่างระหว่างถุง เพื่อทำให้ความเย็นทั่วถึง                 4. การขนส่ง ควรเลือกใช้บริษัทขนส่งสินค้าที่มีความเชี่ยวชาญด้านการขนส่งสินค้าแช่แข็งและมีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกที่มีตู้แช่เย็นความคุมอุณหภูมิ -16 องศาเซลเซียส มีจุดบริการที่ครอบคลุมพื้นที่ นอกจากนั้นเลือกอาหารที่เหมาะกับการขนส่งและระยะทาง เพราะหัวใจคือ อาหารต้องไม่ละลาย เพราะอาจจะทำให้อาการเสียได้ ต้องถึงมือลูกค้าเหมือนกับที่ออกจากห้องครัว “ตอนทำอาหารเราต้องนึกถึงลูกค้า ต้องคิดเผื่อ เพราะอาหารแช่แข็งไม่เหมือนอาหารกินสด แม้ลูกค้าอาจจะเผื่อใจแล้วว่ากินอาหารแช่แข็งแล้วรสชาติจะเป็นแบบไหน แต่เราต้องทำให้คนกินรู้สึกว่า กินอาหารแช่แข็งกับปรุงสดใหม่ต้องคล้ายกันให้มากที่สุด ต้องทำให้ไม่ผิดหวัง”

สูตรอาหารเพิ่มเติม
อยากขายอาหารเป็นอาชีพเสริมในช่วงนี้ ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

อยากขายอาหารเป็นอาชีพเสริมในช่วงนี้ ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

ใครที่กำลังวางแผนจะขายอาหารเป็นอาชีพเสริมในช่วงนี้ ไหน ๆ จะลงทุนทั้งที มาเติมความรู้กันสักหน่อยดีกว่า เพราะการขายอาหารใช่ว่าจะอร่อยอย่างเดียวแล้วจะรุ่งได้ ไม่ว่าจะทำเสริม หรือทำจริงจัง ถ้าต้องการกำไรก็ต้องมีความรู้ ใครที่เห็นว่าง่าย ๆ แค่มีเงินลงทุนก็ทำได้แล้ว ระวังจะได้เป็นหนี้กลับมาแทนกำไร แต่ถ้าเรามีความรู้สักนิด ดีไม่ดีจากที่คิดทำเป็นอาชีพเสริมอาจกลายเป็นอาชีพหลักไปเลยก็ได้ ขายอะไรดี ? เป็นประเด็นแรกที่ต้องคิดให้ออกก่อนว่า จะขายอะไรดี หลายคนเริ่มต้นจากความถนัด หรือความชอบส่วนตัว มีสูตรประจำตระกูล หรือจะค้นหาสูตรจากอินเตอร์เน็ตเอามาพัฒนาต่อ จะแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น สิ่งสำคัญคือ รสชาติต้องได้ และคุณภาพต้องถึง ใส่ใจกับวัตถุดิบ แล้วลูกค้าจะประทับใจ ซื้อซ้ำบ่อย ถ้าใครยังคิดไม่ออกว่าจะขายอะไรดี เรามีสูตรและวิธีการทำกับ 7 เมนูอาชีพพารวย ลงทุนน้อย กำไรงาม จะมีเมนูอะไรบ้างนั้น คลิกดู VDO ทั้งหมดได้ที่นี่ ขายให้ใคร ข้อนี้ก็สำคัญ เรารู้หรือยังว่าลูกค้าเป้าหมายคือใคร ปัญหาของหลาย ๆ คนที่ขายไม่ออก ทั้งที่มั่นใจว่าสูตร รสชาติ วัตถุดิบ เพอร์เฟคหมดก็เพราะลืมวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายว่า มันใช่หรือไม่ กับประเภทอาหารที่เราขาย หรือ ระดับราคาที่เราตั้ง ดังนั้น ไม่ว่าจะขายจริงจัง หรือ ขายเป็นอาชีพเสริม ก็ต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร ข้อมูลตั้งต้นที่เราควรรู้เช่น  เพศ, อายุ, อาชีพ  เป็นต้น เพื่อจะได้นำมาทำการบ้านต่อว่า จะขายแบบไหน ระดับราคาเท่าไหร่ ขายที่ไหน เกี่ยวเนื่องจากขายให้ใครก็คือ ขายที่ไหน หรือ ทำเลนั่นเอง เป็นอีกข้อสำคัญที่ต้องตั้งใจเลือกดี ๆ มีไม่น้อยเห็นทำเลคนเยอะ ๆ นึกว่าดีแน่ ๆ แต่เอาเข้าจริงขายไม่ออก ก็เพราะทำเลนั้นกลุ่มคนที่อยู่ หรือ ผ่านไปมานั้นไม่เหมาะกับประเภทอาหาร หรือระดับราคาของเรา ดังนั้นถ้าจะขายแบบมีหน้าร้านต้องวิเคราะห์ทำเลให้ขาดว่าเหมาะกับอาหาร และระดับราคาของเราหรือไม่ ให้เวลากับการลงไปทำการบ้านกับทำเลจริง ๆ ว่ามีโอกาสขายได้หรือคุ้มค่าเช่าหรือไม่ กำลังการซื้อเป็นอย่างไร คู่แข่งทางตรง ทางอ้อมมีมากแค่ไหน การจราจร ที่จอดรถสะดวกหรือไม่ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้คิดจะขายแบบมีหน้าร้าน ยุคนี้การขายอาหารก็เปิดกว้างมาก สามารถทำแบบ Ghost Kitchen คือไม่ต้องมีหน้าร้าน ใช้ครัวที่บ้านปรุงอาหารส่งขายผ่านเดลิเวอรี่ก็เป็นรูปแบบที่กำลังได้รับความนิยม หลาย ๆ คนก็พลิกชีวิตจากขายเล่น ๆ ขายเป็นอาชีพเสริมกลายเป็นธุรกิจจริงจังทำรายได้ไม่ใช่เล่นเลย เช่น ร้านระดับตำนาน Ghost Kitchen เจ้าแรก ๆ ของไทย “เจคิว ปูม้านึ่ง” ที่ทำยอดขายช่วงพีค ๆ ระดับเลขหลัก 100 ล้านบาทอัพทีเดียว ถ้าใครจะเริ่มต้นแบบนี้ สิ่งที่ต้องดำเนินการคือ สมัครเข้าเป็นสมาชิกของแอพเดลิเวอรี่เจ้าต่าง ๆ เพื่อเป็นช่องทางขายหลัก ส่วนจะเลือกค่ายไหนลองเปรียบเทียบข้อกำหนดเงื่อนไขของแต่ละค่ายก่อนตัดสินใจ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแอพเดลิเวอรี่เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก หรือถ้าใครอยากรู้ว่านำร้านอาหารเข้า Delivery คุ้มค่า GP หรือไม่?  คลิกอ่านได้เลย อีกช่องทางขายสำคัญที่ห้ามมองข้ามก็คือ ไลน์กรุ๊ปหมู่บ้าน และเฟซบุ๊ก เพราะการทำแบบ Ghost Kitchen สิ่งที่ต้องมาคู่กันคือ การตลาดออนไลน์ เพราะไม่มีหน้าร้านให้คนพบเห็น หน้าร้านออนไลน์จึงสำคัญมาก ๆ ถ้าใครยังอ่อนด้านการตลาดออนไลน์ เรียนรู้ได้ใน คอร์สเรียนออนไลน์ฟรี! “โปรโมทร้านอาหารใน Online ให้ยอดขายพุ่งขึ้น 10 เท่า” [ข้อคิด] ในการทำธุรกิจร้านอาหาร หรือ ร้านเครื่องดื่ม จุดเริ่มต้นมักมาจากหลักคิด 2 ข้อ มีสูตรอาหาร หรือ สูตรเครื่องดื่มที่มั่นใจว่าดีพอ มีจุดขาย จากนั้นมองหาทำเลที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายตรงกับอาหาร หรือ เครื่องดื่มที่เราจะทำขาย หากไม่มีสูตรอาหาร ไม่มีสูตรเครื่องดื่ม แต่มีทำเลน่าสนใจ ก็หาอาหาร หรือ เครื่องดื่มตรงกลุ่มเป้าหมายในทำเลนั้นมาขาย ร้านอาหารส่วนใหญ่เกิดจาก 2 หลักคิดนี้ ฉะนั้นสำรวจตัวเองดูก่อนว่าเรามีความพร้อมข้อไหน ขาดข้อไหน เพื่อหามาเติมให้เต็มก็จะเพิ่มโอกาสทำยอดขายได้ปัง ๆ จัดสรรเงินลงทุน เรื่องนี้ก็อยากฝากให้ใส่ใจ ไม่ว่าจะทำจริงจัง หรือ ทำเป็นอาชีพเสริม เงินลงทุนก็คือเงินจริง ๆ ที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ไม่ใช่แบงค์กาโม่ บางคนอาจคิดว่าก็แค่ทำเสริม ๆ ไม่ได้คาดหวังผลตอบแทนว่าจะต้องกำไร ไม่เข้าเนื้อก็พอใจแล้ว ระวังคิดแบบนี้จะได้เป็นหนี้กลับคืนไป และส่วนใหญ่ของคนทำร้านอาหารมือใหม่มักจะพลาดในเรื่องการจัดสรรงบลงทุน แบ่งสัดส่วนไม่ลงตัวทำให้งบบานปลาย แนะนำให้แบ่งงบประมาณลงทุนออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1) เงินสำหรับการลงทุนจนร้านเปิดกิจการได้ 60 – 70 % 2) เงินทุนหมุนเวียนภายในร้านระยะประมาณ 4 – 6 เดือน 20 – 30% 3) งบการตลาด 10 – 20 % ย้ำว่า ต่อให้เป็นร้านแผงลอยริมทาง หรือ Ghost Kitchen ก็ควรจัดสรรงบลงทุนให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้น งบจะบานไปเรื่อย ๆ เราจะเจอของที่อยากได้ ของที่มันต้องมีซื้อมาสะสมจนเยอะแยะไปหมด แต่แทบไม่ได้ใช้งาน ถ้าจำกัดงบไว้แต่แรก การซื้อใด ๆ จะเป็นซื้อตามงบ คิดเยอะขึ้น ต้องตัดใจให้อยู่ในงบตามสัดส่วน รู้เรื่องโครงสร้างต้นทุน อีกเรื่องสำคัญและทำให้หลายคนเจ็บช้ำมานักต่อนักก็คือ เรื่องของโครงสร้างต้นทุนการทำร้านอาหาร มีคนจำนวนมากทีเดียวคิดว่า การขายอาหาร หรือ การทำร้านอาหารเป็นอะไรที่ไม่ซับซ้อน ก็แค่ซื้อวัตถุดิบมาเท่าไหร่ ใช้ไปเท่าไหร่เป็นทุน แล้วก็บวกกำไรเข้าไปก็จบ นี่แหละที่ทำให้สลบเจ๊งมานับไม่ถ้วน เพราะการทำอาหารขายมีโครงสร้างต้นทุนที่ลึกกว่านั้น และจำเป็นมากที่คนจะทำอาชีพนี้ต้องรู้ ต่อให้ทำแบบเสริมก็ตาม มาดูกันว่าโครงสร้างต้นทุนของการทำอาหารขายมีอะไรบ้าง Food Cost ต้นทุนอาหาร โดยทั่วไปควบคุมให้อยู่ที่ 35% ของยอดขาย (แต่สำหรับ Street Food หรือ Buffet อาจสูงถึง 50%) Labor Cost ค่าแรงพนักงาน ควบคุมให้ต่ำกว่า 20% ของยอดขาย ***สำคัญมาก ๆ ใน Labor อย่าลืมใส่ค่าแรงตนเองลงไปด้วย!!!*** Other Control Cost ต้นทุนอื่น ๆ ที่ควบคุมได้ ได้แก่ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าเดินทางซื้อของ และอื่น ๆ ที่ควบคุมได้ ควบคุมให้ต่ำกว่า 10% ของยอดขาย Rent ค่าเช่าพื้นที่ (ถ้ามี) ควรต่ำกว่า 10% ของยอดขาย เนื่องด้วยค่าเช่าที่เป็นค่าใช้จ่ายคงที่ไม่แปรผันตามยอดขายสิ่งที่สามารถทำให้ค่าเช่าพื้นที่ต่ำกว่า 10% ได้ คือการดันยอดขายให้สูง ๆ (หลังจากหักค่าใช้จ่าย 4 ข้อนี้ควรเหลือกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายข้อต่อไปที่ 25-30%) Other Uncontrol Cost ค่าใช้จ่ายที่ควบคุมไม่ได้ ได้แก่ ค่าภาษี ค่าจ้างทำบัญชี ค่าบริหาร Depreciation & Amortization ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย หรือเข้าใจง่าย ๆ ตีเป็นค่าลงทุนกับการก่อสร้างร้าน สำหรับค่าใช้จ่ายข้อ 5 และข้อ 6 ควรต่ำกว่า 15% ของยอดขาย ฝากเป็นข้อคิดปิดท้ายว่า การขายอาหารต่อให้เป็นการขายเพื่อาชีพเสริม ก็ต้องมีเป้าหมายว่า แต่ละวันจะทำยอดขายที่เท่าไหร่ การลงทุนแต่ละครั้งต้องได้กำไรกลับมากี่เปอร์เซ็นต์ ต้องใส่ใจกับสิ่งที่ทำ และมีความรับผิดชอบต่อลูกค้า ที่สำคัญให้ความสำคัญกับเรื่องความรู้ อย่าคิดว่าทำเล่น ๆ ไม่ได้จริงจัง เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพที่มีอนาคต หากทำด้วยการวางแผนอย่างถูกต้องแต่แรก สามารถเป็นธุรกิจหลักได้ไม่ยาก ขอบคุณรูปภาพจาก : เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ยุคนี้ “รูปสวยรวยรส” ไม่พอ ต้อง “Food Safety” ยกระดับ Delivery ดีต่อสุขภาพ ก้าวสู่หลักวิถีสากล

ยุคนี้ “รูปสวยรวยรส” ไม่พอ ต้อง “Food Safety” ยกระดับ Delivery ดีต่อสุขภาพ ก้าวสู่หลักวิถีสากล

ผู้ประกอบการร้านอาหารส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับรสชาติของอาหารก่อนเป็นอันดับต้นๆ แต่รู้กันไหมว่าจริงๆ แล้ว การจะทำธุรกิจอาหารให้ประสบความสำเร็จตามวิถีสากล โดยเฉพาะ delivery นั้นมีสิ่งต่างๆ ที่สำคัญ จำเป็นต้องคำนึงถึง ซึ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่ารสชาติอาหารเลยทีเดียว แต่จะได้แก่อะไรบ้างนั้น ‘เชฟจากัวร์-ธีรวีร์ ดิษยะไชยพงษ์’ ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาร้านอาหาร สมาคมเชฟประเทศไทย คือผู้ที่จะมาอธิบายถึงเรื่องนี้ให้เราได้ฟังกัน “คนไทยเราส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับความอร่อยกันเป็นเป็นอันดับแรก มักจะไม่มีใครพูดถึงเรื่อง ‘food safety’ หรือ ‘ความปลอดภัยของอาหาร’ กันสักเท่าไหร่ คนไทยเรามักจะให้ความสำคัญกับเรื่องของความอร่อย รูปสวยรวยรส แต่จริงๆ แล้วถ้าเราจะก้าวสู่ตลาดสากล เรื่องของ food safety จะต้องเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งเลยครับ” เพราะเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ก็มักจะมีคนชอบแย้งว่า “ถ้าเกิดสะอาดแล้วไม่อร่อยล่ะจะขายได้ไหม” คือจริงๆ แล้วเราไม่ควรใช้คำนี้ ควรจะใช้คำว่าอาหารมี ‘คุณภาพ’ ซึ่งจะแตกออกเป็นทั้งหมด 4 มิติครับ” นอกเหนือไปกว่าแค่รสชาติ 4 มิติคุณภาพของอาหาร Delivery ที่ควรคำนึงถึง 1.ความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์คุณภาพ ใส่บรรจุภัณฑ์ food grade ให้ถูกประเภทเหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการ food delivery ควรทำ “อย่างแรกเลยคือเรื่อง packaging ซึ่งปัจจุบันมีความหลากหลาย ซึ่งก็ต้องมาพิจารณาว่าเป็น food grade สามารถใส่อาหารได้แล้วปลอดภัยโดยไม่มีมีสารตกค้าง กล่องพลาสติกบางตัวเป็นกล่องพลาสติกที่ใส่สำหรับอาหารเย็น หรืออาหารที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 40 องศา คืออาหารอุณหภูมิปกติทั่วไปนั้นอยู่ที่ประมาณ 30 กว่าๆ แต่บางร้านก็เอาไปใส่ของร้อน เช่น เอากล่องพลาสติกใสๆ บางๆ ไปใส่ข้าวผัดอุณหภูมิ 50-70 องศา ซึ่งไม่รองรับอุณหภูมิร้อนขนาดนี้ อย่างนี้ก็เป็นกรณีที่พบเห็นกันบ่อยๆ หลายคนไม่เคยมองว่า กล่องที่ใส่นั้นทนอุณหภูมิได้กี่องศา สามารถนำไปใส่ในไมโครเวฟได้ไหม เพราะเราเคยชินกับกินอาหารเป็นแกงถุง ใส่ถุงพลาสติกกันมาก่อน ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการ food delivery จะต้องหันกลับมาให้ความสำคัญก็คือภาชนะต่างๆ ที่ใส่นั้นเป็น food grade ที่มีคุณภาพไหม แล้วรองรับอุณหภูมิได้เท่าไร” 2.ใส่อาหารให้สอดคล้องกับบรรจุภัณฑ์ กล่องกระดาษลูกฟูกที่ช่วยระบายและดูดซับไอน้ำ เป็นตัวอย่างที่ดีของการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับอาหาร “พูดง่ายๆ ก็คือ อาหารที่ใส่กับกล่องนั้นถูกจริตกันหรือเปล่า ถ้ากล่องดีเป็น food grade ใส่อาหารถูกต้องเหมาะสมกันก็จบแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ‘พิซซ่า’ เราจะเห็นได้เลยว่ากล่องพิซซ่าส่วนมาก นี่จะเป็นกระดาษลูกฟูกที่สามารถซัพพอร์ตดูดซับในเรื่องของความร้อนและความชื้นได้ เพราะถ้าใส่พลาสติกหรือภาชนะอื่นที่ไม่ระบายความร้อน ก็จะเกิดไอน้ำที่ทำให้แป้งพิซซ่านิ่มทานแล้วไม่กรอบอร่อย หรือว่าใส่ไก่ทอดในภาชนะที่ไม่ระบายความร้อนก็จะเป็นเหมือนกัน ซึ่งในเรื่องของตลาดสากลนั้นเขาให้ความสำคัญกับ packaging  มาก ชัดเจนว่าอันไหนควรใส่ของร้อน อันไหนควรใส่ของเย็น อันไหนควรที่จะใส่อุณหภูมิเท่าไร รองรับอุณหภูมิเท่าไร คืออาหารที่ทำกับ packaging ที่ใส่ต้องสอดคล้องกันครับ ซึ่งหากจะให้ลงลึกในรายละเอียดไปมากกว่านี้อีก ก็คือกล่องในปัจจุบันนี่นะครับ มีความหลากหลายและมีนวัตกรรมใหม่ๆ เยอะมาก เช่น มีกล่องที่สามารถดูดซับในเรื่องของไอความร้อนได้ด้วย เราเคยเห็นไหมว่าทำไมแกงถุงซื้อมาแบบร้อนๆ แล้วพรุ่งนี้มันบูด หรือทำไมซื้อข้าวแบบร้อนๆ ใส่กล่องแล้ววางทิ้งไว้แล้วมันบูด เนื่องจากว่าไอน้ำที่มันขึ้นไปนั้นไปเกาะติดผิวของฝา เมื่อไอน้ำถูกกลั่นหยดลงมา ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ตัวเชื้อแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์เติบโต ทำให้อาหารบูดง่าย สมัยนี้ก็มีกล่องที่สามารถที่จะซัพพอร์ตในเรื่องนี้ได้ ซึ่งถ้าเลือกใช้ให้ถูกก็จะมอบความปลอดภัยให้กับลูกค้า และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ของเราได้ด้วย” 3.กระบวนการจัดการอาหารให้รูปสวยรวยรส เลือกเมนูให้เหมาะ ควบคุมระยะเวลาและ กระบวนการในการจัดส่งให้รูปสวยรวยรสคือโจทย์สำคัญ “ในการส่งอาหารในแต่ละกล่องนั้น เราควรมีความรู้ในเรื่องของกระบวนการที่จะคงให้อาหารมีรูปลักษณ์สวยงามด้วย อย่างถ้าเกิดผมสั่งผัดผัก delivery ไป มันจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ หรือเจออะไรระหว่างทางบ้างกว่าจะเดินทางไปถึงยังมือลูกค้า เช่น เมื่อทำอาหารเสร็จต้องส่งไปยังศูนย์กลางก่อนเพื่อรอให้ไรเดอร์มารับไปส่ง ระยะเวลาในแต่ละขั้นตอนหลังจากที่รับออร์เดอร์แล้วทำส่งไปนั้น หากใช้เวลาค่อนข้างมากเมื่อผัดผักบุ้งไปถึงมือลูกค้าแล้วก็จะสีดำไม่สวย โจทย์ที่สำคัญคือเราต้องรู้จักกับอาหารของเราเป็นอย่างดี ว่าอาหารที่เราเลือกทำเป็นเมนู delivery นั้นเมื่อส่งไปถึงมือลูกค้าแล้วยังรูปสวยรวยรสอยู่ไหม เพราะถ้าเปิดกล่องมาแล้วยังสวยน่ากินนี่คือได้คะแนนไปเลย 50 -60 คะแนน ถือว่าผ่านเกินครึ่งแล้ว เราก็ต้องรู้จักกับอาหารของเราเป็นอย่างดี เลือกอาหารที่เรามีวิธีจัดการให้ถึงมือลูกค้าแล้วยังสวยน่ากิน และรสชาติอร่อยใกล้เคียงกับรับประทานที่ร้านให้มากที่สุด” 4. ไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ ต่อสุขภาพของลูกค้า “คุณภาพที่สำคัญที่สุด คือ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ ต่อสุขภาพของผู้รับประทาน คือเมื่อลูกค้ากินอาหารของเราเข้าไปแล้ว ก็ต้องไม่เกิดปัญหาอะไรทั้งสิ้นเลยกับร่างกายของผู้รับประทาน  ไม่มีเชื้อโรค ไม่มีจุลินทรีย์ ไม่มีความเสี่ยง แล้วก็ไม่สะสมให้เกิดสารก่อมะเร็งต่างๆ ซึ่งจริงๆ แล้วคุณภาพของอาหารในทั้ง 4 ด้านนี้ต่างก็เกี่ยวพันกันหมดทุกข้อจะขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไปเสียมิได้เลยครับ” กลัวว่าลูกค้าจะรับไม่ได้ ทำอย่างไรดีหากใช้บรรจุภัณฑ์คุณภาพแล้วเพิ่มต้นทุน? ทุกวันนี้เรายังเห็นบางร้านหลายแห่งที่ยังเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ไม่ถูกประเภทและไม่เหมาะสมกับอาหาร เพราะนอกจากยังไม่มีความรู้หรือตระหนักถึงเรื่องนี้ หรือไม่ก็เพราะต้องการจะ save ต้นทุนไม่ให้ราคาอาหารแพงเกินไปนัก เนื่องจากกลัวว่าถ้าตั้งราคาแพงเกินไปลูกค้าจะรับไม่ได้ จนมีผลกับยอดขายนั้น เชฟจากัวร์ ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้ว่า            “จริง ๆ ผมว่ามันเป็นความกลัวของตัวผู้จำหน่ายมากกว่าครับ ว่าถ้าเกิดเพิ่มราคาไปแล้วกลัวลูกค้าจะรับไม่ได้ แต่อยากจะบอกกับทุกๆ ร้านว่า เมื่อคุณจะขายของโดยระบบ delivery ซึ่งมันจะมีความสำคัญมากในอนาคตของคุณ แต่ตราบใดที่คุณยังไม่มีการคำนวณต้นทุนของคุณให้ดี ซึ่งมันก็เป็นประเด็นเดียวกันกับเรื่องการคิดต้นทุนที่ต้องรวมค่า GP เข้าไปด้วยนั่นแหล่ะครับ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ดีซึ่งอาจจะทำให้มีต้นทุนเพิ่มเองก็เช่นกัน ผู้ขายบางร้านอาจจะใจดีไม่กล้าตั้งราคา และแบกรับต้นทุนตรงนี้เอาไว้เอง ซึ่งเราก็ไม่อยากจะให้ผู้ประกอบการต้องควักเนื้อ หรืออยากจะให้ผู้บริโภคประสบกับปัญหาสุขภาพจากการใช้บรรจุภัณฑ์ไม่เหมาะ หรือทำให้เกิดความเสี่ยง ซึ่งจริงๆ แล้วการ delivery นั้นก็มีต้นทุนของมันอยู่ ดังนั้นผู้ประกอบการก็ควรจะกล้าที่จะตั้งราคาตามความเป็นจริง โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมต่อผู้บริโภค ไม่อย่างนั้นผู้ประกอบการเองก็ต้องเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ พยายามหาทางออกโดยการลดต้นทุนสินค้า ลดต้นทุนไปใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ลดคุณภาพสินค้า ลดพนักงาน อาหารที่ส่งก็ช้าลง คือมันลดไปหมดทุกอย่างเลย ทำให้ระบบคุณภาพมันรวนไปหมด ผมคิดว่าเราต้องทั้งให้ความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ และต้องให้ความสำคัญต่อผู้บริโภคด้วย โดยให้ความรู้ว่าผู้บริโภคเองถ้าเกิดคุณทานอาหารทุกอย่างที่เป็น food grade วันหนึ่ง “You are what you eat” นะ คือมันก็ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคเองในระยาวด้วยนะครับ”  Tips การจัดการอาหาร Delivery ฉบับเบื้องต้น ใส่บรรจุภัณฑ์ food grade ให้ถูกประเภทเหมาะสม อาหารเย็นใส่กล่องสำหรับอาหารเย็น อาหารร้อนใส่กล่องสำหรับอาหารร้อน อาหารที่ต้องการความกรอบอย่างของทอดต้องระบายอากาศ หรือดูดซับความชื้น เพื่อคงความกรอบของอาหารเอาไว้ รู้จักธรรมชาติของอาหารแต่ละประเภท และเลือกเมนูที่เหมาะสำหรับการ delivery เป็นเมนูที่เราสามารถจัดการให้ถึงมือลูกค้าแล้วยังรูปสวยรวยรส โดยคำนึงถึงระยะเวลา และกระบวนการในการจัดส่ง แยกอาหารเย็น และร้อนใส่ไว้อย่างละส่วน ไม่ใส่อาหารเย็นและร้อนรวมไว้ในถุงเดียวกัน กล่องเก็บอาหารของไรเดอร์มีช่องแยกอาหารเย็นและร้อนอย่างชัดเจน Danger Zone เป็นสิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้ เมื่อทำอาหารปรุงเสร็จใหม่ๆ ร้อนๆ ห้ามปิดฝาในทันที เพราะความระอุนอกจากจะส่งผลต่อรสชาติและรสสัมผัสของอาหารแล้ว ความชื้นจากไอน้ำที่ระเหยและควบแน่นเป็นหยดน้ำชื้นยังเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อให้จุลินทรีย์และแบคทีเรียเติบโตทำให้อาหารไม่ปลอดภัยและเสียง่าย ควรตั้งทิ้งเอาไว้สักพักประมาณ 4-5 นาที เพื่อให้อาหารคลายความร้อนก่อนแล้วจึงค่อยปิดฝา เป็นการลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้รับประทานให้ปลอดภัย และเป็นการยืดอายุอาหารไม่ให้เสียง่าย

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เผยกลยุทธ์ “ขายดี” บนแอปฟู้ด ฉบับ Robinhood พร้อมแนวคิดไม่เก็บ GP ตอบโจทย์ร้านคนตัวเล็ก

เผยกลยุทธ์ “ขายดี” บนแอปฟู้ด ฉบับ Robinhood พร้อมแนวคิดไม่เก็บ GP ตอบโจทย์ร้านคนตัวเล็ก

เพียง 1 ไตรมาสหลังจากที่แพลทฟอร์ม Food Delivery สัญชาติไทยอย่าง ‘Robinhood’ เปิดให้บริการ แอปพลิเคชั่นส่งอาหารที่ถือกำเนิดจากการเป็นโปรเจ็กต์ CSR ของธนาคารไทยพานิชย์ก็เติบโตขึ้นทุกวัน จนปัจจุบันนี้มีจำนวนยูสเซอร์มากถึงกว่า  คน โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างจากแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาดอย่างเห็นได้ชัด ผู้ที่จะมาเล่าถึงที่มา ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างของโรบินฮู้ด รวมถึงแชร์ข้อมูลเบื้องลึก ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำการตลาด Delivery อันน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการได้ดีที่สุดก็คือ ‘คุณตูน-สุธีรพันธุ์ สักรวัตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานการตลาด ธนาคารไทยพาณิชย์’ ผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโรบินฮู้ดมาตั้งแต่วันแรก แอปพลิเคชันส่งอาหารสัญชาติไทย…สำหรับคนตัวเล็กๆ  “จุดเริ่มต้นของ ‘Robinhood’ เกิดจากดำริของ คุณอาทิตย์ นันทวิทยา CEO ของธนาคารไทยพานิชย์ จากตอนที่ล็อคดาวน์โควิดเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทุกคนต้อง Work From Home แล้วสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ คุณอาทิตย์ก็รู้สึกว่าทำไมไม่มีแอปฯ ของคนไทยเลย และรู้สึกว่าธนาคารไทยพาณิชย์น่าจะมีศักยภาพที่จะทำสิ่งนี้ได้ โดยข้อแรกที่คุณอาทิตย์ตั้งโจทย์ก็คือว่า “ขอไม่เก็บค่า GP (Gross Profit = ค่าคอมมิชชั่นที่ร้านอาหารต้องจ่ายให้กับแอปฯ สั่งอาหาร)” เพราะเห็นใจร้านอาหารเล็กๆ ที่ประสบปัญหากับการเก็บค่า GP ของแอปฯ ต่างชาติ” “ใช้เวลาพัฒนาอยู่หลายเดือน เราก็เปิดตัวโรบินฮู้ดเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา แต่ก็เติบโตขึ้นทุกวัน จนตอนนี้มียูสเซอร์ที่ใช้บริการถึงกว่า 700,000 คน ภายในเวลารวมแล้วก็เพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น ตอนนี้ทุกวันมีออร์เดอร์ไม่ต่ำกว่าวันละ 13,000 ออร์เดอร์ จาก 66,000 กว่าร้านค้า  นี่เฉพาะภายในกรุงเทพฯ เท่านั้นนะครับ และในอนาคตเรายังมีแผนที่จะขยายไปยังเมืองสำคัญใหญ่ๆ อย่าง ชลบุรี เชียงใหม่ และขอนแก่น อีกด้วย” “ถ้าถามว่าโรบินฮู้ดแตกต่างจากแอปฯ เดลิเวอรี่เจ้าอื่นๆ อย่างไร เราพยายามที่จะหาจุดแตกต่างอยู่หลายเรื่องนะครับ แต่ก็สุดท้ายแล้วเราก็มาค้นพบสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ โรบินฮู้ดเป็นแพลตฟอร์มสำหรับร้านค้าและคนตัวเล็กๆ ครับ”  ข้อแตกต่างและจุดเด่นของ Robinhood ไม่เก็บค่าธรรมเนียมการใช้แพลตฟอร์ม (GP) เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการทุกรายสามารถเข้าถึงโอกาสช่องทางการขายเดลิเวอรี่ได้ เป็น Cashless Platform ซึ่งไม่ใช้เงินสด และจะเคลียร์เงินสดเข้าร้านทันทีภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งนี่ถือเป็นความเจ๋งสุดๆ เพราะในขณะที่หลายๆ แอปฯ ต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมงหรือหลายวัน แต่โรบินฮู้ดใช้ข้อได้เปรียบจุดแข็งใช้โซลูชั่นที่ SCB มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ ในการเคลียร์เงินให้ร้านค้าได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ร้านมี Cash Flow ในการดำเนินกิจการ รวมถึงตัวไรเดอร์เองก็ได้รับการเครียร์เงินให้ไวด้วยเช่นกัน ช่วยอุดหนุนค่าส่งในช่วง Off Peak เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขาย เพราะเห็นว่าช่วงก่อนเที่ยง หรือช่วงเย็นนั้นเป็นช่วง Peak Hour ที่ร้านต่างๆ นั้นน่าจะขายดีอยู่แล้ว จึงช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วงที่ขายไม่ดีด้วยการ Subsidize ค่าส่งให้ถูกลง เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจสั่งอาหารได้ง่ายขึ้น โดยที่ไรเดอร์ยังได้ค่าส่งเต็มเม็ดเต็มหน่วยอยู่ มีฟีเจอร์เรียกว่า LS (Logistic Subsidy) ซึ่งเมื่อร้านอาหารไม่ต้องจ่ายค่า GP แล้วก็เปิดโอกาสให้ร้านอาหารมอบส่วนลดให้ลูกค้าด้วยตัวเองได้เลย โดยสามารถเลือกได้ว่าจะมอบส่วนลดให้ 3 , 5  , 8 , 10 , 15   หรือ 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นการเอาส่วนที่ร้านไม่ต้องจ่ายให้แพลตฟอร์ม มาทำเป็นส่วนลดกระตุ้นยอดขายให้กับทางร้านเองได้ มีทีมซัพพอร์ตร้านค้าในการใช้งานแอปฯ เจ้าของกิจการร้านเล็กๆ โดยเฉพาะคนที่ไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีมักประสบปัญหาในการเข้าถึงโอกาสและตลาดเดลิเวอรี่ โรบินฮู้ดจึงเตรียมทีมงานไว้คอยช่วยเหลือผู้ประกอบการ แค่เดินไปธนาคารไทยพาณิชย์ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยจัดการให้ก็เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียนสมัครใช้บริการ คอยช่วยสอนวิธีลงภาพอาหาร แต่งภาพเมนู ไปจนคิดแคปชั่นโดนๆ มี Marketing Team ผู้เชี่ยวชาญที่คอยช่วยทำการตลาดเพิ่มยอดขาย โดยทางแอปฯ จะนำเอา Dynamic Delivery Data เข้ามาช่วยวิเคราะห์และกระตุ้นให้ลูกค้าสั่งอาหาร เช่น การทำคอนเทนต์ หรือการจัด Playlist ของร้านอาหารในหัวข้อต่างๆ สลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป เพื่อช่วยส่งเสริมการขายให้กับร้านต่างๆ มีการจัดทำ Playlist และคอนเทนต์สม่ำเสมอ เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าทั้งในหน้าเพจ และในแพลทฟอร์ม เปิดกลยุทธ์การตลาด Delivery ฉบับ Robinhood 1.รูปหน้าปกต้องดูดีเหมือนหน้าตาเจ้าของร้าน “ผู้ประกอบการควรใส่ใจในเรื่องการถ่ายภาพอาหารซึ่งถือเป็นจุดสำคัญอย่างแรกๆ ที่ลูกค้าจะตัดสินใจแวะเข้ามาดูร้านและสั่งอาหารของเราหรือไม่ เพราะในแอปฯ ก็มีร้านอื่นๆ เป็นตัวเลือกอีกมากมาย ถ้ารูปไม่ดึงดูดก็อาจทำให้ร้านของเราพลาดโอกาสสร้างยอดขายไปอย่างน่าเสียดาย ร้านที่นำเสนอภาพอาหารได้น่าสนใจ ยอมมีโอกาสในการขายได้มากกว่า แต่สิ่งสำคัญคือรูปกับอาหารต้องตรงปกด้วยเพราะถือเป็นสัญญาระหว่างร้านกับลูกค้า”  2.โปรโมทร้านตามกรุ๊ป “การฝากร้านตามกรุ๊ปในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นเทคนิคที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง แต่ต้องบอกครับว่าได้ผลดีอย่างมาก เพราะคนส่วนใหญ่มักจะเชื่อถือคนที่มีตัวตนอยู่ในออนไลน์คอมมูนิตี้ต่างๆ มากกว่า ปัจจุบันนี้มีกรุ๊ปที่เกี่ยวกับประเภทอาหารและร้านสไตล์ต่างๆ ออกมามากมาย เช่น กรุ๊ปครัวซองต์ กรุ๊ปแซลมอน กรุ๊ปอาหารญี่ปุ่น กรุ๊ปอาหารจีน กรุ๊ปคาเฟ่ ฯลฯ เรียกได้ว่าแทบจะครอบคลุมทุกกลุ่มประเภทอาหาร เราสามารถเอาร้านของเราไปฝากโปรโมทต่างกรุ๊ปต่างๆ เหล่านี้ และหากมีการให้ส่วนลดพิเศษหากมาจากกรุ๊ปนี้ ก็สามารถสร้างแรงจูงใจกระตุ้นยอดขายได้อีกทาง” 3.กลยุทธ์ตั้งราคาแบบ ‘ลับ ลวง พราง’ “เทคนิคนี้ฝรั่งเรียกว่า ‘Ugly Brother’ เป็นเทคนิคการตั้งราคาเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างหนึ่ง เช่น  อาหารชนิดเดียวกันแต่มีให้เลือก 3 ขนาด คือ S, M และ L  ขนาดเล็กไซส์ S ตั้งราคาเริ่มต้นปกติ แต่ให้ตั้งราคาไซส์ M และ L ให้ราคาไม่ทิ้งห่างกันมาก ลูกค้าก็จะเปลี่ยนจากการสั่งขนาดกลางไปสั่งขนาดใหญ่ ซึ่งดูคุ้มค่ากว่ามาก ช่วยทำให้ร้านมียอดขายมากขึ้น” 4.สร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ “บางร้านที่ขายดีหน้าร้านแต่ปรากฏว่าขายบนแพลทฟอร์ม Online delivery ไม่ดีเลย อาจเป็นไปได้ว่าเพราะคนที่ใช้กันแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่นั้นส่วนใหญ่มักเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ใน Social Media ดังนั้นร้านของคุณจึงต้องมีตัวตนอยู่ในโซเชียลมีเดีย และบนโลกออนไลน์ด้วย ขอให้หมั่นใช้โซเชียลมีเดียในทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็น  Facebook หรือ Line และที่สำคัญเปิด Google Map มาก็ต้องเจอ ซึ่งเมื่อมีหมุดบนแมปแล้ว ก็ต้องเคลมหมุดนั้นให้เป็น official ของทางร้านด้วย เพราะจะทำให้เหมือนว่าเรามีเพจมีช่องทางเพิ่มขึ้นอีกอย่าง ใช้เป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์การตลาดได้อย่างเห็นผล ซึ่งหากไม่รู้ว่าจะปักหมุด หรือเคลมหมุดที่มีอยู่แล้วให้เป็น official ของร้านได้อย่างไร ก็สามารถไปที่ธนาคารไทยพานิชย์ เพื่อขอให้พนักงานที่ให้บริการทางด้านนี้โดยเฉพาะช่วยจัดการให้ก็ได้” 5.ชวนสั่งออนไลน์ลูกค้ายิ่งสะดวกยิ่งสั่งบ่อย “เมื่อมีตัวตนบนโลกออนไลน์แล้ว ก็ต้องหมั่นทำคอนเทนต์เชิญชวนให้ลูกค้าสั่งให้เกิดยอดขาย หรือไม่ก็ขยันทำโปรโมชั่นมอบส่วนลด มีบางร้านที่สามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างเห็นผลโดยการนำโค้ดส่วนลดที่ทำร่วมกับทุก Application มารวมโปรโมทผ่านทางเพจ และทางช่องทางต่างๆ ของร้านอยู่เสมอ เพื่อเป็นการมอบสิทธิพิเศษและกระตุ้นยอดขายให้กับแฟนประจำของร้าน ซึ่งถือเป็นวิธีที่ง่าย ฉลาด สามารถทำได้ด้วยตัวเอง” 6.ใส่ใจในคุณภาพ ซื้อครั้งแรกอาจเพราะการตลาด แต่จะซื้อครั้งที่ 2 ต้องเพราะประทับใจ “อย่างไรก็ตามการทำโปรโมชั่นเพื่อเพิ่มยอดเดลิเวอรี่ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้คุณค้าขายได้อย่างยั่งยืน ที่สำคัญคือต้องควบคุมคุณภาพว่าทำอย่างไรอา จะได้มาตรฐานความปลอดภัย ทำอย่างไรลูกค้าถึงจะได้กินอาหารอร่อยใกล้เคียงกับการนั่งรับประทานทานที่ร้านมากที่สุด ต้องคิดถึงประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับ แพ็คเก็จจิ้งต้อง function คุณภาพการส่งมอบอาหารและรสชาติอาหารต้องดี นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงการสร้างแบรนด์ให้น่าเชื่อถือและน่าจดจำ เราต้องมอบสิ่งดีๆให้กับลูกค้า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดและจะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้เลยครับ”

สูตรอาหารเพิ่มเติม
วิธีสร้างแบรนด์สตรีทฟู้ดเดลิเวอรี่ของ ‘เขียง’ ขยายสำเร็จกว่า 80 สาขา ในระยะเวลา 2 ปี

วิธีสร้างแบรนด์สตรีทฟู้ดเดลิเวอรี่ของ ‘เขียง’ ขยายสำเร็จกว่า 80 สาขา ในระยะเวลา 2 ปี

เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยน ผู้ประกอบการหลายๆ ท่านน่าจะตระหนักกันดีถึงความสำคัญของ Food Delivery ซึ่งเป็น ‘ทางรอด’ ของร้านอาหารในทุกวันนี้กันแล้ว แต่ย้อนอดีตไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนที่โควิดยังไม่เกิด จนส่งให้กระแสฟู้ดเดลิเวอรี่ยังไม่ได้มาแรงแซงทางโค้งขนาดนี้ มีแบรนด์สตรีทฟู้ดน้องใหม่แบรนด์หนึ่งที่แจ้งเกิดและเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จนปัจจุบันนี้มีจำนวนมากถึงกว่า 85 สาขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชื่อกันหรือไม่ว่าความสำเร็จอันโดดเด่นจนน่าทึ่งนี้ใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น!? วันนี้เรามีโอกาสดี ได้พูดคุยเปิดบทเรียนความสำเร็จ กับ ‘คุณเบส-ศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์’ ผู้ให้กำเนิดแบรนด์ส้มตำพันล้านขวัญใจมหาชนอย่าง ‘ตำมั่ว’ ชายหนุ่มคนนี้ยังเป็น กรรมการบริหาร และ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจแบรนด์ไทย ของ บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ ‘เขียง’ อีกด้วย ‘เขียง’ แบรนด์สตรีทฟู้ดที่ถูกคิดค้นมาเพื่อ Delivery “ต้องบอกว่าในกรุ๊ป ZEN นั้นธุรกิจส่วนใหญ่ของเราอยู่ในห้างสรรพสินค้า ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์อย่าง ZEN, AKA, ตำมั่ว, ลาวญวน หรือ On The Table ตัวผมเองได้รับโจทย์นี้มาเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว จากการสังเกตดูยอดขาย คือจากสมัยก่อนที่เราขายเดลิเวอรี่ได้ไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ พอเริ่มแตะ 10 เปอร์เซ็นต์ สิ่งที่เป็นโจทก์ใหม่ก็คือว่า ประเภทของอาหารกับที่ตั้งของเราไม่เหมาะที่จะทำเดลิเวอรี่ ด้วยสัดส่วนค่าเช่าและต้นทุน labour cost” “คือ มันมีร้านอาหารที่ถูกดีไซน์มาเพื่อ Dine In (รับประทานที่ร้าน) มาตั้งแต่ต้น อย่างในแบรนด์ที่เรามีอยู่ก็คือ AKA ที่เป็นบุฟเฟ่ต์ ส่วน ZEN ก็เป็นซูชิ ฯลฯ ซึ่งแค่เฉพาะอาหารที่ขายก็ไม่เหมาะสำหรับการทำเดลิเวอรี่แล้ว สิ่งที่เรายังต้องเจออีกก็คือ ความไม่สะดวกสบายของไรเดอร์ที่จะไปรับอาหารบนห้าง และที่ตั้งซึ่งไม่เอื้อต่อการจัดส่ง เรายังต้องเจอกับค่า GP (Gross Profit  = ค่าคอมมิชชั่นที่ร้านอาหารจะต้องจ่ายให้กับแอปสั่งอาหาร) อีก แม้กระทั่ง Packaging ก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเดลิเวอรี่ ค่าเช่าสถานที่ซึ่งไม่แมชท์กับรายรับ ก็เลยทำให้ต้องกลับมาคิดว่า ถ้าเราต้องการความยั่งยืนในระยะยาว ก็จะต้องคิดแบรนด์ใหม่ขึ้นมาเพื่อมุ่งเดลิเวอรี่โดยเฉพาะ เป็นที่มาของแบรนด์ ‘เขียง’ (Khiang by Tummour) ซึ่งถูกออกแบบมาตั้งแต่วันแรกว่า ถ้ายอดขาย 50% จะต้องมาจากเดลิเวอรี่ ร้านของเราควรจะต้องอยู่ที่ไหน? ค่าเช่าไม่เกินเท่าไหร่? และต้องขายอาหารประเภทอะไร?” เลือกทำในสิ่งถนัด…ไม่วิ่งตามกระแส “โจทย์ของเราในตอนนั้นคือ เราไม่เลือกอาหารที่เป็นเทรนด์ เพราะอะไรที่ตามกระแส มักจะเป็น ‘Red Ocean’ ที่คู่แข่งมักจะเยอะ และกระแสเป็นอะไรที่มาแล้วก็ไป แต่เราอยากจะเข้าไปในตลาดที่เป็น ‘Blue Ocean’ ที่มีความยั่งยืนมากกว่า” “เหตุผลที่เลือกทำแบรนด์ ‘เขียง’ ซึ่งเป็นอาหารตามสั่ง ประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือ ด้วยความชำนาญของเราเองด้วย ซึ่งผมว่าเวลาที่จะตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ผู้ประกอบการต้องกลับมาถามตัวเองก่อนเสมอว่า เราถนัดอะไร อย่างตอนนั้นผมถามตัวเองแล้วพบว่าเราถนัดอาหารไทย คือทุกคนจะจำผมได้ดีในแง่ของอาหารไทย และจำ ZEN ได้ในแง่ของ quality เราจึงเลือกที่จะนำอาหารตามสั่งที่คนไทยรับประทานได้บ่อยๆ อย่างผัดกะเพรา มายกระดับให้สามารถเข้าถึงทุกคนได้อย่างมีมาตรฐาน ให้ได้รสชาติเหมือนกันทุกจาน สามารถส่งถึงมือลูกค้าในเวลาอันรวดเร็ว และในอุณหภูมิที่เหมาะสม รวมถึง Functional Design ของ Packaging ต่างๆ ได้เหมือนกันทุกสาขา” กลยุทธ์การวางหมาก…ไขความลับสู่ความสำเร็จ ณ วันนี้ที่ถือกำเนิดมาได้เพียงแค่ 2 ปี แบรนด์สตรีทฟู้ดอัพเลเวลอย่าง ‘เขียง’ มีจำนวนสาขามากถึง 85 แห่งแล้ว และภายในสิ้นปี 2021 นี้ ก็น่าจะขยายได้ถึง 150 สาขา (ในระยะเวลาเพียงแค่ 3 ปี เท่านั้น) คุณเบสยังกล่าวไว้อย่างมั่นใจอีกว่า ทางกรุ๊ป ZEN ตั้งเป้าจะขยาย ‘เขียง’ ให้ได้ถึง 1,000 สาขาในอนาคต เมื่อถามถึงปัจจัยหลักไขความลับสู่ความสำเร็จ หรือ Key Success ของแบรนด์ ‘เขียง’ คุณเบสกล่าวว่า อยู่ที่การทำ Research จนพบว่ากระแสของ Street Food & Delivery กำลังมาแรง บวกประสบการณ์ที่สั่งสมมาทำให้สามารถ ‘วางหมาก’ ได้อย่างแม่นยำ ดังนี้ คิดอย่างรอบด้าน เช่น เมื่อรู้ว่าตั้งแต่แรกแล้วว่าจะสร้าง ‘เขียง’ ให้เป็นแบรนด์เรือธง ที่ขยายสาขาจำนวนมากทั่วประเทศ เมื่อรู้สเกลของสิ่งที่จะทำก็เตรียมพร้อมในทุกส่วน เช่น คิดค้นและสั่งผลิต Pre Mix Sauce หรือซอสปรุงเฉพาะของแบรนด์ เพื่อรักษาคุณภาพอาหารให้ได้รสชาติเหมือนกันทุกสาขา เลือกบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งาน เช่น เข้าไมโครเวฟได้ ต้องถือรับประทานได้ในรถ เป็นกระดาษที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ช้อนต้องเป็นช้อนสั้นไม่ใช่ช้อนส้อมเพื่อความสะดวกของลูกค้าในการตักรับประทาน ฯลฯ ฟังก์ชันของร้าน เน้นการส่งอาหารมากกว่านั่งกินที่ร้าน ที่ตั้งของร้านเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ นอกจากมีค่าเช่าที่แมชท์กับรายรับ จึงทำโครงสร้างราคาให้สามารถสู้กับค่า GP ได้ นอกจากนี้เมื่อประหยัดค่าเช่า เช่น ค่าเช่าตึกแถว หรือปั๊มน้ำมัน ซึ่งน้อยกว่ากันหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับการเช่าพื้นที่ภายในห้าง ยังช่วยประหยัดต้นทุนและทำให้ขยายสาขาได้เร็วอีกด้วย ต้องอยู่ใน Trade Zone ซึ่งเป็นแหล่งชุมชน มีผู้ใช้บริการเยอะ เช่น ตึกแถวใกล้กับหมู่บ้านจัดสรร ปั๊มน้ำมัน ใกล้กับ Convenience Store เป็นจุดที่เข้าถึงลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก และสะดวกที่ไรเดอร์จะมารับ-ส่งสินค้า ทำให้สามารถ รับปากได้ว่าสามารถส่งอาหารได้ถึงมือลูกค้าได้ในเวลาไม่เกิน 30-45 นาที ฝากไว้ให้คิด…ในวันหนึ่งที่อาจไม่มี COVID-19 “อย่าวางใจว่าเดลิเวอรี่จะยั่งยืน เพราะไม่ใช่ว่าโควิดจะอยู่ไปตลอด ถ้าวันไหนโควิดหมด ลูกค้าอาจจะอยากกลับมานั่งเอ็นจอยที่ร้านอาหาร สิ่งที่แบรนด์และร้านต่างๆ จำเป็นต้องคิดถึงกันตั้งแต่วันนี้ก็คือ การปรับสัดส่วนรายได้ระหว่างการนั่งรับประทานที่ร้านกับการเดลิเวอรี่ให้เหมาะสม ดังนั้นในระยะยาวแบรนด์และแต่ละร้านจะต้องกลับมาทบทวนดูว่า เราจะอยู่รอดได้ด้วยอะไร ต้องแยกพอร์ต ‘dine In’ กับ ‘delivery’ ให้เหมาะสม วางกลยุทธ์ของตนเองให้ดี”  คำแนะนำก่อนที่จะลงมือทำกิจการ “สำหรับผู้ประกอบการทุกท่าน ผมอยากฝากไว้ในเรื่องของการทำ research ข้อมูลให้ดีๆ ก่อนที่จะลงมือทำอะไร เช่น จริง ๆ แล้วคนไทยชอบทานอะไร ทานเมนูประเภทไหนบ่อยที่สุด คนไทยมีรายรับเท่าไรที่จะ spend เงิน ฯลฯ คือพยายามหาข้อมูลทำการบ้านให้ได้มากที่สุด ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการคงต้องทำการบ้านเอาไว้ก่อน เพราะว่ายิ่งเศรษฐกิจไม่ดีผมคงไม่แนะนำให้ผู้ประกอบการรายย่อยทำไปก่อน เจ๊งแล้วค่อยเปลี่ยนถูกไหมครับ” “แต่จะทำอย่างไรที่เราจึงจะแม่นที่สุด และก็ไม่กระโดดลงไปเล่นในเรื่องของสิ่งที่มันเป็นแพสชั่น ต้องบอกว่าตอนนี้พอผมขายกะเพรา รายเล็กรายใหญ่ก็หันมาขายกะเพรากันหมดถูกไหม แทนที่มันจะเป็น Blue Ocean ก็กลายเป็น Red Ocean สำหรับผู้ประกอบการรายเล็ก แล้วคราวนี้มันต้องมาดูความชำนาญของผู้ประกอบการด้วย ว่าจริงๆ แล้วคุณเก่งก๋วยเตี๋ยว แต่คุณเห็นกะเพราดัง คุณก็เลยมาขายกะเพราหรือเปล่า หรือจริงๆ แล้วคุณควรจะทำสิ่งที่คุณถนัดให้มันเป็นเลิศ อยากฝากให้ทำการบ้านหาข้อมูลกันให้ดีๆ ก่อนตัดสินใจจะลงมือทำอะไรสักอย่างครับ” Did You Know? โมเดลของร้านเขียง แบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ แบบสแตนดาร์ด และแบบโลว์คอสต์ ประกอบด้วย 8 รูปแบบ คือ สาขาในฟู้ดคอร์ต,คอมมูนิตี้มอลล์, ปั๊มน้ำมัน, โลตัส, สถานีรถไฟฟ้า MRT, ตึกแถว, แบบสแตนด์อะโลน และภายในห้างสรรพสินค้า กระจายกันอยู่ในพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ และตามต่างจังหวัดที่เป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ เช่น เชียงใหม่ หาดใหญ่ ฯลฯ

สูตรอาหารเพิ่มเติม
Workshop เทรนด์อาหารและการสร้างสรรค์เมนู ในสไตล์ที่เป็นคุณ

Workshop เทรนด์อาหารและการสร้างสรรค์เมนู ในสไตล์ที่เป็นคุณ

ภาพบรรยากาศงาน Workshop เทรนด์อาหารและการสร้างสรรค์เมนู ในสไตล์ที่เป็นคุณสอน โดย เชฟวิลแมน ลีออง ปัจจุบันเป็นFounder – Chairman Thailand Culinary Academyเจ้าของร้านอาหาร Coal Bistro ย่านราชพฤกษ์และเป็นที่ปรึกษาร้านอาหารทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศอดีตเคยเป็นเชฟใหญ่ที่โรงแรม 5 ดาวหลายประเทศEP.1 EP.2 EP.3 EP.4 EP.5 EP.6 สำรวจหัวข้อเพิ่มเติม

สูตรอาหารเพิ่มเติม
https://10.6.58.209/th/articles/howto_register_MHA_member

https://10.6.58.209/th/articles/howto_register_MHA_member

MHA พัฒนาระบบเว็บใหม่ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้า  เข้าเรียนได้เร็วขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น เสถียรกว่าเดิม วิธีสมัครสมาชิก MHA และเข้าเรียนคอร์สอนไลน์ฟรี!  กดเข้าเว็บไซต์ www.makrohorecaacademy.com/th และทำตามขั้นตอนได้เลย สนใจสมัครสมาชิกฟรี  >> https://bit.ly/3jJAuiV คลิกดูคอร์สทั้งหมด >> https://bit.ly/3dLWOop ขั้นตอนการสมัครสมาชิก MHA 1. ขั้นตอนที่ 1 คลิกปุ่ม Register Now เพื่อสมัครสมาชิก MHA ก่อนเข้าเรียนคอร์สออนไลน์ฟรี 2. ขั้นตอนที่ 2 กรอกหมายเลขสมาชิก Makro หรือกรอกเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ในการสมัคร Makro และคลิกปุ่มทำรายการต่อ 3. ขั้นตอนที่ 3 กรอกรหัสยืนยัน (OTP) ซึ่งจะส่งมาทาง SMS ของคุณ 4. ขั้นตอนที่ 4 สร้างรหัสผ่าน จำนวน 6 ตัวอักษรขึ้นไป และคลิกยืนยันรหัสผ่าน 5. ขั้นตอนที่ 5 เมื่อสมัครเรียบร้อย มุมซ้ายบน จะขึ้นคำทักทายว่า Welcome to MHA.ถือเป็นการสมัครสมาชิก MHA และเข้าสู่ระบบเรียบร้อย ขั้นตอนการเข้าเรียนคอร์สออนไลน์ฟรี! 1. ขั้นตอนที่ 6 คลิกไอคอน “สามขีด” มุมซ้ายบน จะขึ้นหน้า “หลักสูตร” สามารถเลือกเรียนได้ 4 หมวด ดังนี้ การจัดการภายในร้านอาหาร, บริหารการเงินรู้กำไรรู้ขาดทุน, การตลาดและการโปรโมทร้าน, พัฒนาเมนูและการตั้งราคา หรือคลิก “ดูหลักสูตรทั้งหมด” เพื่อดูคอร์สออนไลน์ทั้งหมดได้เลย 2. ขั้นตอนที่ 2 เลือกคอร์สเรียนที่คุณสนใจ และคลิกบทเรียนนั้นๆ 3. ขั้นตอนที่ 3 สำหรับผู้ที่คลิกดูคอร์สออนไลน์ครั้งแรก จะขึ้น Pop Up ตามภาพ คลิกปุ่มสีแดง “เพิ่มในหลักสูตรของฉัน” จะขึ้นข้อความว่า “เพิ่มสำเร็จ” และกดปุ่ม “เรียนรู้ตอนนี้” 4. ขั้นตอนที่ 4 สามารถเริ่มเรียนคอร์สออนไลน์ได้ทันที!

สูตรอาหารเพิ่มเติม
พลิกร้านอาหารกำไรน้อย ให้ได้กำไรเพิ่ม! กับเจ้หมึก เจ้าของร้าน ล้มยักษ์ เพชรบุรี ซอย 5

พลิกร้านอาหารกำไรน้อย ให้ได้กำไรเพิ่ม! กับเจ้หมึก เจ้าของร้าน ล้มยักษ์ เพชรบุรี ซอย 5

ใครจะเชื่อว่าจากร้านที่ไม่มีแววว่าจะไปรอดในวันนั้น จะอยู่รอดและมีกำไรมากขึ้นจนถึงวันนี้ MHA ถอดบทเรียน และ Follow up ผลลัพธ์ของภารกิจพลิกฟื้นธุรกิจร้านอาหาร กับ เจ๊หมึก เจ้าของร้านล้มยักษ์ เพชรบุรี ซอย 5 หนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการ MHA Advise ปั้นธุรกิจสู่มืออาชีพ โครงการจาก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี (MHA) ที่จะเข้าไปให้คำปรึกษาเจ้าของร้านอาหารที่เป็นสมาชิกแม็คโคร และสมาชิกแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี (MHA) เพื่อให้ไปต่อได้และมีกำไรเพิ่มขึ้น ที่สำคัญฉายา เจ๊หมึกล้านวิว ได้มาเพราะ 01.jpg 67.31 KB ร้านล้มยักษ์ ที่กำไรไม่ยักษ์ใหญ่อย่างที่คิด… ก่อนจะเข้าเรื่องภารกิจพลิกฟื้นธุรกิจร้านล้มยักษ์ MHA ขออนุญาตเท้าความถึงร้านนี้สักหน่อย เจ๊หมึก หรือ คุณฐิตาภัสร์ วีระปฐมศักดิ์ เจ้าของ ร้านล้มยักษ์ เพชรบุรี ซอย 5 ด้วยความที่เป็นคนชอบทานก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ และกะเพรา จึงคิดอยากจะเปิดร้านอาหารที่ขายเมนูที่ตัวเองชอบทาน และเป็นอาหารที่ทุกคนทานได้ ไม่น่าเบื่อนั่นเอง สำหรับที่มาของชื่อล้มยักษ์ เนื่องจากเป็นคนกินเยอะ เวลาไปร้านไหนมักจะต้องสั่ง 2 -3 จาน จึงคิดอยากจะเปิดร้านที่ลูกค้ามากินแล้วอิ่มในจานเดียวเลย ซึ่งเป็น concept ของร้านคือ “ถ้าลูกค้ากินเยอะ ก็สั่งไซส์ยักษ์ได้เลย” ส่วนคำว่า ล้มยักษ์ มาจากเมนูขนาดใหญ่ไซส์พิเศษ ถ้าลูกค้ากินหมดได้ภายในเวลา 30 นาที ก็ไม่ต้องจ่ายเงินเลย ซึ่งที่ร้านเรียกกันว่า ไซส์ล้มยักษ์ ก่อนจะเข้ามาขอรับคำปรึกษาในโครงการ MHA Advise นั้น คุณหมึกเปิดร้านล้มยักษ์มาประมาณ 5-6 เดือนแล้ว แต่ร้านมีปัญหามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการทำอาหารล่าช้า เสิร์ฟผิด ทำผิดเมนู ลูกน้องไม่พอ ฯลฯ แต่ปัญหาที่หนักที่สุดก็คือ กำไรน้อย ทั้งๆที่ร้านล้มยักษ์มียอดขายเดือนละหลักล้าน แต่ได้กำไรแค่ 5,000-20,000 บาทเท่านั้นด้วยปัญหาที่สะสมมาตลอดหลายเดือน ทำให้ถอดใจอยากจะเซ้งร้านเลิกขาย แต่เพราะยังมีลูกค้าจึงกัดฟันทำร้านต่อไป และเริ่มรู้สึกแล้วว่าร้านจะต้องมีปัญหาอะไรสักอย่าง จึงเริ่มมองหาหนทางแก้ไข“พอดีมีโอกาสได้ไปงานแม็คโคร ก่อนที่เชฟจะเข้ามาช่วยปรับปรุงให้ที่ร้าน เราได้ไปงานที่แม็คโคร ศรีนครินทร์ เป็นงานเหมือนประมาณว่าเราไปปรึกษากับเชฟว่าเรามีปัญหาอะไร เราควรแก้ไขยังไง เราก็สมัครเข้าไป” คุณหมึกเท้าความให้ฟัง จุดพลิกผัน กับโครงการ MHA Advise คุณหมึกได้เข้ามาปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญในโครงการ MHA Advise ปั้นธุรกิจสู่มืออาชีพ และได้มีโอกาสพูดคุยปรึกษากับ “เชฟจ็อบ” ประมาณ 30 นาที ในเบื้องต้น เชฟจ็อบ ณัฏฐินี ปลอดทอง ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวางแผนเมนู และ Trainer ด้านงาน Operation ครัว ได้ให้คำแนะนำเรื่องการจัดการวัตถุดิบของทางร้าน จากเดิมที่ใช้การกะประมาณ มาเป็นการชั่งตวงแทน วิธีนี้ช่วยลดปัญหาเรื่องวัตถุดิบได้เป็นอย่างดี ซึ่งผลจากการปรับปรุงตามคำแนะนำของเชฟจ๊อบ ทำให้ปัญหาเรื่องวัตถุดิบลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังมีปัญหาอื่น ๆ ของร้านที่รอการแก้ไขอยู่อีกจำนวนมาก คุณหมึกจึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ MHA Advise เพื่อขอรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญให้มากขึ้นกว่าเดิม จากการเข้าร่วมโครงการ MHA Advise นี้เอง นอกจากคุณหมึกจะได้คำแนะนำจาก เชฟจ๊อบ อย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังได้รับคำแนะนำ เพิ่มเติมจาก เชฟแดเนียล อัลทอส อดีต Executive Chef โรงแรม 5 ดาว และครัวการบินชั้นนำ ในการจัดการปัญหาภายในร้าน โดยมาให้คำปรึกษาฟรีถึงร้านทั้งเชฟจ็อบและเชฟแดเนียล ตัดเมนู เพิ่มกำไร เรื่องแรกที่เชฟแนะนำให้ปรับปรุงคือ การจัดการเมนูอาหาร โดยตัดเมนูที่ขายไม่ดีหรือเมนูที่ไม่มีใครสั่งออกไป เหลือไว้แต่เมนูที่ขายดีเท่านั้น ทั้งนี้เชฟให้เหตุผลว่า เป็นการบริหารวัตถุดิบ ช่วยลดต้นทุนด้วยการลดวัตถุดิบที่ไม่ได้ใช้ แต่เก็บเอาไว้จนเน่าเสียอีกด้วย โดยคุณหมึกได้ตัดท้อปปิ้งของบะหมี่ที่มีจำนวนเยอะเกินไปออก จนเหลือเพียง 3 อย่าง ตัดท้อปปิ้งหมูทอดออกไป เพราะไม่ได้ขาย และคำนวณต้นทุนของท้อปปิ้งใหม่ให้มีกำไรเพิ่มขึ้น ส่วนเมนูกะเพรานั้น ได้ลดจาก 30 เมนู เหลือเพียง 10 เมนู เฉพาะที่ขายได้จริงๆเท่านั้น ทำให้จัดการสต๊อกวัตถุดิบได้ดีมากขึ้น แต่กว่าจะตัดเมนูออกได้ก็ต้องทำการบ้านกันน่าดู ทั้งคุณหมึก และเชฟจ๊อบ ต้องทำการจัดหมวดหมู่เมนูซะใหม่ และเก็บสถิติการสั่งของแต่ละเมนู ต้องทำ POS (Point of Sale : ระบบการขายหน้าร้าน) อยู่ประมาณ 10 วัน เพื่อเก็บสถิติว่าอะไรขายดี อะไรขายไม่ได้เลย และรายงานเชฟเป็นระยะ เสิร์ฟอาหารไวขึ้น ด้วยการจัดครัวใหม่ เชฟแดเนียล ได้แนะนำวิธีแก้ปัญหาเรื่อง Flow ในการทำงานของร้าน ซึ่งปัญหาเกิดจาก พื้นที่ปรุงอาหารกระจายหลายจุดเกินไป ทำให้ใช้คนเยอะ เชฟได้แนะนำให้แก้ไขด้วยการย้าย Station ต่างๆ ให้อยู่ในที่เหมาะสม ได้แก่1.หม้อต้มเกี๊ยว ไมโครเวฟ หมูกรอบ ต้องย้ายไปรวมกับโซนบะหมี่ จากเดิมที่อยู่แยกกัน ทำให้เกิดความล่าช้าในการประกอบเมนู2.ย้ายตู้เย็นจากชั้นบน ให้ลงมาอยู่ในครัว จะได้ไม่เสียเวลาในการให้เด็กคนงานวิ่งขึ้นลงเวลาต้องการวัตถุดิบ ทำให้อาหารออกเร็วขึ้นและประหยัดเวลาทำงานไปได้มาก และเชฟยังได้แก้ไขระบบจัดการออเดอร์ให้ดีขึ้น โดยเชฟได้แนะนำให้ แก้ไขด้วยการเพิ่มคลิป ตะขอเกี่ยว และราวสำหรับหนีบใบออเดอร์ จะได้จัดเรียงใบออเดอร์ได้อย่างเป็นระเบียบ และไม่หายไปไหน จากเดิมที่ให้วิธีกองไว้หรือถือใบออเดอร์เอาไว้แล้ววิ่งขึ้นลงหยิบวัตถุดิบตามออเดอร์ที่ได้มา ผลลัพธ์หลังการเปลี่ยนแปลง กว่า 3 เดือนแล้ว ที่ภารกิจพลิกฟื้นธุรกิจของ ร้านล้มยักษ์ เพชรบุรี ซอย 5 ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่ได้กลับมานั้น ถือว่าพลิกธุรกิจเลยทีเดียว“ตอนนี้จาก 5,000 ที่เราเปิดครั้งแรก แล้วเราก็ทำตามคำแนะนำของเชฟ ตอนนี้เราก็เห็นกำไรหลักแสนแล้วค่ะ จากเมื่อก่อนเราไม่มีเงินเดือนตัวเอง เดี๋ยวนี้เราก็มีเงินเดือนตัวเอง รู้จักตั้งเงินเดือนตัวเอง เมื่อก่อนนี้เราทำงานไม่มีเงินเดือนตัวเอง แต่เราเหลือเงินไม่เกิน 5,000 15,000 20,000 แต่ตอนนี้เรามีเงินเดือนตัวเองเริ่มต้นที่ 40,000บาทก่อน ที่เหลือก็เป็นกำไร”คุณหมึกยังให้ข้อคิดที่ได้จากเชฟ ถึงเรื่องยอดขายและเมนูว่า บางครั้งหากยอดขายเท่าเดิมแต่ถ้าเราคุมค่าใช้จ่ายได้ดี ก็ทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้าง หรือค่าวัตถุดิบก็ตาม และถ้าหากสามารถเปิดร้านเพิ่มได้ในวันที่เคยหยุด โดยที่ไม่กระทบกับการจ้างงาน ก็จะมีกำไรมากขึ้นอีกทางหนึ่ง“เดี๋ยวนี้ก็คือร้านเรายอดขายเท่าเดิมแต่กำไรเพิ่มขึ้น" เพราะ จากการที่เราไม่ต้องเสียเงินไปกับวัตถุดิบที่เราซื้อมาแล้วไม่ได้ขายแล้วมันก็เน่าเสียไป เราก็ไม่ต้องจ้างพาร์ทไทม์ เราสามารถเปิดร้านได้ทุกวันโดยไม่ต้องหยุดร้านแล้ว”และในการปรับปรุงร้านนั้นใช่ว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายเสมอไป อุปกรณ์หลายอย่างเราอาจจัดวางไม่ถูกที่ หรือไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ถ้ามีกำลังในการซื้อมาและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ก็เป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับร้าน“อย่างเช่น เมื่อก่อนเราใช้ที่ร้านมีไมโครเวฟอยู่แต่ร้านเราไม่ค่อยได้ใช้ไมโครเวฟให้เป็นประโยชน์ ส่วนมากเราใช้เตาไฟฟ้าเวลาตุ๋นหมูหรือตุ๋นเนื้อ ซึ่งทุกอย่างมันทำเป็น portion แล้วมาเวฟได้มันจะไม่เสีย แล้วก็ตู้เย็นที่เรามีอยู่ คือปกติเราเอาตู้เย็นไว้ชั้น 3 เด็กต้องวิ่งขึ้นจากชั้น 2 ไปชั้น 3 เพื่อที่จะวิ่งไปเอาวัตถุดิบ เชฟแนะนำเราว่าตู้เย็นตรงนี้ ควรอยู่ตรงไหน ควรทำหน้าที่อะไร คือลดเวลาไม่ให้ต้องวิ่งเหนื่อยด้วย จะได้ไม่ต้องวิ่งขึ้นไปเอาวัตถุดิบแล้วควรจัดเก็บวัตถุดิบยังไง ควรเก็บตู้ไหน ของที่เรามีอยู่แล้วที่เราใช้ไม่เป็น เชฟมาบอกว่าเราควรใช้แบบไหนด้วย” ทุกวันนี้คุณหมึกยังคงต้องทำการบ้านส่งเชฟทุกวัน ยังคงต้องเก็บสถิติว่าอะไรขายดี หรือขายไม่ดี เพราะเชฟยังคงอยากให้ตัดเมนูลงอีก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยที่ทีม MHA Advise ยังคงติดต่อถามไถ่ให้คำปรึกษาคุณหมึกอยู่ตลอด ไม่ว่าจะในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา ควรปรับตัวอย่างไร หรือให้โจทย์ใหม่ที่ท้าทายคุณหมึกอยู่ในตอนนี้ ด้วยภารกิจการพัฒนาเมนูอาหารใหม่ เมนูที่ใช้วัตถุดิบเดิม ไม่ต้องใช้วัตถุดิบใหม่ แต่สามารถรังสรรค์เมนูใหม่ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าไม่ให้เบื่อ และยังมาทานอยู่เรื่อย ๆ โดยคุณหมึกไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับทาง แม็คโคร โฮเรก้า อาคาเดมี่เลยก่อนจากกันคุณหมึกยังฝากให้กำลังใจผู้ประกอบการร้านอาหารให้ฝ่าฟันอุปสรรคในช่วงวิกฤตินี้ไปให้ได้ และให้ข้อคิดในการทำธุรกิจร้านอาหารว่าจะต้องทำความเข้าใจธุรกิจร้านอาหารให้ดีซะก่อน“เมื่อก่อนเราก็เคยคิดว่ามันน่ากลัวแต่ว่า ยิ่งพี่เรียนรู้ กับทาง แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ยิ่งทำให้เรารู้ว่าเมื่อก่อน เราเลยคิดว่าขายเยอะถึงจะได้กำไรเยอะ แต่ถ้าเรียนรู้เรื่องร้านอาหารดีๆ จริงๆแล้วเราไม่ต้องทำเยอะเลย ทุกอย่างมันต้องมีการคำนวณต้นทุน แล้วก็เรียนรู้เรื่องระบบเรื่องร้านอาหารให้ดี ไม่จำเป็นต้องขายเยอะ เราก็ได้กำไรเยอะค่ะ อยากให้ทุก ๆ ร้าน ศึกษาหาความรู้เรื่องร้านอาหารกันให้มากขึ้นค่ะ หรือลองเข้าไปปรึกษา กับ แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ก็ได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเลย มีเพื่อนกี่ร้าน เป็นสิบร้านก็เชียร์ค่ะ เพราะว่าแม็คโครไม่ได้แค่ขายวัตถุดิบให้เรา แต่ว่าในความคิดพี่ คือแม็คโครให้หลายๆอย่างกับเรา เช่น ให้โอกาสร้านพี่ สามารถก้าวข้ามผ่านปัญหาไป เหมือนเพื่อนคู่คิดของเรา แม็คโครคือเพื่อนคู่คิดของเรา ไม่ใช่แค่ขายวัตถุดิบให้เรา” สุดท้ายนี้ MHA ขอเป็นกำลังใจให้ เจ๊หมึก ร้านล้มยักษ์ เพชรบุรี ซอย 5 และผู้ประกอบการร้านอาหารทุกท่าน ให้ร้านได้ไปต่อและมีกำไรมากขึ้น และ แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ยังมีอีกหลายร้านอาหารที่ได้เข้าโครงการพิเศษ MHA Advise ปั้นธุรกิจสู่มืออาชีพ สามารถชมคลิปข้างล่างนี้ได้ เพื่อนำคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญจาก แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ไปพัฒนาร้านอาหาร

สูตรอาหารเพิ่มเติม
เจาะเทคนิคใช้ LINE OA ตัวช่วยร้านอาหารสู่ยอดขายสุดปัง!

เจาะเทคนิคใช้ LINE OA ตัวช่วยร้านอาหารสู่ยอดขายสุดปัง!

ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของผู้คนมากขึ้นทุกวัน แม้กระทั่งแวดวงร้านอาหาร ออนไลน์ถือเป็นช่องทางสำคัญในการเข้าถึงลูกค้าที่มีปริมาณมหาศาล ไม่ว่าใกล้หรือไกลสามารถแนะนำตัวเองให้กับกลุ่มลูกค้ารู้จักได้ ทุกที่ ทุกเวลา สร้างแรงกระตุ้นให้ผู้คนอยากที่จะลิ้มรสชาติอาหารของเรา กระทั่งเป็นอีกช่องทางในการจัดจำหน่ายได้อีกด้วย ยิ่งวิกฤติ COVID-19 ทำให้เห็นชัดเจนว่าช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง หลายร้านอยู่รอดได้ด้วยการทำตลาดและสร้างยอดขายทางออนไลน์ เป็นต้นว่า Line Official Account ฉะนั้นโอกาสนี้เราจึงได้ชวน ‘คุณโซอี้ Digital Shortcut’ หรือ ภญ.โสภา พิมพ์สิริพานิชย์ กูรูด้านการตลาดออนไลน์และ LINE@ Certified Trainer คนแรกของประเทศไทย มาช่วยให้คำแนะนำและเทคนิคการใช้งาน Line Official Account สำหรับธุรกิจร้านอาหาร เหตุผลที่ร้านอาหารจำเป็นต้องมี Line Official Account ร้านอาหารเป็นธุรกิจที่จำเป็นต้องมี Line Official Account (Line OA) เพราะวันนี้เรียกได้ว่าเป็นถังเก็บลูกค้าชั้นดี ซึ่งสำคัญกับธุรกิจอาหาร และยังสามารถใช้สื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง ซึ่งแตกต่างจากโซเชียล มีเดีย แพลตฟอร์มอื่นๆ ที่โพสต์ไปแล้ว อาจไม่แน่ใจว่ากลุ่มลูกค้าจะเห็นข้อความหรือรูปภาพอาหารไปหรือไม่ แต่Line OA เปรียบเสมือน Direct Message อย่างไรลูกค้าก็ต้องเปิดใช้งานอยู่เป็นประจำ ทำให้สามารถบิลด์ความอยากรับประทานอาหารได้ ณ ตอนนั้นเลย Approved Account (บัญชีโล่สีฟ้า) สำคัญแค่ไหน            Line OA มีบัญชีอยู่ 3 ระดับ ได้แก่ 1. บัญชีทั่วไป (standard  Account) หรือบัญชีโล่สีเทา เวลาเปิดบัญชีใหม่มาจะเป็นบัญชีทั่วไป 2. บัญชีรับรอง (Approved Account) หรือบัญชีโล่สีน้ำเงิน เป็นบัญชีที่ได้รับการรับรองจาก LINE ประเทศไทย จึงทำให้มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งบัญชีรับรองสามารถสมัครได้ด้วยตัวเอง และ 3.บัญชีพรีเมียม (Premium Account) หรือบัญชีโล่เขียว ซึ่งมีสิทธิ์พิเศษหลายอย่าง แต่ต้องติดต่อกับ LINE ประเทศไทย สำหรับผู้ประกอบการอาหาร ถ้ามีหน้าร้าน สถานที่ประกอบการชัดเจน สามารถขอบัญชีโล่น้ำเงินได้ง่ายๆ ซึ่งมีสิทธิประโยชน์ดังต่อไปนี้ 1. สามารถปรินต์โปสเตอร์คาแรกเตอร์ของ LINE ได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปหมีบราวน์ หรือกระต่ายโคนี่ ซึ่งโปสเตอร์นำมาติดบริเวณร้านหรือโพสต์ทางสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยในโปสเตอร์จะมี QR Code สแกนแอดเฟรนด์และมาติดตามอีกด้วย 2. ได้เปรียบในการค้นหาได้ง่ายขึ้น ลูกค้าทั่วไปสามารถเสิร์ชค้นหาร้านของเรา ผ่านแอปพลิเคชัน LINE ได้ เช่น เสิร์ชคีย์เวิร์ดคำว่า “อาหารญี่ปุ่น” ร้านบัญชีโล่น้ำเงินที่มีคีย์เวิร์ดคำนี้อยู่ใน Line OA จะถูกแนะนำขึ้นมาทันที ซึ่งหากเป็นบัญชีโล่เทาจะไม่ถูกแนะนำ ทำให้เราสามารถสร้าง Brand Awareness ได้ง่ายขึ้น 3. สิทธิพิเศษใน Near by หรือฟีเจอร์อยู่ใกล้ฉัน บัญชีโล่น้ำเงินจะถูกแนะนำทันทีเมื่อผู้ใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าว ตัวอย่างเช่น ถ้าอยู่โซนพระราม 3 แล้วเสิร์ชใน Near by จะมีการแนะนำร้านค้า Line OA บัญชีโล่น้ำเงิน ในย่านพระราม 3 ทั้งหมด และแยกเป็นหมวดหมู่ เช่น ร้านอาหาร แฟชั่น รถยนต์ เป็นต้น 4. เมนู Survey สำหรับให้ผู้ติดตามกรอกข้อมูลที่ประโยชน์ต่อธุรกิจ ตัวอย่างเช่น รู้จักร้านค้าได้อย่างไร ? ก็จะมีให้เลือกคำตอบ ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนแนะนำ เห็นตามสื่อโฆษณา หรืออยู่ใกล้บ้าน เป็น บัญชีโล่เทาสามารถใช้ฟีเจอร์นี้ทำแบบสอบถาม และบรอดแคสต์ออกไปได้ แต่สำหรับบัญชีโล่น้ำเงิน สามารถเลือกคำถามปลายเปิดได้ ซึ่งทำให้ลูกค้าเขียนคำติชมได้มากขึ้น ทั้งนี้ บางคนยื่นแล้วไม่ได้ ซึ่งปัญหาที่พบบ่อยคือ ชื่อธุรกิจใน Line OA กับชื่อเว็บไซต์ ไม่มีความคล้ายกัน ทำให้เขาตรวจสามารถสอบได้ จึงไม่ให้การรับรอง ซึ่งต้องกลับไปตรวจสอบตัวเองให้ดี เจาะ 7 ฟีเจอร์เด็ดใน Line OA Line Official Account มีหลายฟีเจอร์ที่ช่วยในการทำตลาด เพราะฉะนั้นธุรกิจร้านอาหารพลาดไม่ได้เลย เสน่ห์ของ Line OA สามารถบรอดแคสต์ข้อความที่ต้องการสื่อสารออกไปแบบ One to Mutiple ให้ทุกคนที่ติดตาม และสามารถคุยกับลูกค้าแบบ One on One ได้ด้วย สำหรับธุรกิจร้านอาหารมีฟีเจอร์ที่แนะนำมีดังนี้1. Greeting Message เป็นข้อความต้อนรับอัตโนมัติ  จึงต้องใช้ Greeting Message ให้คุ้มค่ามากที่สุด คิดว่าเป็นโอกาสเดียว เมื่อทุกคนที่เพิ่มเพื่อนจะได้เห็นข้อความนี้ ฉะนั้นมีอะไรดีๆ ต้องบอกตั้งแต่ Greeting Message ซึ่งสามารถส่งได้สูงสุด 5 บอลลูน (ข้อความ 1 ข้อความ, รูปภาพ 1 รูป นับเป็น 1 บอลลูน) ดังนั้นสามารถใส่ Rich Video แนะนำร้าน ข้อความที่เป็นรีวิวจากลูกค้าและดาราที่มารับประทาน รางวัลต่างๆ หรือการออกรายการทีวี รวมไปถึงการกระตุ้นยอดขายและเกิดการสั่งซื้อครั้งแรก ด้วยการแนะนำโปรโมชันประจำเดือน หรือมอบคูปอง ซึ่งด้วยการทำงานด้วยระบบ AI ทำให้สามารถใส่ชื่อผู้ติดตามแบบอัตโนมัติ เช่นข้อความว่า ขอบคุณคุณ A ที่เป็นเพื่อนกับเรา เดือนนี้มีโปรโมชันพิเศษให้กับคุณ A รับส่วนลด 20% สำหรับการสั่งซื้อครั้งแรก กดรับสิทธิพิเศษที่คูปองด้านล่างได้เลยคะ… เป็นต้น 2. Rich Menu ผู้ใช้งาน Line OA ควรทำ Rich Menu หรือเมนูป็อปอัปบริเวณแป้นพิมพ์ ซึ่งจะช่วยสื่อสารกับลูกค้าได้สะดวก เช่น Reward Card ดูบัตรสะสมแต้ม โปรโมชัน แนะนำเมนูอาหาร กระทั่งบริการ Line Man เป็นต้น อีกแง่หนึ่งยังทำให้ร้านอาหารของคุณดูเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น            3. Rich Content การใช้ Rich Content ทำให้มีความเป็นโปรเฟสชันนอล  ลูกค้ามีประสบการณ์ร่วมกับเรา ทำให้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นอีก การทำคอนเทนต์ด้วยรูปภาพนาดใหญ่จะทำให้ลูกค้าเห็นรูปภาพชัด อีกทั้งสามารถฝังลิงก์เพิ่มกดไปยังเว็บไซต์หรือปลายทางที่ต้องการได้ด้วย แต่อีกเทคนิคคือบางครั้งส่งเป็นรูปภาพธรรมดาแบบไม่ฝังลิงก์ ลูกค้าสามารถเซฟภาพเก็บไว้ได้ โดยไม่ต้องแคปหน้าจอ และปัจจุบันวิดีโอสามารถสื่อสารได้ชัดเจนขึ้น Rich Video หรือวิดีโอขนาดใหญ่ สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ดี เช่น วิดีโอบรรยากาศภายในร้านที่มีลูกค้าเต็มร้าน วิดีโอที่ซูมเข้าไปในอาหารที่กำลังควันโชยขึ้นและปูดูสดก็ทำให้ดึงดูดความสนใจได้ เป็นต้น 4. Reward Card หรือบัตรสะสมแต้ม เพื่อให้ลูกค้าที่มารับประทานอาหารได้สะสมแต้ม และทำให้ลูกค้าเก่ากลับมาซ้ำ เป็นการทำ CRM (Customer relationship management) ให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันกับร้าน และอยากจะกับมาใช้บริการซ้ำ 5. Coupon การใช้คูปองเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้า ฉะนั้นจำเป็นต้องบรอดแคสต์ออกไป อาจจะเป็นคูปองซื้อ 1 แถม 1 คูปองส่วนลด 20% ภายในวันที่… โปรโมชันชวนเพื่อนมารับไอศกรีมชาเขียวเพิ่ม ซึ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกต้องใช้เพราะกลัวการเสียโอกาส 6. Auto Responses เป็นการตอบกลับอัตโนมัติ ช่วยอำนวยความสะดวกและประหยัดบุคลากรในการเป็นแอดมิน โดยสามารถตั้งระบบตอบกลับอัตโนมัติ เช่น พิมพ์ 1 สอบถามโปรโมชัน พิมพ์ 2 สอบถามที่ตั้งสาขา พิมพ์ 3 สอบถามวัตถุดิบสดที่เข้าประจำวันนี้ พิมพ์ 4 ถามเวลาปิดเปิดพิมพ์ 5 สอบถามแผนที่ร้าน เป็นต้น เมื่อลูกค้าพิมพ์เข้ามาก็จะมีคำตอบกลับไปอัตโนมัติ 7.  Timeline Post หลายคนอาจจะมองว่าบรอดแคสต์ก็เพียงพอ แต่อันที่จริงแล้ว Timeline Post มีประโยชน์เป็นอย่างมาก ซึ่งผู้ใช้งาน Line OA สามารถโพสต์ Timeline ได้แบบไม่จำกัด ไม่มีค่าใช้จ่าย และล่าสุด LINE มีการอัปเดตใหม่ โดยหากผู้ติดตามมากดไลก์บน Timeline ของเรา จะแสดงผลบนไทม์ไลน์ของเขาด้วย ทำให้เพื่อนของเขาได้มองเห็นโพสต์จากร้านค้า ซึ่งเป็นการสร้าง Awareness ฟรีๆ อีกทั้งยังสามารถใช้ LINE ส่วนตัวช่วยแชร์ไปยังกรุ๊ปต่างๆ ได้เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าใช้อย่างยิ่ง Case Study ที่ชวนติดตามและน่าเรียนรู้            สำหรับตัวอย่างของร้านอาหารที่ใช้งาน Line OA ได้อย่างน่าติดตาม และมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นไอเดียสำหรับผู้ประกอบการที่เพิ่มเริ่มต้นใช้งาน ตัวอย่างเช่น Maguro Sushi เป็นร้านที่รู้จักใช้ฟีเจอร์ใน Line OA บัญชีโล่น้ำเงิน ได้อย่างเป็นประโยชน์ ยกตัวอย่างเช่นล่าสุดมีการใช้ Card Message หรือข้อความในรูปแบบการ์ด สามารถสไลด์ภาพได้ แน่นอนว่าร้านอาหารมีเมนูที่หลากหลาย Card Messange 1 บอลลูน สามารถส่งได้ถึงครั้งละ 9 การ์ด และสูงสุดครั้งละ 3 บอลลูน อีกทั้งมากุโระยังทำคอนเทนต์และจัดแคมเปญที่เหมาะกับสถานการณ์ต่างๆ มีการถ่ายภาพวัตถุดิบสดใหม่ ทำวิดีโอที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการตกปลา ซึ่งบินไปถ่ายทำถึงที่ญี่ปุ่น เห็นแล้วรู้สึกอยากรับประทาน ที่สำคัญใช้ Line OA ในการทำกิจกรรมกับลูกค้าได้มีประสิทธิภาพ ด้วยการทำ Custumer Review แจก Voucher นอกจากนี้มากุโระยังมีการโพสต์ทาง Timeline ด้วย และ Shabu You ร้านชาบูใน จ.ระยอง ซึ่งใช้ทุกฟีเจอร์ของ Line OA และ Line MyShop สามารถใส่รายการอาหารได้สูงสุดถึง 5,000 รายการ Shabu You ก็ใส่เมนูอาหารทั้งหมดลงไป ลูกค้าสามารถสั่งเดลิเวอรีในช่องทางนี้ได้เลย ฝากข้อคิดการทำการตลาดของผู้ประกอบการร้านอาหาร การทำการตลาดหลัง COVID-19 ไม่สามารถใช้ความรู้สึกได้ ต้องรู้ลึก รู้จริง และทำให้ดี คนที่ใช้งาน Line OA แล้วประสบความสำเร็จ นั่นเป็นเพราะเขาทำจริงจัง ทำทุกฟีเจอร์ที่มี ถ้าเราไม่ได้ทำอย่างนี้อาจจะเป็น Loser อยู่รอดไม่ได้ บางคนบอกว่ามีแล้ว ทำแล้ว แต่ไม่ได้ความหมายใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำครึ่งๆ กลางๆ แค่ให้มีไม่ได้ คนที่เป็น Winner เพราะทำอย่างมีประสิทธิภาพ ขอฝากข้อคิดไว้ว่า 100 คนรู้  10 คนทำ 1 คนประสบความสำเร็จ เชื่อว่าหลายคนเสพความรู้เยอะ ติดตามกูรูต่างๆ แต่จะมีเพียง 10% ที่เอาทุกเทคนิคมาทำ และมี 1% เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นคนที่ทำอย่างต่อเนื่อง เจออุปสรรคแล้วไม่หยุด หวังว่าคนที่ได้อ่านบทความนี้จะเป็น 1% ที่ประสบความสำเร็จ เรียนรู้เรื่องการตลาดสำหรับร้านอาหารเพิ่มเติม คออร์สเรียนออนไลน์ โปรโมทร้านอาหารในออนไลน์ ให้ยอดขายพุ่งขึ้น 10 เท่าคออร์สเรียนออนไลน์ สร้างสรรค์ภาพเมนูอาหารอย่างมืออาชีพด้วยมือถือบทสัมภาษณ์ Tips การตลาดออนไลน์ร้านอาหารในยุค New Normal โดย Digital Tipsบทความเรื่องการตลาดสำหรับร้านอาหารทั้งหมด จาก MHA

สูตรอาหารเพิ่มเติม
รวม 7 เมนูฮิต ขายได้ กำไรดี! l แม็คโครสร้างอาชีพ ต่อยอดธุรกิจเงินล้าน

รวม 7 เมนูฮิต ขายได้ กำไรดี! l แม็คโครสร้างอาชีพ ต่อยอดธุรกิจเงินล้าน

เอาใจคนสู้วิกฤต! มองหาเมนูสร้างอาชีพ สร้างรายได้ แนะนำ 7 เมนูสุดฮิต ขายง่ายกำไรดี ลูกค้านิยมทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ ไม่ว่าจะเป็น เมนูข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ, เมนูหมูทอด ไก่ทอด, ก๋วยเตี๋ยวเรือ, อาหารตามสั่ง, ชาบูเสียบไม้, ข้าวเหนียวมูน และข้าวด้งเดลิเวอรี่ สามารถขายได้ทั้งหน้าร้าน หรือจะขายผ่านเดลิเวอรี่ก็เวิร์ค!  เลือกเมนูที่ใช่ และมาเริ่มเรียนรู้สูตรและวิธีการทำ ผ่านคอร์สออนไลน์ฟรี จากเชฟมืออาชีพมากประสบการณ์ ให้สูตรที่ร้านของคุณเป๊ะ อร่อยไม่มีเพี้ยน ได้มาตรฐาน พร้อมวิธีการคำนวณต้นทุน และชุดตั้งต้นธุรกิจ สั่งซื้อคลิกเดียว ก็สามารถเปิดร้านขายได้ทันที พร้อมแล้วมาลุยกันเลย เมนูสร้างอาชีพ ข้าวหมูแดง หมูกรอบ 1623394310879.jpg 643.57 KB  อยากขายอาหารริมทาง หรือเมนู Street Food อิ่มท้อง “ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ” ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่พ่อค้าแม่ค้าไม่ลังเลที่จะลงทุน!  เพราะเปิดง่าย ขายง่าย สร้างรายได้ได้จริง วัตถุดิบหลักมีหมูแดง หมูกรอบ น้ำราด และข้าวสวยร้อนๆ จะทำอย่างไรให้หมูแดง หมูกรอบนุ่มละมุน ข้าวและน้ำราดอร่อยจนลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ วิธีการทำ อยากเรียนทุกขั้นตอนแบบละเอียดตั้งแต่อุปกรณ์ชั่ง ตวง วัด พื้นฐานที่ต้องรู้, วิธีเลือกข้าว และวิธีหุงข้าว, วิธีทำหมูแดง หมูกรอบ, วิธีการทำน้ำราดข้าวหมูแดง-หมูกรอบ และน้ำจิ้ม, การต้มน้ำซุปและเตรียมเครื่องเคียง, วิธีการจัดจาน การคิดคำนวณต้นทุนและการเพิ่มมูลค่าอาหาร แนะนำคอร์สเรียนออนไลน์ฟรี! หลักสูตรข้าวหมูแดง หมูกรอบ สูตรภัตตาคาร คลิก แนะนำวัตถุดิบ อุปกรณ์ สำหรับผู้ที่เริ่มต้นสร้างอาชีพ คลิก  พร้อมซื้อชุดตั้งต้นธุรกิจ ข้าวหมูแดงหมูกรอบ ราคาพิเศษ เริ่มทำขายได้ทันที!  AW MHA Bussiness start Pack_Online_2-04.jpg 2.13 MB สามารถสั่งผ่านแม็คโครคลิก คลิกเลย! เมนูสร้างอาชีพ ข้าวเหนียวหมูทอด ไก่ทอด cover 1200-800.jpg 733.11 KB ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ขายแค่ “ข้าวเหนียวหมูทอด ไก่ทอด” ก็สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำได้! ยิ่งมีหอมเจียวโรยเพิ่มความกรุบสักนิด แจ่วปลาร้าเพิ่มรสชาติสักหน่อย ครบเซ็ตความอร่อยใครจะอดใจไหว อีกหนึ่งเมนูยอดฮิตของพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ ขายง่าย คืนทุนไว อีกหนึ่งอาชีพกำไรดี ที่ MHA ไม่อยากให้คุณไม่ควรพลาด  วิธีการทำ อยากเรียนทุกขั้นตอนแบบละเอียดตั้งแต่อุปกรณ์ชั่ง ตวง วัด พื้นฐานที่ต้องรู้, รอบรู้เรื่องน้ำมันสำหรับทอด, วิธีทำหมูทอด ไก่ทอดไม่แห้ง แข็งกระด้าง ไก่ทอดสุกทั่วทั้งชิ้น, วิธีการเลือกข้าวเหนียวและนึ่งข้าวเหนียว, วิธีการทำแจ่วปลาร้า, วิธีจัดเสิร์ฟ ข้าวเหนียวหมูทอด ไก่ทอด แจ่วปลาร้า พร้อมวิธีคำนวณต้นทุน แนะนำคอร์สเรียนออนไลน์ฟรี! หลักสูตรข้าวเหนียวหมูทอด ไก่ทอด สูตรเงินล้าน พร้อมแจ่วปลาร้าสุดแซ่บ คลิก แนะนำวัตถุดิบ อุปกรณ์ สำหรับผู้ที่เริ่มต้นสร้างอาชีพ คลิกร้อมซื้อชุดตั้งต้นธุรกิจ ข้าวเหนียวหมูทอด ไก่ทอด แจ่วปลาร้า ราคาพิเศษ เริ่มทำขายได้ทันที!  AW MHA Bussiness start Pack_Online_2-07.jpg 2.03 MB สามารถสั่งผ่านแม็คโครคลิก คลิกเลย!  เมนูสร้างอาชีพ ก๋วยเตี๋ยวเรือ(สูตรโบราณ)  cover 1200-800.jpg 716.06 KB ก๋วยเตี๋ยวเรือ อีกหนึ่งเมนูที่น่าจับตามอง สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ จุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวเรืออยู่ที่รสชาติเข้มข้น กลมกล่อม เป็นเอกลักษณ์ ถูกปากคนไทย และการเสิร์ฟถ้วยเล็กๆ ราคาย่อมเยาน์ เริ่มต้นเพียง 16-20 บาทเท่านั้น! ไม่ว่าใครก็อยากจะทานเบิ้ลแน่นอน วิธีการทำ อยากเรียนทุกขั้นตอนแบบละเอียด ตั้งแต่อุปกรณ์ชั่ง ตวง วัด พร้อมพื้นฐานที่ต้องรู้,  วิธีการทำน้ำซุป และวิธีเตรียมเลือดหมู, วิธีการเลือกเส้นต่างๆ ในร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ทั้งเส้นเล็ก, เส้นหมี่, เส้นบะหมี่, เส้นใหญ่, วุ้นเส้น และบะหมี่กึ่สำเร็จรูป, วิธีการเลือก และเตรียมเนื้อหมู เครื่องใน และลูกชิ้น รวมถึงวิธีการลวกเครื่องต่างๆ, วิธีการทำน้ำยำและน้ำส้มพริกตำ, วิธีการเตรียมเครื่องปรุงตั้งโต๊ะและเครื่องเคียง  (ผัก,  กากหมู, กระเทียมเจียว), วิธีจัดเสิร์ฟ และการคิดคำนวนต้นทุน  แนะนำคอร์สเรียนออนไลน์ฟรี! หลักสูตรก๋วยเตี๋ยวเรือ(สูตรโบราณ) คลิก แนะนำวัตถุดิบ อุปกรณ์ สำหรับผู้ที่เริ่มต้นสร้างอาชีพ คลิกพร้อมซื้อชุดตั้งต้นธุรกิจ ก๋วยเตี๋ยวเรือ(สูตรโบราณ) ราคาพิเศษ เริ่มทำขายได้ทันที!  AW MHA Bussiness start Pack_Online_2-05.jpg 2.09 MB สามารถสั่งผ่านแม็คโครคลิก คลิกเลย! เมนูสร้างอาชีพ อาหารตามสั่งกับแม่ซอส cover 1200-800.jpg 793.64 KB อยากขายดี! ต้องมี “แม่ซอส” ประจำร้าน เพราะความอร่อย เป็นสเน่ห์สำคัญที่จะทำให้ลูกค้าคิดถึง กลับมาซื้อซ้ำ และจดจำรสชาติร้านเราไปอีกนาน เปิดร้านทั้งที มาตรฐานต้องมา แม่ซอสจะช่วยควบคุมรสชาติอาหารให้อร่อยเหมือนกันทุกจาน จะเปลี่ยนมือพ่อครัวแม่ครัวอีกกี่คนก็ไม่หวั่น เพราะแม่ซอสจะทำให้ร้านคุณอร่อยเป๊ะเหมือนเดิม แถมประหยัดเวลาในการทำอาหารได้อีกด้วย MHA มีสูตรการทำแม่ซอสมาแจก! ทั้งซอสอเนกประสงค์ ซอสกะเพรา และซอสสามรส ถ้าพร้อมแล้วมาดูวิธีทำกันเลย วิธีการทำ อยากเรียนทุกขั้นตอนแบบละเอียดตั้งแต่อุปกรณ์ชั่ง ตวง วัด, วิธีการทำซอสอเนกประสงค์ ซอสกะเพรา และซอสสามรส, วิธีการทำอาหารด้วยซอสอเนกประสงค์ (ผัดซีอิ๊ว, หมูกระเทียม, ข้าวผัดทะเลไข่ดาว), วิธีการทำอาหารด้วยซอสกะเพราะ (ข้าวผัดกะเพราไก่สับไข่ดาว, วิธีทอดไข่ดาว), วิธีการทำอาหารด้วยซอสสามรส (ยำวุ้นเส้นรวมมิตร, ต้มยำกุ้ง, ปลาราดพริก) วิธีการทำน้ำปลาพริก และวิธีการเลือกข้าว หุงข้าว, เมนูยอดนิยมสำหรับอาหารตามสั่ง และเทคนิคการทำอาหารตามสั่งให้อร่อย, วิธีการจัดจาน กำหนดปริมาณต่อเสิร์ฟ การเพิ่มมูลค่าอาหาร การคำนวณต้นทุนและตั้งราคาขายอาหารตามสั่ง แนะนำคอร์สเรียนออนไลน์ฟรี! หลักสูตรอาหารตามสั่งกับแม่ซอส สูตรลับฉบับมือออาชีพ คลิก แนะนำวัตถุดิบ อุปกรณ์ สำหรับผู้ที่เริ่มต้นสร้างอาชีพ คลิกพร้อมซื้อชุดตั้งต้นธุรกิจ อาหารตามสั่งราคาพิเศษ เริ่มทำขายได้ทันที!  AW MHA Bussiness start Pack_Online_2-06.jpg 2.24 MB สามารถสั่งผ่านแม็คโครคลิก คลิกเลย! เมนูสร้างอาชีพ ชาบูเสียบไม้ 1624603114330.jpg 756.72 KB จับเมนู “ชาบูเสียบไม้” มาทำขายเป็นเดลิเวอรี่ หรือขายหน้าร้านก็เวิร์ค เพราะมาในรูปแบบเสียบไม้ ทานสะดวก แถมราคาไม่แพง รับรองว่าลูกค้าซื้อเพลิน! มาดูวิธีการทำน้ำซุปใส, น้ำซุปดำ, น้ำจิ้มสุกี้, น้ำจิ้มพอนสึ รวมถึงรายการวัตถุดิบ, อุปกรณ์แนะนำ สำหรับผู้ที่อยากเริ่มขาย รวมถึงต้นทุนต่อไม้ และชาบูเสียบไม้ต่อเสิร์ฟกันเลย  วิธีการทำ แนะนำวัตถุดิบ อุปกรณ์ สำหรับผู้ที่เริ่มต้นสร้างอาชีพ คลิกพร้อมซื้อชุดตั้งต้นธุรกิจ ชาบูเสียบไม้ ราคาพิเศษ เริ่มทำขายได้ทันที!  AW MHA Bussiness start Pack_Online_2-09.jpg 2.07 MB สามารถสั่งผ่านแม็คโครคลิก คลิกเลย! เมนูสร้างอาชีพ ข้าวเหนียวมูนหน้าต่างๆ cover 1200-800.jpg 694.59 KB อยากมีเมนูของหวาน อร่อยถูกปากคนไทย แนะนำ “ข้าวเหนียวมูน” รสชาติหวานมัน ฉ่ำกะทิ และมีกลิ่นหอม ทานคู่กับ“มะม่วง” ผลไม้รสชาติเปรี้ยวนิด หวานหน่อย  อร่อยลงตัวสุดๆ ถ้าอยากทำขาย สร้างรายได้ สร้างอาชีพ MHA แจกวิธีการทำข้าวเหนียวมูน ตั้งแต่วิธีการขัดข้าว ให้มีความเงา มันวาว เรียงเม็ดสวย, วิธีทำน้ำกะทิ และวิธีทำหน้ากะทิสำหรับราดหน้าข้าวเหนียวมูน พร้อมวิธีทำข้าวเหนียวมูนหน้าคาว ทั้งหน้ากุ้ง, สังขยา, หน้ากระฉีก วิธีการทำ แนะนำวัตถุดิบ อุปกรณ์ สำหรับผู้ที่เริ่มต้นสร้างอาชีพ คลิกพร้อมซื้อชุดตั้งต้นธุรกิจ ข้าวเหนียวมูนหน้าต่างๆ ราคาพิเศษ เริ่มทำขายได้ทันที!  AW MHA Bussiness start Pack_Online_2-08.jpg 2.12 MB สามารถสั่งผ่านแม็คโครคลิก คลิกเลย!  เมนูสร้างอาชีพ ข้าวด้งเดลิเวอรี่  final1624967826585_optimized.jpg 195.56 KB ข้าวดงบุริ หรือที่เรียกกันว่าข้าวจานเดียวสไตล์ญี่ปุ่น ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูตอบโจทย์ช่วงล็อคดาวน์ สำหรับร้านที่อยากหาเมนูเดลิเวอรี่ เพราะเริ่มต้นง่าย แถมข้าวดงบุริถือเป็นเมนูที่เพิ่มมูลค่าได้ง่าย ด้วยอาศัยความฟีเวอร์ของอาหารญี่ปุ่น ที่ไม่เคยเสื่อมควานิยมไปจากเมืองไทย บวกการสร้างจุดเด่นแบบ “ท็อปปิ้งหน้าล้น” มาต่อยอด ก็ยิ่งกระตุ้นให้ลูกค้าอยากสั่งมากขึ้น  มาดูวิธีการทำข้าวดงบุริ 5 เมนู ได้แก่ ข้าวหน้าปลากะพงพริกไทยดำ, ข้าวผัดกรเทียมหน้าปลากะพงซอสมะขาม, ข้าวหน้าปลาแซลมอนซอสเทริยากิ, ข้าวหน้ากุ้งชุบแป้งทอด, ข้าวหน้าหมูผัดกิมจิ พร้อมเสิร์ฟเมนูหลากหลาย น่าทานแบบมืออาชีพ  วิธีการทำ แนะนำวัตถุดิบ อุปกรณ์ สำหรับผู้ที่เริ่มต้นสร้างอาชีพ คลิกพร้อมซื้อชุดตั้งต้นธุรกิจ ข้าวด้งเดลิเวอรี่ ราคาพิเศษ เริ่มทำขายได้ทันที!  AW MHA Bussiness start Pack_Online_2-10.jpg 1.99 MB

สูตรอาหารเพิ่มเติม
ขายไม่ดี ผิดที่ทำเล หรือผิดที่ร้านเรา เช็คลิสต์ที่ร้าน พร้อมแนวทางแก้ไขปัญหา

ขายไม่ดี ผิดที่ทำเล หรือผิดที่ร้านเรา เช็คลิสต์ที่ร้าน พร้อมแนวทางแก้ไขปัญหา

ไม่รู้ว่าใครเจอปัญหานี้อยู่บ้าง ลงทุนทำร้านอย่างดี ทุ่มเทสุดกำลังเงิน กำลังกาย มั่นใจว่าทุกอย่างที่คิดมันใช่ทั้งรูปแบบร้าน และเมนูที่ขาย แต่…ตั้งแต่เปิดร้านมา ยอดขายไม่เคยเข้าเป้า ลองมาเช็คลิสต์หัวข้อต่อไปนี้กันสักหน่อยว่า มีส่วนไหนบ้างที่พลาดลืมนึกถึงไป เพราะมันอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการขายไม่ดี  ไม่ตั้งกลุ่มเป้าหมาย ขอใครก็ได้ให้มาซื้อ           เป็นข้อแรกที่มักสร้างปัญหาเจ็บ ๆ ให้กับใครหลายคน เวลาถามคำว่ากลุ่มลูกค้าของร้านเป็นใคร? คำตอบที่มักจะได้ยินบ่อย ๆ “ก็ลูกค้าทั่ว ๆ ไป ใครก็ได้” ซึ่งมันไม่ใช่! การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย คือ ภารกิจลำดับแรก ๆ ของการะดมความคิดทำร้าน หากร้านใดละเลยส่วนนี้ไป เปิดร้านมาโดยไม่ได้กำหนดว่ากลุ่มเป้าหมายของร้านเป็นใคร ช่วงอายุเท่าไหร่ กลุ่มรายได้แบบไหน สิ่งที่มีโอกาสจะเจอก็คือ ร้านโล่ง ๆ การที่เรากำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกับประเภทอาหารที่ขาย หรือ รูปแบบร้านที่ทำ มันจะส่งต่อไปถึงการกำหนดคอนเซ็ปต์ร้าน เมนูอาหาร และราคาที่จะขาย ถ้า 3 ส่วนนี้ชัดเจน โอกาสทำยอดขายเข้าเป้าก็มีสูง ดังนั้น ถ้าเปิดร้านมาพอสมควรแล้วยังไม่ค่อยมีลูกค้า ให้ทบทวนดูว่า กลุ่มเป้าหมายของร้านเป็นใคร ซึ่งการตั้งกลุ่มเป้าหมาย อาจจะแยกตามช่วงอายุแต่ล่ะ Gen หรือ แยกตามระดับฐานรายได้ ก็ได้ ถึงตรงนี้อาจจะมึน ๆ แล้วเพราะมันเลยจุดกำหนดกลุ่มเป้าหมายแต่แรกมาแล้ว ไม่เป็นไรตั้งสติแล้ววิเคราะห์ดูว่า เมนูอาหารในร้านเรา รูปแบบร้านของเรา ราคาอาหารที่ตั้ง เหมาะกับลูกค้าประเภทไหน และในทำเลนั้นมีกลุ่มลูกค้าดังกล่าวอยู่หรือไม่ ถ้าพบว่าทำเลที่ตั้งร้านไม่ใช่กลุ่มลูกค้าก็จะเป็นโจทย์ใหญ่ให้ต้องคิดต่อว่า จะปรับเปลี่ยนรูปแบบร้านให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย หรือ มองหาทำเลใหม่ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย แบบไหนง่ายกว่า และมีโอกาสดีกว่าสำหรับเรา ก็ต้องพิจารณาตามความเหมาะสม  สร้างเมนูไม่ตอบโจทย์ลูกค้า ถ้าทำเลที่ตั้งกับกลุ่มเป้าหมายตรงกัน แต่ลูกค้าก็ยังมองผ่านไม่ค่อยจะแวะเข้าร้าน มีแต่ขาจรขาประจำแทบไม่มี ก็ต้องหันมาพิจารณาปัจจัยภายในร้านกันหน่อย โดยเฉพาะเรื่องของเมนูอาหาร ร้านอาหารบางร้านบรรยากาศดูดีมาก ราคาก็โอเครับได้ บริการก็อยู่ในระดับมาตรฐาน แต่ไปแล้วไม่รู้จะสั่งอะไรมากินดี เพราะเมนูมีให้เลือกน้อย แถมเป็นเมนูที่ไม่ค่อยจะถูกจริต เช่น มีแต่แนวทอด ๆ แบบนี้ลูกค้าก็คงไปบ่อย ๆ ไม่ไหว  ดังนั้น พิจารณาที่รายการเมนูของร้านดูว่ามันน่าสนใจแค่ไหน มีจุดขายอย่างไร มีความวาไรตี้หรือไม่ ยิ่งยุคนี้ลูกค้าไม่ได้บริโภคอาหารทางปากเท่านั้น แต่ทางสายตาก็มีความสำคัญ เมนูของร้านมีแรงดึงดูดมากพอให้ลูกค้าอยากถ่ายรูปโชว์หรือไม่ ก็เป็นเรื่องต้องวางแผน เวลาเปิดร้านไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้า           ทำเลก็ใช่แล้ว เมนูก็ Wow แล้ว แต่ถ้าร้านเปิดทำการไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมหรือวิถีชีวิตของลูกค้าก็มีโอกาสพลาดได้ง่าย ๆ เช่นสมมุติเปิดร้านแถวราชพฤกษ์ ย่านแหล่งชุ่มชนที่อยู่อาศัย กลุ่มลูกค้าวัยทำงาน เวลาทำการเปิดร้านตั้งแต่ 11:00 – 17:00 น. แบบนี้โอกาสจะได้ลูกค้าเป้าหมายอาจจะยาก เพราะเป็นช่วงเวลาที่คนในชุมชนเดินทางออกไปทำงานในเมืองกว่าจะกลับมาถึงทำเลนั้นก็ค่ำมืด ดังนั้น อย่าลืมเรื่องของเวลาเปิด ปิดร้านที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของกลุ่มลุกค้าเป้าหมายด้วย ตั้งราคาเกินกำลังที่ลูกค้าละแวกนั้นจะซื้อได้           ข้อนี้ก็คล้าย ๆ กับแต่งร้านอย่างหรูจนลูกค้าไม่กล้าเข้าเพราะคิดว่าต้องแพงแน่ ๆ ปัญหานี้จะไม่ค่อยเกิดถ้ามีการทำการบ้านเรื่องกลุ่มเป้าหมายไว้แต่แรก แต่ถ้าใครที่รู้สึกว่าเจอปัญหานี้อยู่ อย่าเพิ่งตัดสินใจใด ๆ ให้ไปสืบดูร้านอื่น ๆ โดยเฉพาะร้านในลักษณะเดียวกัน ร้านที่มีลูกค้าเยอะ ๆ ว่าราคาแต่ละเมนูของเขาอยู่ที่เท่าไหร่ ถ้าพบว่าของร้านเราตั้งสูงกว่าเขาไปมาก ก็อย่าเพิ่งรีบปรับราคา ตั้งสติ ๆ ไปดูที่ต้นทุนอาหารแต่ละเมนูก่อนว่าที่เราคำนวณไว้นั้นถูกต้องหรือไม่ ถ้าราคาที่กำหนดไว้นอกจากจะสูงกว่าร้านอื่น ๆ แล้ว ยังสูงเกินไปจากต้นทุนมาก หรือตรง ๆ ก็คือ กำไรเยอะไป สามารถปรับลดลงได้ อันนี้ลูกค้าไม่ว่า แต่ถ้าในทางกลับกันราคาที่ตั้งกับต้นทุนที่คำนวณไว้เหมาะสมดีแล้ว ลดก็ขาดทุน แบบนี้ต้องไปดูที่ต้นทุนอีกครั้งว่าสามารถปรับลดลงได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ อาจต้องคิดเมนูใหม่ในต้นทุนที่ต่ำลงเพื่อให้ตั้งราคาขายเหมาะกับกำลังซื้อในทำเลได้  คิดว่าป้ายหน้าร้านไม่สำคัญ           ข้อนี้เหมือนเส้นผมบังภูเขา เจอได้กับหลาย ๆ ร้านที่มองข้ามเรื่องการสื่อสารให้ผู้คนที่ผ่านไปมารับรู้ว่าร้านเรามีอะไรขายบ้าง บางร้านมีพื้นที่รอบ ๆ ร้านแต่ปล่อยทิ้งว่างแทนที่จะทำป้าย ทำรูปเมนูอาหาร มาติดโฆษณาให้ใครผ่านไปมาได้เห็น เห็นวันนี้อาจไม่ได้แวะ แต่ถ้ารูปหรือป้ายมีความน่าสนใจ เห็นบ่อย ๆ ก็ต้องแวะลองสักวัน พูดถึงประเด็นนี้แล้วก็ให้นึกถึงร้านแถวชายทะเลบางขุนเทียน ตั้งแต่ร้านแรกยันร้านสุดท้ายป้ายคือส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจ แต่ละป้ายของแต่ละร้านย่านนั้นบลั๊ฟกันสุด ๆ แต่มีอิทธิผลต่อลูกค้าโดยเฉพาะป้ายรูปเมนูอาหาร กับป้ายออกรายการทีวีบางรายการ  คิดว่าไม่จำเป็นต้องโปรโมทผ่านทางออนไลน์           ข้อนี้ต่อเนื่องกันไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ยังมีหลาย ๆ ร้านที่ไม่ได้ทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งบอกเลยว่ามีผลมากในยุคนี้และจากนี้ เช่น บางร้านบรรยากาศดีมาก แต่บ่นยอดขายไม่ดีพอเข้าไปส่องดูเพจร้านไม่มีอะไรน่าสนใจเลย รูปเมนูก็ถ่ายแบบมืด ๆ มั่ว ๆ รูปบรรยากาศร้านก็ไม่ลง แต่เวลาวันที่ 1 กับ 16 ลงโพสต์หวยออกถี่ ๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับร้านเลย อยากจะบอกว่า ช่องทางโชเชียลของร้านก็คือหน้าร้านรูปแบบหนึ่ง ยิ่งปัจจุบัน ลูกค้ามักจะค้นหาข้อมูลร้านจากช่องทางโซเชียลของร้านก่อนตัดสินใจ ดังนั้นถ้าเปิดไปแล้วไม่มีอะไรน่าสนใจบอกได้เลยว่า จบ! ถ้าร้านเราเป็นอย่างที่ว่าไว้ข้างต้น  แก้ไขได้ด้วยการเรียนรู้คอร์สเรียนออนไลน์ฟรี “โปรโมทร้านอาหารใน Online ให้ยอดขายพุ่งขึ้น 10 เท่า” เนื้อหาเข้าใจง่าย สามารถทำตามได้ทันทีและนำไปใช้ได้จริง สอนโดยคุณทิป มัณฑิตา จินดา ผู้ก่อตั้งแฟนเพจ Digital Tips Academy ฉะนั้นทุกโพสที่จะสื่อสารลงในโซเชียลของร้านต้องผ่านการวางแผน ต้องคิดถึงผลลัพธ์ทางการตลาดที่จะตามมา ทุกภาพต้องถ่ายอย่างตั้งใจนำมาใช้งาน จะถ่ายจากมือถือก็ได้ แต่มุม แสง เงาต้องคำนึงด้วย ภาพสวย ๆ แคปชั่นดี ๆ ใช่ว่าจะแค่ดึงดูดลูกค้า ดีไม่ดีถึงดูดสื่อให้มาทำรีวิวร้านเราแบบฟรี ๆ อีกด้วย แต่ถ้าใครถ่ายเองเท่าไหร่ก็ไม่สวย สามารถเรียนรู้วิธีการสร้างสรรค์ภาพเมนูอาหารอย่างมืออาชีพด้วยมือถือ  ให้เจ้าของร้านอาหารทุกท่านสามารถถ่ายรูปอาหารในร้านให้สวย น่ากิน และยั่วน้ำลายลูกค้า ได้ด้วยมือถือที่มีอยู่ในมือตอนนี้ได้เลย! สรุปแล้ว การที่ร้านจะขายดีหรือไม่ดี มีเหตุและมีปัจจัยของมันอยู่ เป็นหน้าที่ผู้ประกอบการที่จะต้องวิเคราะห์หาเหตุให้เจอ แล้วพิจารณาดูว่าเหตุนั้นจะแก้ไขจัดการอย่างไร อยู่ในวิสัยที่สามารถแก้ไขได้หรือไม่ แล้วพบกันใหม่ครับ คลิกอ่านบทความอื่นได้ที่นี่ Cheers up ร้านอาหารน้องใหม่! สู้ร้านเจ้าถิ่นอย่างไรในยุควิกฤต ยิง Ads Facebook อย่างไรให้เพิ่มยอดขายเท่าตัว!  เลือกเมนูแนะนำอย่างไรให้ทำกำไรที่ร้าน  ที่นั่งร้านอาหารจำกัด ต้องปรับกลยุทธ์อย่างไรให้ยอดขายเพิ่ม “Meal Kits” ช่องทางสร้างรายได้ใหม่ของร้านอาหาร  Save ต้นทุน สร้าง Cash Flow ทางรอดร้านอาหาร  คลิกอ่านบทความน่ารู้ จากแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี  มือใหม่เปิดร้านอาหาร การจัดการร้านอาหาร การตลาดเพื่อธุรกิจร้านอาหาร บทสัมภาษณ์ร้านอาหาร ฉลาดซือฉลาดใช้ในการเลือกวัตถุดิบและอุปกรณ์ สูตรอาหาร

สูตรอาหารเพิ่มเติม